ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1606

ตอนที่ 1606 ทางเลือกของยวียวี่เหลียน

ขณะที่ยวียวี่เหลียนอ้าปากกำลังจะพูด ยวีจู่รีบกล่าวว่า “เรียนท่านบรรพบุรุษ ผู้สืบทอดของพรรคเซียนเหินคือผู้สำเร็จกายเซียนขั้นสมบูรณ์ หนึ่งในตัวเลือกผู้จะเป็นราชันเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดของยุคปัจจุบัน รวมจุดเด่นของห้าราชันเซียนในตัว ยากจะหาผู้ใดเทียบเทียม” ครั้นกล่าวถึงตรงนี้แล้ว แอบชำเลืองดูหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง ไม่กล้ากล่าวมากความอีก

“ตัวเลือกราชันเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดอะไร ล้วนแล้วแต่เป็นการยลบุปผากลางสายหมอก ยลจันทรากลางสายชล” ยวีไท่จวินกล่าวจริงจังว่า “ต่อให้พรรคเซียนเหินสำเร็จกายเซียนเหินขั้นสมบูรณ์ ก็ต้องเหลว”

ผู้เยาว์อาจไม่รู้ แต่ ยวีไท่จวินรู้เรื่องนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง ผู้เป็นราชันเซียนได้มีการชี้ขาดเป็นที่แน่นอนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้สืบทอดพรรคเซียนเหินอะไรนั่น กายเซียนขั้นสมบูรณ์ หรือหาได้ยากในยุคนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นความล้มเหลวทั้งสิ้น ท้ายที่สุดล้วนแล้วแต่เป็นความฝันที่ไม่อาจเป็นจริงได้เท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม ยวีไท่จวินในฐานะขุนพลอันดับหนึ่งแห่งกองทัพมังกรดำยิ่งมีความชัดเจนว่า ผู้ที่แย่งชิงชะตาฟ้ากับหลี่ชิเย่จะมีจุดจบเช่นใด ต่อให้มีชาติกำเนิดมาจากพรรคเซียนเหิน มันก็แค่โครงกระดูกโครงหนึ่งบนเส้นทางที่ปราศจากผู้ต่อกรของหลี่ชิเย่เท่านั้น

ยวียวี่เหลียนก้มหน้าสนิท เรื่องที่นางชอบพอหลงอ้าวเทียนเป็นเรื่องที่คนในตระกูลและผู้อาวุโสต่างรู้ดี เพียงแต่ทุกคนไม่พูดออกมาเท่านั้น เวลานี้ถูกหยิบยกขึ้นมาเอ่ยถึง ย่อมทำให้ภายในใจของหญิงสาวรู้สึกเหนียมอายอยู่บ้าง

ยวีไท่จวินจ้องมองดูยวียวี่เหลียน กล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “เรื่องความสัมพันธ์ของผู้เยาว์ ความจริงข้าไม่ควรก้าวก่าย แต่ว่า ที่เจ้าชอบเขานั้น เป็นความรักที่เต็มไปด้วยความสุขของคนทั้งสอง หรือว่าเจ้าเองไปรักเขาข้างเดียวล่ะ?”

พลันที่ยวีไท่จวินกล่าวคำๆ นี้ออกมา ร่างกายของยวียวี่เหลียนถึงกับสั่นเทิ้มทีหนึ่ง แน่นอนเรื่องที่นางชื่นชอบหลงอ้าวเทียนนั้น หลงอ้าวเทียนไม่รู้อยู่แล้ว เป็นเพียงการแอบหลงรักเงียบๆ ของนางเองเท่านั้น ไม่เคยได้แสดงเปิดเผยออกไป

การเปลี่ยนแปลงของยวียวี่เหลียนย่อมไม่สามารถรอดจากสายตาของยวีไท่จวินไปได้ นางเอ่ยขึ้นมาเชื่องช้าว่า “เช่นนี้แล้ว แสดงว่าเป็นการรักเขาข้างเดียวล่ะสิ”

ใบหน้าของยวียวี่เหลียนออกจะขาวซีดอยู่บ้าง นางไม่กล้าพูดอะไรออกมา ได้แต่ก้มหน้าสนิท

“ข้าจะวิเคราะห์เรื่องนี้ให้กับเจ้า” ยวีไท่จวินกล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “ในเมื่อเขาเป็นผู้สืบทอดของพรรคเซียนเหิน รวมจุดเด่นห้าราชันเซียนไว้บนตัว ทั้งยังเป็นผู้สำเร็จกายเซียนขั้นสมบูรณ์ มีคุณหนู องค์หญิงจำนวนเท่าไรในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินที่พร้อมโผเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา แม้ว่า ลูกหลานตระกูลยวีของข้าก็ใช่จะเป็นผู้ที่มองตัวเองไร้ค่า แต่ว่า เจ้าสมควรรู้ตัวเองดีว่า พูดถึงพรสวรรค์ รูปโฉมแล้ว เจ้าสามารถแย่งชิงกับบรรดาหญิงสาวสูงศักดิ์หรือองค์หญิงได้หรือไม่? เจ้าสามารถทำให้ผู้สืบทอดของพรรคเซียนเหินโปรดปรานเจ้าได้หรือไม่?”

ยวียวี่เหลียนก้มหน้าลงต่ำมากขึ้นกว่าเดิมอีก เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของยวีไท่จวิน ภายในใจของนางเองก็เข้าใจเป็นอย่างดี แม้ว่านางจะมีเงื่อนไขที่ไม่เลวนัก แต่ทว่า ผู้หญิงในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินที่มีเงื่อนไขดีกว่านางก็มีอยู่มาก ไม่แน่เสมอไปว่าหลงอ้าวเทียนจะถูกใจนาง ด้วยเหตุนี้เองทำให้นางไม่กล้าเอ่ยความในใจต่อหลงอ้าวเทียนตลอดมา

“ต่อให้เจ้ามีโอกาสได้แต่งเข้าพรรคเซียนเหิน ด้วยสติปัญญาของเจ้า ด้วยรูปโฉมของเจ้า เกรงว่าเป็นภรรยาน้อยก็ยังฝืนๆ ยิ่งนัก ศิษย์เช่นเจ้าในพรรคเซียนเหินมีมากจนนับกันไม่หวั่นไม่ไหว” คำพูดของยวีไท่จวินเฉียบขาดยิ่งนัก “เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมพรรคเซียนเหินจะต้องแต่งงานกับเจ้า? อย่างดีที่สุดก็แค่ตระกูลยวีของพวกเรามีอิทธิพลอยู่บ้างในมหาสมุทรอุดร บรรพบุรุษของเจ้ายังพอมีคุณค่าที่จะหลอกใช้ได้บ้าง นอกเหนือจากนี้แล้ว เกรงว่าพรรคเซียนเหินคงไม่เห็นคุณค่าของตระกูลยวี และไม่เห็นคุณค่าของเจ้า อย่างมากที่สุดก็แค่หลอกใช้ตระกูลยวีเท่านั้นเอง”

ร่างกายของยวียวี่เหลียนถึงกับสั่นเทิ้มขึ้นมา เมื่อได้ยินคำพูดที่เฉียบขาดของบรรพบุรุษที่ชี้ออกมาให้เห็น หญิงสาวทุกคนจะมากหรือน้อยย่อมต้องมีความฝันอยู่บ้าง จะมากหรือน้อยก็ต้องมีความเพ้อฝันอยู่บ้าง

เวลานี้ ถูกคำพูดที่เฉียบขาดของบรรพบุรุษชี้ออกมาให้เห็น มันเป็นเรื่องที่โหดร้ายยิ่งนัก ฉับพลันก็ได้ทำลายความเพ้อฝันเส้นสุดท้ายที่มีอยู่ในใจของหญิงสาวคนหนึ่งหมดสิ้นในทันที

เวลานี้ หน้าของยวียวี่เหลียนซีดเผือด ก้มหน้าลงสนิท นางถึงกับจับมือทั้งสองของตนไว้แน่น พยายามไม่ให้ร่างกายของตนต้องสั่นเทาอีก

“ความรักชายหญิงเป็นเรื่องปรกติของมนุษย์ ไม่มีอะไรควรคู่แก่การไปวิจารณ์และตัดสิน” ยวีไท่จวินเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “แต่ว่า เจ้าอายุยังน้อย ยังไม่เคยพบเห็นโลกที่แท้จริง ยังไม่เคยพบเห็นความเจิดจรัสของสัจธรรมที่แท้จริง”

บรรดาศิษย์ตระกูลยวีถึงกับต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้ ทั้งหมดตั้งใจฟังทุกๆ คำพูดของยวีไท่จวิน

ยวีไท่จวินจ้องมองดูยวียวี่เหลียน แล้วกล่าวว่า “พรสวรรค์ของเจ้านับว่าใช้ได้ แต่ เจ้ามีเงื่อนไข ขอเพียงเจ้าสามารถตัดสินใจเด็ดขาดเพื่อขัดเกลาจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเจ้าให้มั่นคงแข็งแรง เจ้าจะมีชีวิตที่แตกต่างในอนาคต เมื่อเจ้าก้าวเดินไปถึงจุดนั้นแล้ว เจ้าสามารถมีชีวิตอยู่ได้กว่าหมื่นปี กระทั่งหลายหมื่นปี ขณะที่เจ้ามีอายุถึงหนึ่งพันปีนั้น เจ้ายังคงมีอายุน้อย…”

“…ขณะที่เมื่อถึงเวลานั้น ขณะที่เจ้ายืนอยู่บนจุดสูงสุดของหลักสัจธรรม วิสัยทัศน์ด้านชีวิตของเจ้าก็จะกว้างไกลมากยิ่งขึ้น หากถึงเวลานั้นจริง เจ้าจึงจะรู้ว่าบนโลกนี้ยังมีสิ่งที่น่าตื่นเต้นกว่า เจิดจ้ามากกว่านี้ ในเวลานี้ เจ้าจึงสามารถรู้จักกับมังกรและหงส์ที่เป็นอัจฉริยะบุคคลมากกว่า มีเพียงให้ถึงวันนั้นแล้ว เจ้าจึงรู้จักตัวเองได้อย่างแท้จริงว่าต้องการอะไร!”

คำพูดของยวีไท่จวินหนักแน่นจี้ตรงใจ บรรดาศิษย์ของตระกูลยวีล้วนแล้วแต่ฟังจนนิ่งเงียบ

แม้แต่ยวีจู่เองก็ทอดถอนภายในใจเบาๆ เขาที่อยู่ในฐานะจักรพรรดิเทพนับว่ามีประสบการณ์ เข้าใจถึงความหมายที่แตกต่างกันในคำพูดของบรรพบุรุษ ครั้งนั้นเพราะความไม่เข้าใจ จึงทำให้เขาประสบความสำเร็จช้า ล่วงเลยถึงปัจฉิมวัยจึงสำเร็จระดับจักรพรรดิเทพ อย่างไรก็ตาม การยืนอยู่ระดับจักรพรรดิเทพแล้วมองดูโลกใบนี้ จะเห็นได้ว่ามันแตกต่างโดยสิ้นเชิง

เกรงว่าหากยืนมองโลกนี้เขณะอยู่ที่ระดับสามารถต่อกรกับราชันเซียนซึ่งหน้าได้ คงเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ส่วนจะเป็นรูปแบบเช่นใดนั้น เขาไม่กล้าจะคิด

ภายในใจของยวีจู่เข้าใจเป็นอย่างดีว่า ยวียวี่เหลียนคือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความหวังมากที่สุดของตระกูลยวีพวกเขา ที่สำคัญมากไปกว่านี้ก็คือ หากว่านางได้รับการบ่มฟักจริงๆ ล่ะก็ ย่อมมีอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด

“เวลานี้หากเจ้าตัดความสัมพันธ์ออกไป มันจะทำให้เจ้าได้เลือกเดินบนเส้นทางที่แตกต่างจากคนอื่นๆ!” ยวีไท่จวินเอ่ยอย่างช้าๆ ว่า “เจ้าต้องการเป็นผู้หญิงปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง หรือเป็นยอดฝีมือที่หัวเราะมองดูเก้าแดน? อยู่ที่การเลือกของเจ้า!”

ยวียวี่เหลียนที่มีใบหน้าขาวซีด หลังจากผ่านการต่อสู้ภายในใจแล้ว สุดท้าย ยวียวี่เหลียนกัดฟันกำหมัดแน่น กล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นมั่นคงว่า “เรียนท่านบรรพบุรุษ ศิษย์ยินดีรับการขัดเกลา! ยินดีรับการสอนสั่ง!”

“ดีมาก” ยวีไท่จวินมองดูยวียวี่เหลียน สุดท้ายจึงพยักหน้าอย่างวางใจ ท้ายสุด นางมองไปที่หลี่ชิเย่เอ่ยถามว่า “ใต้เท้าคิดว่าอย่างไร?”

“ข้าอยู่นานไม่ได้ ห่างจากวันที่ต้องไปจากคงไม่นานแล้ว” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ กล่าวว่า “หากจะให้ข้าเป็นผู้ชี้แนะบ้างคงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ ลูกหลานของตระกูลยวีให้เจ้าเป็นผู้ถ่ายทอดคงเหมาะสมที่สุดแล้ว ตามความเห็นของข้า นางเหมาะที่จะฝึก ‘ตำราเท้า’ อนุญาตให้เจ้าถ่ายทอด ‘ตำราเท้า’ ให้กับนาง

การที่หลี่ชิเย่ไม่สามารถชี้แนะด้วยตนเองได้ ทำให้ยวีไท่จวินรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่ทว่า เมื่อได้ฟังคำของหลี่ชิเย่แล้ว นางรู้สึกดีใจอีกครั้ง

คนข้างกายของหลี่ชิเย่ล้วนมีข้อตกลงกันไว้ เคล็ดวิชาที่หลี่ชิเย่ถ่ายทอดให้นั้น บางอย่างพวกเขาสามารถถ่ายทอดให้กับลูกหลานได้ บางอย่างไม่อนุญาตให้มีการถ่ายทอดต่อ

บุคคลอื่นอาจไม่รู้จัก “ตำราเท้า” คือเคล็ดวิชาประเภทไหนกัน ขณะที่นางซึ่งเคยฝึก “ตำราเท้า”มา นางย่อมรู้ดีกว่าใครๆ ถึงความแข็งแกร่งของเคล็ดวิชานี้ เวลานี้ หลี่ชิเย่อนุญาตให้นางถ่ายทอดให้กับยวียวี่เหลียน ย่อมไม่ต้องสงสัยว่านี่คือเรื่องดีเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง

“ยังไม่รีบขอบคุณใต้เท้าอีก โชคชะตาเช่นนี้ คนอื่นอยากได้แต่ไม่ได้” ยวีไท่จวินสั่งการกับยวียวี่เหลียนทันที

เมื่อยวียวี่เหลียนได้สติกลับมา จึงรีบโค้งคารวะอย่างงามต่อหลี่ชิเย่ อ้าปากจะพูด แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าอย่างไร

“ไม่ต้องมากพิธี” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “วาสนาเช่นนี้มาจากความพยายามไขว่คว้าของบรรพบุรุษเจ้า อย่าทำให้บรรพบุรุษเจ้าต้องผิดหวังก็พอ”

“ค่ะ…” สุดท้าย ยวียวี่เหลียนได้แต่กล่าวคำแผ่วเบาออกมาคำหนึ่ง

“นับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าอาศัยอยู่สวนหลังบ้านนี้ มีข้าเป็นผู้ชี้แนะการฝึกให้กับเจ้า” ยวีไท่จวินสั่งการกับยวียวี่เหลียน

สิ่งนี้กล่าวสำหรับยวีไท่จวินแล้ว อย่างน้อยที่สุดคือความหวัง ด้วยอายุขนาดนี้ของนางไม่สามารถชี้แนะศิษย์ทั้งหมดของตระกูลยวีได้ นางทำได้แค่เน้นบ่มฟักขึ้นมาสักคนหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดไม่ทำให้ตระกูลยวีไร้ผู้สืบทอด

ยวียวี่เหลียนโค้งคารวะอย่างงาม ไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป สำหรับเจ้าบ้านยวีนั้นรู้สึกดีใจกับบุตรสาวของตน สามารถได้รับการบ่มฟักจากบรรพบุรุษ เป็นการบ่งบอกว่าบุตรสาวของเขาจะได้เป็นผู้สืบทอดดูแลบ้านตระกูลยวีต่อไป ฐานะในอนาคตของบุตรสาวไม่ว่าผู้ใดก็ยากจะสั่นคลอนได้

“ทั้งหมดแยกย้ายกันไปได้” สุดท้าย ยวีไท่จวินได้สั่งการออกไป “จงหยิงอยู่ต่อ”

บรรดาศิษย์ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างล่าถอยกันไป เมื่อได้รับคำสั่งจากยวีไท่จวิน มีเพียงยวีจงหยิงเท่านั้นที่คงอยู่ที่ตรงนี้

หลังจากที่บรรดาศิษย์ตระกูลยวีได้ล่าถอยออกไปแล้ว อารมณ์ที่ตื่นเต้นของยวีจงหยิงยังคงยากที่จะสงบลง ศิษย์คนอื่นๆ ไม่รู้ว่าผู้ที่ตนเองเผชิญหน้าคือใคร แต่ทว่า ยวีจงหยิงกลับรู้ดี เขารู้ว่าที่ตนเองเผชิญหน้าอยู่นั้นคือผู้บงการแห่งเก้าแดน ผู้ดำรงอยู่ในฐานะสูงสุด ผู้คนในโลกล้วนแล้วแต่ไม่มีสิทธิ์รับรู้ถึงฐานะของเขา

“ข้าน้อยไม่นึกไม่ฝันเลยว่า สามารถพบจอมปราชญ์อีกครั้ง…” ยวีจงหยิงกล่าวด้วยความตื่นเต้นยิ่งต่อหลี่ชิเย่อีกครั้งหนึ่ง

“ความจำเจ้านับว่าดีนัก ตอนนั้นเจ้าเพิ่งจะเริ่มหัดพูดเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวขึ้นมา

ยวีจงหยิงหัวเราะแห้งๆ ทีหนึ่ง แม้ว่าเขาจะมีอายุมากแล้ว มีอายุอยู่มาอย่างยาวนาน เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่แล้ว ยังคงเหมือนเด็กคนหนึ่ง เขายิ้มแห้งๆ กล่าวว่า “จอมปราชญ์คือผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะผู้ที่ข้าต้องแหงนหน้ามองมากที่สุดชั่วชีวิต”

“เด็กคนนี้ไม่เคยลืมเลือนใต้เท้าเลย ขณะยังอยู่ในวัยหนุ่มเคยร้องจะเข้าร่วมกองทัพมังกรดำ เป็นเพราะตาเฒ่าไม่อนุญาต” ยวีไท่จวินส่ายหน้าและยิ้มกล่าว

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องราวในอดีต ยวีจงหยิงถึงกับยิ้มเจื่อนๆ ทีหนึ่ง “กองทัพมังกรดำสยบมาสามยุค ราชามังกรดำคือผู้ได้รบการเคารพสูงสุดมาสามยุค ยิ่งจอมปราชญ์ปกครองอดีตถึงปัจจุบันแล้ว ข้าเคยวาดฝันว่าวันหนึ่งสามารถไปอยู่ในกองทัพมังกรดำ นำทหารออกศึก”

“โชคดีที่บิดาเจ้าไม่อนุญาต หาไม่แล้ว ข้าไม่สามารถให้คำตอบกับบิดามารดาเจ้าได้ ตระกูลยวีมีต้นกล้าลักษณะเช่นเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น หากมีอะไรเกิดขึ้น ข้าจะมองหน้าขุนนางผู้สร้างคุณูปการเช่นบิดามารดาเจ้าได้อย่างไร” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว

“ลูกหลานไม่เอาไหน” ยวีไท่จวินได้แต่ทอดถอนใจออกมาทีหนึ่ง กล่าวว่า “ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะปล่อยให้จงหยิงไปขัดเกลาที่กองทัพมังกรดำบ้าง”

แม้ว่ายวีไท่จวินสองสามีภรรยาไม่ได้มีเพียงยวีจงหยิงที่เป็นบุตรเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ทว่า ที่เข้าท่าจริงๆ คงมีเพียงยวีจงหยิงเพียงคนเดียวเท่านั้น เนื่องเพราะเหตุนี้เอง บรรดาพี่สาวพี่ชายน้องสาวน้องชายของยวีจงหยิงจึงพากันทยอยตายจากไปก่อนเนื่องจากทักษะอ่อนด้อย

ตระกูลยวีจึงมีต้นกล้าลักษณะเช่นนี้เพียงหนึ่งเดียว ผู้สืบทอดที่สามารถดำเนินกิจการโดยลำพังคนเดียว ดังนั้น สามีของยวีไท่จวินจึงไม่อนุญาตให้ยวีจงหยิงเข้าร่วมในกองทัพมังกรดำ เพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลยวีไร้ผู้สืบสกุล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล