ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1482

ตอนที่ 1482 การยั่วยุของเมิ่งเจิ้นเทียน

ในเวลานี้ สายตาแต่ละคู่ต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่และขุนพลชุดขาว ขุนพลชุดขาวที่มีทวนอยูในมือ มีปณิธานการต่อสู้ที่ฮึกเหิม ท่าทีเหมือนพร้อมสู้รบไปทั่วหล้า ขณะที่หลี่ชิเย่เอ้อระเหยลอยชายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อิสระปล่อยไปตามอารมณ์ เหมือนว่าไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับยอดฝีมือ หรือศัตรูใดๆ ก็ตาม สามารถเอาชนะได้ตามอารมณ์เสมอ

ขณะที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดพร้อมจะระเบิกศึกขึ้นมาทันที ทุกคนถึงกับกลั้นลมหายใจเอาไว้ ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่เชื่อว่า การลงมือของหลี่ชิเย่จะต้องสังหารขุนพลชุดขาวได้อย่างแน่นอน แต่ทว่า ผู้คนจำนวนมากก็ยังอยากจะได้เห็นศึกระหว่างหลี่ชิเย่ กับขุนพลชุดขาวกับตาตนเอง เพราะว่าจะอย่างไรเสีย ขุนพลชุดขาวคือศิษย์เอกของเมิ่งเจิ้นเทียน แม้ว่ากำลังความสามารถจะเทียบไม่ได้กับเมิ่งเจิ้นเทียน แต่ว่า คงไม่ห่างไกลกันมากมายนัก หากหลี่ชิเย่สามารถสังหารขุนพลชุดขาวได้ ย่อมเป็นการสั่นคลอนต่อเมิ่งเจิ้นเทียนโดยตรง

“สหายหลี่ เข้าใจผิดแล้ว” ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดพร้อมจะระเบิกศึกขึ้นมาทันทีนั้น เสียงหนึ่งได้ดังขึ้นมา ขณะที่เสียงนี้ดังขึ้นปรากฏฟ้าดินสอดประสาน เปี่ยมด้วยจังหวะจะโคนของฟ้าดิน ทุกๆ คำพูดล้วนแล้วแต่เปี่ยมด้วยจังหวะของสัจธรรม

ในเวลานี้ ปรากฏชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวเดินเข้ามา สุริยันจันทราหมุนวน ดวงดาราให้การปกป้องคุ้มครอง ขณะที่เขาก้าวเท้าเข้ามาแต่ละก้าวนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนฟ้าดินถูกเขาเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้าอย่างนั้น ทุกย่างก้าวของเขาล้วนแล้วแต่หนักแน่นดั่งเขาไท่ซัว

“เมิ่งเจิ้นเทียน…” มีผู้ร้องอุทานออกมาด้วยความตระหนก เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ก้าวเข้ามาทีละก้าวๆ ไม่ว่าบรรดาผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์จะคิดเช่นใดกับตัวเขาก็ตาม แต่ทว่า เวลานี้ก็อดรู้สึกยำเกรงขึ้นมาไม่ได้ ทยอยกันถอยห่างออกไปเพื่อเว้นระยะห่างเอาไว้

การมาด้วยตนเองของเมิ่งเจิ้นเทียนพลันทำให้ผู้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนถึงกับใจเต้นกระตุกขึ้นทีหนึ่ง พลันรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นเร็วกว่าปรกติไปหนึ่งจังหวะ ทันใดนั้น ทุกคนรู้สึกว่าเหมือนพายุฝนกำลังจะเกิดขึ้นอย่างนั้น

“เข้าใจผิดรึ?” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ นิดหนึ่งเท่านั้นกับการมาของเมิ่งเจิ้นเทียน ท่าทีอิสระและตามอารมณ์ ด้วยท่าทีที่ตามอารมณ์เช่นนี้ของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกว่า เมิ่งเจิ้นเทียนที่มีอำนาจบารมีสยบทั่วแผ่นดินเมื่อมาอยู่ต่อหน้าของเขาแล้ว ไม่ได้ต่างอะไรกับนาย ก นาย ข ที่เดินอยู่ตามถนนสักเท่าไร

อาศัยแค่ความเป็นอิสระเสรีและตามอารมณ์เช่นนี้ ก็ได้ทำให้ผู้อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมากต้องเลื่อมใส การเผชิญหน้ากับบุคคลระดับเมิ่งเจิ้นเทียนเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ตามก็ต้องได้รับผลกระทบบ้าง หากเป็นศัตรูกับเขาแล้วคงต้องมีท่าทีที่หนักแน่นจริงจัง ต่อให้ไม่เป็นศัตรูกับเขาก็ต้องบังเกิดความยำเกรงขึ้นมาหลายส่วน

แต่ หลี่ชิเย่กลับตามอารมณ์ยิ่งนัก ไม่ได้ถือเอาเมิ่งเจิ้นเทียนคือศัตรูผู้แข็งแกร่งเอาเสียเลย เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาแล้ว เมิ่งเจิ้นเทียนก็เหมือนเป็นนาย ก นาย ข ที่เดินอยู่ตามถนนอย่างนั้น ด้วยความเชื่อมั่นในตนเองเช่นนี้ เพียงพอที่จะให้ผู้คนต้องเลื่อมใส

เมิ่งเจิ้นเทียนเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นออกมา ยามที่รอยยิ้มปรากฎขึ้นที่ใบหน้าของเขานั้น มันคล้ายดั่งเป็นพระอาทิตย์ที่สาดส่องอยู่กลางใจของผู้คนจำนวนมาก ทำให้รู้สึกสบาย รู้สึกไว้วางใจ เขาหัวเราะและกล่าวว่า “การที่ข้าให้ศิษย์ของข้าเฝ้าอยู่ที่นี่ก็เพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของทุกคน ป้องกันไม่ให้ผู้ร่วมลัทธิต้องเอาชีวิตมาทิ้งเอาไว้ที่นี่”

ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับมองหน้ากันและกันเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของเมิ่งเจิ้นเทียน การที่ขุนพลชุดขาวเฝ้าอยู่ที่ตรงนี้ไม่ให้ใครผ่านเข้าไปได้ เมิ่งเจิ้นเทียนในเวลานี้กลับบอกว่าทำไปเพื่อความปลอดภัยของทุกคน คำพูดเช่นนี้ไม่สามารถทำให้พวกเขาเชื่อและสยบได้

เพียงแต่ชื่อเสียงบารมีของเมิ่งเจิ้นเทียนทำให้ทุกคนไม่อาจตั้งข้อสงสัยในคำพูดของเขาเท่านั้น และไม่มีใครกล้าที่จะแสดงคนว่าสงสัยในคำพูดของเมิ่งเจิ้นเทียน

จะอย่างไรเสีย การเป็นปฏิปักษ์ต่อเมิ่งเจิ้นเทียน ท่ามกลางช่วงจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เป็นการกระทำที่ไม่ชาญฉลาดเอาเสียเลย อีกอย่าง ณ ปัจจุบันผู้ที่มีคุณสมบัติเป็นศัตรูกับเมิ่งเจิ้นเทียนได้นั้นก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่รู้ตัวดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเมิ่งเจิ้นเทียนอยู่แล้ว ใครล่ะจะหาญกล้าไปตั้งข้อสงสัยในคำพูดของเมิ่งเจิ้นเทียนกันเล่า

ในเวลานี้ สายตาของผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกไปอยู่ที่ตัวของหลี่ชิเย่ ในสายตาของผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์มองว่า ผู้ที่กล้าไปตั้งข้อสงสัยคำพูดของเมิ่งเจิ้นเทียน ได้ก็คงมีเพียงคนโหดที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น ความจริงแล้ว ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่คาดหวังอยากให้หลี่ชิเย่ตั้งข้อสงสัยกับคำพูดของเมิ่งเจิ้นเทียน

“พูดแบบนี้แสดงว่าข้ามองความหวังดีเป็นหวังร้ายแล้วสิ”

เมิ่งเจิ้นเทียนยิ้มอย่างช้าๆ รอยยิ้มนั้นมีพลังที่ทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกคล้อยตามยิ่งนัก ยามที่เขาเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่อบอุ่นเป็นกันเอง ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าคำพูดของเขามีพลังสยบ ทำให้ไว้วางใจอย่างมาก เขายิ้มกล่าวว่า “สิ่งนี้ก็เป็นเพียงความเข้าใจผิดเท่านั้นเอง สหายหลี่กังวลมากไปแล้ว”

การพูดการจาของเมิ่งเจิ้นเทียนในเวลานี้ดูจะเข้ากับผู้คนได้ง่ายเหลือเกิน เหมือนว่าเขากับหลี่ชิเย่คือสหายคู่หนึ่งที่ไม่ได้พบกันมาหลายปีอย่างนั้น ท่าทีของเมิ่งเจิ้นเทียนในเวลานี้ยากจะจินตนาการได้ว่า ก่อนหน้าไม่นานมานี้ พวกเขาทั้งสองเพิ่งจะแตกหักกันมาและไม่ขออยู่ร่วมโลกมาแล้ว

เวลานี้ ท่าทีของเมิ่งเจิ้นเทียนที่พูดไปหัวเราะกันไป ดูแล้วยังไงก็ไม่เหมือนเป็นศัตรูมาก่อน แต่เหมือนเป็นสหายเสียมากกว่า การที่เมิ่งเจิ้นเทียนแสดงท่าทีที่เป็นมิตรเช่นนี้ ทำให้ผู้คนรู้สึกยากจะเชื่อว่าเขากับหลี่ชิเย่คือศัตรูคู่อาฆาตคู่หนึ่งไปได้

กลางงานประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ เมิ่งเจิ้นเทียน โกรธจัดจนเรียกชื่อหลี่ชิเย่ตรงๆ แต่ทว่า เวลานี้กลับพูดไปหัวเราะไป สีหน้าแสดงความเป็นมิตรยิ่งนัก และเรียกขานว่าเป็นสหายหลี่

“พูดแบบนี้ การที่เจ้าให้ศิษย์ของเจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ ต้องมีเหตุผลของเจ้าน่ะสิ” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะและกล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยขึ้นมา

เมิ่งเจิ้นเทียนกล่าวด้วยท่าทีจริงจังว่า “เป็นความจริงที่ข้าให้ศิษย์ของข้าเฝ้าอยู่ที่ตรงนี่ก็เพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของทุกๆ คน ป้องกันไม่ให้ทุกคนเข้าไปยังสถานที่ที่อันตรายนั้นแล้วต้องเสียชีวิตไป ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ติดตามข้ามาถึงหุบเขาสังสารวัฏกันทั้งสิ้น ตลอดทางที่ผ่านมานับว่าปลอดภัยกันทุกคน แต่หากทุกคนติดตามข้าจนมาถึงที่ตรงนี้แล้วต้องมาเสียชีวิต ข้ารู้สึกละอายใจยิ่งนัก”

ท่าทีของเมิ่งเจิ้นเทียนลักษณะเช่นนี้ของเมิ่งเจิ้นเทียน ทำให้บรรดาผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างจ้องมองตากันและกัน ยากที่จะแยกแยะได้ว่ามันคือเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จกันแน่ ในเมื่อเมิ่งเจิ้นเทียนพูดด้วยท่าทีที่จริงใจถึงเพียงนี้

ท่าทีเมิ่งเจิ้นเทียนที่เปี่ยมด้วยน้ำใสใจจริงเช่นนี้ ทำให้ผู้คนยากจะสงสัยตัวเขากระทั่งภายในใจของหลายๆ คนถึงกับหวั่นไหวขึ้นมา บางคนถึงกับคิดว่า หรือว่าการที่เมิ่งเจิ้นเทียนให้ขุนพลชุดขาวเฝ้าอยู่ที่ตรงนี้นั้น เป็นเพราะหวังดีต่อทุกคนจริงๆ ไม่ต้องการให้ทุกคนไปเสี่ยงกับอันตราย?

แน่นอน ก็มีประเภทที่ลื่นเป็นปลาไหลไม่ได้เชื่อในคำพูดของเมิ่งเจิ้นเทียน แต่พวกเขาก็ไม่กล้าชี้ออกมา ได้แต่ยิ้มเยาะอยู่ในใจ

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ากลับอยากจะรู้ว่าข้างในนั้นมันอันตรายอย่างไร” หลี่ชิเย่ไม่ได้โต้แย้ง เพียงยิ้มกล่าวด้วยท่าทีตามอารมณ์ไปอย่างนั้น

เมิ่งเจิ้นเทียนกล่าวว่า “หุบเขาหิมะแห่งนี้คือต้นกำเนิดน้ำแข็ง อีกทั้งมีความไม่แน่นอนยิ่งนัก หากไม่ทันระวังก็จะถูกปกคลุมหุ้มด้วยน้ำแข็งในทันที ยากที่จะจินตนาการได้ถึงความทรงพลังของมันได้ หากไม่ทันระวังป้องกัน ไม่แน่นักแม้แต่ระดับอ๋องเทพก็ต้องถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งและเสียชีวิตในทันที”

เมื่อเมิ่งเจิ้นเทียนพูดด้วยท่าทีที่เข้มและเด็ดขาดถึงเพียงนี้ ทำให้บรรดาผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับหัวใจเต้นกระตุกทีหนึ่ง หรือว่าภายในหุบเขาหิมะนี้อันตรายถึงเพียงนี้จริงหรือ อย่างไรก็ตาม ท่าทีของเมิ่งเจิ้นเทียนดูแล้วก็ไม่เหมือนกำลังหลอกคนอย่างนั้น

“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ก็แค่ต้นกำเนิดน้ำแข็งเท่านั้นเองไม่คู่ควรจะกล่าวถึง หลีกไปเถอะ ข้ากำลังรีบ เข้าไปหยิบเอาสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะมาได้แล้วจะได้กลับบ้านไปนอนให้สบายๆ สักที”

เมิ่งเจิ้นเทียนรีบพูดขึ้นมาว่า “สหายหลี่ต้องไตร่ตรองให้รอบคอบนะ สถานที่ตรงนั้นอันตรายยิ่งนักจริงๆ หากไม่ระวังก็ต้องเสียชีวิตอยู่ตรงนั้น สหายหลี่มิสู้รออยู่ที่ตรงนี้ รอให้น้ำแข็งมันสลายไปก่อนแล้วค่อยเข้าไปก็ยังไม่สาย”

ท่าทีลักษณะการพูดของเมิ่งเจิ้นเทียนจริงใจมาก เป็นการคิดแทนหลี่ชิเย่อย่างแท้จริง ด้วยท่าทีเช่นนี้ ทำให้ยากจะเชื่อว่าเขากับหลี่ชิเย่นั้นมีความแค้นที่จะต้องตายไปข้างหนึ่ง

ตามหลักแล้ว หลี่ชิเย่คือศัตรูของเมิ่งเจิ้นเทียน และเป็นคู่แข่งคนสำคัญในการแย่งชิงชะตาฟ้า ไม่ว่าจะมองจากทางด้านใดก็ตาม หากหลี่ชิเย่ต้องพานพบกับอันตรายแล้ว มันคือผลประโยชน์ล้วนๆ ของเมิ่งเจิ้นเทียนโดยแท้ แต่ เวลานี้ เมิ่งเจิ้นเทียนกลับเตือนไม่ให้หลี่ชิเย่ต้องไปเสี่ยงอันตราย ไม่ว่ามองจากด้านใดก็ตาม มันก็ดูเหมือนจะเป็นความเมตตาทั้งสิ้น

ดังนั้น ด้วยน้ำใสใจจริงเช่นนี้ของเมิ่งเจิ้นเทียน ทำให้ผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์ส่วนหนึ่งถึงกับจิตใจหวั่นไหว หรือว่าสิ่งที่เมิ่งเจิ้นเทียนทำไปนั้นเป็นเพราะหวังดีต่อทุกคน

“ดูท่าหุบเขาแห่งนี้น่ากลัวจะมีอันตรายจริงๆ” ในเวลานี้ รุ่นอาวุโสที่ผ่านอุปสรรคมามากมายถึงกับพึมพำอยู่ในใจขึ้นมา ขณะเดียวกัน ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสก็มองเห็นความลับอะไรบางอย่างเหมือนกัน

ในสายตาของรุ่นอาวุโสมองว่า วิธีการเช่นนี้สูงส่งเหนือชั้นกว่าวิธียั่วยุเสียอีก เฉกเช่นคนอย่าง/หลี่ชิเย่ที่เป็นศัตรูกับเมิ่งเจิ้นเทียนนั้น ยิ่งเมิ่งเจิ้นเทียนพูดออกมาในลักษณะนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งอยากจะไปเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น

“งั้นข้าต้องขอบคุณในความหวังดีเช่นนี้แล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “แค่อันตรายเล็กน้อยเท่านั้นไหนเลยคู่ควรจะกล่าวถึง หลีกทางไป”

“ติดกับแล้ว” บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับพูดอยู่ในใจว่า “อย่างไรเสียขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด คนโหดแม้ว่าจะแข็งแกร่ง แต่พูดถึงเรื่องแผนการแล้วก็ยังไม่เท่าเมิ่งเจิ้นเทียน”

“เรื่องนี้…” เมิ่งเจิ้นเทียนทำท่าลังเลนิดหนึ่ง ได้แต่พูดว่า “เมื่อสหายหลี่ยืนยันจะเข้าไปให้ได้ ข้าก็จนปัญญา แต่ว่า เพื่อความปลอดภัยแล้ว หากว่าสหายหลี่เห็นว่ามันอันตรายเกินไปล่ะก็ ให้รีบๆ ล่าถอยออกมา ข้าจะคอยเป็นกำลังสนับสนุนให้สหายหลี่เอง”

ในเวลานี้ ท่าทีของเมิ่งเจิ้นเทียนพูดได้จริงใจมาก ท่วงท่าในขณะนี้ไม่เหมือนว่าหลี่ชิเย่คือศัตรูที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่งแม้แต่น้อย แต่กลับเหมือนเป็นสหายที่ตายแทนกันได้อย่างนั้นมากกว่า

“ไม่ต้องแล้ว แค่อันตรายเล็กๆ น้อยๆ ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง” หลี่ชิเย่หัวเราะอย่างตามอารมณ์

สำหรับซูหย่งหวงที่ติดตามอยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่มาโดยตลอด นางเพียงแค่ทำหน้ายิ้มๆ เท่านั้นเอง อาศัยความเข้าใจของนางที่มีต่อหลี่ชิเย่นั้น ยิ่งคนอื่นมองว่าตัวเองกำไพ่ตายอยู่ในมือเท่าไร ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้คุมเกมคุมสถานการณ์ไว้มากเท่าไร หลี่ชิเย่ยิ่งชื่นชอบที่จะกระโดดเข้าไปในแผนการที่พวกเขาวางเอาไว้ แล้วจัดการเหยียบทำลายเสีย เขาเป็นคนชื่นชอบเห็นท่าทางของศัตรูที่แสดงออกถึงความสิ้นหวังอย่างนั้นแหละ

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่กล้าฝืนใจสหายหลี่แล้ว” เมิ่งเจิ้นเทียนได้แต่กล่าวด้วยความจนด้วยเกล้า

เวลานี้ ทั้งเมิ่งเจิ้นเทียน และขุนพลชุดขาวได้หลีกทางให้หลี่ชิเย่ได้เดินเข้าไป

ภายในใจของผู้บำเพ็ญตนบางส่วนที่อยู่ในเหตุการณ์ ถึงกับหวั่นไหว เมื่อเห็นท่าทีที่จริงใจเช่นนี้ของเมิ่งเจิ้นเทียน หรือว่าเขามีความหวังดีจริงๆ อย่างนั้นรึ?

ขณะที่ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสบางคนถึงกับส่ายหน้าลับๆ แม้ว่าหลี่ชิเย่จะมีความเยี่ยมยอดก็จริง สุดท้ายแล้วก็หลงกลแผนยั่วยุของเมิ่งเจิ้นเทียน เทียบวิธีการแล้ว หลี่ชิเย่ยังอ่อนหัดกว่าเมิ่งเจิ้นเทียนไปนิดหนึ่ง

ไม่ว่ายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน ที่อยู่ในเหตุการณ์จะคิดอย่างไรก็ตาม พวกเขาถึงกับต้อง

กลั้นลมหายใจเอาไว้และจ้องมองไปที่หุบเขาหิมะ ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการดูว่าหุบเขาหิมะจะอันตรายจริงอย่างที่เมิ่งเจิ้นเทียนพูดเอาไว้หรือไม่ ทุกคนอยากจะเห็นกับตาตนเองว่า หลี่ชิเย่ สามารถก้าวข้ามหุบเขาหิมะไปได้หรือไม่ สามารถรับกับอันตรายที่เมิ่งเจิ้นเทียนพูดเอาไว้ได้หรือไม่

ในขณะนี้ บรรดาผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ มองดูหลี่ชิเย่ที่ก้าวเดินเข้าไปภายในหุบเขาหิมะทีละก้าวๆ ทุกคนรอคอยการปรากฏของสิ่งที่เรียกว่าอันตราย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล