ตอนที่ 1485 เมิ่งเจิ้นเทียนออกศึก
สีหน้าของขุนพลชุดขาวออกขาวซีด เมื่อมองดูทวนที่ถูกฟันจนขาดเป็นสองท่อน แม้ว่ามันจะเป็นสัจอาวุธราชันเซียนที่มีความล้ำค่ายิ่ง แต่ ภายใต้ดาบหมิงเหรินแล้ว ยังคงถูกฟันจนขาดสองท่อน!
ในเวลานี้ ขุนพลชุดขาวถึงกับนิ่งเงียบ เมื่อไม่มีสัจอาวุธราชันเซียนอยู่ในมือแล้วก็อย่าหวังที่จะต่อกรกับหลี่ชิเย่ได้อีกเลย แม้ว่าเขาจะอยู่ในระดับจักรพรรดิเทพชั้นสัจธรรมก็ตาม
ผู้คนจำนวนมากเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้วรู้สึกใจหายใจคว่ำ และมีจำนวนมากกว่าที่มีใบหน้าขาวซีด ผู้ที่ไม่เคยเห็นหลี่ชิเย่ลงมือมาก่อนหน้านั้น เวลานี้จึงเข้าใจอย่างแท้จริงแล้วว่า หลี่ชิเย่นั้นมีความแข็งแกร่งเพียงใด แค่สามกระบวนท่าก็สามารถเอาชนะจักรพรรดิเทพชั้นสัจธรรมได้แล้ว หากไม่เป็นเพราะเมิ่งเจิ้นเทียนลงมือ เกรงว่าขุนพลชุดขาวคงต้องตายอนาถภายใต้เงื้อมมือของหลี่ชิเย่ไปแล้ว
แม้จะกล่าวว่า การลงมือของหลี่ชิเย่ในครั้งนี้ได้อาศัยความได้เปรียบด้านของสัจอาวุธราชันเซียนที่อยู่ในมือ แต่ทว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่ากำลังของหลี่ชิเย่นั้นมีความน่ากลัวอย่างแท้จริง เขามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะแย่งชิงชะตาฟ้ากับเมิ่งเจิ้นเทียนได้จริงๆ
ในเวลานี้ ขุนพลชุดขาวไม่พูดอะไรมาก หลบไปอยู่ด้านข้างเงียบๆ เวลานี้ได้เวลาที่อาจารย์ของเขาต้องเป็นผู้ลงมือเองแล้ว
เสียง “จี๊ด จี๊ด จี๊ด….” ดังขึ้น โซ่น้ำแข็งที่พันธนาการบนตัวของหลี่ชิเย่เวลานี้ เหมือนว่าต้องการทำให้ตัวของหลี่ชิเย่ให้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งอย่างนั้น
“ดูสิ หางสุนัขจิ้งจอกโผล่ออกมาแล้วสิ” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวกับเมิ่งเจิ้นเทียน
หลี่ชิเย่และเมิ่งเจิ้นเทียนสองศิษย์อาจารย์ต่างก็ยืนอยู่ในหุบเขาหิมะเช่นกัน หลี่ชิเย่ได้รับผลกระทบจากน้ำแข็งที่มาผนึกร่าง ขณะที่พวกเขาทั้งสองคนกลับไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำแข็งที่มาผนึกร่าง ต่อให้เป็นคนที่ไม่มีประสบการณ์ก็เข้าใจได้แล้วว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
“เวลานี้เจ้ากับข้าไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว” เมิ่งเจิ้นเทียนพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
“เอาเถอะ เป็นความจริงที่เจ้ากับข้าไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ที่น่าเสียดายกึคือ พวกขององค์ชายแห่งความชั่วร้ายล้วนแล้วแต่ไม่ปรากฎตัวออกมา ค่ายกลเล็กน้อยเช่นนี้ไม่มีอะไรหนักหนา เมื่อทำลายค่ายกลนี้ได้แล้วก็มาสู้กันอีกสักยกก็แล้วกัน”
“ตึง…” ดาบหมิงเหรินลงมือฟันฉับลงไป ฟ้าดินกลายเป็นกลางวัน ได้ยินเสียงดัง “ปัง” ดาบเดียวฟันหุบเขาหิมะขาดเป็นสองท่อน ค่ายกลน้ำแข็งที่ซ่อนอยู่ภายใต้หุบเขาหิมะพลันกลายเป็นสองท่อนเช่นกัน
“ตอนนี้ไม่มีอะไรสามารถมาพันธนาการได้อีกต่อไปแล้ว เจ้ากับข้ามาสู้กันสักยกก็แล้วกัน กล้าๆ หน่อย” หลี่ชิเย่หัวเราะ และกล่าวว่า “หลังจากจัดการกับเจ้าได้แล้ว ข้าจะได้เก็บกวาดโครงกระดูกที่อยู่บนเส้นทางก้าวสู่ราชันเซียนของข้าเสียที!”
“เชื่อมั่นมากเกินไปก็คือความอวดดี!” เมิ่งเจิ้นเทียนไม่ได้แสดงอาการโกรธ เพียงกล่าวขึ้นมาอย่างช้าๆ
“ถูกต้อง ข้าน่ะอวดดี” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “อีกทั้งข้ายังจะอวดดีให้เจ้าได้ดูอีกด้วย เอาเถอะ ข้าเก็บดาบหมิงเหรินเอาไว้ก็แล้วกัน ถึงเวลานั้นข้าเอาชนะเจ้าได้แล้ว ในใจของเจ้าก็จะไม่ยอมรับ หาว่าข้าเอาชนะเจ้าได้เพราะอาศัยสัจอาวุธราชันเซียน”
ดวงตาทั้งสองของเมิ่งเจิ้นเทียนถึงกับเพ่งไปข้างหน้า เหมือนดั่งที่เขาได้พูดเอาไว้ก่อนหน้า การมั่นใจในตนเองมากเกินไปก็คือความอวดดี แต่ทว่า นาทีนี้เขากลับมองไม่เห็นว่าหลี่ชิเย่นั้นอวดดีตรงไหน ถ้าหากไม่ใช่ความอวดดีมันก็คือความมั่นใจในตนเองแล้ว!
หลี่ชิเย่ถึงกับเก็บดาบหมิงเหรินเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ มันคือความมั่นใจในตนเองที่มาจากไหนกัน! สิ่งนี้ได้ทำให้สายตาของเมิ่งเจิ้นเทียนต้องเต้นกระตุกทีหนึ่ง
ในขณะนี้ ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนถึงกับต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้ เมื่อมองเห็นการประจันหน้ากันระหว่างหลี่ชิเย่ กับเมิ่งเจิ้นเทียน ทุกคนต่างจ้องมองดูภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า
เวลานี้ ดูเหมือนนาทีนี้ลมหายใจของทุกคนจะรู้สึกตึงเครียดขึ้นมา ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจเป็นอย่างดีว่า การต่อสู้ในครั้งนี้เป็นการบ่งบอกว่า การช่วงชิงตำแหน่งราชันเซียนได้เปิดฉากขึ้นมาแล้ว ทุกคนย่อมเข้าใจได้ว่า หลังจากเสร็จศึกในครั้งนี้แล้ว เท่ากับเป็นการยืนยันถึงผู้ที่จะเข้ารับการคัดเลือกเป็นราชันเซียนของแดนวิญญาณสวรรค์!
ไม่ว่าผลของการต่อสู้ในครั้งนี้จะออกมาอย่างไร ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะหรือพ่ายแพ้ ท้ายทีสุดแล้วก็ต้องมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะเป็นตัวแทนของแดนวิญญาณสวรรค์เข้าไปช่วงชิงชะตาฟ้า!
ในเวลานี้ ผู้คนกระหายต้องการให้เมิ่งเจิ้นเทียนเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ เพราะว่าจะอย่างไรเสียเขาก็คือผู้ที่มีชาติกำเนิดมาจากเผ่าวิญญาณเทพ เขาจะได้เป็นตัวแทนเผ่าวิญญาณเทพเข้าช่วงชิงชะตาฟ้า และจะเป็นเกียรติยศของเผ่าวิญญาณเทพ
ขณะที่นาทีนี้ก็มีผู้ที่คาดหวังให้หลี่ชิเย่เป็นฝ่ายชนะ เพราะมันจะกลายเป็นความมหัศจรรย์ คนที่สามารถสังหารผู้เข้ารับการคัดเลือกเป็นราชันเซียนในฐานะเป็นผู้ผิดยุคได้ มันช่างเป็นผลงานที่น่าภาคภูมใจและพาลยิ่งนัก
ในเวลานี้ บรรยากาศกลับกลายเป็นตึงเครียดยิ่งนัก หัวใจของผู้ที่อยู่ด้านนอกหุบเขาหิมะเหมือนถูผปผปกแขวนเอาไว้ แน่นอน มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกดีใจ เพราะว่าพวกเขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะได้มีโอกาสได้เห็นศึกแห่งการแย่งชิงตำแหน่งราชันเซียน!
“ข้าไม่ได้ลงมือจริงจังมานานมากๆ แล้ว” นัยน์ตาทั้งสองของเมิ่งเจิ้นเทียนดูน่ากลัว ส่งประกายเจิดจ้า ปรากฏสุริยันจันทราลอยล่องอยู่ในนั้น ร่างกายของเขาเหมือนสูงใหญ่ขึ้นมาโดยพลัน
“ช่างเถอะ ข้าไม่อยากเยาะเย้ยเจ้าอีกต่อไป” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวอย่างตามใจว่า “ถ้าหากข้าไปเปิดแผลเจ้าก่อนศึกใหญ่จะกลายเป็นการกระทำของคนถ่อยไป ทำให้จิตใจของเจ้าเกิดรอยตำหนิขึ้นมาได้”
เมื่อเมิ่งเจิ้นเทียนได้ยินคำพูดเช่นนี้ ดวงตาดูน่าเกรงขามขึ้นมา พลันปรากฏปณิธานการฆ่าที่ไม่มีสิ้นสุดออกมา ท่ามกลางปณิธานการฆ่านี้ ทำให้ฟ้าดินถึงกับเย็นยะเยือกขึ้นมา ผู้คนจำนวนมากสามารถรับรู้ได้ถึงปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวนี้ได้ รู้สึกเจ็บแปลบๆ เป็นระลอกๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...