ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1594

ตอนที่ 1594 ข้ามีสิบสามลัคนา

บรรดาผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ เมื่อหลินเฮ่าพูดออกมาเช่นนี้ ทุกคนถึงกับจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ ทุกคนย่อมเข้าใจได้ว่าคำพูดของหลินเฮ่านั้นหมายถึงใคร

หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมากับคำพูดเช่นนี้ของหลินเฮ่า กล่าวว่า “งั้นหรือ? ข้าอยากรู้ว่าใครต้องการเป็นศัตรูกับข้า”

“ศิษย์พี่ใหญ่ของข้า หลงอ้าวเทียน…” หลินเฮ่ากล่าวด้วยท่าทางทะนงตัวว่า “ชาตินี้ ศิษย์พี่ใหญ่ข้าจะต้องได้เป็นราชันเซียน เขาจึงเป็นผู้ปราศจากผู้ต่อกรในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน!” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้แล้ว ถึงกับเผยให้เห็นถึงความลำพองบนใบหน้า

พลันที่หลินเฮ่าพูดออกมาเช่นนี้ ไม่ว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์จะมองหลงอ้าวเทียนอย่างไร แต่ทว่า ภายในใจของพวกเขาล้วนคล้อยตาม ผู้คนจำนวนมากมองว่า ชาตินี้ก็คงมีหลงอ้าวเทียนเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะต่อกรกับคนโหดอันดับหนึ่งได้ หากจะกล่าวว่า ทอดสายตามองไปทั่วหล้ายังจะมีผู้ใดมีคุณสมบัติแย่งชิงชะตาฟ้ากับคนโหดอันดับหนึ่งได้ล่ะก็ ย่อมเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหลงอ้าวเทียน

“หลงอ้าวเทียน? ไม่เคยได้ยิน” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหย

บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้ากันและกัน เมื่อหลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีใจต่อยวียวี่เหลียนถึงกับส่งเสียงเชียร์อยู่ในใจ คงมีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้นที่สามารถส่งผลกระทบต่อความฮึกเหิมของหลงอ้าวเทียนได้ ส่วนภายในใจของผู้บำเพ็ญตนคนอื่นๆ ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ

หากเป็นคนอื่นที่พูดคำๆ นี้ออกมา จะถูกมองว่าเป็นความโง่เขลา เป็นความอวดดี แต่ว่า เมื่อออกจากปากของคนโหดอันดับหนึ่ง ผู้คนจำนวนมากฟังแล้วล้วนแล้วแต่ คิดว่ามันสมเหตุสมผล

หลินเฮ่าที่เดิมอาศัยศิษย์พี่ใหญ่ของตนเป็นความภาคภูมิใจของตนพลันพูดอะไรไม่ออก ในเวลานี้เขาไม่สามารถหาคำพูดอื่นใดมาลบล้างได้ สีหน้าแดงก่ำดูอึดอัดลำบากใจยิ่งนัก ถึงกับจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ

“พี่หลงคือกลุ่มคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบันที่สำเร็จกายเซียนขั้นสมบูรณ์เป็นคนแรก ไม่เพียงต่อสู้กับทั่วหล้าโดยลำพังคนเดียว สังหารห้าจักรพรรดิเทพ แม้แต่จักรพรรดิเทพชั้นเก้าแดนก็สู้เคล็ดวิชาที่ปราศจากผู้ต่อกรของพี่หลงไม่ได้” จังหวะที่หลินเฮ่ากำลังอยู่ระหว่างลำบากใจ ยวียวี่เหลียนรีบเอ่ยขึ้นมาทันที เพื่อแก้ต่างและปกป้องให้กับหลงอ้าวเทียน ขณะที่นางพูดถึงผลงานการสู้รบอันลือลั่นของหลงอ้าวเทียนอยู่นั้น นางถึงกับหน้าแดงระเรื่อ สายตาหวานฉ่ำหยาดเยิ้ม ดูใบหน้ามีน้ำมีนวล เมื่อพูดถึงหลงอ้าวเทียนแล้ว นางถึงกับภาคภูมิใจยิ่งนัก

ท่าทางลักษณะเช่นนี้ของยวียวี่เหลียน ทำให้บรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีใจรักใคร่ในตัวนางรู้สึกไม่สู้จะสบอารมณ์นัก แต่ทว่า หลงอ้าวเทียนนั้นมีความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง และยอดเยี่ยมมาก เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วพวกเขารู้สึกแตกต่างกันมาก

หลี่ชิเย่มองเห็นท่าทีของยวียวี่เหลียนแล้ว ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น กล่าวว่า “เจ้าชอบหลงอ้าวเทียนคนนี้”

“เกี่ยวอะไรกับเจ้า…” ยวียวี่เหลียนทั้งโกรธทั้งอาย จ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ด้วยความโกรธเคือง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคือง แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นการรักข้างเดียวของนาง แต่ว่า เมื่อถูกหลี่ชิเย่เปิดเผยต่อหน้าทุกคน ทำให้นางอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี

หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะทีหนึ่ง ส่ายหัวเบาๆ และกล่าวว่า “ไม่รู้ว่าเขาจะชอบเจ้าหรือไม่ แต่ว่า ต่อให้เขาชอบเจ้า เกรงว่าพวกเจ้าสองคนคงไม่มีจุดจบที่ดี พรรคเซียนเหินไม่ควรปรากฏออกมา ไม่ควรประโคมเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ ยิ่งไม่ควรให้ศิษย์ภายในสำนักมาแย่งชิงชะตาฟ้า อย่างน้อยหลายยุคนี้ก็ทำเช่นนี้ไม่ได้”

“พรรคเซียนเหินของข้าปรากฏตัวต่อยุทธภพหรือไม่มันเกี่ยวอะไรกับเจ้า! พรรคเซียนเหินของข้าอยากจะปรากฎตัวต่อยุทธภพก็ปรากฎตัว ขอเพียงพรรคเซียนเหินของข้าตั้งใจครอบครองชะตาฟ้า ผู้สืบทอดพรรคเซียนเหินของข้าต้องเป็นราชันเซียน!” หลินเฮ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงที่โกรธ แก้ต่างปกป้องให้กับสำนักของตน

หลี่ชิเย่หัวเราะออกมาและกล่าวท่าทีเรียบเฉยว่า “ข้าไม่สนว่าเรื่องนี้เป็นความคิดของบรรพบุรุษของพรรคเซียนเหิน หรือว่าเป็นการตัดสินใจของผู้สืบทอดพรรคเซียนเหิน เรื่องบางเรื่องรู้แล้วว่ามันทำไม่ได้แต่ก็จะทำ จุดจบก็เพียงหนึ่งเดียว…ความตาย!”

“เจ้า เจ้ามั่นใจตัวเองมากเกินไปแล้ว!” ยวียวี่เหลียนแสดงท่าทีไม่พอใจและพูดน่าเกรงขามออกมาว่า “พี่หลงสำเร็จกายเซียนขั้นสมบูรณ์ เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาห้าราชัน มีสุดยอดอาวุธราชันในครอบครอง ยุคนี้ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรได้ ขอเพียงเขาลงมือ ไม่มีใครสามารถต้านทาน เขาได้!”

ความรักสามารถทำให้คนตาบอด ในสายตาของยวียวี่เหลียนมองว่า หลงอ้าวเทียนที่เป็นชายในดวงใจของนางนั้นปราศจากผู้ต่อกรในหล้า เขาจะต้องได้เป็นราชันเซียน เมื่อหลี่ชิเย่ลดค่าของหลงอ้าวเทียนลงเช่นนี้ นางย่อมไม่พอใจอยู่แล้ว

หลี่ชิเย่ย่อมมองออกว่าท่าทีเช่นนี้ของยวียวี่เหลียนนั้งบ่งบอกถึงสิ่งใด เขาถึงกับหัวเราะขึ้นมา ส่ายหน้าเบาๆ ยิ้มกล่าวเรียบเฉยออกมาว่า “กายเซียนขั้นสมบูรณ์ไหนเลยจะมาอวดอ้างต่อหน้าข้าได้”

“เจ้า…” ยวียวี่เหลียนโกรธเคืองอย่างยิ่ง ถึงกับจ้องหน้าหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธและกล่าวว่า “อย่างน้อยที่สุดพี่หลงคือกายเซียนขั้นสมบูรณ์ เจ้าไม่ใช่!”

ท่าทางที่โกรธเคืองของยวียวี่เหลียนทำให้หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา จงใจกระทบความเพ้อฝันภายในใจของยวียวี่เหลียน กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “ข้า สิบสามลัคนา”

สีหน้าของยวียวี่เหลียนเปลี่ยนไปมาก คำพูดคำเดียวได้กดดันจนนางแทบหายใจไม่ออก นางถือเอาชายในดวงใจเป็นความภาคภูมิใจของตน ในสายตาของนางมองว่าทุกสิ่งทุกอย่างของหลงอ้าวเทียนล้วนแล้วแต่ดีเลิศอะไรเช่นนั้น ทุกอย่างล้วนเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร ทุกอย่างล้วนแล้วแต่หาผู้ใดเทียบเทียมไม่ได้ทั้งสิ้น

แต่ว่า สิบสามลัคนาทำให้ยวียวี่เหลียนแทบหายใจไม่ออก อย่างน้อยหลงอ้าวเทียนที่เป็นชายในดวงใจไม่มีสิ่งนี้

บรรดาผู้บำเพ็ญตนคนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับมองหน้ากันและกัน หลายคนรู้สึกเสียวสันหลังแวบบ สำหรับใครก็ตามหากมีสิบสามลัคนาล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งน่าภูมิใจทั้งสิ้น

“พี่หลงเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาห้าราชัน คิดค้นสุดยอดสัจธรรมที่ไม่เคยมีในอดีตถึงปัจจุบัน” ยวียวี่เหลียนกล่าวด้วยท่าทีไม่ยอมแพ้และไม่พอใจ

หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมาเมื่อเห็นยวียวี่เหลียนเป็นเดือดเป็นแค้นเช่นนี้ ยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์ว่า “ข้า สิบสามลัคนา”

“พี่หลงมีลักษณะเป็นไตรอริยะ เจ้าแห่งผู้ชนะเลิศสิบรายการ!” ยวียวี่เหลียนยังคงไม่ยอมแพ้ ภายในใจของนางหลงอ้าวเทียนคือผู้ที่สมบูรณ์แบบ ไม่ยอมให้ใครมาข่มชายในดวงใจของนางได้อยู่แล้ว

“ข้า สิบสามลัคนา” หลี่ชิเย่ยังคงกล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหย

“เจ้า…” ยวียวี่เหลียนถึงกับพูดอะไรไม่ออกอยู่นานสองนาน ได้แต่จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธเคือง แม้ว่าชายในดวงใจของนางจะมีเงื่อนไขที่สมบูรณ์แบบยิ่งนัก แต่กลับเทียบหลี่ชิเย่ไม่ได้ก็ตรงที่สิบสามลัคนานี่แหละ

ข่งเชียะหมิงหวางที่ติดตามหลี่ชิเย่มาด้วยไม่รู้จะทำอย่างไรดี เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ นางเข้าใจว่าเป็นความจงใจของหลี่ชิเย่ที่ต้องการแกล้งยวียวี่เหลียน ขณะที่ยวียวี่เหลียนก็แสดงออกให้เห็นว่ารักในตัวของหลงอ้าวเทียนแทบคลั่ง

“สิบสามลัคนาของคุณชายข้าสามารถหมางเมินทั่วหล้านับแต่อดีตถึงปัจจุบัน” ข่งเชียะหมิงหวางตั้งใจจะกล่าวเตือนสติยวียวี่เหลียน นางเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ผู้สำเร็จกายเซียนขั้นสมบูรณ์นับแต่อดีตถึงปัจจุบันมีไม่ต่ำกว่าร้อย แต่ว่า นับแต่อดีตถึงปัจจุบันสิบสามลัคนามีเพียงคุณชายของข้าเท่านั้นเอง”

เดิมคำพูดลักษณะเช่นนี้ของข่งเชียะหมิงหวางตั้งใจจะเตือนสติยวียวี่เหลียน แต่ว่า เมื่อยวียวี่เหลียนได้ยินแล้ว กลับมีสีหน้าที่ดูไม่จืดมากยิ่งกว่าเดิมอีก ในความรู้สึกของนางมองว่า หลี่ชิเย่จงใจทำให้นางต้องอับอายขายหน้า แม้แต่เด็กรับใช้ก็คิดเช่นนี้ ทำให้นางเสียหน้ายิ่งนัก

หลี่ชิเย่ยิ้มๆ ได้แต่ส่ายหน้าโดยไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้

“ที่พูดมาก็มีเหตุผล” หลังจากที่ข่งเชียะหมิงหวางได้กล่าวคำเช่นนี้ออกมาแล้ว บรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกว่าคำพูดนี้มีเหตุผล โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญตนที่มีใจให้กับยวียวี่เหลียนยิ่งมีความรู้สึกว่าคำพูดนี้กล่าวได้ถูกต้องเหลือเกิน

แต่ทว่า สิ่งนี้นับว่าเป็นความจริง ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากเมื่อได้ไตร่ตรองอย่างละเอียดแล้ว จริงอยู่ แม้ว่าหลงอ้าวเทียนจะได้รับการโปรดปรานจากสวรรค์เป็นพิเศษ เป็นดาวรุ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคปัจจุบันแต่ว่า นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ชายหนุ่มที่มีผลงานเช่นหลงอ้าวเทียนใช่ว่าจะไม่มี

อย่างไรก็ตาม กรณีของหลี่ชิเย่มันแตกต่าง สิบสามลัคนามีเพียงหนึ่งเดียวนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่คิดค้นขึ้นโดยหลี่ชิเย่เท่านั้น ลำพังแค่ผลงานเช่นนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ชื่อเสียงของหลี่ชิเย่เลื่องลือไปตลอดกาล ในแง่ความสำเร็จทางประวัติศาสตร์เรียกได้ว่าสามารถเทียบเคียงราชันเซียนได้แล้ว

ยวียวี่เหลียนที่แต่เดิมคิดจะเพิ่มความสง่างามให้กับชายในดวงใจของตน เวลานี้นางถึงกับพูดอะไรไม่ออก ใบหน้าแดงก่ำ เหลียวซ้ายแลขวา ไม่รู้ว่าจะเพิ่มชื่อเสียงให้กับชายในดวงใจของตนได้อย่างไร

ระหว่างที่ยวียวี่เหลียนเหลียวซ้ายแลขวาอยู่นั่นเอง นางมองเห็นร่างเงาที่ยืนอยู่บนบันไดขั้นที่สิบเอ็ดนั่น มองเห็นเงาของชายในดวงใจ ทำให้นัยน์ตาของยวียวี่เหลียนถึงกับลุกวาวขึ้นมาทันที นางชี้ไปที่บันไดเสียงสิบสองขั้นนั้นแล้วกล่าวว่า “หลี่ชิเย่ เป็นความจริงที่เจ้ายอดเยี่ยมมาก ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ลองปีนขึ้นบันไดสิบสองขั้นดู พี่หลงสามารถขึ้นไปถึงขั้นที่สิบเอ็ดรวดเดียวอย่างง่ายดาย และทิ้งร่างเงาเอาไว้…”

“…งั้นเจ้าก็ลองปีนดูสิ ถ้าหากเจ้าขึ้นไปไม่ถึงขั้นที่สิบเอ็ด อาศัยอะไรมาเทียบกับพี่หลง พี่หลงสามารถขึ้นไปรวดเดียวถึงขั้นที่สิบเอ็ด เป็นการบ่งบอกว่า ความสามารถในการเข้าใจของเขา จิตแห่งการบำเพ็ญเพียร จิตใจที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของเขาปราศจากผู้เทียบเทียม ถ้าหากเจ้าขึ้นไปไม่ได้ เจ้าอาศัยอะไรมาแย่งชิงชะตาฟ้ากับพี่หลง เจ้าไม่มีคุณสมบัติจะเป็นราชันเซียน!”

ครั้นยวียวี่เหลียนเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว มองไปที่หลี่ชิเย่ด้วยท่าทีลำพองใจอยู่หลายส่วน นางคาดว่าหลี่ชิเย่ต้องไม่สามารถขึ้นไปขั้นที่สิบเอ็ดแน่นอน เนื่องจากนับจากราชันเซียนหยินเทียนเป็นต้นมา มีผู้ปีนบันไดเสียงสิบสองขั้นมาเท่าไร แต่ว่า ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่สามารถขึ้นไปถึงขั้นที่สิบเอ็ดได้มีเพียงหลงอ้าวเทียนคนเดียวเท่านั้น

“ถูกต้อง ศิษย์พี่ใหญ่ของข้าก้าวไปถึงขั้นที่สิบเอ็ดอย่างง่ายดาย” หลินเฮ่าพูดขึ้นมาด้วยเสียงอันดังว่า “มีปัญญาก็ลองแข่งกับศิษย์พี่ใหญ่ของข้า หากเจ้าขึ้นไปไม่ถึงขั้นที่สิบเอ็ด อาศัยอะไรมาแข่งกับศิษย์พี่ใหญ่ของข้า? อาศัยอะไรมาแย่งชิงชะตาฟ้ากับศิษย์พี่ใหญ่ของข้า?”

ทั้งยวียวี่เหลียน และหลินเฮ่าต่างก็ถูกคำพูดเพียงคำเดียวของหลี่ชิเย่ทำเอาพูดอะไรไม่ออก แน่นอน ทั้งยวียวี่เหลียน และหลินเฮ่าย่อมไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว โดยเฉพาะยวียวี่เหลียน ในใจของนางหลงอ้าวเทียนคือผู้ที่ปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้าอยู่แล้ว ในสายตาของนางมองว่า ไม่ว่าหลี่ชิเย่จะมีผลงานเช่นใดก็ตาม ก็ไม่อาจเทียบได้กับหลงอ้าวเทียน

เมื่อหลี่ชิเย่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ถึงกับหัวเราะ มองดูยวียวี่เหลียน ยิ้มและส่ายหน้า แล้วกล่าวว่า “ความรักสามารถทำให้คนสติเลอะเลือน แค่บันได้เสียงสิบสองขั้นเท่านั้นเอง ใช่จะเป็นการทดสอบที่สุดยอดในหล้าอะไร ผู้ที่สามารถขึ้นไปถึงขั้นที่สิบเอ็ดใช่ว่าจะมีเพียงชายในดวงใจเจ้าเท่านั้น เพียงแต่ บางคนเขาไม่ชอบชื่อเสียงที่จอมปลอม ขี้คร้านจะมาปีนแข่งด้วย”

“ฮึ อย่างนั้นรึ?” หลินเฮ่ากล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “กลัวเสียหน้าน่ะสิ ชื่อเสียงจอมปลอมไม่จอมปลอมอะไร เกรงว่าดาวรุ่งบางคนแม้แต่ขั้นที่แปดยังขึ้นไปไม่ได้ ดังนั้น จึงไม่กล้ามาปีนบันไดเสียงสิบสองขั้น เพื่อให้ให้ตัวเองต้องเสียชื่อ”

ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม หลินเฮ่าจะต้องหนุนศิษย์พี่ใหญ่ของตนอย่างเต็มที่ ในสายตาของเขามองว่า หลงอ้าวเทียนต้องเป็นผู้ที่ได้เป็นราชันเซียน

“นี่คือข้ออ้างของเจ้ารึ?” เมื่อยวียวี่เหลียนเห็นว่าหลี่ชิเย่ไม่ต้องการขึ้นบันไดเสียงสิบสองขั้น พลันบังเกิดความมั่นใจขึ้น มองหลี่ชิเย่อย่างเย้ยหยัน กล่าวด้วยท่าทีน่าเกรงบขามว่า “ถ้าหากเจ้าไม่กล้าขึ้นบันไดเสียงสิบสองขั้น พวกเราก็จะไม่ฝืนใจเจ้า แต่ว่า ต่อแต่นี้อย่าได้เที่ยวบอกไปทั่วว่ามีเพียงเจ้าเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเป็นราชันเซียน ฮึ เมื่อเปรียบเทียบกับพี่หลงแล้ว เจ้ายังมีวิถีทางที่ต้องก้าวเดินอีกยาวไกลนัก!”

ไม่ง่ายนักกว่าที่จะเอาชนะให้กับชายในดวงใจได้ ยวียวี่เหลียนเองรู้สึกได้ว่าสบายใจเป็นพิเศษ ถ้าหากชายในดวงใจทราบเรื่องเช่นนี้เข้า ไม่แน่นักอาจจะมองนางอีกแบบหนึ่ง และโปรดปรานนางเป็นพิเศษก็เป็นได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล