ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1471

ตอนที่ 1471 ทวนหงส์เพลิงตระกูลซู

“ตูม…ตูม…ตูม…” ภายใต้การสยบของมือยักษ์ทั้งเก้า แคว้นลัคนาของซูหย่งหวงเริ่มเกิดอาการสั่นไหวขึ้นมา กระทั่งปรากฏเสียงดังคร๊ากกดังขึ้นมาเป็นระลอก พื้นดินของแคว้นลัคนาเริ่มมีการแตกร้าวและแยกออก ปรากฏเป็นรอยแยกขนาดใหญ่แต่ละเส้นขึ้นมา

จะอย่างไรเสียก็คือถุงมือเทพเจ้าแห่งทะเล เป็นอาวุธเทพเจ้าแห่งทะเลที่ทรงพลังมากที่สุดของสำนักแตรสังข์ และหลอมสร้างมากับมือจากเทพเจ้าแห่งทะเลหอยสังข์เอง อาวุธเทพเจ้าแห่งทะเลลักษณะเช่นนี้ แม้ว่าโอรสสวรรค์ปกสมุทรเพิ่งจะมีโอกาสได้ใช้เป็นครั้งแรก แต่ว่า จากการที่มาจากสายเดียวกัน จึงทำให้โอรสสวรรค์ปกสมุทรสามารถสำแดงพลังเทพเจ้าแห่งทะเลที่ทรงพลังยิ่งออกมาได้

“แช้งค์…” ทันใดนั้น ปรากฏทวนอยู่ในมือของซูหย่งหวง เป็นทวนยาวที่สีแดงชาดดั่งเพลิง ตัวของทวนยาวเสมือนหนึ่งเป็นเปลวเพลิงที่กระโดดโลดเต้น ยามเมื่อทวนยาวอยู่ในมือของซูหย่งหวงแล้ว ได้ยินเสียงดัง ตูม” ร่างกายของซูหย่งหวงเหมือนถูกจุดติดอย่างนั้น นางไม่เพียงมีเปลวเพลิงที่พลุ่งพล่านรุนแรง ร่างของนางยังทีปณิธานการต่อสู้ที่ทรงพลัง พร้อมกวาดล้างปราบปรามทั่วหล้าถูกจุดติดขึ้นมาสายหนึ่ง เหมือนว่าเวลานี้นางก็คือเทพสงครามที่ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่

“อิ้วว…” เสียงร้องยาวดังออกมา หนึ่งทวนของซูหย่งหวงที่สะเทือนฟ้า หงส์เพลิงบินร่อน เดิมหงส์เพลิงตัวนี้มีความแข็งแกร่งยิ่งอยู่แล้ว เวลานี้ มันได้หลอมรวมเข้ากับกายสุริยัน ย่อมหมายถึงมันมีพลังที่ล้ำเลิศที่สุด คล้ายดั่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ที่ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกอีกครั้งและกำลังอาบเอิบอยู่กับเพลิงแก่นสุริยันอยู่ กลิ่นอายที่ปราศจากผู้ต่อกรของสัตว์เทพพลันปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน

หนึ่งทวนที่แทงออกไป หงส์เพลิงเหินบิน หนึ่งทวนสะเทือนฟ้าดิน ทำให้ซูหย่งหวงในเวลานี้มีท่าทีที่สุดยอด หมางเมินเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน เป็นที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งยิ่งนักแก่ผู้ที่พบเห็น

“ทวนหงส์เพลิงตระกูลซู!” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มที่เรียบเฉยออกมาเมื่อได้เห็นทวนที่อยู่ในมือของซูหย่งหวง มองดูท่วงท่าที่เปี่ยมด้วยปณิธานการต่อสู้ที่ฮึกเหิมแล้ว ทันใดนั้น หลี่ชิเย่เหมือนดั่งได้มองเห็นขุนพลหญิงตระกูลซูในครั้งครานั้น!

เสียง “ปัง…” ดังสนั่นไปทั่ว หงส์เพลิงกวาดล้างไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน การโจมตีด้วยปีกทั้งคู่ของมัน มือขนาดใหญ่ที่ปิดบังฟ้าดินกระเด็นกระดอน ต่อให้เป็นมือของเทพเจ้าแห่งทะเลก็ไม่อาจต้านทานกับการโจมตีที่สะเทือนฟ้าเช่นนี้ได้

แม้กล่าวว่า ถุงมือเทพเจ้าแห่งทะเลที่สวมอยู่บนมือของโอรสสวรรค์ปกสมุทรนั้นทรงพลังยิ่งนัก มันคืออาวุธเทพเจ้าแห่งทะเลที่ทรงพลังมากที่สุดของสำนักแตรสังข์ แต่ทว่า ประวัติความเป็นมาของทวนหงส์เพลิงตระกูลซูก็ไม่ธรรมดา มันเคยติดตามนายหญิงแห่งตระกูลซูกวาดล้างไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินมาก่อน และด้วยทวนหงส์เพลิงตระกูลซูที่อยู่บนมือเล่มนี้ ทำให้ขุนพลหญิงตระกูลซูสร้างผลงานการรบที่โด่งดังให้กับราชันเซียนหมิงเหริน ทำการกวาดล้างสิ่งกีดขวางจำนวนมากบนเส้นทางก้าวไปสู่ราชันเซียนของราชันเซียนหมิงเหรินจนราบเรียบ!

หนึ่งทวนที่กวาดออกไป โอรสสวรรค์ปกสมุทรถึงกับกระอักเลือดออกมาอย่างแรง โอรสสวรรค์ปกสมุทรทั้งเก้าหายไป และปรากฏโอรสสวรรค์ปกสมุทรที่เป็นร่างจริงขึ้นมา

“ตึง” หนึ่งทวนที่สะบัดไปเบื้องบน ไปแล้วไปลับ พุ่งเป้าไปที่โอรสสวรรค์ปกสมุทร กระบวนท่านี้อหังการยิ่งนัก โดยเฉพาะเมื่อต้องมาอยู่ในแคว้นลัคนาของซูหย่งหวงด้วยแล้ว ต่อให้เป็นเทพแท้จริงก็รับกับกระบวนท่านี้ไม่ได้

“บังอาจ…” หนึ่งทวนนี้มีความอันตรายยิ่งนัก ทำให้จักรพรรดิหอยสังข์ถึงกับนั่งไม่ติดลุกขึ้นยืนในทันที เงาลางๆ ที่อยู่ด้านหลังของเขาพลันปะทุอำนาจเทพเจ้าแห่งทะเลที่ไม่มีสิ้นสุดออกมา

ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับร่างสั่นเทิ้มขึ้นมาทีหนึ่งกับอำนาจเทพเจ้าแห่งทะเลเช่นนี้ ช่างเป็นอำนาจเทพเจ้าแห่งทะเลที่ทรงพลังยิ่งเหลือเกิน

“จักรพรรดิหอยสังข์ เจ้าคิดจะลงมือรึ?” ในขณะที่จักรพรรดิหอยสังข์คิดจะลงมือเข้าช่วยเหลืออยู่นั้น เทพธิดาเจินหวู่พลันก้าวเดินออกมาในเวลานี้ โดยที่นางไม่ได้สำแดงกระบวนท่าใดๆ ทั้งสิ้น

ฉับพลันนั้นเอง ด้านหลังของเทพธิดาเจินหวู่ ปรากฏดวงตาคู่หนึ่งลืมตาขึ้นมา เป็นคู่ดวงตาที่ส่องสว่างไปทั่วฟ้าดิน มองหยินและหยางอย่างทะลุปรุโปร่ง ครอบคลุมวัฏจักร

ดวงตาคู่นี้มีความลึกล้ำยิ่งนัก เป็นคู่ดวงตาที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนนับไม่ถ้วน ยามที่ดวงตาคู่นี้ลืมตาขึ้นมา เหมือนเป็นเทพเจ้าแห่งทะเลที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาองค์หนึ่ง ดวงตาคู่นั้นส่องสว่างฟ้าดิน ทำให้สรรพชีวิตในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินจำนวนนับไม่ถ้วนต้องรู้สึกยำเกรง

“เนตรเทพเจ้าแห่งทะเล…” ยามที่ดวงตาคู่นี้ลืมตาขึ้นมา ไม่รู้ว่ามีปีศาจทะเลจำนวนเท่าไรที่ร้องเสียงแหลมออกมา และเสียงทิ้งตัวคุกเขาลงดังขึ้น ปีศาจทะเลจำนวนมากคุกเข่ากับพื้นก้มหน้าต่ำ ไม่กล้าสบตากับดวงตาคู่นั้น

จักรพรรดิหอยสังข์คือบุตรของเทพเจ้าแห่งทะเล แต่ เทพธิดาเจินหวู่ก็เป็นบุตรีเทพเจ้าแห่งทะเลเช่นกัน อีกทั้งพรสวรรค์ของเทพธิดาเจินหวู่สูงกว่าจักรพรรดิหอยสังข์อยู่มากมาย

“จักรพรรดิหอยสังข์ เจ้าน่ะแก่แล้ว เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของข้า!” ขณะที่ดวงตาคู่นี้ลืมตาขึ้นมานั้น ประกายเทพเจ้าแห่งทะเลได้อาบเอิบบนตัวของเทพธิดาเจินหวู่ ทันใดนั้น ในเสี้ยววินาทีนี้เองเทพธิดาเจินหวู่ ก็คล้ายดั่งเป็นเทพเจ้าแห่งทะเลองค์หนึ่งอย่างนั้น

ผู้คนจำนวนมากรู้สึกสั่นเทาภายในใจ เมื่อได้เห็นเทพธิดาเจินหวู่ อาบเอิบอยู่ภายใต้ประกายเทพเจ้าแห่งทะเล เทพธิดาเจินหวู่มีความแข็งแกร่งมากกว่าที่ทุกคนได้จินตนาการเอาไว้ นางมีสิทธิ์เป็นเทพเจ้าแห่งทะเลได้อย่างแน่นอน และมีสิทธิ์มากกว่าทุกคน

นาทีนี้กระทั่งมีผู้คิดว่า ต่อให้มีใครสักคนที่ได้รับการยอมรับจากทวนสามง่ามไปแล้ว ถ้าหากเทพธิดาเจินหวู่คิดจะอาศัยกำลังแย่งชิงเอาทวนสามง่ามมาเป็นของตน เกรงว่านางก็คงเป็นเทพเจ้าแห่งทะเลได้เช่นกัน!

คำพูดที่ตรงไม่มีการอ้อมค้อมของเทพธิดาเจินหวู่ พลันทำให้สีหน้าของจักรพรรดิหอยสังข์ถึงกับดำคล้ำ แต่ทว่า ต่อให้เขาโกรธจัดก็ต้องจนด้วยเกล้า เนื่องจากการลืมตาขึ้นมาของเนตรเทพเจ้าแห่งทะเลคู่นั้นที่อยู่ด้านหลังของเทพธิดาเจินหวู่ เขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันบ่งบอกสิ่งใดออกมา

จักรพรรดิหอยสังข์ที่ฐานะเป็นบุตรเทพเจ้าแห่งทะเลเหมือนกัน เขาย่อมมีความเข้าใจในอำนาจของเทพเจ้าแห่งทะเล การที่เนตรเทพเจ้าแห่งทะเลคู่นั้นที่อยู่ด้านหลังของเทพธิดาเจินหวู่สมจริงได้ขนาดนี้ ทำให้เขารู้ว่าเทพธิดาเจินหวู่ได้มีการสืบทอดพลังส่วนหนึ่งของเทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่เอาไว้ ถึงแม้ตัวเขาจะได้รับความคุ้มครองจากบิดาของเขา แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเทพธิดาเจินหวู่ เขาก็ยากที่จะต่อกรด้วย

“อ๊ากก…” เสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้น เลือดสดๆ กระจายตกลงมาในเวลานี้ ทวนหงส์เพลิงตระกูลซูแทงทะลุเข้าไปยังหัวใจของโอรสสวรรค์ปกสมุทร ศพของโอรสสวรรค์ปกสมุทร ถูกทวนหงส์เพลิงตระกูลซูยกขึ้นสูง

ภาพนี้นับว่าสร้างความสะเทือนหวั่นไหวเหลือเกิน เคยเป็นดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดของเผ่าปีศาจทะเล เวลานี้กลับตามมาตายภายใต้เงื้อมมือของเผ่าพันธุ์มนุษย์คนหนึ่ง ขณะที่ศพของเขาถูกเกี่ยวและชูขึ้นสูงนั้น ภาพที่เลือดสดๆ ไหลรินหยดลงมานั้น ช่างสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจเสียเหลือเกิน!

สุดท้าย ซูหย่งหวงเรียกคืนลัคนากลับมา ทวนยาวในมือสะบัดไปตามอารมณ์ “ปัง” ศพของโอรสสวรรค์ปกสมุทรพลันกลายเป็นหมอกเลือด ไม่เหลือทิ้งเอาไว้แม้แต่ซาก

สีหน้าของจักรพรรดิหอยสังข์ดำคล้ำเย็นยะเยือกดูไม่จืดถึงขีดสุด เขาอยู่ในฐานะผู้คุ้มครองของโอรสสวรรค์ปกสมุทร แต่ทว่า ท้ายที่สุดแล้วกลับไม่สามารถช่วยเหลือโอรสสวรรค์ปกสมุทรเอาไว้ได้

ต่อให้เขามีใจคิดอยากจะช่วยเหลือโอรสสวรรค์ปกสมุทรก็ไร้ประโยชน์ เมื่อมีเทพธิดาเจินหวู่ขวางเอาไว้ เขาไม่สามารถผ่านด่านนี้ไปภายในระยะเวลาอันสั้นได้อยู่แล้ว เขาไม่สามารถเข้าช่วยเหลือโอรสสวรรค์ปกสมุทรได้โดยสิ้นเชิงอยู่แล้ว!

“จบสิ้นแล้ว เลิกประชุมกันได้” ในเวลานี้ เทพธิดาเก็บจันทราได้กล่าวน่าเกรงขามว่า “การประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้! ”

เมื่อเทพธิดาเก็บจันทราได้พูดออกมาเช่นนี้ ทั่วทั้งบริเวณเงียบกริบ ไม่ว่าจะเป็นเมิ่งเจิ้นเทียน หรือว่าองค์ชายแห่งความชั่วร้าย และหรือจักรพรรดิลู่ พวกเขาล้วนแล้วแต่จนด้วยเกล้า

ลำพังแค่เทพธิดาเก็บจันทราคนเดียวก็ทำให้อึดอัดจนหายใจไม่ออกแล้ว บวกกับเทพธิดาเจินหวู่เข้าไปอีกคนล่ะก็ พวกเขาต้องถูกสถานการณ์บีบบังคับเอาไว้อย่างแน่นอน อย่าว่าแต่คิดกำจัดหลี่ชิเย่เลย ถึงเวลานั้นพวกเขาคิดจะรักษาตัวเองก็ยังยาก ถึงตอนนั้นไม่แน่นักอาจเป็นหลี่ชิเย่ที่ร่วมมือกับเทพธิดาเก็บจันทรา และเทพธิดาเจินหวู่สังหารพวกเขาเสียก็เป็นไปได้

สุดท้ายแล้ว องค์ชายแห่งความชั่วร้ายส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจออกมา สะบัดเสื้อเดินจากไป เมิ่งเจิ้นเทียน จักรพรรดิลู่ก็จนปัญญา ได้แต่เดินตามจากไป ขณะที่สีหน้าของจักรพรรดิหอยสังข์ปั้นยากสุดๆ สุดท้ายเขาได้ระงับเพลิงแห่งความโกรธแค้นภายในใจ ส่งเสียงฮึออกมา แล้วนำพาศิษย์ของสำนักแตรสังข์เดินจากไป!

เดิมทีเป็นงานที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยที่พวกของเมิ่งเจิ้นเทียนต้องการอาศัยโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนี้ รวมเอาพลังของปีศาจทะเล วิญญาณเทพ และเผ่าพฤกษาทั้งสามเผ่ามาจัดการกับหลี่ชิเย่ อาศัยจังหวะนี้จัดการสังหารหลี่ชิเย่ที่ยังคงอยู่ในแบเบาะเสีย ขณะเดียวกันก็จัดการกำหนดนโยบายการชิงตำแหน่งราชันเซียนและเทพเจ้าแห่งทะเลของแดนวิญญาณสวรรค์ในอนาคตเอาไว้

แต่แล้ว เมื่อถูกหลี่ชิเย่เข้ามากวน บวกกับเทพธิดาเก็บจันทรา และเทพธิดาเจินหวู่ที่มาคอยให้การสนับสนุน ทำให้แผนการของพวกเขาต้องพังทลายไม่บังเกิดผลสำเร็จแม้แต่เรื่องเดียว!

พวกของเมิ่งเจิ้นเทียนที่เป็นสี่ยอดฝีมือล้วนแล้วแต่เดินทางจากไป ทำให้บรรดาผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างทยอยกันลุกออกจากที่นั่ง พวกเขาไม่กล้ารั้งรออยู่ที่ตรงนี้อีกต่อไป

ในเวลานี้ การประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ก็จบลงด้วยประการเช่นนี้ สถานที่ประชุมที่ใหญ่โตยิ่งคงเหลือเพียงพวกของหลี่ชิเย่เท่านั้น

ในเวลานี้ เทพธิดาเจินหวู่ได้มองหน้าเทพธิดาเก็บจันทราทีหนึ่ง กล่าวกับพวกของซูหย่งหวงว่า “พวกเราไปกันเถอะ” กล่าวพลางก้าวเดินออกจากสถานที่จัดประชุมเป็นคนแรก

พวกของซูหย่งหวงต่างทยอยกันก้าวเดินออกไปจากสถานที่จัดประชุม สุดท้าย สถานที่จัดการประชุมที่ใหญ่โตจึงเหลือเพียงหลี่ชิเย่ และเทพธิดาเก็บจันทราสองคนเท่านั้น

หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมา มองดูเทพธิดาเก็บจันทราที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ขณะที่เทพธิดาเก็บจันทราเพียงมองหน้าหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีเย็นชา ไม่ได้พูดอะไรออกมา

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ หลี่ชิเย่จึงเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ ว่า “จันทราน้อย เจ้าตัดสินใจอย่างไร? ติดตามข้าไป ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่จนถึงที่สุด หรือว่าจะติดสินบุญคุณความแค้นระหว่างเราให้จบสิ้นไปล่ะ? ”

“ข้าจะเอาชนะเจ้าอย่างแน่นอน!” เทพธิดาเก็บจันทราที่มองดูหลี่ชิเย่ กล่าวด้วยท่าทีเย็นชาออกมาในที่สุด

“เวลานี้เลยหรือ?” หลี่ชิเย่มองดูเทพธิดาเก็บจันทราและกล่าวเชื่องช้าออกมาว่า “ถ้าหากเจ้าคิดจะสู้กับข้า ข้าจะทำตามประสงค์ต่อสู้กับเจ้าอย่างเต็มกำลัง!”

“ไม่” เทพธิดาเก็บจันซากล่าวท่าทีเย็นชาว่า “รอให้เจ้าได้เป็นราชันเซียนเสียก่อน ข้าจะเอาชนะเจ้าแน่! ”

“งั้นรึ?” หลี่ชิเย่ไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดคิด เขาเข้าใจนิสัยของนาง จึงยิ้มกล่าวว่า “หากข้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แล้วอย่างไร และข้าเป็นฝ่ายชนะแล้วมันจะอย่างไร?”

เทพธิดาเก็บจันทราจ้องมองดูหลี่ชิเย่ หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ สุดท้าย นางกล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “หากข้าเป็นฝ่ายชนะ เจ้าจะต้องรั้งอยู่ที่นี่หยุดลงเพื่อข้า ไม่มีการเดินหน้าอีกต่อไป จนกว่าจะถึงวันที่ข้าไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว!”

“ตกลง” หลี่ชิเย่ตอบตกลงทันที และกล่าวว่า “หากข้าเป็นฝ่ายชนะ เจ้าก็ติดตามข้าไปก็แล้วกัน เจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่เคียงข้างข้าสู้รบให้ถึงที่สุดก็ได้ ในอนาคต ณ จุดสิ้นสุดของโลกใบนี้ เจ้าแค่ใช้สายตาของเจ้าส่งข้าเข้าสู่สมรภูมิสุดท้ายก็เพียงพอแล้ว”

“ตกลง!” เทพธิดาเก็บจันทราตอบตกลงข้อเรียกร้องของหลี่ชิเย่ทันทีโดยไม่ต้องคิด!

หลี่ชิเย่มองดูใบหน้าที่งดงามจนไร้ที่ติของนาง ถึงกับอดยื่นมือออกไปลูบไล้แผ่วเบาไม่ได้ ขณะที่เทพธิดาเก็บจันทราก็อดที่จะเอียงคอให้ใบหน้าแนบชิดอยู่กับมือที่หยาบกร้านและเปี่ยมด้วยพลังข้างนั้นไม่ได้

“เอาชนะข้าที่เป็นราชันเซียน” หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น และกล่าวว่า “จันทราน้อย เจ้าไม่สามารถเอาชนะข้าที่เป็นราชันเซียนในเก้าแดนนี้ได้หรอกนะ เจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วยัง หากคิดจะเอาชนะข้า เจ้าจะต้องขึ้นไปข้างบนโน่น เหมือนดั่งข้า มีเพียงขึ้นไปข้างบนเท่านั้นเจ้าจึงจะมีโอกาส! “

“ข้ารู้!” เทพธิดาเก็บจันซากล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าย่อมรู้ดีว่าที่ข้าเผชิญหน้าอยู่คืออะไร!” ครั้นเอ่ยถึงตรงนี้แล้ว นางถึงกับนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

ความลับเกี่ยวกับเก้าแดนล้วนแล้วแต่มาจากหลี่ชิเย่ที่เป็นผู้บอกเล่าให้กับนาง ทันใดนั้น ทำให้นางถึงกับหวนนึกไปถึงวันวานที่พวกเขาเคียงคู่ร่วมโบยบินไปด้วยกัน

สุดท้าย เทพธิดาเก็บจันทราจ้องมองหลี่ชิเย่อยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานมาก เหมือนว่าต้องการให้ภาพของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าสลักฝังลึกเข้าไปอยู่ภายในใจอย่างนั้น

“อย่าได้ตายง่ายๆ นะ ข้ายังไม่ได้เอาชนะเจ้า!” ท้ายสุด เทพธิดาเก็บจันทรากล่าวน้ำเสียงเย็นชาออกมา จบคำพลันหันหลังจากไปทันที

“ข้าไม่ตายง่ายดายอย่างนั้นหรอกนะ” หลี่ชิเย่ที่ยิ้มกล่าวออกมา ขณะมองดูเงาหลังของเทพธิดาเก็บจันทราที่จากไปไกล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล