ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1610

ตอนที่ 1610 มาด้วยตนเอง

การมามหาสมุทรอุดรของพรรคเซียนเหินนั้น พวกเขาได้ทำการยึดเอาพื้นที่บนทะเลบริเวณหนึ่งไว้เป็นฐานที่มั่นสำหรับพรรคเซียนเหินในแดนมนุษย์กษัตรา

เดิมพื้นที่บริเวณนี้เป็นที่ตั้งแคว้นของเผ่าปีศาจจำนวนไม่น้อย หลังจากที่พวกมันถูกยึดครองโดยพรรคเซียนเหินแล้ว สำนักขนาดใหญ่ของเผ่าปีศาจก็เคยต่อต้านเหมือนกัน แต่น่าเสียดาย พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพรรคเซียนเหิน สุดท้าย เผ่าปีศาจแตกพ่าย ถูกพรรคเซียนเหินไล่ตีจนต้องถอยร่นไปเรื่อยๆ และหนีออกจากบริเวณพื้นที่แห่งนี้ไป

การกระทำของพรรคเซียนเหินได้นำมาซึ่งการวิพากวิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก ผู้บำเพ็ญตน และแคว้นขนาดใหญ่ต่างๆ แสดงความไม่พอใจต่อการกระทำของพรรคเซียนเหินเป็นอันมาก แต่ทว่า ด้วยความแข็งแกร่งของพรรคเซียนเหิน ต่อให้มีผู้คนจำนวนมากที่วิพากวิจารณ์พวกเขา แต่ไม่สามารถสั่นคลอนต่อพวกเขาได้แม้แต่น้อย

ความจริงแล้ว ก่อนยุคราชามังกรดำเป็นที่เคารพอย่างสูงสามยุค พรรคเซียนเหินมีอิทธิพลกระทบต่อเก้าแดนทั้งหมด จะอย่างไรเสีย พวกเขาคือหนึ่งสำนักห้าราชันเซียน เนื่องเพราะสาเหตุนี้ในยุคเช่นนั้น ทั้งเก้าแดนล้วนแล้วแต่มีสาขาของพวกเขาตั้งอยู่

สิ่งนี้คือเหตุผลหนึ่งที่พรรคเซียนเหินมีตำแหน่งทูตเก้าแดน ซึ่งยอดฝีมือของพรรคเซียนเหิน ที่นั่งตำแหน่งนี้ในอดีตจะเป็นผู้ที่ปกครองพื้นที่ที่อยู่นอกอาณาจักรของพวกเขา

แต่ทว่า พูดไปก็แปลก ในยุคของราชันเซียนเชียนหลี่นั้น จู่ๆ พรรคเซียนเหินก็ได้ถอนตัวออกจากดินแดนนอกอาณาจักรที่เคยปกครองอยู่ในเก้าแดนออกไปทั้งหมดอย่างกะทันหัน ไม่เหลือศิษย์ทิ้งเอาไว้แม้แต่คนเดียว และนับตั้งแต่ยุคนั้นเป็นต้นมา น้อยครั้งนักที่ศิษย์ของพรรคเซียนเหินจะปรากฎตัวในเก้าแดน

ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าได้เกิดอะไรขึ้นกับพรรคเซียนเหินในยุคนั้น แต่ว่า ยักษ์ใหญ่อย่างพรรคเซียนเหินหายไปอย่างกะทันหันเช่นนี้ กล่าวสำหรับสำนักขนาดใหญ่ในเก้าแดนแล้วนับเป็นเรื่องดี มีใครบ้างที่ต้องการเห็นสำนักที่เป็นยักษ์ใหญ่มาอยู่ข้างกายของตนกันเล่า?

การปรากฏตัวอีกครั้งของพรรคเซียนเหินในเวลานี้ อาศัยท่าทีที่อันธพาลยิ่งยึดครองพื้นที่ทะเลไปแถบหนึ่ง ทำให้ผู้บำเพ็ญตนของมหาสมุทรอุดรกระทั่งแดนมนุษย์กษัตราต่างเป็นกังวล โดยเฉพาะเมื่อพรรคเซียนเหินประกาศจะเป็นพันธมิตรกับเมืองสมุทรสยบฟ้านั้น ยิ่งเป็นการกระชากหัวใจของคนทั่วหล้า

นับแต่นี้เป็นต้นไป คู่สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนได้จับตาความเคลื่อนไหวของพรรคเซียนเหินอย่างใกล้ชิด และมีผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจความเคลื่อนไหวของคนโหดอันดับหนึ่ง เนื่องจากผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ต้องการยืมมือของคนโหดอันดับหนึ่งมาต่อต้านพรรคเซียนเหิน โดยเฉพาะแคว้นขนาดใหญ่จำนวนมากของมหาสมุทรอุดร

เรื่องราวความรักระหว่างคนโหดอันดับหนึ่งกับเทพธิดาสยบฟ้านั้น ได้มีการลือกันจนเดือดพล่านมานานแล้ว ทั้งยังลือกันไปได้สมจริงขนาดนั้น ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นการจงใจปล่อยข่าวของใครบางคน หรือเป็นเพราะผู้ที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นโหมกระพือข่าว สรุปก็คือได้รับรู้เรื่องนี้กันหมดทุกคน หลี่ชิเย่และเทพธิดาสยบฟ้ามีการหมั้นหมายกันเองตั้งแต่ครั้งอยู่ที่หอวิถีฟ้ามาแล้ว

ขณะที่เวลานี้หลงอ้าวเทียนแห่งพรรคเซียนเหินถึงกับหาญกล้าแย่งชิงผู้หญิงกับคนโหดอันดับหนึ่ง ดังนั้น ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ยิ่งคุยกันอย่างเอร็ดอร่อย และเข้าร่วมความครึกครื้นด้วย อยากจะได้เห็นวีรกรรมการชิงตัวเจ้าสาวของคนโหดอันดับหนึ่งด้วยตาของตนเองให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

แน่นอน สำนักขนาดใหญ่จำนวนมากในมหาสมุทรอุดรก็กระหายอยากเห็นคนโหดอันดับหนึ่งต่อต้านเรื่องนี้กับพรรคเซียนเหิน ในความรู้สึกของผู้คนจำนวนมากมองว่า ในยุคปัจจุบันเว้นแต่คนโหดอันดับหนึ่งแล้วไม่มีใครสามารถต่อต้านกับพรรคเซียนเหินได้อีกแล้ว

“คนโหดอันดับหนึ่งมาแล้ว” เมื่อหลี่ชิเย่พาข่งเชียะหมิงหวางปรากฏตัวขึ้นที่บริเวณอาณาจักรทะเลที่ถูกยึดครองโดยพรรคเซียนเหิน มีผู้ที่พบเห็นและกระจายข่าวนี้ออกไปทันที อาศัยความรวดเร็วที่สุดเปรียบเปรยแพร่กระจายไปทั่วทั้งมหาสมุทรอุดร

“จะชิงตัวเจ้าสาวแล้วรึ?” ในเวลานี้ แคว้นขนาดใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน และยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างให้ความสนใจทุกๆ ความเคลื่อนไหวของคนโหดอันดับหนึ่ง

กระทั่งมีแคว้นขนาดใหญ่ถึงกับตื่นเต้นยิ่งนัก เนื่องจากการกระทำเช่นนี้ของคนโหดอันดับหนึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขากระหายอยากจะได้เห็นมากที่สุด คนโหดอันดับหนึ่งได้มาแล้วจริงๆ

“ข้าก็บอกแล้วไง คนโหดอันดับหนึ่งเป็นคนอะไร? ปราศจากผู้ต่อกรในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน หมางเมินอดีตถึงปัจจุบัน คนโหดเช่นเขาเคยกลัวใครที่ไหน หลงอ้าวเทียนคือตัวอะไร ถึงกับกล้าแย่งผู้หญิงกับคนโหดอันดับหนึ่ง คนโหดอันดับหนึ่งต้องสังหารเขาแน่!” กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เลื่อมใสในตัวคนโหดอันดับหนึ่งพลันมีเลือดในกายที่เดือดพล่านเหมือนถูกฉีดด้วยยากระตุ้นอย่างนั้น เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ปรากฎตัวขึ้นที่บริเวณอาณาจักรของพรรคเซียนเหิน

แต่ว่า แตกต่างกับผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีชาติกำเนิดสูงเด่นบางคน ยิ้มเยาะและกล่าวว่า “คนโหดอันดับหนึ่งแข็งแกร่งมากก็จริง แต่ ไม่รู้จักดูเสียบ้างว่าโอรสราชันมังกรเป็นใคร เบื้องหลังของเขามีใครหนุนอยู่ พรรคเซียนเหินนั้นมีจักรพรรดิเทพจำนวนนับไม่ถ้วน และไม่ขาดแคลนผู้ที่สามารถต่อกรกับราชันเซียนซึ่งหน้าได้ ฮึ นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันใครบ้างล่ะกล้าเป็นศัตรูกับพรรคเซียนเหิน? ผู้ที่เป็นศัตรูกับพรรคเซียนเหิน ต้องไม่มีจุดจบที่ดีแน่นอน”

“แล้วไงล่ะ ต่อให้หลงอ้าวเทียนเก่งกาจขนาดไหนก็แค่อาศัยอิทธิพลบารมีของนายเที่ยวข่มเหงรังแกคนอื่นเท่านั้น อาศัยทักษะของเขา คนโหดอันดับหนึ่งต้องสังหารเขาแน่” ผู้สนับสนุนของหลี่ชิเย่จึงกล่าวเยาะเย้ยออกมาทันที

“อย่าได้พูดให้มันเกินจริงนัก” ผู้บำเพ็ญตนที่เลื่อมใสในตัวหลงอ้าวเทียนไม่ยอมแพ้ จึงพูดเสียงดังออกมาทันทีว่า “โอรสราชันมังกรสำเร็จกายเซียนเหินขั้นสมบูรณ์ กลุ่มคนรุ่นใหม่ใต้หล้าไม่มีผู้เทียบเทียม แม้แต่รุ่นอาวุโสก็ยากจะมีผู้สามารถต่อกร”

“คนโหดอันดับหนึ่งมีสิบสามลัคนา หนึ่งเดียวนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน กายเซียนขั้นสมบูรณ์นับเป็นอะไร นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ผู้ที่สำเร็จกายเซียนขั้นสมบูรณ์ไม่มีร้อยคนก็ต้องมีห้าสิบคน ! ” ผู้สนับสนุนหลี่ชิเย่กล่าวอย่างดูแคลนออกมา

“โอรสราชันมังกรคือตรีอริยะสมบัติ รวมจุดเด่นห้าราชันเซียนกับตัว” ผู้เลื่อมใสในตัวหลงอ้าวเทียน ได้โต้กลับทันที

“คนโหดอันดับหนึ่งมีสิบสามลัคนา!” ผู้สนับสนุนของหลี่ชิเย่อาศัยคำพูดเพียงคำเดียวมาสื่อถึงความปราศจากผู้ต่อกรของหลี่ชิเย่ เพื่อสื่อว่าหลี่ชิเย่นั้นเป็นหนึ่งในหล้า

“โอรสราชันมังกรคือผู้ชนะเลิศสิบรายการ ต่อสู้ผู้กล้าทั่วหล้าโดยลำพังผู้เดียว สิบวันสิบคืนไม่พ่ายแพ้ สังหารจักรพรรดิเทพ…”ผู้เลื่อมใสในตัวของหลงอ้าวเทียนยังคงไม่ยอมแพ้ พูดด้วยเสียงอันดังออกมา

คนโหดอันดับหนึ่งมีสิบสามลัคนา!” ผู้สนับสนุนหลี่ชิเย่ยังคงเป็นคำๆ เดียวหนักแน่นมีพลัง

“เจ้า…” ผู้เลื่อมใสในตัวของหลงอ้างเทียนถูกคำพูดคำนี้ยั่วโมโหจนตัวสั่นเทา พูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน

ผลงานสิบสามลัคนาของคนโหดอันดับหนึ่ง บดบังรัศมีของดาวรุ่งใดๆ ในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินจนสลดและอับแสง ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะมีผลงานเช่นใด มีความโชติช่วงชัชวาลเพียงใดก็ตาม แต่ว่า เมื่อเทียบกับสิบสามลัคนาแล้วเรียกว่าไม่คู่ควรจะกล่าวถึง ช่างสลดและอับแสงอะไรปานนั้น

นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีราชันเซียนจำนวนไม่น้อย และมีผู้สำเร็จกายเซียนขั้นสมบูรณ์ไม่น้อยเช่นกัน และมีบางคนที่ตลุยเดี่ยวไปทั่วหล้า แต่ทว่า สิบสามลัคนามีหลี่ชิเย่เพียงหนึ่งเดียวนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผลงานเช่นนี้นับว่าเพียงพอแล้ว

ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ได้พาข่งเชียะหมิงหวางมาถึงอาณาจักรทะเลของพรรคเซียนเหิน มองเห็นอาณาจักรทะเลแถบนี้ปรากฎกลิ่นอายเซียนที่ลอยตัวขึ้นมา ทั่วทั้งบริเวณอาณาจักรทะเลถูกล้อมรอบไปด้วยไอหมอกเซียน ท่ามกลางไอหมอกเซียนสามารถมองเห็นหอโบราณที่ลอยล่องอยู่บนท้องฟ้า และสามารถมองเห็นเรือยักษ์ที่จอดทอดสมอลอยอยู่กลางแม่น้ำ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีสะพานหยกขาวที่เชื่อมต่อผืนแผ่นดินแต่ละแห่งของอาณาจักรทะเลบริเวณนี้…

ไม่ว่าจะเป็นการยึดครองอาณาจักรทะเลแห่งนี้เอาดื้อๆ ของพรรคเซียนเหินหรือไม่ก็ตาม แต่ไม่อาจไม่ยอมรับว่า พรรคเซียนเหินสามารถเนรมิตอาณาจักรทะเลแห่งนี้ให้กลายเป็นดินแดนเซียนได้ภายในระยะเวลาอันสั้น เพียงพอที่จะมองจากด้านข้างออกว่าพรรคเซียนเหินมีทรัพยากรที่น่ากลัวมากเพียงใด

สามารถพูดได้โดยไม่โอ้อวดว่า เพียงทรัพยากรน้อยนิดที่เล็ดลอดไหลออกมาจากร่องนิ้วของพรรคเซียนเหิน ก็สามารถทำให้แคว้นขนาดใหญ่ได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล นี่แหละคือธาตุแท้ภายในของหนึ่งสำนักห้าราชันเซียน นี่แหละคือกำลังของพรรคเซียนเหิน

“ตึง ตึง ตึง…” ในเวลานี้เอง เสียงสัญญาณดังขึ้นเป็นระลอก เมื่อหลี่ชิเย่มาถึงบริเวณอาณาจักรทะเลแห่งนี้ของพรรคเซียนเหิน ทำให้ศิษย์ทั้งหมดของพรรคเซียนเหินเหมือนดั่งได้ประจันหน้ากับศัตรูที่น่ากลัว ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ระดับธรรมดาทั่วไปก็ดี หรือบุคคลระดับผู้อาวุโสก็ช่าง ต่างเตรียมพร้อมเข้าสู่การสู้รบ

แม้ว่าพรรคเซียนเหินจะได้ชื่อว่าปราศจากผู้ต่อกร ไม่เคยกลัวใครหน้าไหนในโลก แต่ว่า เมื่อคนโหดอันดับหนึ่งมาถึง แม้แต่ยักษ์ใหญ่เช่นพรรคเซียนเหินยังคงเหมือนเผชิญกับศัตรูที่ยิ่งใหญ่

ไม่มีใครรู้แจ้งถึงผลงานการต่อสู้ของคนโหดอันดับหนึ่งมากไปกว่าพรรคเซียนเหินอีกแล้ว ล่าสุดได้ทำลายเรือรบเพลิงสวรรค์ของพวกเขา อดีตเคยสังหารระดับจักรพรรดิเทพของพวกเขา เนรเทศเส้นทางผ่านช่องว่างของพวกเขา ด้วยกำลังความสามารถเช่นนี้ ย่อมทำให้พรรคเซียนเหินเหมือนเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่ง

ไม่ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญตนคนใด หรือสำนักใหญ่ใดก็ตามที่ติดตามสถานการณ์นี้อยู่ ต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้เมื่อเห็นพรรคเซียนเหิน และคนโหดอันดับหนึ่งมีแนวโน้มที่จะระเบิดศึกขึ้นได้ทุกเมื่อ แน่นอนที่สุด มีผู้คนจำนวนมากอยากจะให้คนโหดอันดับหนึ่งเปิดศึกกับพรรคเซียนเหินเสียเดี๋ยวนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป!

“ทำไมรึ นี่เป็นการต้อนรับแขกของพรรคเซียนเหินพวกเจ้าอย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่มองดูพรรคเซียนเหินที่คล้ายดั่งเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง ยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสมือนหนึ่งกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านอย่างนั้น ท่าทางดูมีอิสระและสบายใจยิ่งนัก

ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะเป็นศัตรูของหลี่ชิเย่หรือไม่ ไม่ว่าจะมองเห็นหลี่ชิเย่แล้วไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก แต่ว่า เมื่อเห็นคนโหดอันดับหนึ่งยามที่เผชิญหน้ากับพรรคเซียนเหินแล้วยังคงสามารถพูดคุยได้อย่างสนุกสนาน ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่ได้เห็นภาพนี้แล้วถึงกับยอมนับถือ หากเปลี่ยนเป็นพวกเขาเองไปเผชิญหน้ากับพรรคเซียนเหิน เกรงว่าคงตกใจจนเข่าอ่อนไปแล้ว!

ท่าทีที่เอ้อระเหยเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ทำให้บรรดายอดฝีมือของพรรคเซียนเหินต่างมองหน้ากันและกัน ไม่รู้ว่าสมควรลงมือหรือไม่

“หลงอ้าวเทียนจะออกมาสู้หรือไม่?” มีผู้บำเพ็ญตนถึงกับพึมพำออกมาเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว

“หลงอ้าวเทียนไม่อยู่ เขาพาระดับบรรพบุรุษและยอดฝีมือพรรคเซียนเหินจำนวนไม่น้อยไล่ล่าปีศาจทะเลยังใต้ทะเลลึกไปแล้ว” ผู้บำเพ็ญตนที่ได้รับข่าวสารรวดเร็วส่ายหน้าและพูดขึ้นมา

“หลี่ชิเย่ เจ้าคิดจะทำอะไร?” สุดท้ายแล้ว ระดับผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินที่อยู่ในเหตุการณ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ

กล่าวสำหรับพรรคเซียนเหินแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับได้อยู่บ้างเหมือนกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีแต่พรรคเซียนเหินของพวกเขาที่หมางเมินต่อใต้หล้า เกรียงไกรไปทั่วหล้า เคยเสียที่ไหนที่พรรคเซียนเหินพวกเขาต้องมีลักษณะเหมือนเผชิญกับศัตรูที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้?

แม้ว่าสิ่งนี้กล่าวสำหรับพรรคเซียนเหินแล้วมันยากจะยอมรับได้อยู่บ้าง แต่ว่า เวลานี้พวกเขาไม่กล้าประมาทอีกต่อไป เนื่องจากพวกเขารู้ดีว่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนโหดอันดับหนึ่ง ระดับผู้อาวุโสของพรรคไม่สามารถต้านรับได้อยู่แล้ว การจะต่อกรซึ่งหน้ากับคนโหดอันดับหนึ่งต้องเริ่มต้นด้วยระดับจักรพรรดิเทพเป็นพื้นฐาน!

“ไม่มีอะไร? เกรงว่าเจ้าเมืองเมืองสมุทรสยบฟ้ากำลังเป็นแขกอยู่ที่พรรคเซียนเหินของพวกเจ้า ข้าต้องการพบสหายเก่าของข้าอยู่พอดี” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ

“อหังการ ว่ากันซื่อๆ เลย” เมื่อคนโหดอันดับหนึ่งพลันเปิดปากก็บอกว่าต้องการพบเทพธิดาสยบฟ้า ทำให้บรรดายอดฝีมือที่ยืนดูอยู่ในระยะห่างไกลถึงกับชมเปาะในใจลับๆ คงมีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้นที่หาญกล้าโอหังต่อหน้าพรรคเซียนเหินเช่นนี้

แม้แต่ระดับผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินยังต้องนิ่งเงียบไปพักหนึ่งกับข้อเรียกร้องของหลี่ชิเย่ หากเป็นผู้อื่นกล้ายื่นข้อเรียกร้องเช่นนี้ พรรคเซียนเหินของพวกเขาใช่เพียงแต่ปฏิเสธเท่านั้น ไม่แน่นักอาจพาลโกรธขึ้นมาแล้วสังหารฝ่ายตรงข้ามเสีย

แต่ทว่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนโหดอันดับหนึ่งที่ยื่นข้อเรียกร้องเช่นนี้ ทำให้ระดับผู้อาวุโสของพรรคเซียนเหินไม่อาจไม่นิ่งเงียบไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล