ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1475

ตอนที่ 1475 เกาะเจินหวู่

“ชาตินี้ หลี่ชิเย่จะต้องเป็นราชันเซียนแน่นอนอย่างนั้นรึ?” ในเวลานี้ แม้แต่เผ่าวิญญาณเทพเองก็รู้สึกหวั่นไหว ถึงกับต้องถามคำถามกับตัวเองเช่นนี้

ก่อนหน้านั้น ผู้คนจำนวนเท่าไรที่มองไปที่เมิ่งเจิ้นเทียน ผู้คนจำนวนมากมองว่า ต่อให้ทั้งเก้าแดนเชื่อมถึงกันแล้ว เมิ่งเจิ้นเทียนก็ยังคงมีโอกาสที่สูงมากในการเป็นราชันเซียน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เขามีประสบการณ์ในการแย่งชิงชะตาฟ้ามาก่อน อีกทั้ง กำลังความสามารถของตัวเขาก็ไม่มีที่ติ

ยิ่งไปกว่านั้น หากถึงวันที่จะต้องต่อสู้กันเป็นครั้งสุดท้ายในการแย่งชิงชะตาฟ้านั้น เกรงว่าเผ่าวิญญาณเทพทั้งหมดในแดนวิญญาณสวรรค์ก็ต้องให้การสนับสนุนต่อเมิ่งเจิ้นเทียน กระทั่งเผ่าปีศาจทะเล เผ่าพฤกษาก็ต้องยืนอยู่ข้างเดียวกันกับเมิ่งเจิ้นเทียน

จะอย่างไรเสีย ผ่านการสั่งสมมาจากยุคก่อนหน้า ทำให้เมิ่งเจิ้นเทียนมีทรัพยากรและเส้นสายในแดนวิญญาณสวรรค์ที่เข้มแข็งมาก หากเขาออกมาประกาศว่าจะเข้าแย่งชิงชะตาฟ้ามาครอบครองล่ะก็ เกรงว่าคงมียอดฝีมือรุ่นอาวุโสในแดนวิญญาณสวรรค์จำนวนมากยินดีติดตามเขา ซึ่งในจำนวนนั้นมีระดับอ๋องเทพและจักรพรรดิเทพอยู่ไม่น้อยทีเดียว!

ในขณะที่เมิ่งเจิ้นเทียนปรากฏตัวออกมาว่าจะแย่งชิงชะตาฟ้านั้น ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่มั่นใจในตัวเขา กระทั่งบางคนมั่นใจว่าราชันเซียนในชาตินี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเมิ่งเจิ้นเทียน

แต่แล้ว กลับปรากฏหลี่ชิเย่โผล่ออกมากลางคัน หลี่ชิเย่ก้าวไปข้างหน้าเปี่ยมด้วยปณิธานการต่อสู้ เรียกได้ว่าเจอะเจอเทพสังหารเทพ พบเห็นมารเข่นฆ่ามาร ภายในระยะเวลาอันสั้น ชื่อเสียงของเขาถึงกับกลบชื่อเสียงของเมิ่งเจิ้นเทียนไปได้อย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะหลังผ่านการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์แล้ว ได้รับการสนับสนุนจากเทพธิดาเก็บจันทรา และเทพธิดาเจินหวู่ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หลี่ชิเย่ส่งประกายเจิดจ้ายิ่งขึ้นไปอีก

ภายใต้ประกายเจิดจรัสเช่นนี้ ทำให้เมิ่งเจิ้นเทียนถึงกับสลดและอับแสงไป แม้แต่บรรดาเผ่าวิญญาณเทพบางส่วนที่มั่นใจในตัวของเมิ่งเจิ้นเทียนตลอดมาก็เริ่มมีใจหวั่นไหวแล้ว

“ดูท่าทั้งเทพธิดาเก็บจันทรา และเทพธิดาเจินหวู่ล้วนแล้วแต่มั่นใจในตัวของหลี่ชิเย่” หัวหน้าเผ่าวิญญาณเทพเผ่าหนึ่งถึงกับพูดว่า “การที่มีเทพธิดาเก็บจันทรา กับเทพธิดาเจินหวู่คอยคุ้มครองให้กับหลี่ชิเย่ ย่อมบ่งบอกว่าหลังจากนี้หากคิดจะทำให้หลี่ชิเย่ต้องสั่นคลอนคงยากขึ้นกว่าเดิมอีก”

ทุกคนต่างรู้ดีว่า ก่อนถือกำเนิดขึ้นมาของราชันเซียนนั้น สายสำนักราชันเซียนจำนวนมากต่างก็มีการเดิมพันเลือกข้าง หากเลือกข้างได้ถูกต้อง ย่อมแลกมาซึ่งความมั่งมีศรีสุขไปทั้งชาติ หากเลือกข้างผิด ไม่แน่นักอาจจะต้องตกต่ำลงในชาตินี้ กระทั่งอาจจะถูกทำลายสำนักก็เป็นได้

ในฐานะที่เป็นสำนักเจ้าลัทธิ พวกเขาล้วนแล้วแต่มีการพิจารณาไตร่ตรอง เพื่อตัดสินใจว่าจะไปให้การสนับสนุนหรือไม่กับผู้ที่มีโอกาสได้เป็นราชันเซียน ก่อนราชันเซียนจะถือกำเนิดขึ้นมา เพราะว่าจะอย่างไรก็ตาม บุคคลผู้นั้นต้องการได้รับการสนับสนุนจากผู้อื่นก็ต่อเมื่อก่อนที่เขาจะได้เป็นราชันเซียน เท่านั้น

ถ้าหากเขาก้าวไปถึงตำแหน่งราชันเซียนแล้วค่อยคิดไปประจบเขา เกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้นคิดจะประจบก็คงทำไม่ได้แล้ว

ดังนั้น หลังจากการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ผ่านไปแล้ว สายสำนักราชันเซียนจำนวนมากในแดนวิญญาณสวรรค์ สำนักของปรมาจารย์พฤกษาต่างรู้สึกลังเลและหวั่นไหวขึ้นมา สำนักต่างๆ จำนวนมากไม่รู้ว่าตัวเองควรถือหางฝ่ายไหนดีระหว่างหลี่ชิเย่ กับเมิ่งเจิ้นเทียน

หากเป็นช่วงก่อนหน้านั้น สำนักต่างๆ เกือบทั้งหมดก็ต้องวางเดิมพันเอาไว้บนตัวของเมิ่งเจิ้นเทียนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเผ่าวิญญาณเทพ หรือเผ่าปีศาจทะเล และหรือเผ่าพฤกษา!

จะอย่างไรเสีย เผ่าพันธุ์มนุษย์ในแดนวิญญาณสวรรค์อ่อนแอ ต่อให้หลี่ชิเย่มีพรสวรรค์ที่สูงเด่นเพียงใดก็ตาม แต่ทุกคนก็ยังมองว่าโอกาสนั้นน้อยมาก

แต่ว่า เวลานี้ทุกอย่างได้แปรเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว หลี่ชิเย่ได้ผงาดขึ้นมาด้วยท่าทีที่น่ากลัวมาก กระทั่งชื่อเสียงนั้นแซงหน้าเมิ่งเจิ้นเทียนไปแล้ว เวลานี้ยังได้รับการสนับสนุนจากเทพธิดาเก็บจันทรา ละเทพธิดาเจินหวู่ ทำให้สถานการณ์แปเปลี่ยนไปทันที

ดังนั้น ในเวลานี้จึงมีสำนักบางส่วนที่เคยให้การสนับสนุนเมิ่งเจิ้นเทียนต่างพิจารณาว่าควรจะถือหางข้างฝ่ายของหลี่ชิเย่ดีหรือไม่

“เรื่องนี้ก็ยังไม่แน่เสมอไป!” ฝ่ายที่สนับสนุนเมิ่งเจิ้นเทียนอย่างเหนียวแน่นบางส่วนยังคงเชื่อว่าเมิ่งเจิ้นเทียนมีสิทธิ์พลิกกลับที่สูงมาก กษัตริย์ของเผ่าวิญญาณเทพยังคงมั่นคงสนับสนุนต่อเมิ่งเจิ้นเทียนไม่เปลี่ยนแปลง กระทั่งไปหว่านล้อมสำนักบางแห่งที่กำลังอยู่ระหว่างลังเลไม่ตัดสินใจ

“แม้ว่าหลี่ชิเย่จะมีเทพธิดาเก็บจันทรา และเทพธิดาเจินหวู่คอยคุ้มครอง แต่ทว่า ดินแดนของแดนวิญญาณสวรรค์กว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด และเผ่าพันธุ์ทั้งสามก็มีความแข็งแกร่งเช่นใด ในแดนวิญญาณสวรรค์ใช่ว่ามีเพียงเทพธิดาเก็บจันทรา และเทพธิดาเจินหวู่เท่านั้นที่แข็งแกร่งที่สุด ยังคงมีผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ยังไม่ได้ปรากฏตัวออกมา ข้าได้รับข่าวที่น่าเชื่อถือว่า เวลานี้มีผู้ที่สามารถต่อกรกับราชันเซียนซึ่งหน้าได้ยินดีกลับคืนสู่ยุทธภพเพื่อไปทำหน้าที่คุ้มครองให้กับเมิ่งเจิ้นเทียนแล้ว…”

บรรดาสำนักที่มั่นคงแน่วแน่กับเมิ่งเจิ้นเทียนได้อาศัยคำพูดเช่นนี้ไปหว่านล้อมเหล่าสำนักที่ยังลังเลใจเหล่านั้น

บรรดาสำนักต่างๆ ที่ยังไม่ตัดสินใจถึงกับใจเต้นตูมตาม เมื่อได้ยินว่าจะมีผู้ที่สามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนปรากฎตัวออกมาทำหน้าที่คุ้มครองให้กับเมิ่งเจิ้นเทียน จะอย่างไรเสีย หากว่าเมิ่งเจิ้นเทียนมีผู้ที่สามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้มาเป็นผู้คุ้มครอง ย่อมเป็นการยกระดับโอกาสในการได้ครอบครองชะตาฟ้าให้กับเมิ่งเจิ้นเทียนชึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย

อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนี้ทุกคนก็ได้ข่าวว่า ทั้งเทพธิดาเก็บจันทรา และเทพธิดาเจินหวู่ต่างเดินทางออกจากเสินจื่อโจวไปแล้ว หลายคนรู้สึกโล่งอกเมื่อได้ยินข่าวๆ นี้

โดยเฉพาะผู้ที่มีแผนร้ายต่อหลี่ชิเย่แล้ว การไปจากเสินจื่อโจวของเทพธิดาเจินหวู่ และเทพธิดาเก็บจันทรา เรียกได้ว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนัก

เกาะเจินหวู่นับเป็นเกาะที่มีความลึกลับมากเกาะหนึ่ง ไปมาอย่างไร้ร่องรอย ผู้คนจำนวนมากได้กล่าวเอาไว้ว่า เกาะเจินหวู่สามารถปรากฏตัวขึ้นทุกที่ของแดนวิญญาณสวรรค์ มันสามารถท่องไปทั่วทุกแห่งของแดนวิญญาณสวรรค์

สำหรับสาเหตุที่ว่าเพราะเหตุใดเกาะเจินหวู่จึงสามารถปรากฏตัวขึ้นทุกที่ของแดนวิญญาณสวรรค์นั้นไม่มีใครทราบ บ้างบอกว่าใต้เกาะเจินหวู่มีเต่ายักษ์ศักดิ์สิทธิ์ตัวหนึ่งคอยแบกเกาะทั้งเกาะเอาไว้

บางคนเดาว่า การที่เกาะเจินหวู่สามารถเคลื่อนที่ไปทั่วทุกหนทุกแห่งในแดนวิญญาณสวรรค์เป็นเพราะเทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่ได้ทำการหลอมกลั่นให้เกาะเจินหวู่ทั้งเกาะกลายเป็นพื้นที่บรรพชนที่สามารถเคลื่อนที่ได้…

ไม่ว่าบุคคลภายนอกจะคาดเดาอย่างไรก็ตาม แต่ทว่า มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถมองเห็นหน้าตาของเกาะเจินหวู่ทั้งหมด ผู้ที่สามารถได้รับเชิญให้ขึ้นไปบนเกาะเจินหวู่ได้นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ยอดเยี่ยมมากของแดนวิญญาณสวรรค์ทั้งสิ้น

ทิวทัศน์บนเกาะเจินหวู่นั้นดึงดูดใจผู้คนเป็นยิ่งนัก มีภูเขารูปร่างประหลาดมากมายและสูงชันอันตรายยิ่ง มีทั้งน้ำพุและน้ำคตก มีสัตว์บกสัตว์ปีกมงคล สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงเงียบสงบยังปลอดภัยอีกด้วย

หลี่ชิเย่ และถานไถรว่อหนานนั่งอยู่บนยอดขาริมหน้าผา สายลมเย็นๆ ที่พัดมาแผ่วเบา ทั้งสองคนห้อยขาและแกว่งเท้าเบาๆ

ถานไถรว่อหนานอิงแอบอยู่บนไหล่ของหลี่ชิเย่ มองดูทัศนียภาพทั้งหมดของเกาะเจินหวู่จากเบื้องบนลงไป ทั้งสองคนไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย เสพสุขอยู่กับความเงียบสงบที่หาได้ยากยิ่ง เสพสุขอยู่กับเวลาว่างที่สบายๆ ซึ่งหาได้ยากนัก

“พันปีหมื่นปีอันยาวนาน ภูเขาแลแม่น้ำยังคงเหมือนเดิม คนและเรื่องราวต่างๆ ล้วนแตกต่างกัน” หลี่ชิเย่ที่มองจากเบื้องบนลงเบื้องล่างของเกาะเจินหวู่แล้ว อดที่จะกล่าวออกมาด้วยความหดหู่

“นั่นสิ ถ้าหากท่านพ่อยังอยู่ก็ดีหรอกนะ” หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ถานไถรว่อหนานอดทอดถอนใจออกมาเบาๆ กล่าวว่า “ท่านจากไปแล้ว แต่ข้ากลับไม่สามารถดูใจส่งท่าน”

“เขาต้องการให้เจ้าไปจากที่นี่ไปยิ่งไกลยิ่งดี” หลี่ชิเย่กล่าวว่า “เขาไม่ต้องการให้เจ้ากลับมา แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้อยู่ดูใจ แต่ทว่า หากรู้ว่าเจ้าสามารถก้าวไปได้ไกลมากๆ ล่ะก็ เขาก็คงสบายใจมากแล้ว”

เขาที่เคยอยู่ในฐานะอีกาทมิฬมาก่อน ย่อมรู้ว่าครั้งนั้นเทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่คิดอย่างไร เขาผู้ซึ่งอยู่ในฐานะได้รับการยกย่องว่าสามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับเทพเจ้าแห่งทะเลเทียนสื่อได้ เขามีแนวความคิดที่กว้างไกล

ถึงแม้ว่าในฐานะที่เป็นลูกหลานของเผ่าปีศาจทะเล เทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่ย่อมรู้ถึงภารกิจที่มีต่อเผ่าปีศาจทะเล แต่ว่า เสียดาย เรื่องของความรักความห่วงใยที่มีต่อบุตร แม้แต่เทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่ก็ไม่เว้น

ในฐานะบิดา เขาไม่ต้องการให้ลูกสาวของตนต้องไปเผชิญกับภารกิจเช่นนี้ เขามีฐานะเป็นเทพเจ้าแห่งทะเล เขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่า หากเมื่อใดที่ลูกสาวของตนได้เป็นเทพเจ้าแห่งทะเลแล้ว จะต้องเผชิญกับภารกิจเช่นใด!

ด้วยเหตุนี้เอง เทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่จึงไม่เสียดายที่จะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อตัดขาดสายเลือดความเป็นปีศาจทะเลของลูกสาวตน กระทั่งได้จ่ายค่าตอบแทนที่สูงลิบลิ่วเชิญอีกาทมิฬในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาราชันเซียนมาเป็นผู้ดำเนินการตัดขาดสายเลือดของลูกสาวตน

ในฐานที่เป็นบิดา เทพเจ้าแห่งทะเลเจินหวู่คาดหวังให้ลูกสาวของตนสามารถไปให้ไกลจากที่ตรงนี้ ท้องฟ้าสูงสุดแต่วิหคจะโผบิน ทะเลกว้างไกลสุดแต่มัจฉาจะแหวกว่าย แต่ไม่ใช่ถูกพันธนาการเอาไว้ในแดนวิญญาณสวรรค์

ในฐานะที่เป็นลูกสาว ถานไถรว่อหนานย่อมรู้ถึงความตั้งอกตั้งใจอย่างยิ่งของผู้เป็นบิดา และนางก็รู้ว่าสิ่งที่บิดาตนทำลงไปนั้นทำเพื่ออะไร

แต่ทว่า หลังจากที่อ้อมโลกมาหนึ่งรอบ ในที่สุด ถานไถรว่อหนานยังคงกลับมาที่แดนวิญญาณสวรรค์อีกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่บิดาของนางไม่ต้องการเห็นมากที่สุด

หลังจากที่ถานไถรว่อหนานกลับมายังแดนวิญญาณสวรรค์แล้ว นางไม่ได้มาเพื่อเผชิญหน้ากับภารกิจของตน แต่เพื่อผืนแผ่นดินผืนนี้ เหมือนดั่งที่นางได้กล่าวเอาไว้ว่า นางมีความรักอย่างลึกซึ้งต่อผืนแผ่นดินผืนนี้!

“ข้ารู้…” หลังจากผ่านไปนาน นานมากๆ ถานไถรว่อหนานถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ กล่าวว่า “ในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ ข้ายังต้องการพบเห็นท่านอีกสักครั้ง”

“เรื่องนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “แม้จะกล่าวว่า ผู้คนต่างบอกว่าเทพเจ้าแห่งทะเลได้ตายไปแล้ว ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว แต่ทว่า บางสิ่งบางอย่างมันไม่เคยตายตลอดไป มันดำรงคงอยู่เสมอ เหมือนดั่งสายเลือดอย่างนั้น สืบทอดต่อไปไม่ขาดสาย ต่อให้ตายไปรุ่นต่อรุ่น มันก็ยังคงสืบทอดต่อไป”

ถานไถรว่อหนานพยักหน้าเงียบๆ กับคำพูดเช่นนี้ นางย่อมรู้ว่าคำพูดของหลี่ชิเย่หมายถึงสิ่งใด

หลังจากเวลาผ่านไปนานมาก ถานไถรว่อหนานได้เอ่ยออกมาเบาๆ ว่า “รอให้ชะตาฟ้าเกิดขึ้น คุณชายก็จะลุยขึ้นไปข้างบนอย่างนั้นรึ?”

“ไม่หรอก ข้าไม่ได้ต้องการเพียงชะตาฟ้าเท่านั้น” หลี่ชิเย่ส่ายหัวเบาๆ กล่าวว่า “ชาตินี้สำหรับข้าแล้ว เป็นชาติที่ไม่สามารถหันหลังกลับได้อีกแล้ว ต้องเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ไม่ก็คือข้าตาย หรือไม่ก็คือต้อนรับการมาถึงของศักราชใหม่! คิดจะเป็นฝ่ายชนะในการต่อสู่ในครั้งสุดท้ายเรื่องไม่ได้ง่ายดายอย่างนั้น”

กล่าวสำหรับนางแล้ว นางไม่เคยห้ามการก้าวเดินของหลี่ชิเย่เลย นางไม่หวังให้หลี่ชิเย่หยุดการก้าวเดิน เหมือนดั่งการยืนหยัดมาแล้วเป็นพันล้านปี เข้ากล้าที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า ไม่มีเสียใจ ไม่มีถอย และไม่หยุดนิ่ง!

“รอให้สมบูรณ์เต็มที่!” หลี่ชิเย่กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ข้าต้องการโอกาสที่สมบูรณ์ ต้องการชะตาฟ้าที่สมบูรณ์ ต้องการการสั่งสมที่สมบูรณ์ มิฉะนั้นล่ะก็ ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม เกรงว่าคงมีแต่ตายสถานเดียว!”

“ข้าเชื่อว่าคุณชายต้องรอได้แน่” ถานไถรว่อหนานกล่าวน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “คุณชายได้วางแผนมายุคสมัยแล้วยุคสมัยเล่า ไม่ต้องห่วงเรื่องเวลาแค่นั้น”

“แน่นอน ต้องได้แน่นอน” หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ กล่าวว่า “เส้นทางสายนี้มีผู้คนต้องตายแล้วมากมายเหลือเกิน ปูลาดด้วยโครงกระดูกมากมายเหลือเกิน บรรดาราชันและเหล่าเทพ แล้วมีผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรจำนวนเท่าไร ต้องกลายเป็นโครงกระดูกแต่ละโครงไปในที่สุด

“ไม่แน่นัก ข้าอาจสามารถรอจนกว่าคุณชายมีชัยชนะแล้วกลับมา” ถานไถรว่อหนานถึงกับกุมมือของหลี่ชิเย่เอาไว้แน่น นิ้วมือทั้งห้าประสานเข้าด้วยกันกับนิ้วมือของหลี่ชิเย่

“ถ้าหากข้าได้รับชัยชนะกลับมา ยุคนี้ก็จะคล้ายดั่งดอกไม้ไฟที่เจิดจ้าอย่างนั้น!” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะและเอ่ยขึ้นมา

การที่พวกเขาพูดคุยกันกระหนุงกระหนิงเช่นนี้ คนที่ไม่ทราบเรื่องยังเข้าใจว่าที่พวกเขาทั้งสองคุยกันคือคำพูดที่หวานซึ้ง จะมีใครคิดว่าสิ่งที่พวกเขาคุยกันคือเรื่องราวที่สะเทือนฟ้าดิน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล