ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1476

ตอนที่ 1476 หญ้าสังสารวัฏเก้าใบ

หลังการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์แล้ว เทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ยังคงคึกคักมาก ผู้บำเพ็ญตนล้วนแล้วแต่ไม่ได้จากไป เหตุผลง่ายมาก เนื่องจากพวกของเมิ่งเจิ้นเทียนก็ไม่ได้ไปจาก พวกเขายังคงรั้งอยู่ที่เทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์

อย่างไรก็ตาม พวกของเมิ่งเจิ้นเทียนไม่เพียงรั้งอยู่ที่เทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น กระทั่งเดินทางลึกเข้าไปภายในมากกว่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าพวกของเมิ่งเจิ้นเทียน เข้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นั้นเพื่ออะไร แต่ว่า ผู้คนจำนวนมากคาดเดาว่า การที่พวกของเมิ่งเจิ้นเทียน เข้าไปยังส่วนที่ลึกกว่านี้ของเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ก็เพื่อต้องการค้นหาสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะที่อยู่ในตำนาน

แม้ว่าไม่เคยมีใครได้พบเห็นสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะมาก่อน อีกทั้งผู้คนจำนวนมากก็มีท่าทีที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับเรื่องสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะที่อยู่ในตำนาน อย่างไรก็ตาม เมิ่งเจิ้นเทียน องค์ชายแห่งความชั่วร้าย จักรพรรดิหอยสังข์ กระทั่งจักรพรรดิลู่ต่างไม่ได้ไปจากและทำการสำรวจเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อยู่ กระทั่งให้องค์ชายแห่งความชั่วร้ายซึ่งเป็นผู้ที่มีความคุ้นเคยกับเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดเป็นผู้นำทาง ดังนั้น ทำให้ทุกคนเชื่อว่าเป็นความจริงที่พวกของเมิ่งเจิ้นเทียนนั้นมาเพื่อสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะที่อยู่ในตำนาน

จากการที่มีการคาดเดาเช่นนี้นี่เอง ทำให้ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างรั้งอยู่ที่เทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่ากระทั่งเวลานี้ยังไม่มีใครได้พบเห็นสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะที่อยู่ในตำนาน แต่ ทุกคนต่างไม่ยอมแพ้กับเรื่องของสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะดังกล่าว

ในเวลานี้ มีผู้บำเพ็ญตน ที่เข้าสำรวจเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม และมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่เดินตามหลังพวกของเมิ่งเจิ้นเทียนอยู่ห่างๆ

ถ้าหากจะกล่าวว่า ในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์มีสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะที่อยู่ในตำนานจริง พวกขององค์ชายแห่งความชั่วร้ายที่ร่วมมือกันย่อมมีโอกาสได้สมุนไพรเซียนอายุวัฒนะที่อยู่ในตำนานมากกว่าใคร ซึ่งไม่เพียงเพราะพวกเขาเองที่มีความแข็งแกร่งยิ่งนัก ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ บนโลกนี้เกรงว่าคงไม่มีใครรู้จักเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์มากไปกว่าองค์ชายแห่งความชั่วร้ายอีกแล้ว

หากจะกล่าวว่า ในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์มีสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะล่ะก็ การที่จะหามันให้พบนั้น เกรงว่าคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากองค์ชายแห่งความชั่วร้ายที่คุ้นเคยเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างดีแล้ว

ดังนั้น การที่พวกยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน เหล่านี้เอาแต่เดินตามก้นพวกของเมิ่งเจิ้นเทียนห่างๆ ด้านหลัง ต่อให้ไม่สามารถได้สมุนไพรเซียนอายุวัฒนะ แต่อาจจะได้เศษเล็กเศษน้อยบ้างก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเสียทีเดียว

การที่พวกขององค์ชายแห่งความชั่วร้าย และเมิ่งเจิ้นเทียนร่วมมือกันเข้าทำการสำรวจเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ย่อมเป็นการตอกย้ำให้ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากมั่นใจตว่าภายในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์มีสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะขึ้นอยู่ในนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนจึงได้ทำการสำรวจและค้นหาเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งมีการค้นหาทุกตารางนิ้ว ทำให้เทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่คึกคักมาก

“แว้งค์…” เสียงหนึ่งดังขึ้น ค่ำคืนนี้เอง ขณะที่ทุกคนกำลังลุยค้นหาอยู่ในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จนวุ่นวายไปหมด ทันใดนั้น ปรากฏประกายเซียนที่เป็นสายต่อเนื่องกันพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากที่ประกายเซียนที่เป็นสายต่อเนื่องกันเหล่านี้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้ว ทั้งหมดลอยตัวอยู่บนท้องฟ้าอย่างนั้น จากการที่มีประกายเซียนเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีประกายเซียนที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ประกายเซียนจำนวนนับไม่ถ้วนเบียดเสียดกันอยู่ตรงนั้นจนแน่นขนัดไปหมด ส่งประกายส่องสว่างท้องฟ้ายามค่ำคืนของเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จนสว่างไสว

ประกายเซียนจำนวนมากที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างกะทันหัน เหมือนว่าประกายเซียนจำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านี้จะถูกแรงดึงดูดอะไรสักอย่าง ทำให้ทั้งหมดเลอยอยู่บนท้องฟ้า ในเวลานี้ ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์มองดูด้วยความงงงัน พวกเขาต่างไม่รู้ว่าบรรดาประกายเซียนเหล่านี้ลอยขึ้นมาจากที่ใด

สุดท้ายแล้ว บรรดาประกายเซียนที่ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้าทั้งหมดได้พันเข้าหากัน เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ประกายเซียนทั้งหมดได้พันเข้าหาและถักทอจนกลายเป็นวงล้อแสงแต่ละวง รวมแล้วได้วงล้อแสงจำนวนเก้าวงลอยอยู่บนท้องฟ้า โดยที่วงล้อแสงทั้งเก้ามีการสลับสับเปลี่ยนหมุนวน และเปลี่ยนสีได้ นับว่ามหัศจรรย์มาก

ระหว่างที่วงล้อแสงเหล่านี้การการหมุนวนสับเปลี่ยนนั้น ทำให้เกิดเป็นภาพลวงตาขึ้นมา เหมือนว่าเป็นการหมุนเวียนเปลี่ยนผันของกาลเวลา เหมือนเป็นวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เคลื่อนไปตามการหมุนเวียนสับเปลี่ยนที่เกิดขึ้นมานี้ ไม่ว่าจะเป็นผลกรรม หรือหยินหยาง และหรือห้าธาตุหกแดน ล้วนแล้วแต่อยู่ท่ามกลางการหมุนวนสับเปลี่ยนนี้ทั้งสิ้น

ลักษณะของการหมุนวนสับเปลี่ยนนี้ลึกลับมาก ทำให้ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เกิดอาการมึนงงหัวหมุนตาลาย คนที่มีสมาธิไม่แข็งพอเมื่อจ้องมองดูระยะหนึ่งแล้ว จะไม่สามารถรับกับการหมุนวนสับเปลี่ยนในลักษณะนี้ได้ ถึงกับล้มลงหมดสติในทันที

สุดท้าย ประกายแสงทั้งหมดจากวงล้อแสงทั้งเก้าก็ได้รวมตัวเป็นสายเดียว จากนั้น บังเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว “ตูม” ประกายเซียนสายนั้นได้พุ่งลงไปในสถานที่แห่งหนึ่งของเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ลึกเข้าไป

“ที่ตรงนั้นต้องมีของวิเศษอย่างแน่นอน” บรรดาผู้บำเพ็ญตนที่ได้สติกลับมาพลันรู้สึกอารมณ์ที่เดือดพล่านขึ้นมา เมื่อเห็นประกายเซียนสายนี้ที่พุ่งลงไปในสถานที่ใดสถานที่หนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เวลานี้ ผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างมุ่งหน้าตรงไปยังบริเวณที่ประกายเซียนสายนี้พุ่งลงและหายไป

ในค่ำคืนนั้นเอง ผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ต่างแย่งกันมุ่งหน้าตรงไปยังบริเวณนั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจว่าสถานที่แห่งนั้นจะต้องมีของวิเศษปรากฎขึ้น ทุกคนจึงไม่ยอมไปถึงช้ากว่าคนอี่น

เป็นไปตามคาด ปรากฏข่าวที้สะเทือนฟ้าแพร่กระจายออกมาที่เทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในวันรุ่งขึ้นทันทีว่า “สมุนไพรเซียนอายุวัฒนะที่อยู่ในตำนานถูกค้นพบแล้ว อยู่ที่หุบเขาวัฏจักรนั่นเอง!”

แน่นอนที่สุด ก่อนหน้านั้นหุบเขาวัฏจักรเป็นเพียงหุบเขาขนาดเล็กที่ไร้ชื่อ เวลานี้บรรดาผู้บำเพ็ญตนที่กรูกันเข้าไปได้ตั้งชื่อให้กับหุบเขาแห่งนี้

จากนั้น ก็มีข่าวอีกข่าวหนึ่งถูกแพร่กระจายออกมาจากเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็วที่สุดว่า เมิ่งเจิ้นเทียน องค์ชายแห่งความชั่วร้าย จักรพรรดิหอยสังข์ และจักรพรรดิลู่ทั้งหมดได้เข้าไปในหุบเขาวัฏจักรแล้ว

เมื่อบรรดาผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดได้ยินข่าวนี้แล้ว ล้วนแล้วแต่คล้ายดั่งบ้าคลั่งกันไปแล้ว ไม่สนใจว่าสถานที่ที่มีชื่อว่าหุบเขาวัฏจักรจะมีอันตรายมากน้อยเพียงใดก็ตาม พวกเขาก็จะลุยเข้าไป โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสที่มีความแข็งแกร่ง กระทั่งระดับอ๋องเทพ และหรือจักรพรรดิเทพที่มีฐานะสูงส่ง ต่างลุยเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง

กล่าวสำหรับระดับอ๋องเทพหรือจักรพรรดิเทพที่อายุขัยสิ้นสุดลงแล้วนั้น ไม่มีสิ่งใดที่จะดึงดูดใจพวกเขาได้มากไปกว่าสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะได้อีกแล้ว พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ใกล้จะตายอยู่แล้ว จึงไม่มีสิ่งใดที่สละไม่ได้แม้กระทั่งเผชิญหน้ากับความตาย พวกเขาก็พร้อมบุกลุยเข้าไปยังสถานที่แห่งนั้นเพื่อแย่งชิงเอาสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะมาอยู่ในมือให้ได้!

ข่าวเรื่องสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะปรากฏตัวได้แพร่ออกไปยังเสินจื่อโจว และภายในระยะเวลาอันสั้นก็ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งแดนวิญญาณสวรรค์

“บนโลกนี้มีสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะจริงรึ?” ต่อให้เป็นบรรดาแก่จนสมควรจะตายได้แล้ว ซึ่งไม่ยอมโผล่ออกมาเหล่านั้น เมื่อได้ยินข่าวที่น่าสะเทือนหวั่นไหวแล้วต่างทยอยกันออกมาจากการผนึกและฝังร่างเอาไว้นั่น

ในเวลานี้ เรียกได้ว่าเดือดพล่านไปทั่วทั้งแดนวิญญาณสวรรค์ และเกิดหวั่นไหวกระเพื่อมไปทั่วแดนวิญญาณสวรรค์ ผู้ยิ่งใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนต่างกรูกันเข้าไปยังเสินจื่อโจว และต่อไปยังเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์

ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงวันเดียวเท่านั้น ประตูมิติจำนวนนับไม่ถ้วนถูกเปิดออก ประกายที่รุนแรงได้ส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้าของแดนวิญญาณสวรรค์กระทั่งเลยไปถึงเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังมีพลังทีแข็งแกร่งนับไม่ถ้วนที่ทำการตรวจจับยังพื้นที่บริเวณนี้ ยอดฝีมือรุ่นดึกดำบรรพ์ได้เดินทางเข้าไปยังเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ทีละคนๆ

ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วันเท่านั้น กระทั่งมีข่าวลือกันว่า ในครั้งนี้มีผู้ที่อยู่ในฐานะสามารถต่อกรกับราชันเซียนซึ่งหน้าได้ปรากฏตัวออกมา หวังจะแย่งชิงสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะที่อยู่ในตำนานนี้

ค่ำคืนวันที่ปรากฏประกายเซียนพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้านั้น หลี่ชิเย่ที่อยู่บนเกาะเจินหวู่ก็ถูกปลุกให้ตื่นเช่นกัน เขาเงยหน้าขึ้นมองดูวงล้อแสงทั้งเก้าที่กำลังหมุนวนแล้ว ถึงกับเผยรอยยิ้มที่เฉยเมยออกมา

“การรอคอยที่ยาวนานเป็นพันล้านปี ในที่สุดก็รอจนถึงโอกาสที่สุกงอมแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบเฉยว่า “ราชันเซียนจำนวนเท่าไรที่เคยรอคอยมาแล้ว เสียดาย ล้วนแล้วแต่รอไม่ถึงวันนี้”

ที่ถูกทำให้ตื่นไม่ได้มีเพียงหลี่ชิเย่เท่านั้นยังมีซูหย่งหวงด้วย ซูหย่งหวงไปหาหลี่ชิเย่ทันทีและกล่าวด้วยท่าทีตระหนกว่า “นี่ นี่มันคือกลิ่นอายที่ข้ารู้สึกได้ขณะอยู่ที่สถานที่แห่งนั้น”

สถานที่แห่งนั้นที่ซูหย่งหวงพูดถึงก็คือ สถานที่ที่บรรพบุรุษของตระกูลซูได้ตายอย่างอนาถนั่น นางได้เคยเข้าไปยังสถานที่แห่งนั้นโดยอาศัยแผนที่ที่อยู่ในมือ เพียงแต่ นางได้เข้าไปบริเวณพื้นที่นั้นนิดเดียวก็พบกับโครงกระดูกของบรรพบุรุษแล้ว

“มันคือสถานที่แห่งนั้นแหละ ซึ่งพวกของเมิ่งเจิ้นเทียนได้ค้นพบสถานที่แห่งนั้นแล้ว มีองค์ชายแห่งความชั่วร้ายอยู่ด้วย การค้นพบสถานที่แห่งนี้นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลก อย่างไรเสียเขาก็เป็นเจ้าถิ่น ชำนาญในภูมิประเทศของเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เป็นอันมาก

พวกเขาต่างมาด้วยเรื่องของสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะที่อยู่ในตำนานต้นนี้นะเนี่ย” ซูหย่งหวงถึงกับเอ่ยขึ้นมา ความจริงแล้ว หลังจากที่นางมาถึงเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่นาน ก็ได้ยินผู้คนจำนวนไม่น้อยที่พูดคุยกันถึงเรื่องที่ว่าในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์มีสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะมาแล้ว

“เรื่องนี้หาใช่เป็นเรื่องแปลก การมาที่เทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งเจิ้นเทียนไม่เพียงแค่ต้องการมาปรึกษาเรื่องความร่วมมือเท่านั้น กระทั่งเจ้าเต่าหดหัวอย่างหอยสังข์ก็ยังคลานออกมา ย่อมมีแผนการชั่วร้ายอยู่แล้ว” หลี่ชิเย่เพียงเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทียิ้มๆ

หลี่ชิเย่หยุดนิดหนึ่ง แล้วกล่าวต่อว่า “แต่ว่า บนโลกนี้ไม่ได้มีสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะอะไรที่ว่า อย่างน้อยก็ไม่ได้มีในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน”

“ถ้าไม่ใช่สมุนไพรเซียนอายุวัฒนะแล้วมันคืออะไร?” ซูหย่งหวงเองก็ตะลึงนิดหนึ่ง เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ เพราะว่าทุกคนต่างก็พูดกันว่าในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์มีสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะอยู่

“หญ้าสังสารวัฏเก้าใบ” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ

“หญ้าสังสารวัฏเก้าใบ?” ซูหย่งหวงไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน นางถึงกับพูดว่า “นี่คือหญ้าเซียนแบบไหนกัน”

หลี่ชิเย่ไม่ได้ตอบคำถาม เพียงยิ้มนิดหนึ่ง แล้วหันหลังเดินออกไปทันที

ท่ามกลางแสงจันทร์ ถานไถรว่อหนานก็มองดูวงล้อแสงแต่ละวงที่หมุนวนอยู่นั่น นางเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “หญ้าสังสารวัฏเก้าใบ ในที่สุดมันก็ได้ที่แล้ว”

“นั่นสิ รอคอยมาเป็นเวลายาวนานมาก มันสุกงอมได้ที่แล้วจริงๆ” หลี่ชิเย่ยิ้มและเอ่ยขึ้นมาเชื่องช้า

ถานไถรว่อหนานที่มองดูวงล้อแสงที่อยู่บนท้องฟ้า หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ นางได้ละสายตากลับมามองดูหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “ข้าจำได้ว่าท่านพ่อเคยมาที่เทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อค้นหาเจ้าสิ่งนี้มาก่อน และไม่ได้มาแค่ครั้งเดียว เคยมาอยู่หลายครั้ง ครั้งแรกๆ หลายครั้งล้วนแล้วแต่กลับมามือเปล่า ครั้งสุดท้ายเขาได้ค้นพบสถานที่แห่งนั้น เขาคงขอคำชี้แนะจากเจ้ามาน่ะสิ”

“เสียดาย ต่อให้เขาค้นพบก็ยังคงต้องกลับมือเปล่าอยู่ดี” หลี่ชิเย่หัวเราะแต่ไม่ได้ตอบคำถามของถานไถรว่อหนาน กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “หญ้าสังสารวัฏเก้าใบเป็นตำนานมาโดยตลอด ไม่เพียงแต่เทพเจ้าแห่งทะเลที่เคยตามหามัน แม้แต่ราชันเซียนก็เคยตามหามันเช่นกัน และเป็นความจริงที่ราชันเซียนสามารถพบมัน เสียดาย มันยังไม่ถึงเวลา ต่อให้ได้มาก็ไร้ประโยชน์!”

“หญ้าสังสารวัฏเก้าใบสามารถทำให้ผู้คนเวียนว่ายตายเกิดได้จริงหรือ? มันทำให้คนเราสามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้จริงหรือ?”

“ไม่รู้เหมือนกัน” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและยิ้มกล่าวว่า “ว่ากันตามบันทึกแล้วคือทำได้ แต่ ข้าก็ไม่เคยได้หญ้าสังสารวัฏเก้าใบที่สุกงอมได้ที่อย่างแท้จริงมาก่อน หาไม่แล้วข้าก็คงไม่ต้องรอคอยอย่างยาวนานถึงเพียงนี้หรอกนะ ดูจากบันทึกที่โบราณและไม่สมบูรณ์ในนั้นกล่าวเอาไว้ว่า ใบหนึ่งใบของหญ้าสังสารวัฏเก้าใบสามารถทำให้คนๆ นั้นกลับชาติได้ครั้งหนึ่ง แต่ว่า โอกาสที่จะสำเร็จมีเพียงสองส่วนเท่านั้น หรือก็คือโอกาสที่จะประสบผลสำเร็จมีเพียงหนึ่งในห้าเท่านั้น หากล้มเหลว ก็หมายถึงกลายเป็นเถ้าธุลีไป”

“คนคนหนึ่งสามารถทานได้มากกว่าหนึ่งใบหรือไม่?” ถานไถรว่อหนานอดที่จะถามด้วยความสงสัยไม่ได้

“ทำได้” หลี่ชิเย่หัวเราะออกมา กล่าวว่า “ตามบันทึกระบุว่า ยิ่งทานมากใบเท่าไรโอกาสก็จะน้อยลงมากเท่านั้น เป็นต้นว่า ใบเดียวโอกาสสำเร็จคือสองส่วน สองใบโอกาสก็จะลดลงเท่าตัว และใบต่อๆ มาก็จะลดลงตามส่วนเช่นนี้ แน่นอน โอกาสที่จะได้รับโชคใหญ่ก็มี เมื่อทานเข้าไปพร้อมกันทีเดียวเก้าใบ แล้วเกิดโชคดีครั้งใหญ่ประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวเลย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล