ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1474

ตอนที่ 1474 จากลา

หลังจากที่พวกของถานไถรว่อหนานจากไปแล้ว หลี่ชิเย่ได้ตามพวกซือหม่ายวี่เจี้ยนมา โดยมีซูหย่งหวงอยู่ด้วย

มองดูพวกซือหม่ายวี่เจี้ยนแล้ว หลี่ชิเย่ได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นมา จากนั้นกล่าวกับซือหม่ายวี่เจี้ยนว่า “สิ่งที่ควรจะเรียน เจ้าก็ได้เรียนรู้ไปแล้ว ด้านเคล็ดพิฆาตเทพข้าไม่มีอะไรจะถ่ายทอดให้เจ้าได้อีกแล้ว สิ่งที่เจ้าขาดไปคือความชำนาญและประสบการณ์ สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยตัวเจ้าเองไปสั่งสม”

ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้ หลี่ชิเย่หยุดนิดหนึ่ง ทอดถอนใจนิดหนึ่ง กล่าวว่า “ในอนาคตเจ้าสามารถก้าวเดินไปได้ไกลเท่าไรนั้น ขึ้นอยู่กับวาสนาของเจ้าเองแล้ว วิถีทางสายนี้ใช่ว่าจะบรรลุสัจธรรมไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าไม่สามารถบรรลุเป็นราชันเซียนได้ นักฆ่าใมได้หมายความว่าต้องหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ได้หมายความว่าเป็นพวกนอกรีต…”

“…เคล็ดพิฆาตเทพที่เจ้าฝึกนั้น มันยังคงเป็นสัจธรรมที่น่าเกรงขาม มันยังสามารถมุ่งไปสู่วิถีทางแห่งการเป็นราชันเซียนได้ มันยังคงสามารถเปิดประตูที่ลึกล้ำพิสดารของสัจธรรมได้ ในอนาคตสามารถเปิดประตูบานนี้ได้หรือไม่ สามารถก้าวไปบนถนนที่ราบเรียบและกว้างใหญ่ได้หรือไม่ ยังคงต้องอาศัยตัวของเจ้าเอง ข้อนี้ไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้”

ซือหม่ายวี่เจี้ยนที่เย็นยะเยือกพยักหน้าเงียบๆ จดจำทุกๆ คำพูดของหลี่ชิเย่เอาไว้มั่น

“การที่จะสำเร็จเป็นราชันเซียนหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่พรสวรรค์เจ้าว่าสูงส่งขนาดไหน และก็ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับว่าสัจธรรมของเจ้านั้นสวยหรูเช่นใด จะได้เป็นราชันเซียนหรือไม่สุดท้ายยังต้องดูที่ตรงนี้” กล่าวพลาง หลี่ชิเย่ชี้ไปที่หัวใจของตน กล่าวว่า “ไม่เปลี่ยนความตั้งใจเดิม ทุกอย่างล้วนมีโอกาสเป็นไปได้”

คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้ซือหม่ายวี่เจี้ยนต้องทำความเข้าใจและซาบซึ้งกับมันอย่างละเอียด นับตั้งแต่นางพ่ายแพ้ให้กับเทพสวรรค์เร่งสัจธรรมซึ่งเป็นศิษย์ผู้น้องของนางแล้ว นางได้ตัดขาดความคิดที่จะเป็นราชันเซียนอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น กล่าวสำหรับนางหลังจากที่ได้เป็นนักฆ่าคนหนึ่งแล้ว ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะได้เป็นราชันเซียน จะอย่างไรเสีย การที่นักฆ่าคนหนึ่งจะกลายเป็นราชันเซียน มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

แต่ทว่า เวลานี้คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้นางต้องขบคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้วอย่างละเอียด ทันใดนั้น เหมือนได้เปิดประตูบานใหญ่ให้กับนางอย่างนั้น

“มาจากทางไหนก็ให้กลับไปทางนั้นเถอะ” หลี่ชิเย่มอบจดหมายที่ได้เขียนเสร็จแล้วให้กับซือหม่ายวี่เจี้ยน กล่าวว่า “นำจดหมายฉบับนี้ไปมอบให้กับบรรพบุรุษของเจ้า บอกกับเขาว่าข้าฝากถามสารทุกข์สุขดิบกับเขา”

ซือหม่ายวี่เจี้ยนเก็บจดหมายฉบับนั้นเอาไว้อย่างเงียบๆ นางไม่รู้ว่าหลี่ชิเย่มีความสัมพันธ์อะไรกับกองกำลังราตรีพิฆาตเทพของพวกเขา ตามหลักแล้ว การที่หลี่ชิเย่เชี่ยวชาญเคล็ดพิฆาตเทพของกองกำลังราตรีพิฆาตเทพพวกเขา เขาน่าจะเป็นคนของกองกำลังราตรีพิฆาตเทพจึงจะถูก แต่ทว่า ไม่ว่าจะมองทางด้านใดก็ตาม หลี่ชิเย่ก็ไม่เหมือนเป็นคนของกองกำลังราตรีพิฆาตเทพพวกเขา

สุดท้าย หลี่ชิเย่สะบัดมือมือต่อซือหม่ายวี่เจี้ยน เบาๆ และกล่าวว่า “ไปเถอะ” ซือหม่ายวี่เจี้ยนนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง เวลานี้นางไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมา ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหลี่ชิเย่ช่างพิเศษเหลือเกิน กระทั่งนางยังแยกไม่ออกว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหลี่ชิเย่คืออะไร

เดิมทีหลี่ชิเย่คือเป้าหมายที่นางต้องการลอบสังหาร เวลานี้กลับกลายเป็นคนที่แก้ไขข้อสงสัยและถ่ายทอดสัจธรรม แต่ว่า เขาไม่ใช่ผู้อาวุโสของนาง และไม่ใช่ศิษย์ร่วมสำนัก ความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่มันคลุมเครือเหลือเกิน

กล่าวสำหรับซือหม่ายวี่เจี้ยนแล้ว หลี่ชิเย่ไม่เพียงเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น ทั้งยังเคยเป็นเป้าหมายลอบสังหารของนางอีกด้วย แต่ทว่า ด้วยความสัมพันธ์ลักษณะเช่นนี้ หลี่ชิเย่กลับตั้งใจสั่งสอนและถ่ายทอดให้กับนางจนหมดสิ้น อีกทั้งยังไม่ได้มุ่งหวังอะไรกับตัวนางอีกด้วย

เรื่องราวความสัมพันธ์เช่นนี้หากเกิดขึ้นกับคนอื่น พูดอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อ

“รักษาตัวด้วย” พันถ้อยคำหมื่นวจี ในที่สุดซือหม่ายวี่เจี้ยนสามารถจับเอามาผสานเข้าด้วยกันได้เพียงคำๆ เดียว นอกจากคำว่า “รักษาตัวด้วย” แล้ว นางก็ไม่รู้ว่าสมควรพูดอะไรออกมา สิ่งที่สามารถออกจากปากของนางได้คงมีเพียงคำว่า “รักษาตัวด้วย” เท่านั้น!

สุดท้าย ซือหม่ายวี่เจี้ยนพยักหน้ากับเย่เสี่ยวเสี่ยวเป็นการแสดงความขอบคุณ ท้ายสุดเห็นเงาแวบหนึ่ง หายตัวไปในฉับพลัน

หลังจากที่ซือหม่ายวี่เจี้ยนจากไปแล้ว หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวกับเย่เสี่ยวเสี่ยวว่า “นังหนู ที่เล่นบ้าอะไรก็นับว่าบ้าพอแล้ว สิ่งที่เจ้าสมควรจะได้ก็ได้มาแล้ว ถึงเวลาที่เจ้าควรจะกลับไปที่เกาะสุวรรณได้แล้ว”

“ใครบอกว่าข้าจะกลับไปที่เกาะสุวรรณ” เย่เสี่ยวเสี่ยวทำตาดุทีหนึ่ง กล่าวว่า “ข้ายังเล่นไม่พอเลย รอให้ข้าเล่นจนเบื่อแล้วค่อยกลับไปที่เกาะสุวรรณก็ยังไม่สาย!”

นังหนูผู้นี้เรียกว่าเล่นเพลินจนลืมกลับบ้านแล้ว ขาดสมาธิคิดแต่จะเล่นโน่นนี่นั่นอยู่ร่ำไป ไม่คิดจะกลับบ้านเอาเสียเลย

มีหรือที่หลี่ชิเย่จะไม่เข้าใจจิตใจของนังหนูผู้นี้ เขาถึงกับหัวเราะส่ายหน้าและกล่าวว่า “นังหนู สายเลือดของเจ้านับว่าเป็นสายเลือดที่ล้ำค่าที่สุดในโลก เจ้าสมควรจะทะนุถนอมมันให้ดี ถือโอกาสเวลานี้สายเลือดนี้ได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว ควรจะไปทำความเข้าใจมันเสีย ควรไปบรรลุความลึกล้ำพิสดารของมันให้ดีอย่าเสียเวลานี้ไป”

“เช่อะ ข้าน่ะคืออัจฉริยะ แค่ตามอารมณ์ก็สามารถบรรลุถึงความลึกล้ำพิสดารของมันได้แล้ว” เย่เสี่ยวเสี่ยวทำท่าเท้าสะเอว มองดูหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีขึงขัง และกล่าวว่า “นี่ เจ้าคนอวดดี รีบเร่งไล่ให้ข้าจากไป หรือเจ้าคิดจะทำอะไร?”

ครั้นเย่เสี่ยวเสี่ยวกล่าวถึงตรงนี้แล้ว ถึงกับพิจารณาซูหย่งหวงที่อยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ หัวเราะและกล่าวว่า “อ๋อ ข้าเข้าใจแล้ว หากข้ายังอยู่ที่นี่ก็จะเป็นการขัดขวางพวกเจ้าสองคนน่ะสิ ข้ารู้แล้วล่ะ แหะ พวกเจ้าจะต้องมีความสัมพันธ์แบบนั้นแน่เลย” กล่าวพลาง นางถึงกับหัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัย

ซูหย่งหวงถึงกับหน้าแดงเมื่อเย่เสี่ยวเสี่ยวพูดออกมาเช่นนี้ แต่นางทำหน้าขึงขังขึ้นมาทันที กล่าวว่า “เจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไร ข้าเป็นอาจารย์ของเขานะ”

“เช่อะ…” เย่เสี่ยวเสี่ยวกล่าวด้วยท่าทีเหยียดหยามว่า “ช่างเถอะ พวกเจ้ามองดูแล้วก็ไม่เหมือนเป็นศิษย์อาจารย์ อีกอย่าง เจ้าคนอวดดีเป็นคนอย่างไรข้ายังจะไม่เข้าใจเขารึ? ฮึ เขาก็คือคนที่หลงตัวเองไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ตามความเห็นของข้า ถ้าหากเจ้าคนอวดดีจะกินรวบเจ้าล่ะก็ รับรองว่ากินเสร็จเช็ดเสร็จสะอาดหมดจดแน่นอน แหะ คนอย่างเจ้าคนอวดดีแล้ว อาจารย์แล้วไง เขาไม่ใช่ประเภทที่ยึดอยู่กับประเพณีอยู่แล้ว เขากล้าคิดก็กล้าทำ…”

หลี่ชิเย่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรได้ เมื่อถูกเย่เสี่ยวเสี่ยวว่ากล่าวจนสุดจะทนได้ ถึงกับส่ายหัวยิ้มกล่าวว่า “เอาล่ะ นังหนู อย่ามัวแต่ให้ร้ายข้าอยู่เลย”

“ฮึ ใครว่าข้าให้ร้ายเจ้า” เย่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกกระหยิ่มใจอยู่สามส่วน แต่ นัยน์ตาที่กรอกไปมาพลันบังเกิดความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้อีก

หลี่ชิเย่ที่มองดูท่าทางของนังหนูคนนี้แล้ว รู้ได้ทันทีว่านางคิดจะทำอะไรอีกแล้ว

เย่เสี่ยวเสี่ยวเข้าไปคล้องแขนของหลี่ชิเย่เอาไว้ทันที กล่าวด้วยท่าทีลำพองใจกับซูหย่งหวง ว่า “ต่อให้เจ้าเป็นอาจารย์ของเจ้าคนอวดดีก็เปล่าประโยชน์ แหะ ข้าน่ะเป็นภรรยาของเจ้าคนอวดดี เป็นภรรยาตัวจริง และเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย เป็นภรรยาหลวง แหะ ต่อไปนี้หากพวกเจ้าคิดจะส่งสายตาต่อกัน คิดจะทำอะไรลับๆ ยังคงต้องได้รับอนุญาตจากข้าเสียก่อน แหะ ถือโอกาสตอนนี้รีบเข้ามาประจบข้าเสียเร็วไว”

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว เจ้านังหนูบ้าท่าทีดูจะลำพองใจยิ่งนัก กระทั่งแสดงท่าทีท้าทายต่อซูหย่งหวง

ซูหย่งหวงถึงกับเดือดดาลยิ่งนัก เมื่อถูกสาวน้อยอย่างเย่เสี่ยวเสี่ยว ยั่วเย้าถึงเพียงนี้ แต่นางก็จนปัญญาที่จะทำอะไรกับนังหนูบ้าคนนี้ได้ ยามที่นังหนูบ้านี้บ้าคลั่งขึ้นมา เรียกว่าจงใจทำทีเป็นออดอ้อนโดยแท้

ด้วยความเดือดดาล ซูหย่งหวงถึงกับทำตาค้อนไปที่หลี่ชิเย่ เป็นการส่งสัญญาณตำหนิต่อหลี่ชิเย่ เที่ยวเกาะแกะไปทั่วจนได้นังหนูคนนี้มา ต่อไปนี้คงมีอะไรสนุกแล้วล่ะ

“ว้าว ว้าว ว้าว พวกเจ้าอย่าทำยักคิ้วหลิ่วตาต่อหน้าต่อตาข้า ทำเป็นข้าไม่มีตัวตนแล้วส่งสัญญาณต่อกันตรงนี้” เย่เสี่ยวเสี่ยวพลันจับพิรุธของซูหย่งหวงเอาไว้ กล่าวยิ้มแต้ออกมา

ซูหย่งหวงทั้งอับอายทั้งเคืองเมื่อถูกเย่เสี่ยวเสี่ยวหยอกล้อเช่นนี้ แต่ก็จนด้วยเกล้า

“เอาล่ะ นังหนู อย่าทำเป็นออดอ้อนอยู่อีกเลย” หลี่ชิเย่ใช้นิ้วดีดไปที่สันจมูกของนางอย่างเคืองๆ ส่ายหน้าและยิ้มกล่าวว่า “ไม่ว่าเจ้าจะยินยอมหรือไม่ เจ้าก็ต้องกลับไปที่เกาะสุวรรณแต่โดยดี นี่เป็นจังหวะที่ดีถือโอกาสกักตนเพื่อทำให้บรรลุ อีกทั้งหลังจากที่สายเลือดของเจ้าได้ฟื้นตื่นขึ้นมาแล้ว การไปกักตนฝึกฝนที่เกาะสุวรรณนั้น พฤกษาจารย์ทั้งสองต้นที่เกาะสุวรรณสามารถช่วยเจ้าได้อีกแรง โอกาสที่ฟ้าประทานมาให้เช่นนี้ คนอื่นอยากจะได้ยังไม่ได้เลย”

“ข้ารู้” ถึงแม้เย่เสี่ยวเสี่ยวเองก็เข้าใจถึงความลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายใน แต่ทว่า ยังคงไม่มีอารมณ์ กล่าวว่า “ฝึกไปฝึกมาทั้งวัน ไม่เห็นสนุกเลย”

“ถึงจะไม่สนุกเจ้าก็ต้องฝึกแต่โดยดี” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “มิฉะนั้นแล้วเท่ากับผิดต่อสายเลือดที่อยู่ในตัวของเจ้า ไม่ถือโอกาสตอนนี้พยายามทำสักครั้ง สู้กับมันสักตั้ง อนาคตเจ้าอาจจะต้องสลดและอับแสง ต่อให้สายเลือดของเจ้าสุดยอดเพียงใดก็ตาม ก็ต้องกลับกลายเป็นธรรมดาไปในที่สุด สวรรค์ให้รางวัลกับความขยัน มันไม่เคยเหลียวแลพวกเกียจคร้าน”

“ข้ารู้แล้วน่า ทำเป็นจุกจิกจู้จี้เหมือนแม่ข้าอย่างนั้น” เย่เสี่ยวเสี่ยวพูดออกมาอย่างเคืองๆ นางที่ถือกำเนิดจากเผ่าพฤกษามีรึจะไม่เข้าใจถึงเหตุผลดังกล่าวข้างต้น เพียงแต่นางอายุยังน้อย ยังติดนิสัยชอบเล่นอยู่

“ขยันฝึกฝนเข้าไปเถอะ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “รอให้สายเลือดเจ้าสำเร็จขั้นสมบูรณ์เสียก่อน ไม่แน่นักข้าอาจจะพาเจ้าไปยังสถานที่ที่น่าตื่นเต้นมากกว่า สถานที่ที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่า แต่หากว่าเจ้าอ่อนเกินไป ข้าไม่อยากให้มีตัวถ่วง เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เจ้าก็จะอดพลาดโอกาสได้เปิดหูเปิดตาแล้วล่ะ”

“ไปที่ไหน?” เป็นไปตามคาด เมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ พลันสามารถสร้างความดึงดูดกับเย่เสี่ยวเสี่ยวทันที นางถามขึ้นด้วยความสนใจ

“รอให้เจ้ามีผลงานแล้วข้าย่อมจะบอกเจ้าเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวอย่างมีเลศนัย

“ฮึ ไม่บอกแล้วกันไปเถอะ ไม่เห็นอยากรู้เลย” เย่เสี่ยวเสี่ยวกล่าวด้วยท่าทีเหยียดหยาม แม้ว่าปากจะพูดเช่นนี้ แต่ในใจยังคงอยากจะลองดู

ถึงแม้เย่เสี่ยวเสี่ยว จะไม่เต็มใจยิ่ง แต่ท้ายที่สุดแล้วหลี่ชิเย่ก็ส่งตัวนางกลับไปจนได้ จะอย่างไรเสีย กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้วนับว่าเขาได้ให้ความสำคัญกับเย่เสี่ยวเสี่ยวเป็นอันมาก อาศัยสายเลือดของนางแล้ว ในอนาคตจะต้องมีประโยชน์อย่างมาก เขาเองจึงไม่ต้องการให้เย่เสี่ยวเสี่ยว สูญเสียสายเลือดที่สุดยอดไปโดยเปล่าประโยชน์

“เจ้าก็ได้แต่อาศัยลูกไม้ตื้นๆ พวกนี้หลอกลวงหญิงสาวที่โง่เขลาเหล่านั้น” หลังจากที่เย่เสี่ยวเสี่ยว จากไปแล้ว ซูหย่งหวงมองค้อนหลี่ชิเย่ และกล่าวอย่างเคืองๆ ออกมา

“ทำไมคำพูดนี้ข้าฟังแล้วเหมือนได้กลิ่นหึงหวงอะไรอย่างนั้นนะ?” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะและกล่าวอย่างเอ้อระเหยออกมา

ซูหย่งหวงถึงกับหน้าแดงเมื่อหลี่ชิเย่พูดเช่นนี้ออกมา ถลึงตามองหลี่ชิเย่ด้วยความเดือดดาล กล่าวว่า “หลงตัวเองให้มันน้อยๆ หน่อย!”

หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้ เพียงพูดออกมาเรียบเฉยว่า “ไปเถอะ พวกเราไปเที่ยวที่เกาะเจินหวู่กัน ที่นั่นนับว่าเป็นสถานที่ที่ดีแห่งหนึ่ง มีสิ่งปาฏิหาริย์นับไม่ถ้วน”

ซูหย่งหวงก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่ ภายในใจเหมือนอ้างว้างหวอยเหงาเล็กๆ มีความรู้สึกที่บอกไม่ถูกคอยวนเวียนอยู่ภายในใจไม่สามารถจางหายไปได้

การประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ต้องเลิกกันไปโดยปริยาย ทำให้เกิดเป็นคลื่นกระเพื่อมไปทั่วทั้งเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ก่อนการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ในครั้งนี้จะปิดฉากลงเช่นนี้

เดิมทีตัวเอกของการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์คือเมิ่งเจิ้นเทียน จักรพรรดิหอยสังข์ องค์ชายแห่งความชั่วร้าย แต่พวกเขาต้องออกจากสถานที่ประชุมอย่างหงอยเหงาเศร้าซึม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทำให้ผู้เข้าร่วมการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ต้องสะเทือนหวั่นไหว

ในเวลานี้ เกิดการวิพากวิจารณ์ต่างๆ นานาในเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ตัวเอกที่มีการวิพากวิจารณ์ถึงย่อมไม่พ้นหลี่ชิเย่ สิ่งที่เหนือความคาดคิดของผู้คนก็คือ ทั้งเทพธิดาเจินหวู่และเทพธิดาเก็บจันทรากลับหันไปให้การสนับสนุนต่อหลี่ชิเย่ที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ เป็นเรื่องที่ไม่อยากเชื่อจริงๆ หากไม่เป็นเพราะมีผู้คนจำนวนมากที่เข้าร่วมการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ด้วยตนเอง ยังนึกว่านี่เป็นข่าวเท็จ

เทพธิดาเจินหวู่คือเผ่าปีศาจทะเล ทั้งยังเป็นบุตรีเทพเจ้าแห่งทะเล เทพธิดาเก็บจันทรานั้นไม่ต้องกล่าวมากความ นางมีชาติกำเนิดเป็นเผ่าวิญญาณเทพ กล่าวได้ว่า ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ตาม โอกาสที่พวกนางทั้งสองคนจะไปให้การสนับสนุนเผ่าพันธุ์มนุษย์คนหนึ่งนั้นน่าจะมีน้อยมาก เพราะว่าจะอย่างไรเสีย ฐานะของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในแดนวิญญาณสวรรค์นั้นเรียกว่ามีหรือไม่มีก็ได้

แต่ว่า เทพธิดาเจินหวู่ไม่สนับสนุนโอรสสวรรค์ปกสมุทร ขณะที่เทพธิดาเก็บจันทราก็ไม่ให้การสนับสนุนต่อเมิ่งเจิ้นเทียนที่มีชาติกำเนิดจากเผ่าวิญญาณเทพเช่นกัน พวกนางต่างหันไปให้การสนับสนุนต่อหลี่ชิเย่ที่มีชาติกำเนิดจากเผ่าพันธุ์มนุษย์!

ก่อนการจัดการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ขึ้น ผู้คนจำนวนมากต่างคาดเดากันว่า เทพธิดาเก็บจันทราในฐานะที่มีชาติกำเนิดมาจากเผ่าวิญาณเทพเหมือนกัน ต่อให้ไม่ให้การสนับสนุนเมิ่งเจิ้นเทียน เกรงว่าคงไม่ไปสนับสนุนหลี่ชิเย่ที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์

แต่ทว่า ผลที่ออกมากลับอยู่เหนือความคาดคิดของทุกคน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล