ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1486

ตอนที่ 1486 สุดยอดเคล็ดวิชาใต้หล้า

หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง มองดูพลังลมปราณของเมิ่งเจิ้นเทียนที่อาละวาดไปทั่วบริเวณ “ตูม” เสียงดั่งสนั่นเกิดขึ้น พลังลมปราณพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง จากนั้นพลังลมปราณดังกล่าวได้กลับกลายเป็นมังกรแท้จริงตัวหนึ่ง มันยึดครองพื้นที่อยู่ท่ามกลางฟ้าดิน ส่งเสียงคำรามออกมาไม่ขาดสาย

แม้ว่าพลังลมปราณของหลี่ชิเย่ จะไม่เหมือนกับของเมิ่งเจิ้นเทียนที่อาละวาดไปทั่วบริเวณ ปกคลุมหมื่นอาณาจักร แต่ว่า ขณะที่ลมปราณของเขารวมตัวกลายเป็นมังกรแท้จริงนั้น เสมือนว่ามังกรแท้จริงตัวนี้ที่ยึดครองอยู่ท่ามกลางฟ้าดินนี้สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างโดยอาศัยกรงเล็บของมันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ขณะที่พลังลมปราณของทั้งสองฝ่ายทำการสยบบริเวณนี้เอาไว้ ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ท่ามกลางพลังลมปราณของทั้งสองฝ่ายที่น่าเกรงขามและไม่มีสิ้นสุด ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือเช่นใดก็ตาม ดูเหมือนทั้งหมดจะเล็กจิ๋วมาก ล้วนแล้วแต่ไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง

เมิ่งเจิ้นเทียนไม่เสียทีที่เป็นพวกผิดยุคนะเนี่ย พลังลมปราณที่มีชีวิตชีวายากที่จะมีผู้ใดในหล้าเทียบเทียมได้ แม้ว่าบนโลกนี้ยังคงมีผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งและดึกดำบรรพ์ยิ่งกว่า แต่ว่า หากเทียบความคึกคักและมีชีวิตชีวาด้านพลังลมปราณและพลังชีวิตแล้ว ทอดสายตาไปทั่วแดนวิญญาณสวรรค์เกรงว่าคงยากจะมีผู้ใดเทียบเคียงเขาได้กระมัง” ระดับปราชญ์รุ่นอาวุโสที่มองเห็นลักษณะของพลังลมปราณที่ครอบคลุมไปทั่วของเมิ่งเจิ้นเทียนแล้ว ท่ามกลางลมปราณที่มหาศาลเช่นนี้ ตนเองกลับกลายเป็นเล็กมากจนเหมือนดั่งเรือน้อยท่ามกลางทะเลที่กว้างใหญ่ แล้วจะไม่ให้ผู้คนต้องรู้สึกหวั่นไหวได้อย่างไร

หลี่ชิเย่ก็ไม่ด้อยไปกว่า เขาไม่ใช่ประเภทผิดยุค แต่ทว่า พลังลมปราณของเขากลับทรงพลังและน่าเกรงขาม ทุกๆ อณูของพลังลมปราณล้วนแล้วแต่หนักแน่นดังขุนเขา ทุกๆ พลังลมปราณของเขาล้วนแล้วแต่เหมือนผ่านการต่อสู้และทดสอบมาแล้วอย่างโชกโชนอย่างนั้น” แต่ก็มีระดับผู้ยิ่งใหญ่ได้เอ่ยขึ้นมา เมื่อมองเห็นพลังลมปราณของหลี่ชิเย่ที่ดั่งมังกรแท้จริงยึดพื้นที่อยู่ตรงนั้น

จากการที่พลังลมปราณของหลี่ชิเย่ และเมิ่งเจิ้นเทียนได้สยบพื้นที่บริเวณนี้เอาไว้นั้น เหมือนว่าภายใต้พลังลมปราณของพวกเขาทั้งสองคน สามารถทำให้พื้นที่บริเวณนี้ถูกบดขยี้จนแหลกลาญได้อย่างนั้น กระทั่งมีผู้ที่ได้ยินเสียงดังจี๊ดจี๊ดออกมาจากพื้นที่บริเวณนี้ลางๆ ภายใต้พลังลมปราณของทั้งสองฝ่าย ดุจดั่งพื้นที่บริเวณนี้ไม่อาจรองรับพลังจากลมปราณของพวกเขาได้อีกต่อไป พร้อมจะแหลกละเอียดได้ทุกเวลา

“ลงมือเถอะ” หลี่ชิเย่หัวเราะไปตามอารมณ์ กล่าวว่า “เจ้ายกย่องว่าตนเองนั้นเหมือนดั่งพี่น้องกับราชันเซียนท่าคง ข้าก็อยากจะรู้นักว่า บนเส้นทางสายนี้เจ้าก้าวเดินไปได้ไกลแค่ไหนแล้ว”

เมิ่งเจิ้นเทียนไม่พูดพล่ามทำเพลง นิ้วที่ชี้ออกไปตามอารมณ์ พลันได้ยินเสียงของหงส์ที่ดังก้องฟ้าดิน จากนั้น เห็นเป็นประกายสีทองที่สาดส่องลงมา หงส์ทองตัวหนึ่งพุ่งโจมตีลงมา ด้วยกรงเล็บหงส์ที่คมกริบ เหมือนหนึ่งสามารถฉีกท้องฟ้าจนกระจุยได้อย่างนั้น

“ดรรชนีไล่วายุของนิกายพิสุทธิ์” ระดับผู้ยิ่งใหญ่ที่มีความรู้กว้างขวางผู้หนึ่ง เมื่อเห็นนิ้วที่ชี้ออกไปตามอารมณ์แล้วถึงกับพึมพำออกมา

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มออกมาตามอารมณ์ กระโดดลอยตัวขึ้นไป ดั่งปลาคาร์ฟกระโดดน้ำอย่างนั้น ไม่มีใครสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากระบวนท่านี้ของเขาแปลงมาอย่างไร เพียงพริบตาเดียวก็ไปยืนอยู่ด้านหลังของหงส์ทอง

“ปัง” หลี่ชิเย่เพียงโจมตีออกไปตามใจอย่างนั้น พลันทะลุจุดสำคัญของหงส์ทองเข้าให้ เสียงหงส์ทองดังขึ้นมาอย่างน่าเวทนา พลันร่วงหล่นลงไปทันที

แต่ทว่า หงส์ทองยังไม่ทันได้ตกถึงพื้น เมิ่งเจิ้นเทียนสำแดงท่ามุททราเข้าสยบในทันที เป็นตราประทับที่หอบเอาพลังฟ้าดิน มีสุริยันจันทราปรากฏขึ้นมา เคียงข้างด้วยความยิ่งใหญ่ ฝูงมัจฉาเป็นร้อยที่บินว่อน จากการสยบลงมาของตราประทับนี้ เมิ่งเจิ้นเทียนคล้ายดั่งเป็นเทพเจ้าแห่งทะเลองค์หนึ่งที่สามารถบัญชาการสัตว์น้ำในใต้หล้าได้ทั้งหมด

“ตราประทับสุริยันจันทราหมื่นมัจฉาของหุบเขาจักรพรรดิ” ระดับผู้ยิ่งใหญ่ที่มีความรู้กว้างขวางผู้นั้นกล่าวด้วยความรู้สึกเหนือความคาดคิดยิ่งนัก

หลี่ชิเย่ที่ต้องเผชิญกับการสยบของตราประทับศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้กลับมีท่าทีสบายๆ ดั่งกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของตน ลงมือโดยไม่ได้มีกระบวนท่าใดๆ เลี่ยงสุริยันจันทรา ทำให้ฝูงมัจฉาล่าถอยกลับไป พลันผ่านทะลุเข้าไปภายในตราประทับศักดิ์สิทธิ์นั่น นิ้วที่จี้ออกไปท่ามกลางตราประทับศักดิ์สิทธิ์ ได้ยินเสียง “ปัง” ตราประทับแตกสลายไป

แต่ทว่า ในเสี้ยววินาทีนี้เอง เมิ่งเจิ้นเทียนเสกเอาหยินหยางขึ้นมา ตัดขาดหมื่นยุค นิ้วทั้งห้าของเขาเหมือนดั่งรากฝอยที่หยั่งรากลงบนพื้นดิน ปิดกั้นช่องว่างเอาไว้ในทันที วางยันต์ศักดิ์สิทธิ์ปรมาจารย์พฤกษาเอาไว้ในช่องว่าง ยันต์ศักดิ์สิทธิ์พลันจู่โจมออกมา เสมือนหนึ่งโลกทั้งโลกถูกระเบิดจนแหลกละเอียด

“ยันต์หัตถากระจายทั่วหล้าของจู่ลู่” ระดับผู้ยิ่งใหญ่ที่มีความรู้กว้างขวางผู้นั้นชี้ชัดลงไปทันทีถึงชื่อของกระบวนท่านี้ออกมา

“ปัง ปัง ปัง…” เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ หลี่ชิเย่ และเมิ่งเจิ้นเทียนแลกหมัดกันไปมาแล้วหลายสิบกระบวนท่า อีกทั้งการลงมือของทั้งสองฝ่ายล้วนแล้วแต่ทรงอานุภาพยิ่งนัก ท่วงท่าที่สามารถทำอะไรได้ตามแต่ใจปรารถนา

“สุริยเทพเทศนาธรรมของนิกายสุริยัน” ระดับผู้ยิ่งใหญ่ที่มีความรู้กว้างขวางผู้นั้นสามารถบอกถึงชื่อกระบวนท่าทุกๆ กระบวนท่าที่เมิ่งเจิ้นเทียนสำแดงออกมา

“หมัดศักดิ์สิทธิ์หอแปดชั้นของแดนศักดิ์สิทธิ์เร่งสัจธรรม”

“ทวนโลการุ่งเรืองของสำนักแตรสังข์” ระดับผู้ยิ่งใหญ่ที่มีความรู้กว้างขวางผู้นั้นเรียกชื่อกระบวนท่าทุกท่าที่เมิ่งเจิ้นเทียนสำแดงออกมา

……

หลี่ชิเย่ต่อสู้กับเมิ่งเจิ้นเทียนอย่างดุเดือด พลังลมปราณทั้งสองคนที่เกรียงไกรไปเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ทุกๆ กระบวนท่าแสดงถึงความลึกล้ำพิสดารของสัจธรรม ทุกๆ กระบวนท่าพุ่งไปยังแก่นของหลักสัจธรรม

วิชาที่เมิ่งเจิ้นเทียนสำแดงออกมานั้นหลากหลายมาก เรียกได้ว่าสุดยอดเคล็ดวิขาหมื่นสำนักร้อยเผ่าพันธุ์เขาสามารถสำแดงออกมาได้อย่างลึกล้ำพิสดารยิ่ง และเปี่ยมด้วยอานุภาพมาก ต่อให้เป็นปฐมบรรพบุรุษของสำนักหรือเผ่าพันธุ์ดั่งกล่าวสำแดงออกมาก เกรงว่าอาจมีอานุภาพไม่เท่ากับเขา

ทุกๆ กระบวนวิชาที่เมิ่งเจิ้นเทียนสำแดงออกมาล้วนแตกต่างกัน กระบวนท่าของแต่ละสำนักแต่ละเผ่าพันธุ์เขาจะใช้เพียงครั้งเดียว โดยไม่มีการซ้ำเป็นครั้งที่สอง เหมือนว่าเขามีความมั่นใจกับเคล็ดวิชาหมื่นพันที่มีอยู่อย่างนั้น

ในเวลานี้ สุดยอดเคล็ดวิชาในใต้หล้าถูกเมิ่งเจิ้นเทียนสำแดงออกมาอย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาที่มีกระบวนท่าธรรมดา หรือเป็นกระบวนท่าที่มีความสลับซับซ้อนและพลิกแพลงมาก เมื่อสำแดงออกมาจากเขาแล้ว ก็ไม่ด้อยไปกว่าการสำแดงออกมาจากปฐมบรรพบุรุษที่เป็นเจ้าของเคล็ดวิชานั้น ๆ กระทั่งทรงอานุภาพยิ่งกว่าเสียอีก

การที่เมิ่งเจิ้นเทียนพลันลงมือก็เป็นสุดยอดเคล็ดวิชาใต้หล้าที่สำแดงออกมาอย่างไม่ขาดสาย การลงมือของหลี่ชิเย่กลับง่ายดายยิ่ง เขาลงมือตอบโต้ด้วยหมัด เท้า และนิ้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นหนึ่งหมัด หนึ่งเท้า และหนึ่งนิ้ว ล้วนแล้วแต่มีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มากนัก ท่ามกลางหนึ่งหมัด หนึ่งเท้า และหนึ่งนิ้วที่สำแดงออกไปนั้น ล้วนพุ่งเป้าไปที่จุดอ่อน ไม่มีประเภทกระบวนท่างดงามแต่ใช้การอะไรไม่ได้ ทุกๆ กระบวนท่าล้วนพุ่งไปที่จุดตาย! ไม่มีพลังที่เกินเลย ไม่สูญเสียกระบวนท่าโดยเปล่าประโยชน์

ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายแลกหมัดกันอย่างดุเดือดนั้น ตัวของเมิ่งเจิ้นเทียนนั้นบางครั้งจะเคียงข้างด้วยสุริยันจันทราและดวงดาว บางครั้งก็จะมีทะเลและมหาสมุทรคอยให้การคุ้มครอง บางครั้งก็แปลงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยเฝ้าอารักขาเอาไว้…ขณะที่การลงมือของหลี่ชิเย่นั้นเป็นไปตามอารมณ์ จังหวะการลงมือดั่งมังกรกระโจน ดั่งหงส์โจมตี ดั่งเหยี่ยวบิน…

เวลานี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นถึงการแตกต่างอย่างมากเมื่อมีการเปรียบเทียบกัน ทุกๆ กระบวนท่าที่ทั้งสองสำแดงออกมานั้นหากนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งปลูกสร้างล่ะก็ กระบวนท่าของเมิ่งเจิ้นเทียนก็เหมือนกับเป็นเมืองที่ใหญ่โตน่าเกรงขาม ด้านในประกอบด้วยตึกรามบ้านช่องใหญ่โตมโหฬาร มีตำหนักวิหารเทพ เหลืองอร่ามแวววาว กระทั่งอิฐทุกก้อนล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นถึงความฟุ่มเฟือย สะเทือนจิตใจของผู้คนในหล้า

ขณะที่แต่ละท่วงท่าของหลี่ชิเย่นั้นเปรียบเหมือนกระต๊อบที่โทรมๆ หลังหนึ่ง ดูง่ายๆ และโกโรโกโส ช่างเป็นอะไรที่ตามใจตามอารมณ์เหลือเกิน แต่ กลับใช้การได้ดี สามารถบังแดดบังฝนได้

มองดูทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้กันอยู่ในเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์แบบอ่อนสยบแข็ง เวลานี้ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนจ้องมองจนตาลาย ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนรู้สึกหวันไหวยิ่งนัก

ผู้คนต้องหวั่นไหว เมื่อเห็นเมิ่งเจิ้นเทียนพลันลงมือก็สำแดงสุดยอดเคล็ดวิชาต่างๆ ของทั่วหล้าออกมา พึมพำว่า “เมิ่งเจิ้นเทียนสมแล้วที่เป็นผู้สามารถเรียกพี่เรียกน้องกับราชันเซียนท่าคงได้ สามารถรวบรวมวิชาต่างๆ ทั่วหล้าเอาไว้ ยังจะมีเคล็ดวิชาที่เขาไม่รู้จักอีกหรือ?”

“ไม่ หลี่ชิเย่จึงจะนับเป็นผู้ที่แข็งแกร่งโดยแท้” มีผู้ที่สามารถมองเห็นความลึกลับพิสดารแท้จริงที่อยู่ภายใน กล่าวว่า “เป็นความยอดเยี่ยมจริงที่เมิ่งเจิ้นเทียนสามารถรวบรวมสุดยอดวิชาต่างๆ ใต้หล้ามาอยู่กับตัว แต่ทว่า หลี่ชิเย่กลับเป็นผู้ที่ควบคุมความหมายที่ลึกซึ้งของสัจธรรม เขาพุ่งตรงไปที่แก่นแท้ ไม่ว่าเมิ่งเจิ้นเทียนจะสำแดงสุดยอดเคล็ดวิชาอะไรออกมาก็ตาม หลี่ชิเย่ กลับสามารถทำลายได้ภายใต้นิ้วเดียวหรือฝ่ามือเดียวเท่านั้น นี่แหละจึงจะเป็นการรู้และเชี่ยวชาญถึงความหมายที่ลึกซึ้งของสัจธรรมสูงสุดที่แท้จริง”

หลังจากที่มองดูการต่อสู้กันอย่างดุเดือดของทั้งสองฝ่ายอยู่นานมาก มีผู้ที่ได้สติกลับมาถึงกับกล่าวด้วยความตระหนกว่า “เมิ่งเจิ้นเทียนจะฝืนลิขิตสวรรค์มากเกินไปแล้วกระมัง ถึงกับสามารถฝึกสุดยอดเคล็ดวิชาของทั่วหล้าได้ หรือว่าเขาเคยเห็นตำราหรือเคล็ดลับของสำนักต่างๆ อย่างนั้นรึ?”

“เรื่องนี้ใช่ว่าเมิ่งเจิ้นเทียนได้เคยเห็นเคล็ดวิชา ของสำนักต่างๆ ทั่วหล้า” อ๋องเทพเฒ่าที่มีชาติกำเนิดจากเผ่าวิญญาณเทพผู้หนึ่งได้พูดขึ้นมาว่า “นั่นเป็นเพราะศิษย์ของเสินเมิ่งเทียนล้วนแล้วแต่มีสวรรค์สาดส่องที่สุดยอดยากที่จะหาผู้ใดมาเทียบเทียมได้”

“มันหมายความว่าอย่างไร?” ผู้เยาว์ที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ ถึงกับเอ่ยถามด้วยความถ่อมตัว

อ๋องเทพเฒ่าผู้นี้ที่ได้เห็นเมิ่งเจิ้นเทียน พลันลงมือก็สำแดงสุดยอดวิชาของสำนักต่างๆ ทั่วหล้า กล่าวว่า “ผู้คนจำนวนมากในแดนวิญญาณสวรรค์ต่างพูดกันว่า สวรรค์สาดส่องของศิษย์สำนักเสินเมิ่งเทียนคือสวรรค์สาดส่องที่ดีที่สุดของเผ่าวิญญาณฟ้า สำหรับตัวของเมิ่งเจิ้นเทียนย่อมไม่ต้องพูดถึง เขาเป็นสุดยอดดาวรุ่งมาแต่กำเนิด…”

“…เล่าลือกันว่า ในขณะที่เมิ่งเจิ้นเทียนยังอยู่ในวัยหนุ่ม สวรรค์สาดส่องของเขายอดเยี่ยมมาก ขอเพียงแต่เขาได้เห็นผู้อื่นสำแดงเคล็ดวิชาออกมา สวรรค์สาดส่องของเขาก็จะบันทึกเอาไว้ได้ สามารถย่อยความลึกล้ำพิสดารของท่วงท่าเหล่านั้นได้ ส่งผลให้เมิ่งเจิ้นเทียนสามารถเรียนรู้เคล็ดวิชาของผู้อื่นได้ทันทีที่เห็น” เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้แล้ว อ่องเทพผู้นี้ถึงกับทอดถอนใจออกมาด้วยความอิจฉา

ต่างก็เป็นเผ่าวิญญาณเทพเหมือนกัน มีใครบ้างล่ะที่ไม่อยากมีสวรรค์สาดส่องเช่นนี้ หลังจากที่มีสวรรค์สาดส่องเช่นนี้แล้ว ย่อมบ่งบอกว่าจะได้ครอบครองสุดยอดเคล็ดวิชาทั่วหล้า

“พูดเช่นนี้ แสดงว่าขอเพียงเมิ่งเจิ้นเทียนได้เห็นกระบวนท่าที่ผู้อื่นสำแดงออกมาแล้ว เขาก็สามารถขโมยฝึกได้แล้วสิ?” หลายคนรู้สึกหวั่นไหว เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้

กล่าวสำหรับสำนักเจ้าลัทธิจำนวนมากแล้ว เคล็ดวิชาของสำนักเป็นเคล็ดลับที่ไม่ถ่ายทอดให้แก่กัน หากถูกผู้อื่นขโมยฝึกได้ แล้วจะไหวรึ

“มันมีข้อแตกต่างอยู่” อ๋องเทพเฒ่าผู้นี้ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “เคล็ดวิชาที่ไม่ถ่ายทอดทั่วไปของแต่ละสำนักล้วนแล้วแต่มีความลับที่เป็นแก่นกลางสำคัญอยู่ ซึ่งแกนกลางส่วนนี้ไม่สามารถขโมยไปได้ วิชาที่เมิ่งเจิ้นเทียนสำแดงออกมานั้นเป็นเพียงเจ็ดส่วนของเคล็ดวิชานั้นๆ เท่านั้นเอง ยังคงห่างไกลจากเคล็ดวิชาที่สมบูรณ์อยู่ช่วงหนึ่ง แต่ทว่า ทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อกำลังของเขากล้าแข็งยิ่งนัก ดังนั้น แม้ว่าจะเป็นเพียงเจ็ดส่วนเมื่อสำแดงออกมาจากตัวเขาแล้วก็กลายเป็นมีอานุภาพเป็นอันมาก กระทั่งอาจเหนือกว่าปฐมบรรพบุรุษของสำนักนั้นๆ เสียอีก!”

ทุกคนรู้สึกโล่งอกไปเปราะหนึ่ง หลังจากได้ฟังคำอธิบายของระดับอ๋องเฒ่าผู้นี้แล้ว หากเมิ่งเจิ้นเทียนสามารถขโมยเรียนรู้และฝึกวิชาของสำนักต่างๆ ทั่วหล้าจากการได้เห็นเพียงครั้งเดียวได้ล่ะก็ เช่นนั้นแล้ว สำนักต่างๆ ทั่วหล้ายังจะมีความลับอะไรเหลืออยู่อีก มิเท่ากับเคล็ดวิชาของสำนักตนต้องรั่วไหลออกไปนอกสำนักรึ

“ปัง” เวลานี้เอง หลี่ชิเย่และเมิ่งเจิ้นเทียนได้ปะทะกันซึ่งหน้าตรงๆ ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ได้เปรียบเสียเปรียบแต่อย่างใด

เมิ่งเจิ้นเทียนจ้องมองดูหลี่ชิเย่ สายตากระตุกนิดหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“การอุ่นเครื่องสมควรจบลงได้แล้ว” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเรียบเฉยว่า “ควรสำแดงสุดยอดวิชาที่เป็นของตนโดยแท้จริงออกมาได้แล้ว วิชาของคนอื่นที่แอบฝึกมาเพียงผิวเผินไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง”

ทุกคนถึงกับต้องกลั้นลมหายใจเมื่อได้เห็นภาพนี้ที่อยู่ตรงหน้า ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า พายุฝนฟ้าคะนองเพิ่งกำลังจะเริ่มขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล