ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1473

ตอนที่ 1473 ร่วมชมอาทิตย์อัสดง

หลี่ชิเย่ และถานไถรว่อหนานนั่งอยู่ริมหน้าต่าง อิงแอบกันมองดูอาทิตย์อัสดงในยามเย็น ทั้งสองคนต่างไม่ได้พูดอะไรออกมา บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบสงบมาก

“คุณชาย แดนวิญญาณสวรรค์ไม่มีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้แล้วจริงๆ หรือ?” หลังจากที่ผ่านไปนานมาก ถานไถรว่อหนานได้ทำลายความเงียบสงบ พูดขึ้นมาแผ่วเบา

“มี” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเฉยเมยว่า “ก็เพราะอย่างนี้ ข้ากำลังคุยเงื่อนไขกับหอสัตตะยุทธอยู่ไม่ใช่รึ? บางทีเมื่อถึงวันนั้น จำเป็นต้องให้เจ้ามาเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์”

“ถ้าหากมันคือชะตาของข้า ข้ายินดีไปเผชิญหน้ากับมัน” ถานไถรว่อหนานกล่าวได้อ่อนโยนมาก แต่ทว่า คำพูดของนางกลับหนักแน่นจริงจัง ไม่แพ้บุรุษอกสามศอกแม้แต่น้อยนิด

“แต่ เจ้าควรจะรู้ว่า ครั้งนั้นบิดาของเจ้าให้ข้ามาตัดสายเลือดเจ้าให้ขาดนั้น เขาไม่หวังให้เจ้าก้าวเดินบนเส้นทางสายนี้ ในฐานะของบิดาเขาหวังให้เจ้าบินไปให้ไกล ยิ่งไกลยิ่งดี หรือบางทีอาจบินออกจากเก้าแดน ไปดูชมทิวทัศน์ที่มันแตกต่างออกไป!” หลี่ชิเย่ลูบไล้เส้นผมของนางเบาๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

“ข้ารู้ บอกได้แต่เพียงข้านั้นได้เนรคุณต่อความหวังดีของท่านพ่อ อ้อมโลกไปรอบหนึ่ง สุดท้ายแล้ว ข้ายังคงรั้งอยู่ที่แดนวิญญาณสวรรค์เหมือนเดิม” ถานไถรว่อหนานเอ่ยขึ้นมแผ่วเบา

หลังจากที่นิ่งเงียบกันอยู่นาน ในที่สุดหลี่ชิเย่ได้เอ่ยขึ้นมาเบาๆ ว่า “เจ้าต้องเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดีนะ เส้นทางสายนี้ไม่น่าเดินเลย แม้แต่ตัวข้าเองยังไม่กล้าบอกว่าจุดจบจะเป็นอย่างไร เมื่อไหร่ที่มันมาถึงแล้ว มีความเป็นไปได้ที่สูงมากว่าเจ้าอาจจะต้องตาย”

ในเมื่อมีคุณชายเป็นผู้วางแผน ข้าเชื่อในตัวคุณชาย” ถานไถรว่อหนานยิ้มกล่าวว่า “คุณชายเป็นใครกัน เป็นผู้ที่เคยล่าเหล่าราชันและบรรดาเทพมาแล้ว เหนือเก้าแดนนั่น คุณชายคือคนที่เคยสังหารเหล่าราชันและบรรดาเทพมาแล้ว สถานการณ์ของแดนวิญญาณสวรรค์ ย่อมอยู่ในกำมือของคุณชาย”

“เจ้าน่ะ เชื่อใจในตัวของข้าเช่นนี้อยู่เสมอ” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา และส่ายหน้าเบาๆ

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ หลี่ชิเย่ ถึงกับกล่าวด้วยท่าทีจริงจังว่า “ว่อหนานน่ะ เรื่องนี้ข้าไม่มีความมั่นใจเลย จะอย่างไรเสีย ที่นี่คือแดนวิญญาณสวรรค์ ไม่ใช่เหนือเก้าแดนตรงนั้น ท่ามกลางแดนวิญญาณสวรรค์แห่งนี้ข้อจำกัดมันมากเหลือเกิน ไม่ได้มีเงื่อนไขเช่นเหนือเก้าแดนตรงนั้น…”

“…ถ้าหากได้รับเงื่อนไขหรือสิ่งแวดล้อมที่ดีเหมือนดั่งอยู่เหนือเก้าแดนตรงนั้น ท่ามกลางกาลเวลาที่แสนจะยาวนานเช่นนี้ ขอเพียงเจ้าเอ่ยมาคำเดียว ข้าก็จะทำการกับแดนวิญญาณสวรรค์ จนราบเรียบ คืนความปลอดโปร่งให้กับท้องฟ้าแห่งนี้ เสียดาย ที่นี่หาใช่เป็นพื้นที่ที่อยู่เหนือเก้าแดนนั่น” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว เขาอดทอดถอนใจเบาๆ ออกมาไม่ได้

“นั่นสิ จะอย่างไรเสียที่นี่มันก็ได้รับข้อจำกัดต่างๆ นานาอยู่” ถานไถรว่อหนานเองก็สามารถเข้าใจได้ พยักหน้าเบาๆ

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ราชขันเซียนของแดนวิญญาณสวรรค์ก็เคยพยายามกันมาแล้ว จะบอกว่าไม่ประสบความสำเร็จสักนิดก็คงไม่ได้” หลี่ชิเย่กล่าวว่า “บอกได้แต่เพียงหากจะอาศัยราชันเซียนเพียงลำพังไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้มีราชันเซียนที่สามารถทำได้จนสำเร็จ ทำลายความสมดุลไป ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ดังนั้น ราชันเซียนที่ได้พยายามมาแล้วนั้น ทำได้เพียงรักษาความสมดุลให้กับแดนวิญญาณสวรรค์แห่งนี้เท่านั้น!”

“การเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ความสมดุลของแดนวิญญาณสวรรค์คงรักษาเอาไว้ได้ไม่นานแล้ว” ถานไถรว่อหนานเอ่ยขึ้นแผ่วเบา

“มันมาแน่” หลี่ชิเย่นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “แต่ว่า ข้าคงรอไม่ถึงวันนั้น ข้าไม่สามารถรอให้ถึงวันนั้นเพื่อช่วยเหลือเจ้าอีกแรง”

“คุณชายมีความมุ่งมาดปรารถนาของคุณชาย ข้าเองก็มีภารกิจของข้า” ถานไถรว่อหนานหัวเราะกล่าวด้วยบุคลิกที่ง่ายๆ ว่า “พันล้านปีที่ผ่านมา คุณชายไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่เคยหยุดอยู่กับที่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ข้าเองก็ไม่คิดจะเป็นสิ่งพันธนาการสำหรับคุณชาย ข้าไม่ต้องการเพียงเพราะข้าทำให้คุณชายต้องหยุดการก้าวเดิน นี่ไม่ใช่คุณชายที่อยู่ในใจของข้า ไม่ใช่คุณชายที่หาญกล้าก้าวเดินไปยังข้างหน้าภายในใจของข้าคนนั้น!”

ถานไถรว่อหนานที่หัวเราะออกมาในเวลานี้ช่างงดงามอะไรปานนั้น ช่างดึงดูดใจคนได้ขนาดนั้น ทำให้ผู้พบเห็นล้วนแล้วแต่ต้องหลงรักในตัวนาง และเคลิบเคลิ้มหลงใหลในตัวของนาง

“หากไม่เป็นเพราะในใจของเจ้ามีพันธนาการเช่นนั้นเอาไว้ ข้าจะต้องพาเจ้าไปจากที่นี่แน่นอน” หลี่ชิเย่ทอดถอนใจออกมาทีหนึ่ง รู้สึกถึงความผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก

แม้ว่าหลี่ชิเย่จะกระหายต้องการให้ถานไถรว่อหนานมาอยู่ข้างกายของเขา แต่ว่า ในเมื่อในใจของนางมีเครื่องพันธนาการอยู่เขาก็จะไม่ฝืนบังคับนาง เช่นเดียวกับที่ถานไถรว่อหนานเองก็ไม่เคยร้องขอให้หลี่ชิเย่หยุดก้าวเดินเพื่อนางอย่างนั้น เนื่องจากถานไถรว่อหนานเองก็ไม่คาดหวังให้หลี่ชิเย่เพื่อนางแล้วละทิ้งสิ่งที่ได้ยืนหยัดมาแล้วเป็นพันล้านปี

“หากไม่เป็นเพราะข้ามีสิ่งที่พันธนาการอยู่ในใจเช่นนี้ ข้าเองก็ยินดีติดตามคุณชายไปยังสุดหล้าฟ้าเขียว!” ถานไถรว่อหนานพูดออกมาพร้อมกับกุมมือของหลี่ชิเย่เอาไว้

หลี่ชิเย่เองก็อดที่จะกุมมือของนางเอาไว้และเผยรอยยิ้มที่เฉยเมยออกมา

“เอาล่ะ คุณชาย พวกเราจะไม่พูดถึงเรื่องราวที่เศร้าอาดูรเหล่านี้” หลังจากเวลาผ่านไปนานมาก ถานไถรว่อหนานยิ้มกล่าวว่า “คุณชายมิสู้ไปนั่งเล่นที่เกาะเจินหวู่ของข้า นับแต่จากกันในครั้งนั้นแล้ว คุณชายก็ไม่ได้กลับไปเหยียบเกาะเจินหวู่อีกเลย”

“ก็ดีเหมือนกัน” หลี่ชิเย่รับปากทันที หัวเราะกล่าวว่า “เรื่องราวในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็จัดการจนเกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น แต่ว่า ข้ายังไม่รีบ เช่นนั้นแล้วไปที่เกาะเจินหวู่ของเจ้าก่อนก็แล้วกัน พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าจะตามไป”

ถานไถรว่อหนานไม่ได้แสดงอาการออดอ้อนแบบสาวน้อย พาขุนพลไป่หวู่และศิษย์ของเกาะเจินหวู่ไปจากเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์

“ฝ่าบาท ข้าน้อยมีเรื่องหนึ่งอยากทูลถาม” หลังจากออกจากเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ขุนพลไป่หวู่อดเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้

“ไป่หวู่ พ่อของข้าเห็นเจ้าเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ข้าเองก็เห็นเจ้าเหมือนดั่งญาติ มีเรื่องอะไรก็พูดออกมาได้ตรงๆ เลย”

ขุนพลไป่หวู่ทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง คิดเรียบเรียงคำพูดอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายจึงพูดขึ้นว่า “อภัยที่ข้าน้อยบังอาจ การกระทำของฝ่าบาทเกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะ ให้การสนับสนุนเผ่าพันธุ์มนุษย์คนหนึ่งอย่างเต็มที่ เกรงว่าจะล่วงเกินต่อเผ่าพันธุ์เดียวกันอยู่ไม่น้อยทีเดียวเลย”

“แล้วเป็นอย่างไร” ถานไถรว่อหนานส่ายหัวเบาๆ และกล่าวว่า “การที่คนเราอยู่บนโลกใบนี้มีหรือที่จะไม่ไปล่วงเกินใครเข้า สวะของเผ่าปีศาจทะเลมีมากมายเหลือเกิน ไม่ได้รับรู้เลยว่าตัวเองกำลังอยู่ในยามคับขันอย่างไร”

“เรื่องนี้…” ขุนพลไป่หวู่ตะลึงนิดหนึ่ง ทำท่าไตร่ตรองและกล่าวด้วยความระมัดระวังว่า “ฝ่าบาท การล่วงเกินต่อเผ่าปีศาจทะเลไม่ใช่ปัญหา แต่ว่า ฝ่าบาทคิดว่าการตั้งบัลลังก์ราชันอยู่เหนือบัลลังก์กษัตริย์ทั้งสามนั้น จะอย่างไรเสียก็ดูไม่เหมาะ ฝ่าบาทเองก็คือเทพเจ้าแห่งทะเลเหมือนกัน…”

“ไป่หวู่ ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า” ถานไถรว่อหนานกล่าวตัดบทขุนยพลไป่หวู่ ยิ้มกล่าวท่าทีเรียบเฉยว่า “ความหมายของเจ้าคือเป็นการลบหลู่อำนาจบารมีของเทพเจ้าแห่งทะเล ความจริงแล้ว ไป่หวู่ต่อให้พ่อของข้ายังมีชีวิตอยู่ ท่านก็จะไม่คัดค้านเรื่องที่คุณชายหลี่อยู่เหนือบัลลังก์เทพเจ้าแห่งทะเล”

“เรื่องนี้…” ขุนพลไป่หวู่ถึงกับงุนงง กล่าวว่า “เรื่อง เรื่องนี้…” เวลานี้เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี

“ไป่หวู่เจ้าไม่เข้าใจหรอกนะ” ถานไถรว่อหนานส่ายหัวเบาๆ กล่าวว่า “การกระทำของข้าเป็นการช่วยเหลือชีวิตบรรดาสวะเหล่านั้นเอาไว้ เจ้าคิดว่าอาศัยพวกสำนักแตรสังข์พวกนั้นสามารถสั่นคลอนต่อคุณชายหลี่ได้จริงหรือ?” พวกสวะเหล่านั้นไม่รู้จักกาลเทศะ หากคุณชายหลี่โกรธขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ นั่นแหละเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด เกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้ว พลันที่เขาลงมือก็คือเลือดล้างเผ่าปีศาจทะเล ทำให้ทะเลปีศาจมังกรจะต้องกลายเป็นทะเลเลือดอยู่หลายปี…”

“…เมื่อถึงเวลานั้น ทั่วทั้งทะเลปีศาจมังกรจะต้องอดอยากหิวโหยเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมืองไปหมด! ข้าออกหน้ายังทำให้คุณชายหลี่เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อน มิฉะนั้นล่ะก็ จะต้องเกิดการเข่นฆ่าครั้งใหญ่ขึ้นในแดนวิญญาณสวรรค์อย่างแน่นอน พวกสำนักแตรสังข์ จู่ลู่อะไรเหล่านั้นหลงเข้าใจว่าตัวเองนั้นปราศจากผู้ต่อกร ในสายตาของคุณชายหลี่แล้ว พวกเขายิ่งกว่าพวกมีชื่อเสียงจอมปลอมเสียอีก!

“มัน มันเป็นความจริงรึ?” เมื่อได้ยินคำพูดของถานไถรว่อหนานแล้ว ขุนพลไป่หวู่ถึงกับตะลึง กล่าวว่า “มัน มันเป็นไปได้หรือ?”

เข่นฆ่าล้างปีศาจทะเลแค่ยกมือใช่เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายดาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเข่นฆ่าล้างแดนวิญญาณสวรรค์จนสิ้น เว้นแต่เป็นราชันเซียน เกรงว่าคงมีอยู่ไม่กี่คนที่สามารถทำได้

“ไป่หวู่เจ้ายังไม่รู้ถึงประวัติความเป็นมาของคุณชายหลี่ เรื่องนี้กล่าวสำหรับเขาแล้วมันจะไปยากเย็นอะไร” ถานไถรว่อหนานกล่าวเรียบเฉย

“อภัยที่ข้าน้อยโง่เขลา ฝ่าบาท คุณชายหลี่มีประวัติความเป็นมาเช่นใดกันแน่?” ขุนพลไป่หวู่กล่าวว่า “ข้าน้อยด้อยปัญญา ทำไมถึงไม่เคยได้ยินชื่อของคุณชายหลี่ในยุคก่อนหน้านี้?”

“ไป่หวู่ชื่อของคุณชายหลี่ใช่ว่าใครก็สามารถกล่าวถึงได้” ถานไถรว่อหนานส่ายหน้าเบาๆ กล่าวว่า “หากยังก้าวไปไม่ถึงจุดๆ นั้น ไม่รู้จักคุณชายหลี่นับว่าเป็นเรื่องปรกติ ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ผู้ที่รับรู้ถึงการดำรงอยู่ของคุณชายหลี่ก็จะไม่ไปพูดถึงสิ่งต้องห้ามเฉกเช่นคุณชายหลี่นี้…”

“…คุณชายหลี่มีผลกระทบต่อเก้าแดนมายุคแล้วยุคเล่า ตั้งแต่ยุคไร้ซึ่งอารยะธรรมถึงยุคบุกเบิกอารยะธรรม ถึงยุคอเวจี สุดท้ายที่ยุคเหล่าราชัน มือขนาดใหญ่คู่นั้นของคุณชายหลี่ก็เหมือนดั่งเป็นผู้บงการที่อยู่ท่ามกลางความมืดของเก้าแดน คอยบงการสถานการณ์ในเก้าแดน” เมื่อเอ่ยถึงผลงานที่ยอดเยี่ยมของคุณชายแล้ว นางเองอดที่จะปรากฏประกายประหลาดออกมาจากนัยน์ตาของนาง

“มือขยาดใหญ่ที่อยู่ท่ามกลางความมืด!” นาทีนี้ ขุนพลไป่หวู่รับรู้ได้ถึงตำนานเรื่องหนึ่ง เขาถึงกับรู้สึกเสียวสันหลังวาบบ กล่าวว่า “มือคู่นั้นในความมืดมิดที่อยู่ในตำนานรึ? เรื่อง เรื่อง เรื่องนี้ขณะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทยังมีพระชนม์ชีพอยู่เคยเอ่ยถึงมาก่อน”

“ถูกต้อง คือเขานั่นแหละ” ถานไถรว่อหนานพยักหน้า กล่าวว่า “เจ้าจำเอาไว้ก็แล้วกัน หากแม้นวันหนึ่งข้าไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว เกาะเจินหวู่ก็สมควรให้การรับรองเขาอย่างเคารพนอบน้อม!”

เวลานี้ ขุนพลไป่หวู่จึงได้รับรู้แล้วว่า ที่ตนเองเผชิญอยู่คือผู้ใด เขาถึงกับสั่นเทิ้มภายในใจ เนื่องจากขณะเทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่ยังมีชีวิตอยู่ก็เคยพูดถึงเรื่องมือมืดที่อยู่เบื้องหลัง แม้แต่เทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่ผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นนี้ยังไม่ต้องการพูดถึงมากมาย เพียงบอกเล่าอย่างผิวเผินเท่านั้น

ลองนึกภาพดู เทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่คือใคร เป็นผู้ที่ได้รับความเคารพสูงสุดของเผ่าปีศาจทะเล ได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลที่สามารถเทียบเคียงกับเทพเจ้าแห่งทะเลเทียนสื่อ สามารถต่อสู้กับราชันเซียนหมิงเหรินด้วยผลออกมาเสมอกัน ซึ่งราชันเซียนหมิงเหรินคือผู้ที่อยู่ในฐานะเป็นผู้บุกเบิกยุคเหล่าราชัน ย่อมบ่งบอกได้ว่าเทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่มีความแข็งแกร่งเช่นใดแล้ว!

แต่ทว่า แม้แต่ระดับเทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่ยังไม่ยอมแย้มพรายความลับออกมาแม้แต่คำเดียว มีความหวาดหวั่น่ยิ่งนัก ทั้งหมดย่อมสามารถจินตนาการได้ว่า มือมืดที่อยู่เบื้องหลังในตำนานมันมีความน่ากลัวเพียงใด

ขุนพลไป่หวู่มีความเข้าใจในมือมืดที่อยู่เบื้องหลังที่อยู่ในตำนานน้อยมาก ดั่งเช่นถานไถรว่อหนานได้กล่าวเอาไว้ว่า หากยังก้าวไปไม่ถึงระดับนั้น จะไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของสิ่งนี้

ขณะเทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่ยังมีชีวิตอยู่ เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้อย่างผิวเผินเท่านั้น เพราะได้ฟังจากปากของเทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่ ทำให้ขุนพลไป่หวู่รู้ว่า บนโลกใบนี้ราชันเซียนนั้นได้ชื่อว่าเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ตจ่อกร แต่ทว่า ไม่แน่เสมอไปว่าราชันเซียนคือผู้ที่อยู่ในฐานะน่ากลัวที่สุด บนโลกใบนี้ ยังมีผู้ที่อยู่ในฐานะเก่าแก่โบราณยิ่งที่แม้แต่เทพเจ้าแห่งทะเลยังต้องหวาดหวั่นยิ่งนัก!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล