หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมากับการมาถึงของเทพธิดาเจินหวู่ ภายในใจของหลี่ชิเย่ รู้สึกดีใจอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นเทพธิดาเจินหวู่
“ฝ่าบาท…” บรรดาอำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเลต่างก้มตัวเมื่อเห็นเทพธิดาเจินหวู่ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นอำมาตย์ที่รับใช้ให้กับเทพเจ้าแห่งทะเลคนใดก็ตาม ขณะที่เทพธิดาเจินหวู่คือธิดาของเทพเจ้าแห่งทะเล พูดถึงด้านสายเลือด ด้านฐานะ ล้วนแล้วแต่อยู่เหนือกว่าพวกเขาทั้งสิ้น
“ไป จัดการตั้งบัลลังก์ราชันตัวหนึ่ง!” เทพธิดาเจินหวู่ได้ออกคำสั่งไปยังอำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเล ท่าทางของนางที่ไม่โกรธแต่เปี่ยมด้วยอำนาจ มีความศักดิ์สิทธิ์และไม่อาจละเมิดได้
พลันที่เทพธิดาเจินหวู่กล่าวคำๆ นี้ออกมา พลันทำให้สีหน้าของบรรดาอำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเลต้องเปลี่ยนไป พวกเขานึกไม่ถึงว่าเทพธิดาเจินหวู่จะพูดคำๆ นี้ออกมาได้
ทุกคนที่อยู่ในที่ประชุมต่างรู้สึกงงงันเมื่อได้ยินคำพูดนี้จากเทพธิดาเจินหวู่ โดยเฉพาะปีศาจทะเลยิ่งรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ เวลานี้ ทุกคนต่างมองหน้ากันและกัน กระทั่งมีคนยังเข้าใจว่าตัวเองหูฝาดไป
กล่าวสำหรับปีศาจทะเลแล้ว การมาถึงของเทพธิดาเจินหวู่เป็นการทำให้ชื่อเสียงบารมีของเผ่าปีศาจทะเลเพิ่มมากขึ้น กล่าวสำหรับเขาแล้ว การมีจักรพรรดิหอยสังข์ หากเพิ่มเทพธิดาเจินหวู่อีกคนล่ะก็ ย่อมทำให้ปีศาจทะเลของพวกเขามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
ปีศาจทะเลจำนวนไม่น้อยยังคงรู้สึกตื่นเต้นกับการมาถึงของเทพธิดาเจินหวู่ เอาล่ะสิ เทพธิดาเจินหวู่ถึงกับพูดเข้าข้างหลี่ชิเย่ และแสดงออกอย่างชัดเจนว่ายืนอยู่ข้างฝ่ายของหลี่ชิเย่!
ผลที่ออกมาเช่นนี้ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่อยากจะเชื่อ โดยเฉพาะปีศาจทะเลถึงกับงงงัน ไม่อาจได้สติกลับมาอยู่นาน
“ฝ่าบาท ได้โปรดไตร่ตรอง” บรรดาอำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเลที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างโน้มตัวกล่าวอย่างช้าๆ
“หากพวกเจ้าไม่ยินยอมข้าก็ไม่ฝืนใจ” ท่าทีของเทพธิดาเจินหวู่เฉยเมย สั่งการกับผู้เฒ่าที่อยู่ข้างกายว่า “ไป่หวู่ เจ้าไปจัดการเอาบัลลังค์ราชันไปวางไว้เหนือบัลลังค์กษัตริย์สามตัวนั่น”
“ไป่หวู่…” หลังจากระดับปราชญ์เผ่าปีศาจทะเลได้ไตร่ตรองนิดหนึ่งแล้ว ร้องเสียงหลงออกมาว่า “เขา เขา เขาคือขุนพลไป่หวู่ ยอดขุนพลอันดับหนึ่งภายใต้บังคับบัญชาชองเทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่! เขา เขา เขาถึงกับยังคงมีชีวิตอยู่บนโลกนี้!”
ทุกคนรู้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อได้ยินคำพูดคำนี้ กระทั่งระดับเมิ่งเจิ้นเทียนพลันเพ่งสายตาตรงไปข้างหน้า สายตาตกอยู่บนตัวของผู้เฒ่าที่อยู่ข้างกายของเทพธิดาเจินหวู่
“ขุนพลไป่หวู่นะเนี่ย เคยเป็นดาวรุ่งที่ยโสโอหังมากของเผ่าวิญญาณเทพ หลังจากพ่ายแพ้ให้กับเทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่แล้วก็ทำงานรับใช้ให้กับเทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่ เขามีผลงานการสู้รบที่โด่งดังมาก เคยมีผู้กล่าวเอาไว้ว่า ฝีมือของเขาด้อยกว่าเทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่เพียงนิดเดียวเท่านั้นเอง” ยอดฝีมือเผ่าวิญญาณเทพกล่าวด้วยความรู้สึกตื่นตระหนก
ขุนพลไป่หวู่นับเป็นขุนพลอันดับหนึ่งของเทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่ ผู้ที่รับรู้ถึงผลงานการสู้รบของเขาแล้วต้องให้ความยำเกรงต่อเขา เพราะเขาคือระดับที่ด้อยกว่าเทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่เพียงนิดเดียวเท่านั้น
เวลานี้เขาติดตามเทพธิดาเจินหวู่มาที่นี่ เป็นการบ่งบอกอะไรบางอย่างหรือไม่?”
เมื่อขุนพลไป่หวู่ได้ยินคำพูดของเทพธิดาเจินหวู่แล้ว ถึงกับลังเลขึ้นมา กล่าวว่า “ฝ่าบาท เกรงว่าจะไม่เหมาะกระมัง”
จะอย่างไรเสีย ขุนพลไป่หวู่ก็คือขุนพลอันดับหนึ่งใต้บังคับบัญชาของเทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่ เวลานี้จู่ๆ ต้องเอาบัลลังก์ราชันไปจัดวางอยู่เหนือบัลลังก์กษัตริย์สามตัวนั่น เท่ากับเป็นการอยู่เหนือเทพเจ้าแห่งทะเลเลย
“เหมาะสม” เทพธิดาเจินหวู่กล่าวท่าทีเรียบเฉยว่า “คุณชายหลี่สมควรนั่งอยู่ตรงนั้นแหละ สมควรอยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า!”
ทุกคนรู้สึกงงงันกับคำพูดของเทพธิดาเจินหวู่ เท่ากับเทพธิดาเจินหวู่ไม่เพียงให้ท้ายหลี่ชิเย่ ทั้งยังให้การสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกด้วย
“ฝ่าบาท ทุกคนต่างให้เกียรติในฐานะเป็นบุตรีเทพเจ้าแห่งทะเล แต่ เรื่องราวต่างๆ ตรงนี้ใช่ว่าท่านจะตัดสินใจเองได้ทั้งหมด” เวลานี้ องค์ชายแห่งความชั่วร้ายได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ
“อย่าลืมฐานะของตนเอง การกระทำเช่นนี้เป็นการหยามต่ออำนาจสูงสุดของเทพเจ้าแห่งทะเล อย่าทำให้ชื่อเสียงที่ปรีชาของบิดาที่สั่งสมมาชั่วชีวิตต้องมัวหมอง” เวลานี้ จักรพรรดิหอยสังข์ก็กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมา
“หอยสังข์ วันนี้ข้าไม่ได้มาในฐานะของบุตรสาวเทพเจ้าแห่งทะเล วันนี้ข้ามาในฐานะผู้ติดตามข้างกายที่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึงของคุณชายหลี่เท่านั้น” เทพธิดาเจินหวู่ กล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “อีกอย่าง การที่คุณชายหลี่ต้องการนั่งอยู่เหนือเก้าชั้นฟ้านั้น ยังไม่จำเป็นต้องให้พวกเจ้าเป็นผู้อนุญาต!”
“พวกเจ้าเห็นด้วยก็ดี ไม่เห็นด้วยก็ช่าง คุณชายหลี่เขาจะต้องนั่งอยู่เหนือเก้าชั้นฟ้านั่น เขาก็คือผู้ควบคุมจักรวาล!” เทพธิดาเจินหวู่ พูดน้ำเสียงราบเรียบมาก แต่ว่า ทุกๆ คำกลับเปี่ยมด้วยความหนักแน่นและทรงพลัง
“ฝ่าบาทโปรดไตร่ตรองให้ละเอียด อย่าได้ใช้แต่อารมณ์” เวลานี้ เมิ่งเจิ้นเทียนก็ได้พูดขึ้นว่า “การจัดประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ขึ้นในวันนี้ก็เพื่อปรึกษาหารือเรื่องสำคัญ ฝ่าบาทคือผู้ที่สามารถเป็นเทพเจ้าแห่งทะเลได้ผู้หนึ่ง”
“เป็นเทพเจ้าแห่งทะเล?” เทพธิดาเจินหวู่เพียงยิ้มเฉยเมย กล่าวว่า “ข้าไม่เคยคิดจะเป็นเทพเจ้าแห่งทะเล ก็แค่เทพเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นเอง ไม่เห็นมีอะไรคู่ควรการอาลัยอาวรณ์!”
คำพูดของเทพธิดาเจินหวู่ทำเอาทุกคนรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก ทุกคนต่างมองหน้ากันและกัน ตำแหน่งเทพเจ้าแห่งทะเลคือความสำเร็จสูงสุดของเผ่าปีศาจทะเล เป็นผู้ที่ได้รับการเคารพสูงสุดในสายตาของเผ่าปีศาจทะเล
แต่แล้ว เทพธิดาเจินหวู่ในฐานะบุตรีของเทพเจ้าแห่งทะเล กลับไม่สนใจต่อตำแหน่งเทพเจ้าแห่งทะเล เรื่องเช่นนี้ไม่ว่าใครก็มองว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ
“ไป่หวู่เอาบัลลังก์ราชันจัดวางขึ้นไป” เทพธิดาเจินหวู่สั่งการออกไป ในเวลานี้แม้ว่านางไม่ได้แสดงอาการโกรธออกมา แต่เปี่ยมด้วยพลังอำนาจ ท่าทีที่ดั่งออกคำสั่งต่อกองทัพจำนวนหมื่นแสนอย่างนั้น
กล่าวสำหรับขุนพลไป่หวู่แล้ว ชั่วชีวิตของเขาเลื่อมใสอยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้น หนึ่งนั้นคือเทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่ อีกคนก็คือเทพธิดาเจินหวู่
สำหรับเทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่นั้นไม่ต้องพูดถึง เขาอยู่ในฐานะสูงส่งอยู่แล้ว เป็นผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถเทียบเคียงกับเทพเจ้าแห่งทะเลเทียนสื่อที่เป็นผู้ได้รับการเคารพสูงสุด
สำหรับเทพธิดาเจินหวู่นั้น หลังจากที่นางหายสาบสูญไปและกลับมาอีกกครั้ง ดูจะลึกล้ำยากจะหยั่งถึงยิ่งกว่าเดิมอีก เหมือนว่านางเคยควบคุมจักรวาลมาแล้วอย่างนั้น ทุกๆ ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของนางล้วนแล้วแต่เปี่ยมด้วยพลังอำนาจที่สูงสุด
ดังนั้น เมื่อเทพธิดาเจินหวู่กักตนไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกแล้ว ขุนพลไป่หวู่ก็ได้ทำหน้าที่เฝ้ารักษาเกาะเจินหวู่ตลอดเวลาที่ผ่านมา
“ช่างกำเริบเสิบสานมากนัก!” เวลานี้ จักรพรรดิหอยสังข์ได้ลุกขึ้นยืน ร่างเงาที่เลือนลางด้านหลังของเขาพลันปะทุพลังเทพเจ้าแห่งทะเลที่น่ากลัวออกมา ทำให้ยอดฝีมือจำนวนมากรู้สึกสั่นเทา
“หอยสังข์ เจ้าต้องการสู้รึ?” นัยน์ตาของเทพธิดาเจินหวู่ที่แฝงด้วยอำนาจ เหินฟ้าขึ้นไปทันที กล่าวน้ำเสียงน่าเกรงขามว่า “หากเจ้าต้องการต่อสู้ก็ก้าวออกมา ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าได้เรียนรู้ฝีมือจากบิดาเจ้ามาได้สักกี่ส่วน!”
คำพูดที่พูดออกมาเปี่ยมด้วยลักษณะที่เป็นพาลอย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนจำนวนมากมองไปที่หลี่ชิเย่ เพราะความพาลของเทพธิดาเจินหวู่ กับของหลี่ชิเย่ดูจะมาในแนวเดียวกัน!
หากนับความเป็นอาวุโสแล้ว จักรพรรดิหอยสังข์ที่อยู่ในฐานะบุตรของเทพเจ้าแห่งทะเลหอยสังข์ มีความอาวุโสมากกว่าเทพธิดาเจินหวู่มากมายนัก แต่ทว่า มาวันนี้เทพธิดาเจินหวู่กลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย
“ฝ่าบาท ท่านคิดว่าสามารถกวาดล้างเอาชนะผู้คนใต้หล้าได้ทั้งหมดอย่างนั้นรึ?” เวลานี้ จักรพรรดิลู่ก็ลุกขึ้นยืน เปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวา เหมือนดั่งเป็นต้นไม้ที่สูงเสียดฟ้าต้นหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงนั้น
“งั้นให้ข้าเป็นผู้กวาดล้างก็แล้วกัน!” เวลานี้ เสียงที่ฟังดูเป็นธรรมชาติเสียงหนึ่งดังขึ้น คนผู้หนึ่งเหาะลงมาจากท้องฟ้า เป็นผู้หญิงที่งามดั่งเทพธิดา เป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครคนหนึ่ง ทำให้ผู้คนต้องหลงรักในตัวของนาง
ผู้หญิงคนนี้อยู่ในชุดสีขาวทั้งชุด ท่วงท่าดั่งเทพธิดา รูปโฉมสะสวย ยากแก่การบรรยายด้วยปากกา นางเสมือนเป็นเพทธิดาจากสรวงสวรรค์ที่ลงมายังโลกมนุษย์ ทุกคนต้องเงยหน้าขึ้นมอง
ผู้คนจำนวนมากต้องร้องอุทานออกมาด้วยความตระหนกเมื่อมองเห็นผู้หญิงคนนี้ หลายคนรู้สึกหลงรักนางขึ้นมา เมื่อได้เห็นนางแล้ว หลายคนเข้าใจแล้วว่า เทพธิดาใช่จะเป็นนามธรรมที่ใช้เปรียบเปรยผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น แต่มันดำรงคงอยู่เช่นนั้นจริงๆ
ท่วงท่าดุจดั่งเซียน ผู้คนจำนวนมากเมื่อได้เห็นผู้หญิงคนนี้แล้ว จะบังเกิดคำๆ หนึ่งขึ้นภายในใจ…ท่วงท่าดุจดั่งเซียน!
ผู้หญิงที่มีท่วงท่าดุจดั่งเซียนผู้นี้ ยกเว้นนัยน์ตาที่เย็นยะเยือกคู่นั้นแล้ว ส่วนอื่นๆ ไม่สามารถหาข้อตำหนิได้เลย
หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อเห็นผู้หญิงที่เหินฟ้าลงมา รอยยิ้มของเขาประดุจดั่งหิมะที่หลอมละลายอย่างนั้น เป็นรอยยิ้มที่มาจากส่วนลึกของจิตใจ
“เทพธิดาเก็บจันทรา!” แม้แต่องค์ชายแห่งความชั่วร้ายยังคงมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป เมื่อมองเห็นผู้หญิงที่งามดั่งเทพธิดาคนนี้
“เทพธิดาเก็บจันทรา…”ผู้คนจำนวนมากต่างร้องเสียงแหลมออกมาเมื่อได้ยินชื่อที่เปี่ยมด้วยพลังที่ทำให้หลงใหล ทำให้ผู้ที่ได้ยินชื่อนี้ต้องเหม่อลอยอยู่เป็นเวลานาน
ในแดนวิญญาณสวรรค์เคยมีผู้กล่าวคำๆ หนึ่งเอาไว้ว่า “ถามโลกหล้า ผู้ใดปราศจากผู้ต่อกร! มีเพียงเก็บจันทรา!”
ในแดนวิญญาณสวรรค์ เกรงว่าคงมีเพียงเทพธิดาเก็บจันทราเท่านั้นที่กล้าพูดคำว่า “งั้นให้ข้าเป็นผู้กวาดล้างก็แล้วกัน” คำพูดคำเดียวเช่นนี้ ได้ทำให้ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับอึดอัดจนหายใจไม่ออก
“เทพธิดาเก็บจันทรา การมาถึงของท่านในวันนี้ นับว่าเป็นการนำพาความสว่างมาให้กับงานประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์อันต่ำต้อยแล้ว” เวลานี้ เมิ่งเจิ้นเทียนก็ลุกขึ้นยืน กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “การมาของเทพธิดาเก็บจันทรา หากสามารถเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ให้กับแดนวิญญาณสวรรค์ได้ล่ะก็ย่อมเป็นการดีที่สุด…”
“วันนี้ เขาจะนั่งอยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า” เทพธิดาเก็บจันทราพูดตัดบทเมิ่งเจิ้นเทียนด้วยท่าทีที่น่าเกรงขาม
คำพูดของเทพธิดาเก็บจันทราทำให้ทุกคนถึงกับงงงัน ไม่ว่าใครก็ต้องตะลึงจนไม่อาจเรียกสติกลับมาเป็นเวลานาน กระทั่งมีบางคนที่เข้าใจว่าอยู่ในความฝัน
ในเวลานี้ ทุกคนต่างจ้องมองกันและกัน โดยที่พวกของจักรพรรดิหอยสังข์ที่อยู่บนพลับพลาล้วนแล้วแต่มีสีหน้าที่ดูไม่จืด
“คุณชายท่านนี้ บัลลังก์ราชันได้จัดวางเรียบร้อยแล้ว” เวลานี้ ขุนพลไป่หวู่ได้จัดแจงวางบัลลังก์เอาไว้เหนือบัลลังก์กษัตริย์สามตัวนั้นแล้ว จึงแสดงความคารวะต่อหลี่ชิเย่ ความจริงแล้วขุนพลไป่หวู่ก็ไม่รู้ว่าหลี่ชิเย่นั้นมีประวัติความเป็นมาอย่างไร และไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดฝ่าบาทของตนจึงได้มให้การสนับสนุนต่อหลี่ชิเย่
“ก็แค่บัลลังก์ราชันตัวหนึ่งเท่านั้น เสียเวลาอยู่ตั้งนาน” หลี่ชิเย่ยิ้มและส่ายหน้าเบาๆ กล่าวว่า “ของแบบนี้ดูจะเคี้ยวแล้วไม่มีรสชาติเอาเสียเลย” กล่าวพลางเหินฟ้าขึ้นไป
“หลี่ชิเย่ เว้นเสียแต่เจ้าคือราชันเซียน มิฉะนั้นล่ะก็เจ้าไม่มีสิทธิ์นั่งตำแหน่งนั้นได้…” เมื่อจักรพรรดิลู่เห็นหลี่ชิเย่ตรงไปยังบัลลังก์ราชัน จึงร้องกล่าวเสียงทุ้มต่ำออกมา
หลี่ชิเย่ไม่ได้มองหน้าจักรพรรดิลู่เสียด้วยซ้ำ เพียงยิ้มๆ นิดหนึ่งเท่านั้น
“หากเจ้าคิดจะขวางทางล่ะก็ ก้าวออกมาเลย ข้าจะปราบเจ้าให้ราบคาบ!” เทพธิดาเก็บจันทราชี้นิ้วไปที่จักรพรรดิลู่กล่าวน่าเกรงขามออกมา
สีหน้าของจักรพรรดิลู่ดูปั้นยากสุดๆ เขากล่าวน้ำเสียงน่าเกรงขามว่า “เทพธิดาเก็บจันทรา เว้นแต่เจ้าได้เป็นราชันเซียนแล้ว มิฉะนั้น…”
“ให้ร่างจริงของเจ้ามาเองเถอะ อาศัยร่างที่เป็นหุ่นเชิดเช่นนี้ ข้าสังหารได้ภายในสามกระบวนท่า! ส่วนร่างจริงของเจ้า ภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่าต้องสังหารเจ้าได้แน่!”
คำพูดของเทพธิดาเก็บจันทราทำให้ผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนถึงกับเหงื่อเย็นไหลโทรมตัว มันช่างเป็นคำพูดที่พาลไร้เหตุผลเช่นใด เป็นความไร้ผู้ต่อกรเพียงใด ทุกคนย่อมเข้าใจได้ว่า คำพูดของเทพธิดาเก็บจันทราพูดออมาได้ย่อมทำได้
“อย่าไปทำให้คนเขาตกใจอย่างนั้น” หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่บนท้องฟ้ากล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “เจ้าไปทำให้เขาตกใจ เขาคงไม่กล้ามาแล้วล่ะ ไม่เท่ากับน่าเสียดายรึ เฮ่อ จากการขู่ของพวกเจ้าสองคนในวันนี้ ทำให้ข้าเสียแผนไปหมด เดิมทีข้าตั้งใจอาศัยวันนี้เลือดล้างหมื่นเผ่าพันธุ์สักที เวลานี้ดูท่าคงทำไม่สำเร็จแล้วล่ะ เอาเถอะ เวลานี้ข้ารู้สึกอารมณ์ดีมาก จะไม่ไปถือสากับเรื่องเช่นนี้แล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...