ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1596

ตอนที่ 1596 ขึ้นจุดสูงสุด

สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับเปลี่ยนไป ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ ถึงกับมองหน้ากันและกัน เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ ทำลายร่างเงาของกู้จุนด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียว

“คนโหดอันดับหนึ่ง ความแรงของเพลิงความโหดไม่มีใครเทียบ ไม่เคยเกรงกลัวที่จะเป็นศัตรูกับทุกคนในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน” มีผู้ที่พึมพำออกมาเมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้

ทุกคนต่างรู้ดีว่า เมืองสมุทรสยบฟ้าสามารถเป็นผู้นำในมหาสมุทรอุดรได้ แม้ว่าเมืองสมุทรสยบฟ้าไม่ได้เป็นหนึ่งสำนักห้าราชันเซียนเช่นพรรคเซียนเหิน แต่ว่า ในมหาสมุทรอุดรอิทธิพลของเมืองสมุทรสยบฟ้าไม่ได้ด้อยไปกว่าพรรคเซียนเหิน เวลานี้ หลี่ชิเย่ไม่ลังเลที่จะทำลายร่างเงาของกู้จุนเสีย เท่ากับเป็นการประกาศศึกกับเมืองสมุทรสยบฟ้า

ทอดสายตาไปในปัจจุบัน จะมีสักกี่คนที่หาญกล้าประกาศศึกกับพรรคเซียนเหิน และเมืองสมุทรสยบฟ้าในเวลาเดียวกัน เว้นแต่ราชันเซียน!

ศิษย์เมืองสมุทรสยบฟ้าที่อยู่ในเหตุการณ์โกรธแค้นยิ่งนัก ที่นี่คือมหาสมุทรอุดร ขณะที่หลี่ชิเย่กลับทำลายร่างเงาของผู้อาวุโสเมืองสมุทรสยบฟ้าต่อหน้าต่อตาของทุกๆ คน เป็นการทำให้เมืองสมุทรสยบฟ้าของพวกเขาต้องเสียเกียรติ เป็นการประกาศสงครามกับเมืองสมุทรสยบฟ้าของพวกเขา!

แต่ทว่า ศิษย์เมืองสมุทรสยบฟ้าผู้นี้ก็ต้องจนด้วยเกล้า ความดุร้ายของคนโหดอันดับหนึ่งใช่ว่าจะเพิ่งเป็นมาวันสองวัน มีเรื่องอะไรที่เขาไม่กล้าทำ? ถึงเขาจะโกรธแค้นแล้วยังไงล่ะ? คนดุร้ายอย่างคนโหดอันดับหนึ่งไม่มองศิษย์ที่ไรอันดับอย่างเขาอยู่ในสายตาอยู่แล้ว อีกทั้งยิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนโหดอันดับหนึ่งอีกด้วย คนโหดอันดับหนึ่งอาศัยนิ้วเพียงนิ้วเดียวก็สามารถบดขยี้เขาจนตายได้อยู่แล้ว

ต่อให้เป็นข่งเชียะหมิงหวางก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ต่อให้เป็นนางยังทำได้เพียงแค่นี้เหมือนกัน คนดุร้ายเฉกเช่นคนโหดอันดับหนึ่งคนนี้ เขาคิดจะทำอะไรไม่มีใครสามารถขวางเขาได้อยู่แล้ว

ในเวลานี้ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับมองไปยังหลี่ชิเย่ที่ก้าวขึ้นไปอยู่ขั้นที่สิบสองของบันไดเสียงแล้ว ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่พูดอะไรไม่ออก

ไม่ต้องสงสัย เวลานี้คนโหดอันดับหนึ่งได้แซงหน้าอยู่เหนือหลงอ้าวเทียนไปแล้ว หลงอ้าวเทียนขึ้นไปถึงขั้นที่สิบเอ็ดก็ทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังมาก และเป็นความจริงที่เขาก็สมกับชื่อของเขา

อย่างไรก็ตาม เวลานี้คนโหดอันดับหนึ่งกลับขึ้นไปถึงขั้นที่สิบสอง ย่อมไม่ต้องสงสัยคนโหดอันดับหนึ่งได้อยู่เหนือหลงอ้าวเทียนไปแล้ว การแย่งชิงความเป็นราชันเซียนในอนาคต หลงอ้าวเทียนคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนโหดอันดับหนึ่งเช่นกัน

ขณะที่ทุกคนต่างเข้าใจว่าหลี่ชิเย่คงจะสุดอยู่แค่บันไดเสียงขั้นที่สิบสองอยู่นั้นเอง หลี่ชิเย่กลับเริ่มต้นการก้าวต่อไปอีกครั้ง

“ไม่ล่ะมั้ง…” ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับสะดุ้ง เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่บนบันไดเสียงขั้นที่สิบสองแล้วยังคงจะก้าวเดินต่อไปอีก ถึงกับเบิกตากว้าง

“นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ บันไดเสียงขั้นที่สิบสองก็คือขั้นสูงสุดแล้ว” มีผู้ที่อดพึมพำออกมาไม่ได้

ความจริงแล้ว นัยน์ตาของยวียวี่เหลียนเองก็เบิกจนกว้าง นางไม่เชื่อในเรื่องเช่นนี้อยู่แล้ว นางเคยได้ฟังผู้อาวุโสของตระกูลพูดว่า ในโลกนี้ยกเว้นราชันเซียนแล้วไม่มีใครสามารถขึ้นไปถึงยอดสูงสุดได้

บันไดเสียงสิบสองขั้นนั้นมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา มันคือสุดยอดของวิเศษประจำเผ่าเทวะเผ่าหนึ่ง หลังจากที่ไท่จวินเฒ่าของพวกเขาซึ่งเป็นผู้ที่เคลื่อนย้ายมันมาไว้ที่เมืองฟงเหวินแล้ว ก็ไม่เคยพูดถึงมันอีกเลย แต่ว่า ผู้อาวุโสของตระกูลเคยพูดเอาไว้ว่า บันไดเสียงสิบสองขั้นไม่เพียงแค่ใช้สำหรับทดสอบผู้บำเพ็ญตนเท่านั้น มันอาจจะเป็นอาวุธเล่มหนึ่ง สามารถปกป้องคุ้มครองเมืองฟงเหวิน และปกป้องบ้านตระกูลยวีของพวกเขา

ผู้อาวุโสบ้านตระกูลยวีเคยบอกเอาไว้ว่า ที่บันไดเสียงสิบสองขั้นแห่งนี้เว้นแต่ราชันเซียนแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่คนอื่นๆ จะขึ้นไปถึงยอดสูงสุดได้ เนื่องจากมันเป็นการสยบของหลักสัจธรรม ยกเว้นสามารถทะลุพันธนาการของสัจธรรม ขณะที่ผู้ที่สามารถทำสิ่งนี้ได้บังเอิญมีเพียงราชันเซียนเท่านั้น

เคยมีบรรพบุรุษบ้านตระกูลยวีกล่าวเอาไว้ว่า ตามตำนานเล่าว่า ครั้งนั้นกู้จุนถือว่าตนเองนั้นมีพรสวรรค์ที่ปราศจากผู้เทียบเทียม หลังจากขึ้นไปถึงขั้นที่สิบสองแล้วได้ทดลองขึ้นไปให้ถึงยอดสูงสุด แต่ทว่า ในที่สุดแล้วก็ทำไม่สำเร็จ ได้แต่หยุดอยู่แค่บันไดเสียงขั้นที่สิบสองเท่านั้น

เวลานี้หลี่ชิเย่พลันก้าวเดินต่อไปยังยอดสูงสุดอย่างกะทันหัน ทำให้นัยน์ตาของยวียวี่เหลียนถึงกับเบิกกว้าง นางเกือบจะร้องออกมาด้วยความตกใจ อดที่จะอ้าปากกว้างค้างอยู่อย่างนั้น การขึ้นไปถึงขั้นที่สิบเอ็ดของชายในดวงใจของนางนับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ความโดดเด่นได้กลบชื่อเสียงของดาวรุ่งทุกคนในยุคนั้น

เวลานี้ หลี่ชิเย่ได้ขึ้นไปถึงขั้นที่สิบสองแล้วยังไม่พอใจอีก ถึงกับต้องการขึ้นไปยอดสูงสุด คนเช่นนี้ยังจะเป็นคนอยู่อีกรึ?

ขณะที่ดวงตาของทุกคนกำลังเบิกกว้างอยู่นั้น เสียง “ตึง…” ดังขึ้น หลี่ชิเย่ถึงกับขึ้นไปถึงยอดสูงสุดแล้ว ปรากฏเสียงดนตรีดังขึ้น แม้ว่าเสียงนี้ไม่ได้ดังกังวานเป็นพิเศษ แต่ว่า ยามที่เสียงดนตรีนี้ดังขึ้น มันเสมือนหนึ่งเป็นค้อนขนาดยักษ์ที่ทุบลงไปภายในใจของคนทุกคนอย่างแรง

“เป็นไปไม่ได้…”ยวียวี่เหลียนร้องเสียงแหลมดังออกมาเป็นคนแรก ใบหน้าขาวซีดร้องเสียงดังออกมา ไม่อยากเชื่อสายตาของตนเอง นางอดอ้าปากค้างไม่ได้ หลังจากร้องเสียงแหลมออกมาแล้ว นางทำปากขมุบขมิบเหมือนปลาที่ขาดน้ำ หลายครั้งที่นางต้องการพูดอะไรออกมา แต่กลับติดอยู่ที่ลำคอไม่สามารถพูดออกมาได้ เขาถูกทำให้ตระหนกตกใจอย่างสิ้นเชิง

“นี่ นี่ นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้วกระมัง“ ทุกคนล้วนแล้วแต่มองดูภาพนี้จนนัยน์ตาเบิกกว้าง ทุกคนล้วนแล้วแต่ถูกทำให้หวั่นไหวจนพูดอะไรไม่ออกอยู่นาน

การขึ้นไปถึงบันไดเสียงขั้นที่สิบสองของกู้จุนก็คือหนึ่งในสิบสุดยอดอัจฉริยะบุคคลตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน แต่แล้วคนโหดอันดับหนึ่งในเวลานี้กลับขึ้นไปถึงยอดสูงสุดแล้ว หากบอกว่ากู้จุนคือหนึ่งในสิบสุดยอดอัจฉริยะบุคคลตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เช่นนั้นแล้วคนโหดอันดับหนึ่งคืออะไร? ราชันเซียนรึ?

ข่งเชียะหมิงหวางที่ปลอมตัวเป็นเด็กรับใช้ก็อ้าปากกว้างในขณะนี้ ก่อนหน้านี้หลี่ชิเย่เคยบอกว่าเขาสามารถขึ้นไปถึงยอดสูงสุดได้ ซึ่งนางไม่ค่อยจะมั่นใจในคำพูดเช่นนี้ แต่ทว่า เวลานี้หลี่ชิเย่ได้ขึ้นไปถึงยอดสูงสุดแล้วจริงๆ ต่อให้เป็นบุคคลระดับข่งเชียะหมิงหวางก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่อ

ในเวลานี้เอง ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับหวาดกลัวอย่างจริงจัง การขึ้นไปบนยอดสูงสุดของหลี่ชิเย่เป็นการบ่งบอกถึงสิ่งใด? ทำให้ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับนึกถึงยวีเจิ้งฟงขึ้นมา แม้แต่ระดับยวีเจิ้งฟงที่สามารถต้านรับราชันเซียนได้ยังต้องให้ความเคารพต่อหลี่ชิเย่อย่างนอบน้อม

สมควรทราบว่า เฉกเช่นยวีเจิ้งฟงที่ดำรงอยู่ในฐานะสูงสุดคงไม่ใช่ผู้ที่ให้ความเคารพนอบน้อมกับใครง่ายๆ ต่อให้ผู้นั้นจะเป็นราชันเซียนก็ตาม ก็ไม่เห็นว่าเขาจะให้ความเคารพเช่นนี้ แต่ เขากลับให้ความเคารพต่อหลี่ชิเย่ยิ่งนัก

เมื่อข่งเชียะหมิงหวางไตร่ตรองอย่างละเอียดแล้ว ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก หลี่ชิเย่คือคนที่น่ากลัวเช่นใดกันแน่? หลี่ชิเย่ดำรงอยู่ในฐานะน่ากลัวเพียงใดกันแน่นะ?

เมื่อข่งเชียะหมิงหวางนึกถึงตรงนี้แล้ว ถึงกับรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งกาย ขณะเดียวกัน ในเวลานี้เอง ข่งเชียะหมิงหวางตระหนักถึงเรื่องราวที่น่ากลัวเรื่องหนึ่ง เกรงว่าในอนาคตไม่ว่าใครเป็นศัตรูกับหลี่ชิเย่ก็ตาม ล้วนแล้วแต่ไม่มีจุดจบที่ดี ต่อให้เป็นพรรคเซียนเหิน หรือเมืองสมุทรสยบฟ้าของพวกเขา!

ดังนั้น เมื่อข่งเชียะหมิงหวางตระหนักถึงตรงนี้แล้ว ถึงกับเสียวสันหลังวาบบ

“ตึง ตึง ตึง…” ในขณะที่หลี่ชิเย่ยืนอยู่บนยอดสูงสุดของบันไดเสียงสิบสองขั้นนั้น บันไดเสียงสิบสองขั้นถึงกับส่งเสียงออกมาเป็นจังหวะ ทุกขั้นบันไดเสียงจะมีเสียงเพียงเสียงเดียว เมื่อเสียงดนตรีนี้ดังขึ้นและประสานเข้าด้วยกัน เสมือนหนึ่งเป็นเสียงจังหวะดนตรีแห่งฟ้าดินอย่างนั้น

“ปัง ปัง ปัง…” เสียงคนคุกเข่าลงกับพื้นดังขึ้น ยามที่จังหวะเสียงดนตรีค่อยๆ ดังขึ้นมานั้น บรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ทยอยกันคุกเข่าลงกับพื้น

มันหาใช่เป็นการคุกเข่าลงโดยสมัครใจของพวกเขา ภายใต้จังหวะเสียงดนตรีนี้ พวกเขาต้องคุกเข่าลงทั้งที่ไม่ยินยอมก็ตาม แต่พวกเขาไม่สามารถควบคุมตนเองภายใต้เสียงดนตรีเสียงนี้

ทุกๆ เสียงสัมผัสประดุจดั่งราชโองการที่มีอำนาจสูงสุด เหมือนว่านี่คือราชโองการของสัจธรรมแห่งฟ้าดิน เสียงทุกเสียงที่ดังขึ้นก็คือปณิธานของฟ้าดิน ไม่อาจปฏิเสธการคุกเข่าได้

ภายใต้เสียงดนตรีที่สัมผัสได้ เสียงปังปังปังดังขึ้นเป็นระลอก บางคนก็ฟันฝืนเพื่อต่อต้านกับเสียงแห่งสัจธรรมเสียงนี้ แต่ ยิ่งต่อต้านมากเท่าไร พลังของเสียงก็จะทรงพลังมากยิ่งขึ้น ดังนั้น จึงมีคนที่ต้องคุกเข่าลงอย่างแรง กระทั่งหัวเข่าแตกเลือดไหลออกมา

ผู้คนทั้งหมดทยอยกันคุกเข่าลง ผู้ที่มีทักษะยุทธแข็งแกร่งสามารถทนต่อเสียงดนตรีนี้ได้มากหน่อย ส่วนผู้ที่ทักษะอ่อนแค่ได้ยินเสียงดนตรีที่เข้ามาสัมผัสเพียงหนึ่งหรือสองครั้งก็ต้องคุกเข่าลงโดยตรง

หลังจากที่หลินเฮ่าคุกเข่าลงแล้ว ยวียวี่เหลียนก็ทนต่อพลังอำนาจของเสียงดนตรีนี้ไม่ได้ เสียง “ปัง” ดังขึ้น ต้องคุกเข่าลงกับพื้นอยู่ตรงนั้น สร้างความตระหนกระคนกับความโกรธให้กับยวียวี่เหลียนยิ่งนัก แต่ทว่า ปราศจากพลังที่จะขัดขืน เนื่องจากเสียงดนตรีที่เข้ามาสัมผัสนั้นทรงพลังมากเหลือเกิน

ผู้ที่คุกเข่าลงเป็นคนสุดท้ายก็คือข่งเชียะหมิงหวาง ทักษะของข่งเชียะหมิงหวางสูงกว่าพวกของยวียวี่เหลียนไม่รู้เท่าไร แต่ว่า ท้ายที่สุด ภายใต้เสียงดนตรีที่เข้ามาสัมผัสนางก็ไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้ ไม่อาจไม่คุกเข่าลง

เวลานี้ หลินเฮ่าไม่ยอมรับ เขาเป็นศิษย์ของพรรคเซียนเหิน นอกจากอาจารย์แล้วไหนเลยเคยคุกเข่าให้กับใครมาก่อน ดังนั้น เขาจึงดิ้นรนเงยหน้าเพื่อลุกขึ้นยืน แต่ “ปัง” เขาเพิ่งจะขยับตัว พลังที่น่ากลัวก็สยบต่อร่างของเขาในทันที หัวเข่าแตกจนเลือดไหลเป็นทาง

“ลุกขึ้นเถอะ…” หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่เหนือเสียงสัมผัสแห่งดนตรีกล่าวเฉยเมยออกมาว่า “อภัยโทษให้พวกเจ้า” พลันที่กล่าวขาดคำ หลี่ชิเย่จ้องมองผู้คนที่คุกเข่าอยู่เต็มไปหมดด้วยท่าทีเรียบเฉย

สิ่งนี้หาใช่หลี่ชิเย่จงใจสยบพวกเขา แต่ บันไดเสียงสิบสองขั้นหาใช่แค่ภูเขาลูกหนึ่งที่ใช้เป็นเครื่องมือที่นำมาทดสอบผู้คนเท่านั้น มันเคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เทพแท้จริงใช้ประกอบพิธีเซ่นไหว้บูชาสวรรค์และแผ่นดิน ขณะเดียวกัน มันยังเป็นอาวุธที่เล่มหนึ่ง เพียงกระตุ้นให้พลังของมันตื่นขึ้น พลันสามารถสยบผู้คนได้ เฉกเช่นทักษะของพวกยวียวี่เหลียนย่อมไม่อาจต่อต้านกับบันไดเสียงสิบสองขั้นได้อยู่แล้ว!

หลังจากที่หลี่ชิเย่กล่าวจบคำ ทุกคนจึงรู้สึกหายใจโล่งอก พลังที่สยบอยู่บนตัวของพวกเขาพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย เวลานี้ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ขาวซีด ต่างมองหน้ากันและกัน

ผู้คนจำนวนมากแอบชำเลืองมองดูหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง ท่าทีหวาดกลัวยิ่งนัก ไม่กล้ามองอีกเป็นครั้งที่สอง

ก่อนหน้านั้น พวกเขาต่างได้ยินชื่อเสียงของคนโหดอันดับหนึ่งมาก่อน รู้ว่าคนโหดอันดับหนึ่งมีความดุร้ายเป็นพิเศษ แต่ว่า หลังจากที่พวกเขาได้ลิ้มลองถึงความโหดน่ากลัวของคนโหดอันดับหนึ่งอย่างแท้จริงแล้ว ต่างบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นภายในใจ ทางที่ดีที่สุดอย่าได้เป็นศัตรูกับคนโหดเช่นนี้

เวลานี้ หน้าของยวียวี่เหลียนซีดเผือด อ้าปากเหมือนจะพูด แต่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อยู่นานสองนาน คำพูดที่นางต้องการพูดติดอยู่ที่ลำคอ

ชายในดวงใจของนางนับว่าสุดยอดปราศจากผู้เปรียบเปรยในหล้า และสมบูรณ์แบบไร้ที่ติในใจของนาง แต่ว่า มาวันนี้ผลงานของหลี่ชิเย่ กลับทำให้ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบที่สุดของนางดู่ช่างสลดและอับแสงเหลือเกิน ไม่สามารถเทียบเทียมได้เลย ทำให้ยวียวี่เหลียนที่ต้องการพูดกลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี

ก่อนหน้านี้นางเคยคิดว่า บนโลกใบนี้ไม่มีใครสามารถเทียบเทียมกับหลงอ้าวเทียนได้อีกแล้ว อย่างไรก็ตาม มาวันนี้ คนโหดอันดับหนึ่งได้ทำลายเกียรติยศของหลงอ้าวเทียนจนปี้ป่น

“นี่ นี่ นี่ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่…” ไม่ง่ายนักกว่าหลินเฮ่าจะได้สติคืนกลับมา และร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล