เมื่อหลี่ชิเย่เดินเข้ามาอยู่ในงาน ยิ้มแต้มองไปทั่วสถานที่จัดงาน ท่าทางเอ้อระเหย เหมือนกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของตนเองอย่างนั้น
เมิ่งเจิ้นเทียน องค์ชายแห่งความชั่วร้าย จักรพรรดิลู่ จักรพรรดิหอยสังข์ พวกเขาต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ ในสายตาของพวกเขาล้วนแล้วแต่ปรากฏประกายที่เต้นกระตุกออกมา
แต่ทว่า พวกเขาต่างเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มากด้วยอำนาจ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ได้รับการเคารพสูงสุดที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แม้ว่าจะมีความแค้นกับหลี่ชิเย่ แต่ว่า ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้พวกเขาก็ควบคุมสติให้อยู่ในอาการสงบ ไม่ได้แสดงความบ้าคลั่งออกมา
หลี่ชิเย่มองดูตามอารมณ์ กล่าวว่า “มีคนมากันตั้งมากมาย ที่สมควรมาก็มากันแล้ว นับว่าเป็นเรื่องดี ถือโอกาสที่หาได้ยากยิ่งเช่นนี้ สมควรคิดบัญชีเก่าของทุกคนเสียทีดีมั้ย ทุกคนจะได้ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาให้ลำบาก”
ท่าทีที่อวดดีเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในงานต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้ หลายคนอดที่จะชื่นชมภายในใจ
“เจ้าหนูคนนี้นับว่าอวดดีเหลือเกิน พาลจนสุดจะบรรยาย” มียอดฝีมือถึงกลับกล่าวด้วยความชื่นชม
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า หลี่ชิเย่มีความแค้นกับพวกของเมิ่งเจิ้นเทียน เวลานี้ ศัตรูผู้แข็งแกร่งล้วนแล้วแต่อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าที่นี่ แต่หลี่ชิเย่ยังคงไม่หวั่น ท่าทีเป็นการท้าสู้อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าใครก็ต้องทอดถอนใจออกมาว่ายอมเขาจริงๆ
“สหาย บัลลังก์งของเผ่ามนุษย์อยู่ตรงนี้” ผู้บำเพ็ญตนเผ่าปีศาจทะเลที่นำทางมาต้องการให้หลี่ชิเย่นั่งประจำที่ในส่วนที่จัดไว้ให้สำหรับเผ่ามนุษย์
สถานที่ที่จัดไว้สำหรับเผ่ามนุษย์นั้นอยู่ในมุมที่ห่างไกลมาก เป็นมุมที่อยู่ท้ายสุดของที่ประชุม ซึ่งเป็นมุมทื่อยู่บริเวณห่างไกลและคับแคบมาก เหมือนพื้นที่ว่างเปล่าสำหรับให้ขอทานนั่งอย่างนั้น
เผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นเผ่าที่อ่อนแอในแดนวิญญาณสวรรค์ แทบจะไม่มีฐานะอะไรเลย ดังนั้น การที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ถูกจัดให้นั่งอยู่ในบริเวณมุมที่คับแคบและห่างไกลในการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์นี้ ย่อมเป็นสิ่งที่เข้าใจได้
“ใครบอกว่าข้าจะนั่งตรงนั้น” หลี่ชิเย่ไม่ได้มองเสียด้วยซ้ำ กล่าวด้วยท่าทีเฉยเมย
“บัลลังก์งสำหรับผู้บำเพ็ญตนเผ่าพันธุ์มนุษย์คือตรงนี้” ปีศาจทะเลที่เดินนำทางให้กับหลี่ชิเย่ขักสีหน้าขึ้นมา ปีศาจทะเลจำนวนมากล้วนแล้วแต่ไม่รู้สึกดีต่อหลี่ชิเย่ ในความรู้สึกของพวกเขาหลี่ชิเย่ก็คือศัตรู หากไม่เป็นเพราะหวั่นเกรงในความแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่แล้ว คงมีปีศาจทะเลลงมือต่อหลี่ชิเย่แล้ว
กล่าวสำหรับปีศาจทะเลแล้ว เผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นเพียงเผ่าเล็กๆ เผ่าหนึ่งเท่านั้น คล้ายดั่งมดปลวกก็ไม่ปาน จะมาทำกำแห่งได้อย่างไร เสียดายที่หลี่ชิเย่แข็งแกร่งเหลือเกิน และฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งนัก จึงไม่มีปีศาจทะเลกล้าลงมือต่อเขา
“ข้านั่งตรงนั้น” หลี่ชิเย่มองไปข้างหน้าสุด เผยรอยยิ้มที่เมินเฉยออกมา
“ที่ตรงนั้นสำหรับผู้ได้รับการเคารพสูงสุดของเผ่าวิญญาณเทพ เผ่าปีศาจทะเล และเผ่าพฤกษาสามท่านเท่านั้น” ปีศาจทะเลผู้นี้กล่าวน้ำเสียงเย็นชาออกมา
“ได้รับการเคารพสูงสุดไม่สูงสุดอะไรรึ ก็แค่ผู้ที่มีชื่อเสียงจอมปลอมฝูงหนึ่งเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่หัวเราะพลางเดินไปยังข้างหน้าสุดนั่น
“ท่าน โปรดสำรวมตัวด้วย” ขณะที่หลี่ชิเย่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้า ปรากฎผู้เฒ่าผู้หนึ่งเข้ามาขวางทางเอาไว้ บนตัวของผู้เฒ่าผู้นี้มีภาพศักดิ์สิทธิ์ปรากฏออกมา อีกทั้งด้านหลังของผู้เฒ่ายังมียอดฝีมือติดตามมาด้วยหลายสิบคน ยอดฝีมือทั้งหลายสิบคนล้วนมีพลังลมปราณที่พลุ่งพล่าน เห็นแล้วรู้ได้ทันทีว่าทักษะยุทธไม่ด้อยเลย
“อำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเลมาแล้ว” ครั้นเห็นนี้แล้ว มีผู้กล่าวเสียงแผ่วเบาออกมาว่า “ได้ยินว่างานประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ครั้งนี้ร่วมดำเนินการโดยอำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเลถึงแปดคนด้วยกัน”
“ไปเถอะ สุนัขดีย่อมไม่ขวางทาง” หลี่ชิเย่เพียงมองหน้าผู้เฒ่าแวบหนึ่ง กล่าวด้วยท่าทีเฉยเมยออกมา
สีหน้าของผู้เฒ่าเปลี่ยนไป พลันที่หลี่ชิเย่กล่าวคำๆ นี้ออกมา เขามีฐานะเป็นอำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเลคนหนึ่ง เคยทำงานรับใช้ใกล้ชิดเทพเจ้าแห่งทะเลมาก่อน มีชื่อเสียงโด่งดัง ใครบ้างที่ไม่ให้เกียรติเขาสามส่วน เวลานี้ หลี่ชิเย่อ้าปากก็กล่าววาจาดูหมิ่นเขา แล้วจะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไรกัน
“ท่านสมควรนั่งตรงไหนก็ให้ไปนั่งตรงนั้นเสีย อย่าหาเรื่องใส่ตัว”
“ข้าจะไปนั่งข้างบนนั้น” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง มองไปด้านหน้าสุด กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “บัลลังก์งของข้าอยู่ข้างหน้าสุดนั่นแหละ”
“ท่าน บนพลับพลามีเพียงผู้ได้รับการเคารพสูงสุดของเผ่าวิญญาณเทพ เผ่าปีศาจทะเล และเผ่าพฤกษาสามเผ่านี้เท่านั้นที่สามารถนั่งได้ เชิญกลับไปเถอะ” อำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเลผู้นี้กล่าวเสียงน่าเกรงขามออกมา
“ใครบอกว่าข้าจะขึ้นไปนั่งบนพลับพลา” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง กล่าวว่า “แค่พวกชื่อเสียงจอมปลอมฝูงหนึ่ง บังอาจนั่งเคียงคู่กับข้ารึ? ไป จัดบัลลังก์งสูงสุดสำหรับราชัน เหนือบัลลังก์งกษัตริย์ทั้งสามตัวนั้น ข้าจะไปนั่งเอง”
ทุกคนต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ พลันที่หลี่ชิเย่กล่าวคำๆ นี้ออกมา ความพาลไร้เหตุผลของหลี่ชิเย่นั้นทุกคนรู้ดี หากเขาต้องการไปนั่งบนพลับพลาจริง เกรงว่าอำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเลคงทำอะไรเขาไม่ได้ อย่างมากก็เล่นแง่กับเขาได้บ้างเท่านั้นเอง
เวลานี้กลับกลายเป็นว่า หลี่ชิเย่ออกปากจะนั่งอยู่เหนือบัลลังก์กษัตริย์ทั้งสามตัว ควรรู้ว่า เก้าอี้ทั้งสามตัวนี้แทนราชันเซียน เทพเจ้าแห่งทะเล และปรมาจารย์พฤกษา เรียกได้ว่าแม้แต่พวกเมิ่งเจิ้นเทียน หรือว่าองค์ชายแห่งความชั่วร้ายก็ไม่กล้าบอกว่าตัวเองจะนั่งบนเก้าอี้ทั้งสามตัวนี้
เวลานี้ หลี่ชิเย่กลับต้องการให้มีการจัดวางเก้าอี้ขึ้นมาใหม่อีกตัวหนึ่งให้วางอยู่เหนือเก้าอี้สามตัวนี้ ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวเท่ากับอยู่เหนือราชันเซียน เทพเจ้าแห่งทะเล และปรมาจารย์พฤกษา คำร้องชขอเช่นนี้ช่างพาลและไร้เหตุผลสิ้นดี ทำเกินไปเสียแล้ว
“เจ้านี่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเกินไปแล้ว” ถึงแม้หลี่ชิเย่จะมีความแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม แต่ทว่า เมื่อยื่นข้อเรียกร้องเช่นนี้แล้ว พวกปีศาจทะเลถึงกับร้องเสียงอันดังออกมา “นี่เท่ากับเป็นการเหยียดหยามต่อราชันเซียน เทพเจ้าแห่งทะเล และปรมาจารย์พฤกษา!”
สีหน้าของอำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเลผู้นี้ดูไม่จืดถึงขีดสุด เขาเคยเป็นขุนนางที่รับใช้ต่อเทพเจ้าแห่งทะเลมาก่อน เวลานี้หลี่ชิเย่ กลับหยามเหยียดเทพเจ้าแห่งทะเลถึงเพียงนี้ แล้วจะไม่ให้เขารู้สึกโกรธได้อย่างไร
“ถ้าหากเจ้าไม่ไปจัดการเรื่องบัลลังก์งให้ก็จงหลบไปข้างๆ เสีย ข้าจะได้ให้คนอื่นเขาจัดการวางบัลลังก์ราชันตัวหนึ่ง” หลี่ชิเย่มองหน้าอำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเลผู้นี้ด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย กล่าวตามอารมณ์ออกมา
“เจ้าคนไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำมาจากไหนกัน อำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเล พาคนไล่มันออกไป” เวลานี้ จักรพรรดิหอยสังข์ได้เปิดปากแล้ว ท่าทางที่มีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรงของเขา พลันที่เปิดปากพูดออกมากลับเปี่ยมด้วยอำนาจที่อยู่สูงเด่น ไม่อาจล่วงเกินต่อเขาได้
เมื่อจักรพรรดิหอยสังข์พูดออกมา ทุกคนต่างนิ่งเงียบทันที และกลั้นลมหายใจเอาไว้ ทุกคนรู้ว่าเวลานี้แค่สะกิดนิดเดียว ไม่แน่นักอาจมีการสู้รบที่สะเทือนฟ้าขึ้นมา
“ท่านจะเดินออกไปเอง หรือจะให้พวกเราเชิญเจ้าออกไป?” ในเวลานี้ อำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเลพูดเสียงน่าเกรงขามออกมา
ขณะที่บรรดายอดฝีมือที่ติดตามอยู่ด้านหลังของอำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเลก็อยากจะลงมือเต็มที ดวงตาทั้งสองของพวกเขาต่างเผยให้เห็นประกายที่เยือกเย็นออกมา ขอเพียงมีคำสั่ง พวกเขาก็พร้อมจะลุยเข้าไปสังหารอย่างไม่ลังเล
“ปัง ปัง ปัง…” อำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเลพูดยังไม่ทันจบ บรรดายอดฝีมือที่อยู่ด้านหลังของเขาทั้งหมดถูกชนกระเด็นไปในทันที เลือดสดๆ แตกกระจาย พวกเขาทั้งหมดถูกชนจนร่างกระเด็นลอยไปกลางอากาศในเวลาเดียวกัน และกระอักเป็นเลือดสดๆ ออกมา เป็นภาพที่แลดูอลังการมาก เหมือนดอกบัวแต่ละดอกที่เบ่งบานออกมา สีแดงฉูดฉาดยิ่งนัก
ขณะที่หลี่ชิเย่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เหมือนว่าตั้งแต่ต้นจนจบยังไม่ได้มีการขยับตัวอย่างนั้น
“รู้มั้ยว่าทำไมข้าถึงได้ไว้ชีวิตเจ้า?” หลี่ชิเย่ที่มีท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “ข้าเพียงเหลือบ่าวไพร่รับใช้เอาไว้คนหนึ่งคอยเช็ดพื้นเท่านั้นเอง จะอย่างไรเสียเลือดสดๆ ไหลนองย้อมพื้นเสียแดงฉาน ดูแล้วก็ไม่ค่อยจะสบายใจสักเท่าไร”
“วาจาโอหังมาก!” เวลานี้ อำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเลอีกเจ็ดคนได้ก้าวเดินออกมา พวกเขาได้เข้าล้อมตัวหลี่ชิเย่เอาไว้ หวังจะสังหารหลี่ชิเย่เสีย
“อำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเลใช่มั้ย ไม่ได้เป็นแม้กระทั่งขุนพล มันก็แค่พวกผู้เยาว์ที่คอยวิ่งรับใช้ทั่วไปเท่านั้น” หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะมองหน้าพวกเขามากกว่าครั้งด้วยซ้ำ กล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามีหน้าที่รับใช้ทั้งนั้น ไป ไปจัดเตรียมบัลลังก์ราชันให้ข้าตัวหนึ่ง เอาไปวางไว้เหนือบัลลังก์กษัตริย์ทั้งสาม เห็นแก่ที่เป็นผู้คอยให้การรับใช้จะไว้ชีวิตพวกเจ้าสักครั้ง”
“เจ้าคนไม่รู้จักคำว่าตาย!” ทันใดนั้น อำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเลทั้งแปดโกรธจัด การที่หลี่ชิเย่มาทำให้ต้องอับอายถึงเพียงนี้ ทำให้เพวกเขาไม่อาจอดกลั่นเอาไว้ได้ อำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเลผู้หนึ่งกล่าวน่าครั่นคร้ามเยือกเย็นว่า “เจ้ามดปลวกเผ่าพันธุ์มนุษย์ อาศัยเจ้า กระทั่งพลับพลายังไม่มีสิทธิ์ได้นั่ง ถึงกับคุยโตโอ้อวด คิดจะนั่งอยู่เหนือบัลลังก์งกษัตริย์…”
แม้ว่าอำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเลเองก็รู้ถึงความแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่ แต่ว่า มาวันนี้ท่ามกลางงานประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ บุคคลผู้ได้รับการให้ความเคารพสูงสุดอยู่กันมากมาย เมื่อมีบุคคลผู้ได้รับการให้ความเคารพสูงสุดเช่นจักรพรรดิหอยสังข์อยู่ด้วย พวกอำมาตย์เทพเจ้าแห่งทะเลก็ไม่ได้หวั่นเกรงต่อหลี่ชิเย่ ยิ่งไปกว่านั้น ปีศาจทะเลมองต่อหลี่ชิเย่ด้วยความรู้สึกขัดหูขัดตามานานแล้ว
“ใครว่าเขาไม่มีสิทธิ์?” เวลานี้ เสียงที่คล้ายดั่งคำบัญชาของกษัตริย์ดังขึ้น เสียงนี้ไม่เพียงรื่นหู ทั้งยังเปี่ยมด้วยอำนาจสูงสุดอีกด้วย
ในเวลานี้เอง เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆ เมื่อผู้หญิงคนนี้ก้าวเท้าเข้ามาในที่ประชุม พลันทำให้ที่ประชุมเหมือนสว่างไสวขึ้นมา เป็นที่ดึงดูดสายตาขผงผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนในฉับพลัน
ผู้หญิงคนนี้มีรูปร่างที้สูงโปร่ง ภายใต้ชุดสีน้ำเงินเข้มทำให้เน้นรูปร่างส่วนเว้าส่วนโค้งกลายเป็นโครงร่างที่งดงามสมบูรณ์แบบยิ่งนัก ผมยาวสยายประบ่า สุภาพสง่างามและดูสูงเด่น นัยน์ตาที่สุกใสคู่นั้นดุจดวงดาวที่ส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้า
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า งดงามจนผู้คนต้องทอดถอนใจออกมา นางก็คือเทพธิดาองค์หนึ่ง เป็นเทพธิดาที่ผู้คนต้องแหงนหน้ามอง
ผู้หญิงคนนี้พกพาเอากลิ่นอายของมหาสมุทรมาด้วย เหมือนว่านางอยู่ที่ตรงไหน มหาสมุทรก็อยู่ที่ตรงนั้น นางคือบุตรีของมหาสมุทร เป็นเทพธิดาแห่งมหาสมุทร
ข้างกายของผู้หญิงคนนี้มีผู้เฒ่าคนหนึ่งเดินติดตามทุกฝีก้าว ผู้เฒ่าผู้นี้สวมชุดเกราะสีเงิน ทรงกำลังอำนาจยิ่งนัก เขายืนอยู่ที่ตรงนั้นก็เหมือนดั่งเป็นภูเขาสูงที่ไม่สามารถปีนข้ามไปได้อย่างนั้น
นอกจากผู้เฒ่าคนนี้แล้ว ด้านหลังของผู้หญิงคนนี้ยังมีซูหย่งหวง เย่เสี่ยวเสี่ยว และซือหม่ายวี่เจี้ยนติดตามมาด้วย!
“เทพธิดาเจินหวู่…” มีผู้ร้องเสียงดังออกมาเมื่อเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ กระทั่งมีปีศาจทะเลจำนวนไม่น้อยที่ทยอยกันก้มกราบกับพื้น
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนมากน้อยเท่าไรที่ต้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง เมื่อมองเห็นผู้หญิงที่สะดุดตายิ่งตรงหน้า เทพธิดาเจินหวู่ สิบปากพูดไม่เท่าตาเห็น!
ไม่ว่าจะเป็นเผ่าวิญญาณเทพ หรือเผ่าปีศาจทะเล และหรือเผ่าพฤกษา เมื่อมองเห็นการมาถึงของผู้หญิงคนนี้แล้ว ถึงกับรู้สึกเคารพนับถือขึ้นภายในใจ
เทพธิดาเจินหวู่คือบุตรสาวของเทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่ เคยได้รับการยอมรับจากเผ่าปีศาจทะเลว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์สูงที่สุด นางเคยได้รับการยอมรับจากทวนสามง่ามในยุคบิดาของนาง
ทุกคนต่างเข้าใจว่าขอเพียงบิดาของนางเสียชีวิตไป นางก็จะต้องกลายเป็นเทพเจ้าแห่งทะเลคนต่อไปอย่างแน่นอน เป็นเรื่องที่ไร้ข้อกังขาใดๆ ทั้งสิ้น
กระทั่งในเวลานั้นเคยมีผู้มองว่า ถ้าหากเทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่ได้เป็นเทพเจ้าแห่งทะเลล่ะก็ ผลสำเร็จของนางอาจแซงหน้าเทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่บิดาของนางก็เป็นได้!
แต่ทว่า ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุอันใด ขณะที่ทุกคนกำลังเข้าใจว่าเทพธิดาเจินหวู่จะต้องได้เป็นเทพเจ้าแห่งทะเลอยู่นั้น นางกลับหายสาบสูญไปอย่างกะทันหัน เหมือนระเหิดไปจากโลกนี้อย่างนั้น แม้แต่เทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่ผู้เป็นบิดาของนางก็ไม่เคยเอ่ยถึงนางอีกเลย!
การมาถึงของเทพธิดาเจินหวู่ และนางกล่าวคำเช่นนี้ออกมานั้น ทำให้พวกของเมิ่งเจิ้นเทียน บัลลังก์งอยู่บนพลับพลาถึงกับสายตาเต้นกระตุกทีหนึ่ง รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...