ตอนที่ 1470 ช่องโหว่
ในขณะที่ซูหย่งหวงกำลังค้นหาช่องโหว่กายมายาของโอรสสวรรค์ปกสมุทรอยู่นั้น โอรสสวรรค์ปกสมุทรก็กำลังค้นหาส่วนที่ยังขาดอยู่ของกายสุริยันของซูหย่งหวงเช่นกัน!
ในเวลานี้ ทั้งซูหย่งหวง และโอรสสวรรค์ปกสมุทรต่างฝ่ายต่างคุมเชิงกันอยู่ ภายในระยะเวลาอันสั้นไม่มีใครสามารถทำอะไรใครได้ โอรสสวรรค์ปกสมุทรทำลายกายสุริยันไม่ได้ ภายใค้เพลิงสุริยันที่พาลยิ่งเขาก็ยากจะทานทนได้ ขณะที่กายมายาของโอรสสวรรค์ปกสมุทรที่ทำให้เขาไปมาอย่างไร้ร่องรอบ และไปมาได้อย่างอิสระ ทำให้ซูหย่งหวงไม่สามารถสยบและสังหารโอรสสวรรค์ปกสมุทรได้
บรรดาผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ ในเวลานี้ พวกเขาเข้าใจได้แล้วว่า ซูหย่งหวงก็ไม่ได้ถูกพลังของเสินจื่อโจวสยบเอาไว้เช่นกัน ก่อนหน้านั้น ซูหย่งหวงถูกสยบโดยพลังของเสินจื่อโจว นางจึงได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของโอรสสวรรค์ปกสมุทร เวลานี้ เมื่อซูหย่งหวงไม่ต้องถูกพลังของเสินจื่อโจวสยบเอาไว้ โอรสสวรรค์ปกสมุทรจึงไม่มีความได้เปรียบอะไรเลย
“แว้งค์…” ทันใดนั้น บริเวณท้องฟ้าที่ซูหย่งหวงยืนอยู่เริ่มมีการหลอมละลายเกิดขึ้น ทั่วท้องฟ้าที่ว่างเปล่าเหมือนกำลังหลอมละลายกลายเป็นของเหลว ให้ความรู้สึกเหมือนน้ำแข็งที่ถูกปกคลุมด้วยแสงอาทิตย์ของฤดูใบไม้ผลิอย่างนั้น
ย่อมไม่ต้องสงสัย โอรสสวรรค์ปกสมุทรได้มีการเปลี่ยนแปลงแผนการใหม่ ภายใต้การลอบโจมตีมาแล้วหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล ในที่สุด โอรสสวรรค์ปกสมุทรจึงปรับแผนใหม่ด้วยการหลอมกลั่นช่องว่างกายมายาสามารถหลอมกลั่นช่องว่างได้ เวลานี้ ยังคงไร้เงาของโอรสสวรรค์ปกสมุทร แต่ทว่าภายใต้การหลอมกลั่นของกายมายา ท้องฟ้าที่ว่างเปล่าก็เปรียบประดุจเป็นเตาหลอมอย่างนั้น โดยที่ตัวท้องฟ้าที่ว่างเปล่าเองได้เกิดการเผาไหม้ตัวมันเองขึ้น เพียงแต่เป็นการเผาไหม้ที่ไม่สามารถมองเห็นเท่านั้น
ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ใต้เวทีถึงกับกลั้นลมหายใจเอาไว้ ผู้คนจำนวนมากเข้าใจว่า ผลแพ้ชนะของโอรสสวรรค์ปกสมุทรขึ้นอยู่กับครั้งนี้แล้ว
ในขณะที่ท้องฟ้าว่างเปล่าถูกหลอมกลั่นอยู่นั้น ปรากฏเสียงดังขึ้นเป็นระลอกๆ และเรื่องที่เหลือเชื่อก็ได้เกิดขึ้น ท้องฟ้าว่างเปล่าที่ซูหย่งหวงยืนอยู่เกิดการหดตัวลงอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาเดียวกัน ปริมาณเพลิงแก่นสุริยันจำนวนมหาศาลก็ถูกบีบอัดเข้าไปอยู่ในช่องว่างที่ซูหย่งหวงยืนอยู่ ถูกบีบอัดให้เข้าไปอยู่บริเวณท้องฟ้าว่างเปล่าโดยรอบของซูหย่งหวง
ก่อนหน้านั้น เพลิงแก่นสุริยันของซูหย่งหวงนั้นเรียกได้ว่าแทรกเข้าไปทุกอณูทุกหนทุกแห่ง อาละวาดไปทั่วทุกๆ ช่องว่าง แต่ว่า เวลานี้เพลิงแก่นสุริยันทั้งหมดกลับเหมือนถูกพลังดูดที่ทรงพลังยิ่งดูดเข้าไป ทำให้เพลิงแก่นสุริยันปริมาณมหาศาลถูกบีบอัดจนกลับกลายเป็นลูกไฟลูกเล็กๆ ลูกหนึ่งเท่านั้น
ลูกไฟลักษณะเช่นนี้ได้เกิดการพังถล่มลงมาอย่างรุนแรงขึ้นภายใน เสมือนดั่งเป็นดวงอาทิตย์ลูกหนึ่งที่พังถล่มลงมาขึ้นยภายในอย่างบ้าคลั่ง พลังที่เกิดจากการพังถล่มภายในเช่นนี้ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าเป็นเช่นใด ทันใดนั้น ช่องว่างที่ถูกหลอมกลั่นและถูกบีบอัดเข้าไปรวมกันกลายเป็นช่องว่างขนาดเล็กนั้น ในเวลานี้ กลับกลายเป็นว่าจากการที่เพลิงแก่นสุริยันที่มีการพังถล่มลงมาภายในได้ส่งผลให้ช่องว่างที่ถูกหลอมกลั่นมีการหดตัวอย่างรุนแรง
นาทีนี้ กลายเป็นว่าซูหย่งหวงได้พลิกกลับจากเป็นฝ่ายต้านรับเป็นฝ่ายรุก เดิมทีโอรสสวรรค์ปกสมุทรต้องการหลอมกลั่นท้องฟ้าที่ว่างเปล่านั่น ขณะที่ซูหย่งหวงได้ทำให้ภายในของท้องฟ้าว่างเปล่าที่กำลังอยู่ระหว่างหลอมกลั่นอยู่เกิดการพังถล่มขึ้นอย่างรุนแรง
“ตูม…” เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมา หลังจากที่เพลิงแก่นสุริยันและท้องฟ้าที่ว่างเปล่าพังถล่มภายในจนถึงระดับหนึ่งแล้ว ได้เกิดการระเบิดขึ้น พลังอันเกิดจากการระเบิดนี้ทรงพลังถึงขั้นไม่สามารถจินตนาการได้ ทั่วทั้งท้องฟ้าที่ว่างเปล่าได้กลายเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อย แหลกละเอียดจนเหลือเป็นเพียงหลุมดำ ทิ้งร่องรอยที่ไม่สามารถลบเลือนได้เอาไว้บนท้องฟ้า
ได้ยินเสียงดัง “ปุ…” เลือดสดๆ แตกกระจาย โอรสสวรรค์ปกสมุทรที่กำลังหลอมกลั่นช่องว่างพลันได้รับพลังจากแรงระเบิดของช่องว่างเข้า เขาย่อมไม่สามารถสยบช่องว่างนั้นได้ การระเบิดของช่องว่างและเพลิงแก่นสุริยันที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงจึงพุ่งเข้ากระแทกตัวเขาจนลอยออกไป และถูกแรงอัดจนต้องกระอักเลือดออกมาอย่างแรง ร่างกายของเขาเหมือนผ่านการถูกบดขยี้มาจนชุ่มไปด้วยเลือดที่ไหลหยดเป็นทาง
“แว้งค์…” หลังจากที่โอรสสวรรค์ปกสมุทรถูกพลังกระแทกจนตัวลอยออกไปแล้วนั้น เขายังไม่ทันทรงตัวได้อย่างมั่นคง ปรากฎว่าเศษชิ้นส่วนของช่องว่างที่แตกหักกับเพลิงแก่นสุริยันได้กลับกลายเป็นบทคัมภีร์บทหนึ่งในทันที ซึ่งบทคัมภีร์นี้เสมือนดั่งเป็นเงาติดตามตัว ขอเพียงบนตัวของโอรสสวรรค์ปกสมุทรส่วนไหนสัมผัสกับช่องว่าง ก็จะเกิดเป็นเสียงดัง “จี๊ด” ขึ้นมา และบทคัมภีร์บทนี้ก็จะประทับลงบนร่างของโอรสสวรรค์ปกสมุทรเป็นรอยสลักอยู่บริเวณนั้น
กายมายาอาศัยการหลบซ่อนตัวอยู่ในช่องว่าง ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สัมผัสกับช่องว่าง ดังนั้น เขาจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากการถูกฝากรอยสลักประทับอยู่บนตัวของเขาไปได้
นี่คือการรุกกลับของซูหย่งหวง การระเบิดตัวอย่างรุนแรงของเพลิงแก่นสุริยันกับท้องฟ้าที่ว่างเปล่า ทำให้เพลิงแก่นสุริยันเข้าไปรวมกับเศษชิ้นส่วนท้องฟ้าที่ว่างเปล่ากลายเป็นบทคัมภีร์ และมันอาศัยโอรสสวรรค์ปกสมุทรที่ต้องพึ่งพาท้องฟ้าที่ว่างเปล่าเป็นตัวกำบังหลบซ่อนตัว จึงไม่อาจหลีกหนีเคราะห์กรรมด้วยการถูกบทคัมภีร์ดังกล่าวสลักประทับลงบนร่างของเขาไปได้
“แว้งค์” จังหวะที่โอรสสวรรค์ปกสมุทรได้รับบาดเจ็บ เขาได้หายตัวเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในท้องฟ้าที่ว่างเปล่าอีกครั้ง
แต่ว่า คราวนี้ซูหย่งหวงไม่ต้องมองหาอะไรอีกแล้ว มือของนางที่ยื่นออกไปข้างหน้า “ตูม” เสียงดังสนั่นเกิดขึ้น เป็นเสียงคำรามของมังกรยักษ์ เป็นมังกรยักษ์ที่แปลงมาจากเพลิงแก่นสุริยันพุ่งทะยานขึ้นไป จากนั้น กรงเล็บมังกรขนาดยักษ์ที่สามารถปิดท้องฟ้าและดวงตะวันได้ตวัดฟาดลงมา
“ปัง” ท้องฟ้าที่ว่างเปล่าแตกกระจายโอรสสวรรค์ปกสมุทรที่หลบซ่อนตัวอยู่ในท้องฟ้าที่ว่างเปล่าถูกฟาดจนตัวลอยออกไปในทันที กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง แต่เขายังคงมีความไวสูง ทันใดนั้นร่างของเขาได้หายตัวไปอีกครั้งหนึ่ง
“ปัง…” เสียงดังสนั่นดังขึ้น ในขณะที่โอรสสวรรค์ปกสมุทรหายตัวไปในฉับพลันนั้นเอง กรงเล็บขนาดยักษ์อีกข้างหนึ่งของมังกรยักษ์ได้ฟาดตบลงมาอีกครั้ง ทำลายท้องฟ้าที่ว่างเปล่าไป โอรสสวรรค์ปกสมุทรที่หลบซ่อนตัวอยู่ในท้องฟ้าที่ว่างเปล่าถูกตบจนตัวลอยออกไปอีกครั้งหนึ่ง
“ปัง ปัง ปัง…” ท้องฟ้าที่ว่างเปล่าถูกทำลายครั้งแล้วครั้งเล่า โอรสสวรรค์ปกสมุทรไม่สามารถหลบซ่อนตัวได้อีกต่อไป ไม่ว่าเขาจะบินข้ามอย่างไร หลบซ่อนตัวเช่นใด ก็ไม่สามารถหลบหลีกการตามฆ่าจากกายสุริยันของซูหย่งหวงไปได้ ถูกฟาดจนตัวลอยออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...