ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1597

ตอนที่ 1597 เหตุวุ่นวาย

หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่บนบันไดเสียงสิบสองขั้นจ้องมองดูหลินเฮ่า แล้วกล่าวว่า “ทำไมรึ แพ้ไม่เป็นรึ?”

“นี่ นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด” ใบหน้าของหลินเฮ่าแดงก่ำ แต่ว่ากลับปากแข็ง กล่าวว่า “ทุกคนต่างรู้ดีกันว่า บันไดเสียงสิบสองขั้นเป็นการสยบโดยพันธนาการของสัจธรรม ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถขึ้นถึงยอดสูงสุดได้ ในนี้ต้องมีเล่ห์กล เขาต้องเล่นโกงแน่นอน ไม่ก็บันไดเสียงสิบสองขั้นมีปัญหา!”

ร่างเงาศิษย์พี่ใหญ่ของเขาถูกหลี่ชิเย่ทำลายในทันที กล่าวสำหรับหลินเฮ่าที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวของศิษย์พี่ใหญ่มาตั้งแต่เด็ก มันคือสิ่งที่ยากแก่การยอมรับของเขา ยิ่งไปกว่านั้น การขึ้นไปยังยอดสูงสุดของหลี่ชิเย่ยิ่งเป็นเรื่องที่ยากต่อการยอมรับได้ เนื่องจากแม้แต่กู้จุนที่เป็นหนึ่งในสิบสุดยอดอัจฉริยะบุคคลก็ขึ้นไปยอดสูงสุดไม่ได้ แต่ว่า เวลานี้หลี่ชิเย่กลับขึ้นไปได้แล้ว มันจึงเป็นการยากสำหรับหลินเฮ่าทึ่จะยอมรับ

ดังนั้น หลินเฮ่าจึงพยายามหาข้อตำหนิติเตียนทั้งๆ ที่มันไม่มีข้อให้ตำหนิได้เลย กระทั่งถือโอกาสสาดโคลนใส่หลี่ชิเย่ เพื่อให้ทุกคนสงสัยในความเป็นจริงของการขึ้นสู่ยอดสูงสุดของหลี่ชิเย่

เมื่อหลินเฮ่าพูดลักษณะเช่นนี้ บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างจ้องมองไปที่ตัวของเขาโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา ต่อให้มีคนที่ไม่พอใจกับคำพูดของหลินเฮ่า แต่ หลินเฮ่านั้นมีชาติกำเนิดเป็นพรรคเซียนเหิน ไม่มีใครต้องการไปล่วงเกินต่อเขา

ยวียวี่เหลียนรู้สึกไม่พอใจในคำพูดของหลินเฮ่าอย่างยิ่ง เพียงจ้องมองหลินเฮ่าด้วยสายตาน่าเกรงขาม การที่หลินเฮ่าตั้งข้อสงสัยในบันไดเสียงสิบสองขั้นเช่นนี้ เท่ากับเป็นการสงสัยในบ้านตระกูลยวีของพวกเขา

บันไดเสียงสิบสองขั้นถูกวางเอาไว้ ณ ที่ตรงนี้มาตั้งแต่ยุคของราชันเซียนหยินเทียน ไม่รู้ว่ามีจำนวนผู้ที่เคยปีนมามากน้อยเท่าไรและไม่เคยมีปัญหาใดๆ มาก่อน อาจกล่าวได้ว่า บันไดเสียงสิบงสองขั้นเป็นเหมือนสัญลักษณ์อีกอย่างของตระกูลยวีของพวกเขา เวลานี้หลินเฮ่าถึงกับตั้งข้อสงสัยในบันไดเสียงสิบสองขั้น มิเท่ากับเป็นการสงสัยในชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของบ้านตระกูลยวี เรื่องนี้กระทั่งยวียวี่เหลียนที่มีใจต่อหลงอ้าวเทียนก็ไม่พอใจในตัวหลินเฮ่า

หลี่ชิเย่มองดูหลินเฮ่าแล้วกล่าวด้วยท่าทีเฉยเมยว่า “แพ้ไม่เป็นแล้วใส่ร้ายผู้อื่น อาศัยคำพูดเช่นนี้ของเจ้าก็สมควรตาย”

“เจ้า…” หน้าของหลินเฮ่าแดงก่ำ กล่าวตอบทันทีว่า “หลี่ชิเย่ คิดจะฆ่าคนปิดปากรึ? กลัวคนอื่นพบเห็นวิธีการโกงของเจ้า ดังนั้นจึงฆ่าข้าเพื่อปิดปาก ไม่เปิดโอกาสให้ใครได้ตั้งข้อสงสัย หลี่ชิเย่ ต่อให้ฆ่าข้าคนหนึ่ง แต่ว่า เจ้าสามารถฆ่าทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้หรือ? ต่อให้เจ้าสามารถฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ เจ้าสามารถฆ่าทุกคนทั่วหล้ารึ? ต่อให้เจ้าฆ่าคนมากกว่านี้ ก็ไม่สามารถปิดปากทุกคนในโลก!”

เวลานี้ หลินเฮ่าคิดจะทำให้ชื่อเสียงของหลี่ชิเย่เสียหาย ดังนั้น ไม่เพียงสาดโคลนเข้าใส่หลี่ชิเย่ ยังต้องการลากทุกคนที่อยู่ที่นี่ลงน้ำด้วยกันทั้งหมด ผลักทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ให้ยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับหลี่ชิเย่

ในเวลานี้ บรรดาผู้บำเพ็ญตน กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างจ้องมองไปที่หลินเฮ่า กระทั่งมีผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยถึงกับถอยหลังไปก้าวหนึ่ง พวกเขาไม่ต้องการยืนอยู่ใกล้หลินเฮ่ามากเกินไป

ต่อให้เป็นคนที่โง่เขลามากกว่านี้ก็ฟังรู้ว่าหลินเฮ่าต้องการลากพวกเขาลงน้ำด้วยกัน กล่าวสำหรับ ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในเหตุการณ์ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นบางทีพวกเขาเพื่อต้องการประจบสอพลอพรรคเซียนเหิน อาจช่วยเหลือหลินเฮ่าอีกแรง

แต่ว่า เมื่อยามต้องเผชิญหน้ากับคนโหดอันดับหนึ่ง ล้อเล่นรึ นี่มันคนโหดอันดับหนึ่งเลยนะ เขาฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา ถ้าหากพวกเขาถูกหลินเฮ่าลากลงน้ำจริง เกรงว่าคนโหดอันดับหนึ่งคงไม่ลังเลที่จะสังหารพวกเขาเสีย พวกเขาไม่ต้องการถูกฝังไปพร้อมๆ กับหลินเฮ่า!

“มองว่าตัวเองสำคัญ ก็แค่ตัวตลกเท่านั้นเอง ตบปาก” หลี่ชิเย่เพียงมองหน้าหลินเฮ่าเย็นชา ฟาดออกไปตามอารมณ์ทันที

“เพียะ” หลินเฮ่าคิดจะหลบแต่ไม่ทัน และป้องกันไม่ได้ ภายใต้หนึ่งฝ่ามือเขาถูกฟาดจนตัวลอยออกไป กระอักเลือดออกมาอย่างแรง ขณะที่เลือดพุ่งออกจากปากนั้นฟันในปาก็หลุดตามไปด้วย

ฝ่ามือนี้ของหลี่ชิเย่ไม่เพียงตบจนหลินเฮ่ากระอักเลือดออกมาอย่างแรง ยังทำให้ฟันร่วงอีกด้วย

หลินเฮ่าลอยไปกระแทกกับพื้นเข้าให้อย่างแรง แต่ยังคงปากแข็ง ร้องเสียงดังว่า “หลี่ชิเย่ ต่อให้เจ้าฆ่าข้าได้ก็ไม่สามารถปิดปากคนทั่วหล้าได้ แน่จริงก็ฆ่าข้าเสียสิ ศิษย์ของพรรคเซียนเหินไม่เคยกลัวตายอยู่แล้ว!”

“มดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น ข้ากลัวคนอื่นจะว่าอะไรข้างั้นรึ?” หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่บนบันไดสูงจ้องมองหลินเฮ่าเฉยเมย กล่าวว่า “ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายเอง ข้าก็จะสงเคราะห์เจ้า” ขาดคำ หนึ่งนิ้วที่ชี้ตรงเข้าหาหลินเฮ่าทันที

นิ้วของหลี่ชิเย่ที่ชี้ออกไปตามอารมณ์ยิ่ง แต่ว่า ด้วยนิ้วที่ชี้ไปตามอารมณ์นี้แหละ หลินเฮ่ายังคงหลบไม่พ้น และไม่สามารถรับมือได้ ทักษะทั้งสองฝ่ายห่างกันมากมายเหลือเกิน

ดูท่าจะต้องตายด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียวนี้อยู่แล้ว หลินเฮ่าเองได้แต่หลับตารอความตาย

“ยั้งมือเอา…” ขณะที่หลินเฮ่านั่งรอความตายอยู่นั้น ฉับพลัน เสียงหนึ่งดังขึ้น จากนั้นได้ยินเสียง “ตึง” แล้วตามด้วยเสียงดัง “ปัง” เสียงสิ่งของแตกหัก เศษชิ้นส่วนปลิวกระจัดกระจาย

ในเสี้ยวเวลาความเป็นความตาย ปรากฏโล่ขนาดยักษ์ลอยเข้ามาขวางนิ้วของหลี่ชิเย่เอาไว้ แม้ว่าโล่ยักษ์สามารถขวางนิ้วของหลี่ชิเย่ไว้ได้ แต่ว่า ยังคงถูกนิ้วนี้ของหลี่ชิเย่ทิ่มจนแตกละเอียด ชิ้นส่วนของโล่ปลิวกระจาย

ถึงแม้ว่าโล่ขนาดยักษ์จะแตกละเอียดไปภายใต้นิ้วนี้ของหลี่ชิเย่ แต่ นับว่าหลินเฮ่าได้รอดพ้นจากเคราะห์กรรมนี้ไป รักษาชีวิตเอาไว้ได้

ในเวลานี้เอง ร่างเงาสายหนึ่งได้เหินลงมาจากฟากฟ้า เป็นร่างกำยำของผู้เฒ่าคนหนึ่ง ยามที่เขาร่อนลงขวางอยู่ด้านหน้าของหลินเฮ่า พลันบังเกิดเสียง “แว้งค์” รอบๆ กายของเขาปรากฏเป็นโล่แต่ละอันขึ้นมา มือของเขาถือดาบยาว ตั้งมั่นพร้อมรับมือกับศัตรู โดยไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย

“อาจารย์…” หลินเฮ่าที่ลุกขึ้นมารู้สึกตกใจระคนกับดีใจเมื่อเห็นผู้ที่ช่วยชีวิตตนเอาไว้ ร้องเสียงดังออกมา

“วางใจเถอะ เรือรบของสำนักตามมาทันที” ผู้เฒ่าพยักหน้า โดยที่ดวงตาคู่นั้นของเขาไม่เคยละจากหลี่ชิเย่เลย คำพูดของเขาไม่เพียงปลอบศิษย์ของตน ขณะเดียวกันเป็นการบอกกล่าวต่อทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือบอกกล่าวต่อหลี่ชิเย่

“ผู้อาวุโสของพรรคเซียนเหิน” บรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไป พึมพำออกมาเมื่อเห็นผู้เฒ่าผู้นี้แล้ว

คนส่วนใหญ่ที่ได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าผู้นี้แล้วมีสีหน้าที่ซีดเผือด หลายคนทยอยถอยหลังออกไป พวกเขารู้ว่าเรือรบของพรรคเซียนเหินมาที่นี่บ่งบอกถึงสิ่งใด

ผู้เฒ่าที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือผู้อาวุโสของพรรคเซียนเหินนั่นเอง และก็คืออาจารย์ของหลินเฮ่า แม้ว่า ผู้อาวุโสของพรรคเซียนเหินผู้นี้หาใช่ผู้ที่มีตำแหน่งและอำนาจมากในพรรคเซียนเหิน แต่ว่า กลิ่นอายที่แผ่กระจายออกมาจากตัวของเขานั้นทำให้ผู้คนต้องสั่นเทา ความกล้าแข็งของเขาทำให้ยอดฝีมือจำนวนเท่าไรต้องหวาดกลัว เกรงว่าผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าคือระดับเซียนอ๋องคนหนึ่ง!

แค่ระดับผู้อาวุโสธรรมดาคนหนึ่งก็มีกำลังความสามารถแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เพียงพอที่จะดูออกว่าพรรคเซียนเหินนั้นมีความแข็งแกร่งเพียงใด

เวลานี้ ผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “สหาย ศิษย์ของข้าอายุน้อยและโง่เขลา ให้เกียรติพรรคเซียนเหินของข้า ละเว้นชีวิตของเขาได้ไหม?”

เวลานี้ ผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินตั้งมั่นพร้อมรับมือกับศัตรู ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย ชื่อเสียงขอคนโหดอันดับหนึ่งเขาได้ยินมานานแล้ว เมื่อต้องเผชิญกับคนโหดประเภทฆ่าได้กระทั่งจักรพรรดิเทพ กล้าเนรเทศพรรคเซียนเหินของพวกเขาได้ แม้ว่าเขาจะเป็นถึงระดับผู้อาวุโสของพรรคเซียนเหิน ก็ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย

หลายคนรู้สึกประทับใจเมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสพรรคเซียนเหิน หลังจากที่พรรคเซียนเหินปรากฎตัวที่มหาสมุทรอุดรแล้ว พวกเขาทำตัวสูงเด่นเสมอมา ใครกล้าเป็นศัตรูกับพรรคเซียนเหิน จะต้องถูกกวาดให้ราบคาบ! แต่ทว่า ต่อหน้าผู้คนจำนวนมากในเวลานี้ ต่อให้เป็นระดับผู้อาวุโสของพรรคเซียนเหินก็ต้องยอมอ่อนข้อให้

แต่ว่า หลายคนลองไตร่ตรองให้ละเอียดแล้วรู้สึกว่า การที่ผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินยอมอ่อนข้อก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่น่าอับอาย จะอย่างไรเสีย ผู้ที่พวกเขาเผชิญหน้าคือคนโหดอันดับหนึ่ง ลองคิดดู นับแต่คนโหดอันดับหนึ่งเข้าสู่ยุทธภพเป็นต้นมา เขาเคยเกรงกลัวใครมาก่อน? เป็นเทพหรือมารก็สังหารไปตามระเบียบ หรือเขาจะกลัวพรรคเซียนเหินอย่างนั้นรึ!

หลี่ชิเย่จ้องมองผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินแล้วเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “ให้เกียรติพรรคเซียนเหินของเจ้า? พรรคเซียนเหินของเจ้ายังจะมีเกียรติอะไรอีกรึ!”

ผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินพลันมีสีหน้าที่ดูไม่ดีเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ น้อยครั้งนักที่ชื่อของพรรคเซียนเหินพวกเขาถูกเมิน ขอเพียงพรรคเซียนเหินพวกเขาออกหน้าสำนักจำนวนมาก แม้แต่สายสำนักราชันเซียนที่แข็งแกร่งมากก็ต้องให้เกียรติพรรคเซียนเหินพวกเขา

เวลานี้ ไม่เพียงหลี่ชิเย่จะไม่ให้เกียรติพรรคเซียนเหินพวกเขา ยังกล่าววาจาหยามอีกด้วย ซึ่งทำให้ผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินเกือบจะอดกลั้นไม่ได้อีกแล้ว

“สหายหลี่ หนทางอันยาวไกล พวกเรายังต้องพบกันบ่อย” ผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง กล่าวว่า “หนทางนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน การมีศัตรูเพิ่มขึ้นคนหนึ่ง มิสู้มีสหายเพิ่มขึ้นคนหนึ่ง พรรคเซียนเหินพวกเราไม่ได้ปั้นขึ้นจากดิน และจะไม่ปล่อยให้ใครรังแกได้ตามใจชอบ!”

“ไม่ได้ปั้นมาจากดินแล้วไง หรือคิดเอาเองว่าหนึ่งสำนักห้าราชันเซียนแล้ว ไม่ว่าใครก็ตามต้องให้เกียรติพวกเจ้าอย่างนั้นรึ?” ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่ยังไม่ทันพูดอะไรออกมา เสียงเย้ยหยันเสียงหนึ่งดังขึ้น เห็นคนผู้หนึ่งเหินฟ้าลงมา

เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ขณะที่ชายหนุ่มผู้นี้มาถึง ภายใต้แสงอาทิตย์นั้น ทั่วทั้งร่างของเขาปรากฎเป็นประกายเหมือนเกล็ดปลา ซึ่งประกายที่เป็นเกล็ดปลานี้ดุจดั่งประกายสีทองที่เปล่งออกมาจากทองคำอย่างนั้น

ร่างกายของชายหนุ่มผู้นี้เต็มไปด้วยเกล็ดสีทอง บนศีรษะมีเขามังกรสีฟ้าครามคู่หนึ่ง ยามที่ชายหนุ่มผุ้นี้ปรากฏตัว ปรากฏเสียงคลื่นดังขึ้นเป็นระลอก เหมือนว่าเขาได้นำพาเอาคลื่นทะเลที่โหมสาดซัดติดตัวมาด้วย

“ไห่หลิน…” บรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เห็นชายหนุ่มผู้นี้ต่างรู้สึกตกใจและร้องออกมา

“ไหหลิน!” แม้แต่ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยพบเห็นคนชื่อนี้มาก่อนยังต้องตื่นตระหนกเมื่อได้ยินชื่อนี้ และกล่าวว่า “ผู้นำหนุ่มของปีศาจทะเล!”

สีหน้าของผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินผู้นี้พลันดูไม่สู้จะดีนักเมื่อได้เห็นชายหนุ่มผู้นี้ กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “ไห่หลิน ที่แท้เจ้ามาหลบอยู่นี่เอง แต่ว่า เจ้าหลบได้ไม่นานหรอกนะ นายน้อยของพวกเราจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้”

“ข้ารู้ว่าหลงอ้าวเทียนพาสุนัขรับใช้ฝูงใหญ่ตามหาข้า” ชายหนุ่มที่ชื่อไห่หลินหัวเราะเยาะว่า “การไปใต้ทะเลลึกครั้งนี้ของเขา ก็ได้แค่กินมูลสุนัขเท่านั้นเอง”

ผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินส่งเสียงฮึน่าเกรงขามออกมา กล่าวว่า “เจ้าหลบได้ครั้งหนึ่ง ไม่สามารถหลบได้ทั้งชาติ นายน้อยของข้าจะต้องสังหารพวกเจ้าได้ทั้งหมดแน่นอน!”

“รอให้หลงอ้าวเทียนหัวเราจนได้เป็นราชันเซียนเสียก่อนค่อยมาคุยโม้ก็แล้วกัน” ไห่หลินเยาะเย้ย

บรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างนิ่งเงียบ มองดูการปะทะคารมระหว่างไห่หลินกับผู้อาวุโสพรรคเซียนเหิน ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความคิดที่แตกต่างกันออกไป

การปรากฏตัวที่มหาสมุทรอุดรของพรรคเซียนเหิน ได้เข้ายึดครองพื้นที่ทะเลไปผืนใหญ่ ส่งผลให้เผ่าปีศาจและปีศาจทะเลในฐานะเจ้าถิ่นต่อต้านอย่างหนัก

ปีศาจทะเลไม่ใช่เผ่าพันธุ์ พวกมันเป็นสัตว์ขนาดยักษ์ประเภทต่างๆ ที่อาศัยอยู่ใต้ทะเลลึก เช่นปลาขนาดยักษ์ งูยักษ์ เต่ายักษ์ และอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งมีชีวิตมาแล้วเป็นพันล้านปี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล