ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1582

ตอนที่ 1582 ผู้เฒ่าร้านเหล้า

ชายหนุ่มผู้นี้ก็คือยวีจั่นที่ถูกหลี่ชิเย่อัดจนน่วมตอนอยู่เกาะกลางแม่น้ำหมิงจู เมื่อเทียบกับครั้งก่อน ยวีจั่นดูจะมีความกล้ามากขึ้น อย่างน้อยกล้ายืนอยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่ ไม่เหมือนคราวก่อนที่กลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ

เวลานี้ หลี่ชิเย่จึงได้วางถ้วยเหล้าลง มองดูยวีจั่นด้วยสายตาน่าเกรงขาม เมื่อหวีจั่นถูกกวาดมองด้วยสายตาที่น่าเกรงขามของหลี่ชิเย่แล้วถึงกับขนลุกซู่ในใจ ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว และไปยืนแอบอยู่ด้านหลังของชายวัยกลางคนผู้นั้น

จะไปโทษว่ายวีจั่นปอดแหกก็ไม่ถูก คราวก่อนเขาถูกหลี่ชิเย่เหยียบจนกระดูกแหลกละเอียดไป จนเขาไม่สามารถลืมความเจ็บปวดเช่นนั้นได้ หากไม่เป็นเพราะตระกูลยวีของเขามียาวิเศษ เกรงว่าเขาคงต้องนอนติดเตียงอย่างน้อยครึ่งปีหรือปีหนึ่ง

ผู้ที่ติดตามยวีจั่นมาด้วยนอกจากยอดฝีมือตระกูลยวีสิบกว่าคนแล้ว ยังมีชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่ง ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คืออาสี่ของยวีจั่นนั่นเอง รูปร่างของเขาสูงใหญ่ ดวงตาคู่นั้นราวกับสายฟ้าแลบ

ชายวัยกลางคนผู้นี้อยู่ในลำดับที่สี่ของตระกูลยวี ทักษะของเขาเป็นรองแค่เจ้าบ้านตระกูลยวีเท่านั้น เป็นระดับปราชญ์ที่แข็งแกร่งมาก

การที่ยวีจั่นถูกซ้อมในครั้งนี้ ทางตระกูลยวีย่อมไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้ ดังนั้น พลันที่หลี่ชิเย่มาถึงเมืองฟงเหวินก็ถูกศิษย์ของตระกูลยวีพบเข้า ยวีจั่นจึงเร่งรีบเชิญอาสี่ของเขามาแก้แค้นให้กับตน

“เจ้าก็คือคนที่ทำร้ายศิษย์ตระกูลยวีของเรา” นัยน์ตาของอาสี่ที่เสมือนดั่งสายฟ้าแลบจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่พร้อมเอ่ยขึ้นมา

เวลานี้ หลี่ชิเย่จึงค่อยๆ หันหน้ากลับมา มองดูอาสี่ทีหนึ่ง เอ่ยด้วยความเหนื่อยหน่ายว่า “ใช่แล้วจะทำไม”

“ปัง” มือของอาสี่ตบลงบนโต๊ะ จนถ้วยชามบนโต๊ะลอยขึ้นมา ตวาดเสียงทุ้มต่ำว่า “ดีมาก เมื่อกล้ารับก็ดีแล้ว วันนี้เจ้าคิดว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?”

“จัดการ? ทำไมต้องจัดการ?” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และกล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหย

“อย่าทำเป็นปากดีนัก” อาสี่ร้องเสียงดังว่า “ตระกูลยวีของพวกเราก็จะไม่อาศัยคนมากรังเกผู้อ่อนแอกว่า เวลานี้ให้เจ้าสองทางเลือก ไม่ก็คุกเข่าขอขมาต่อศิษย์ตระกูลยวี ไม่ก็ทำเหมือนกับที่เจ้าทำกับศิษย์ของตระกูลยวีอย่างนั้น ข้าจะป่นมือเท้าของเจ้าให้แหลกด้วยมือข้าเอง!”

“ถ้าข้าไม่เลือกทั้งสองทางล่ะ?” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา

“ปัง” อาสี่ได้เอามือตบใส่โต๊ะอีกครั้ง จนถ้วยเหล้าจานชามลอยขึ้นมา และร้องเสียงดังออกมาว่า “นั่นคือการรนหาที่ตายของเจ้า”

“นายท่าน ต้องการดื่มกินข้ายินดีต้อนรับ ต้องการต่อยตีขอเชิญไปข้างนอก” เมื่อผู้เฒ่าเห็นถ้วยเหล้าจานชามจะตกแตกรีบเข้ามาคว้าเก็บเอาไว้อย่างรวดเร็ว และกล่าวกับอาสี่ไป

อาสี่มองดูผู้เฒ่าแวบบหนึ่ง โยนทองคำไปก้อนหนึ่งตามอารมณ์ กล่าวว่า “ตาแก่ เอานี่ไป ของที่เสียหายคิดกับตระกูลยวีของข้า”

ผู้เฒ่ามองดูอาสี่แวบบหนึ่ง มือกองถ้วยชามเอาไว้ไม่พูดอะไร ขณะที่อาสี่เข้าใจว่าเขาคงคิดว่าน้อยไป จึงโยนทองคำออกไปอีกก้อนหนึ่ง สั่งว่า “เอาเงินก้อนนี้ไปเลี้ยงตัวยามแก่ชราก็แล้วกัน มันเพียงพอให้เจ้าสำหรับครึ่งชีวิตที่เหลือ ร้านเหล้านี้ไม่จำเป็นต้องเปิดกิจการอีก”

ผู้เฒ่าเก็บทองคำขึ้นและไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ออกมา กลับไปที่ด้านหลังโต๊ะเถ้าแก่ นั่งอยู่ตรงนั้น คล้ายดั่งต้องการหลบภัยอย่างนั้น

“ผู้เยาว์ เวลานี้สมควรคิดบัญชีได้แล้ว” อาสี่ร้องเสียงดังต่อหลี่ชิเย่ หลังจากเห็นผู้เฒ่าได้หลบไปอยู่ด้านหลัง

“ก็ดี สมควรคิดกันได้แล้ว” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมา จัดการดื่มเหล้าแก้วสุดท้ายจนหมด

“อาสี่กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “เจ้ายอมรับผิดเสียเวลานี้ยังทัน หาไม่แล้ว ข้านี่แหละจะจัดการหักแขนขาของเจ้าออกมา!”

“น่าสนใจ เอาเถอะ เจ้าลงมือเลย ข้าจะดูว่าเจ้าเรียนรู้ฝีมือตระกูลยวีได้มากี่ส่วน” หลี่ชิเย่ถึงกับยิ้มกล่าวออกมา

หลี่ชิเย่นั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด เมื่ออาสี่ถูกผู้เยาว์ดูแคลนถึงเพียงนี้ พลันรู้สึกโกรธยิ่งนัก สีหน้าแดงกล่ำ

ใครบ้างในมหาสมุทรอุดรที่ไม่หวั่นเกรงต่อตระกูลยวีของพวกเขาสามส่วน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในเมืองฟงเหวิน เวลานี้ ผู้เยาว์ที่อยู่ตรงหน้ากลับหาญกล้าดูแคลนเขาเช่นนี้ ย่อมทำให้อาสี่ไม่สามารถกล้ำกลืนฝืนทนต่อไปได้

“ผู้เยาว์ ข้าเจะสั่งสอนแทนผู้อาวุโสของเจ้าเอง!” อาสี่โกรธจัด ร้องเสียงดังออกมาและยื่นมือไปคว้าตัวหลี่ชิเย่

เสียงดัง “คร๊ากก” อาสี่พูดยังไม่ทันขาดคำ ก็ปรากฏเสียงกระดูกแตกหักดังขึ้น

“อ๊ากก” เสียงน่าเวทนาดังขึ้น เลือดสดๆ แตกกระจาย ท่อนแขนทั้งแขนของอาสี่ถูกหลี่ชิเย่ดึงติดมือออกมา

“เจ้า” อาสี่หวาดผวายิ่งคิดฉากหนี แต่สายเกินไปแล้ว เท้าของหลี่ชิเย่รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ “ปัง” ถีบเข้ากลางอกของอาสี่ ได้ยินเสียงกระดูกแตกหักดัง “คร๊ากก” ร่างของอาสี่ปลิวออกนอกร้านเหล้าและกระอักเลือดออกมาอย่างแรง

อาสี่ที่อยู่ในฐานะระดับปราชญ์ถูกหลี่ชิเย่ฉีกเอาแขนหลุดติดมือออกไปข้างหนึ่ง แล้วยังถูกเท้าหลี่ชิเย่ถีบจนกระเดินออกไปในครั้งเดียว พลันทำให้ยวีจั่นและศิษย์อีกสิบกว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกใจจนใบหน้าซีดเผือด

วันนี้ เห็นแก่หน้าของยวีไท่จวินละเว้นชีวิตสุนัขของพวกเจ้า ไสหัวไป” หลี่ชิเย่จัดการโยนแขนที่เลือดหยดติ่งๆ ไปให้กับยวีจั่น

ยวีจั่นตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง ไม่นึกเลยว่าการลงมือของอาสี่ก็สุดที่จะรับมือได้ พอได้สติกลับมาตกใจจนหันหลังวิ่งออกจากร้านเหล้าทันที

ในเวลานี้ บรรดาศิษย์ของตระกูลยวีล้วนแล้วแต่ตื่นตระหนกไปหมด หลังจากวิ่งออกจากร้านเหล้าแล้วพยุงอาสี่ที่กำลังสลบไสลวิ่งหนีไปทันทีดั่งพายุ

ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับส่ายหน้าเมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้ นี่เป็นการรนหาที่ตายของพวกยวีจั่น คนโหดอันดับหนึ่งนั้นเป็นประเภทพานพบเทพสังหารเทพอยู่แล้ว

“เอาล่ะ สมควรเผยโฉมหน้าที่แท้จริงได้แล้ว” หลังจากที่หลี่ชิเย่นั่งลงแล้ว เป่าใส่เปลือกถั่วที่เกลื่อนเต็มโต๊ะออกไป เปลือกถั่วทั้งหมดทยอยกันปลิวลงพื้น

เมื่อเปลือกถั่วทั้งหมดปลิวตกลงบนพื้นแล้ว ถึงกับกลายเป็นภาพๆ หนึ่ง และภาพๆ นี้พลันมีชีวิตขึ้นมา ได้ยินเสียงร้อง “กา” ซึ่งเป็นเสียงของอีกา ภาพดังกล่าวได้กลายเป็นอีกาตัวหนึ่ง บินจากพื้นดินไปเกาะอยู่บนโต๊ะเถ้าแก่ร้านและจ้องมองดูผู้เฒ่าคนนั้น

ผู้เฒ่าพลันลุกขึ้นยืนทันทีด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาก เมื่อเห็นอีกาตัวนี้

ภาพนี้ทำให้ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับตะลึง มันเป็นเพียงอีกาตัวหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่เห็นมีอะไรน่าตกใจ แต่ นาทีต่อมาทำให้ข่งเชียะหมิงหวางรู้สึกหวั่นไหวมากขึ้นกว่าเดิมอีก ดวงตาทั้งสองของผู้เฒ่าเบิกกว้างขึ้น ปรากฏประกายเทวะที่น่ากลัวออกมา ซึ่งประกายเทวะดังกล่าวเหมือนได้ก้าวข้ามจากอดีตสู่ปัจจุบันอย่างนั้น

ยามที่ประกายเทวะจากนัยน์ตาของเขาสาดส่องเข้ามา ข่งเชียะหมิงหวางรู้สึกเหมือนถูกสุดยอดเทพแท้จริงลงมือสยบนางเอาไว้ ทำให้หายใจแทบไม่ออก นางนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่อาจลุกขึ้นยืนได้ ประกายตาเช่นนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน

ในเวลานี้ ภายในใจของข่งเชียะหมิงหวางบังเกิดเป็นเหมือนคลื่นยักษ์ที่โหมกระหน่ำ นางไม่นึกไม่ฝันเลยว่าผู้เฒ่าผู้นี้จะดำรงอยู่ในฐานะสูงส่งที่น่ากลัวเช่นนี้

“เอาล่ะ เจิ้งฟง เหล้าชั้นเลวของเจ้าข้าก็ได้ดื่มมาแล้ว ควรเอาเหล้าดีมาได้แล้ว” หลี่ชิเย่ทำท่าบิดขี้เกียจ และกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉย

ในเวลานี้ ผู้เฒ่าได้ละสายตาที่น่ากลัวนั้นกลับไป ทันใดนั้นดวงตาทั้งสองได้กลายเป็นดวงตาที่ปราศจากประกายและสลด ยังคงเป็นดวงตาที่พร่ามัวคู่นั้น

ผู้เฒ่าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รีบเดินไปข้างหน้าและคุกเข่าลงกราบ “ไม่นึกว่าร่างแท้จริงของใต้เท้าจะมาด้วยตนเอง เจิ้งฟงไม่ทันได้ต้อนรับแล้ว”

“ไม่โทษเจ้า เจ้าก็ได้หมกตัวอยู่ตรงนี้มาชั่วชีวิตแล้วนี่” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและยิ้มกล่าวว่า “บนโลกใบนี้ยังจะมีสิ่งใดทำให้เจ้าต้องสนใจได้อีก ลุกขึ้นเถอะ”

ผู้เฒ่ายังคงกราบอีกครั้ง แล้วจึงค่อยลุกขึ้นยืน

“กาลเวลาผ่านไปอย่างยาวนาน เจ้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลงสักเท่าไร” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะและกล่าวว่า “แต่ว่า ที่ทำให้ข้ารู้สึกเหนือความคาดคิดก็คือ สำหรับลูกหลานของเจ้า เจ้าไม่สนใจแม้แต่น้อยนิด หรือว่าเจ้าไม่กลัวข้าสังหารพวกเขารึ”

“ใต้เท้าจะฆ่าก็ฆ่าเถอะ พวกสวะกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ” ผู้เฒ่าพูดเรียบเฉยไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย

เมื่อข่งเชียะหมิงหวางได้ยินคำพูดเช่นนี้ถึงกับตกใจ ผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าถึงกับเป็นคนของตระกูลยวี!

“ดูท่าเจ้าได้ฝึกก้าวเดินบนเส้นทางนี้ไปได้ไกลมาก เรียกว่าทะลุขีดสูงสุดไปแล้ว เกรงว่าราชันเซียนมู่จั๋วที่เป็นผู้คิดค้นเคล็ดวิชานี้ก็ไม่สามารถฝึกได้ถึงระดับนี้” หลี่ชิเย่ถึงกับส่ายหัวและทอดถอนใจออกมา

“ใต้เท้าชมเกินไปแล้ว ข้าเป็นเพียงตาเฒ่าที่ใกล้ตายคนหนึ่งเท่านั้น รู้สึกเซ็งๆ ได้แต่นั่งรอความตายเท่านั้นเอง” ผู้เฒ่ายิ้มนิดหนึ่ง ท่าทียังคงเรียบเฉย

หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “การที่คนๆ หนึ่งสามารถรอความตายได้ก็เป็นเรื่องที่มีความสุขเหมือนกัน อย่างน้อยยังพอจะฆ่าเวลาได้ แล้วยังจะมีสิ่งใดที่มีความสุขมากไปกว่านี้อีก”

ผู้เฒ่าได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ และไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมา

“เอาล่ะ เมื่อครู่ดื่มเหล้าเฮงซวยของเจ้าไปกาใหญ่ ไปเอาเหล้าดีๆ ของเจ้ามาเถอะ” หลี่ชิเย่ ยิ้มและสั่งการออกไป

ผู้เฒ่าไม่พูดให้มากความเดินเขาภายในห้องทันที เพียงครู่เดียวได้ยกเอาเหล้าชั้นเลิศมากาหนึ่ง และถั่วปากอ้าปรุงรสจานหนึ่ง รินเหล้าจนเต็มถ้วยให้กับหลี่ชิเย่ด้วยตัวเอง

ยามที่เหล้าเลิศรสนี้ถูกรินออกมานั้น พลันกลิ่นหอมของเหล้าตลบอบอวลไปทั่วทั้งร้านเหล้าเล็กๆ แห่งนี้ แค่ได้กลิ่นหอมของเหล้าก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นสุดยอดสุราอย่างแน่นอน

แน่นอนเวลานี้ ข่งเชียะหมิงหวางได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยฐานะของผู้เฒ่านี้แล้ว ต่อให้ข่งเชียะหมิงหวางก็ไม่มีวาสนาได้ดื่มเหล้าของเขาสักถ้วยได้

หลี่ชิเย่ กระดกรวดเดียวจนหมด แล้วเอาถั่วปากอ้าใส่ปากเคี้ยวอย่างช้าๆ หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ จึงได้กล่าวว่า “ผ่านไปหลายปี ฝีมือของเจ้ายังคงยอดเยี่ยมเหมือนเดิม”

ผู้เฒ่าไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงช่วยรินเหล้าให้กับหลี่ชิเย่จนเต็มถ้วยเท่านั้น

หลี่ชิเย่ดื่มไปอีกถ้วยหนึ่ง จากนั้นจึงสั่งการต่อข่งเชียะหมิงหวางว่า “หมิงหวาง คารวะดาวรุ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดสมัยราชันเซียนเชียนหลี่เถอะ เขาเป็นพี่ชายของยวีไท่จวิน”

เมื่อข่งเชียะหมิงหวางได้ยินคำพูดนี้แล้วไม่กล้าชักช้า ก้มหน้าแสดงคารวะ กล่าวว่า “ผู้น้อยคือศิษย์ของเมืองสมุทรสยบฟ้า รับตำแหน่งอยู่ในเมืองหมิงจู คารวะผู้อาวุโส”

เวลานี้ ผู้เฒ่าถึงกับมองดูข่งเชียะหมิงหวาง แล้วก็มองดูหลี่ชิเย่ ถึงกับหัวเราะเจื่อนๆ ว่า “ใต้เท้า ข้าเป็นเพียงวิญญาณเร่ร่อนบนโลกนี้เท่านั้นเอง…”

“ข้ารู้” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ และกล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “เจ้าไม่สนใจเรื่องราวบนโลกมานานมากแล้ว แต่ว่า อนาคตกู้จุนจะต้องตายแน่นอน เมืองสมุทรสยบฟ้าไม่มีคนคอยดูแล ข้าคิดไปคิดมา เกรงว่าในมหาสมุทรอุดรคนที่ไม่ตายเร็วก็คือเจ้า ดังนั้น จึงมอบหมายให้กับเจ้า”

“เอาเถอะ สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ตระกูลยวีติดค้างใต้เท้า” ผู้เฒ่าถึงกับยิ้มเจื่อนๆ และรับปากทันที

“ตระกูลยวีของเจ้าชดใช้หมดแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว

ผู้เฒ่าพยักหน้า จากนั้นหันไปบอกข่งเชียะหมิงหวางว่า “วันหลังมาหาข้าได้เลย”

“เจิ้งฟงคือผู้ที่มีชีวิตอยู่มาแล้วสามชาติ ต่อไปเรื่องเล็กๆ ก็ไม่ต้องมารบกวนเขา แต่หากว่าวันหนึ่งเมืองสมุทรสยบฟ้าเกิดประสบกับสำนักจะถูกทำลาย เจ้าสามารถมาขอความช่วยเหลือจากเขา” หลี่ชิเย่ยิ้มและสั่งการออกไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล