ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1622

ตอนที่ 1622 พบคนเก่าอีกครั้ง
หลงอ้าวเทียนถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับประกายที่ละลานตา พลันที่เขาถือกำเนิดขึ้นมาก็ถูกลิขิตแล้วว่าไม่ธรรมดา เขาถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะต้องเป็นที่จับจ้องของผู้คนทั่วหล้า

ผู้สืบทอดของพรรคเซียนเหิน ตรีอริยะสมบัติ สิบเอ็ดลัคนา รวมจุดเด่นห้าราชันเซียนกับตัว สำเร็จกายเซียนขั้นสมบูรณ์ ยิ่งกว่านั้นยังต่อสู้กับทั่วหล้าติดต่อกันสิบวันโดยไม่พ่ายแพ้ ถูกยกย่องว่าเป็นเจ้าแห่งชนะเลิศสิบรายการ ไม่ว่าจะเป็นด้านไหนก็สามารถหมางเมินดาวรุ่งทั่วหล้า สามารถทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ต้องสลดและอับแสง

การมาเมืองปีศาจมู่จั๋วครั้งนี้ของหลงอ้าวเทียน เขาไม่เก็บงำลมปราณและกลิ่นอายของตนเลยแม้แต่น้อย เปิดลัคนาทั้งสิบเอ็ดออกมา ปลดปล่อยพลังอำนาจโดยอิสระ สยบเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน สะเทือนหวั่นไหวต่อหมื่นเผ่าพันธุ์!

นี่ไม่เพียงแค่ต้องการให้รู้ไปทั่ว ไม่เพียงเป็นการโอหัง ขณะเดียวกันเป็นการแทนความปราศจากผู้ต่อกรอย่างหนึ่ง และให้เป็นที่ประจักษ์ในกำลังความสามารถของเขา

เมืองปีศาจมู่จั๋วมีความแข็งแกร่งเสมอมา มีไม่กี่คนที่หาญกล้าทำกำเริบเสิบสานเช่นนี้ และแสดงตนให้ทุกคนในเมืองปีศาจมู่จั๋วให้ได้รับรู้ ขณะที่การมาของหลงอ้าวเทียนกลับแสดงตนให้คนรับรู้ไปทั่ว กระทำการบุ่มบ่ามตามอำเภอใจ ช่างอวดดีและหมางเมินอะไรอย่างนั้น และถือเป็นการแสดงออกถึงความสามารถของเขา

“เจ้าแห่งผู้ชนะเลิศสิบรายการ ด้วยผลงานเช่นนี้มีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้นที่สามารถเทียบเคียงกับเขาได้” ยอดฝีมือที่มองเห็นการมาของหลงอ้าวเทียนถึงกับพึมพำออกมา

อำนาจของหลงอ้าวเทียนนั้นเรียกได้ว่าไม่มีใครเทียบได้ ขณะที่พรรคเซียนเหินมาถึงมหาสมุทรอุดรนั้น ผู้คนจำนวนมากต่างเข้าใจว่าหลงอ้าวเทียนต้องได้เป็นราชันเซียนแน่นอน

แต่ว่า เมื่อคนโหดอันดับหนึ่งปรากฏตัวแก่สายตาของมนุษย์โลกอีกครั้ง เปลวเพลิงแห่งความดุร้ายกลืนกินไปทั่วหล้า ส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงต่อท่าทีที่ปราศจากผู้ต่อกรของหลงอ้าวเทียน และทำให้ผู้คนทั่วหล้าได้เห็นถึงศัตรูผู้แข็งแกร่งในชีวิตของหลงอ้าวเทียนว่าได้ปรากฎตัวออกมาแล้ว ทั่วโลกก็คงมีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งที่สามารถชิงชะตาฟ้ากับหลงอ้าวเทียนได้เท่านั้น

แม้ว่าหลงอ้าวเทียนอาศัยท่วงท่าที่ล้ำเลิศมาถึงยังเมืองปีศาจมู่จั๋ว ด้วยอำนาจที่ยิ่งใหญ่ กระทำการบุ่มบ่ามตามอำเภอใจ แต่ว่า เมืองปีศาจมู่จั๋วกลับไม่ได้รู้สึกไม่พอใจแม้แต่น้อยนิด

ตรงกันข้าม จินหลงเทียนจื่อเจ้าเมืองปีศาจมู่จั๋วคนปัจจุบันกลับพาบรรดาบรรพบุรุษของเมืองปีศาจมู่จั๋วมาให้การต้อนรับด้วยตนเอง ด้วยท่าทางที่เคารพและคล้อยตามยิ่งนัก

ผู้คนจำนวนมากต่างรู้ดีว่า จินหลงเทียนจื่อนั้นได้สาบานเป็นพี่น้องกับหลงอ้าวเทียน ขณะที่เมืองปีศาจมู่จั๋วก็เป็นพันธมิตรกับพรรคเซียนเหิน ดังนั้น การที่จินหลงเทียนจื่อแสดงความเคารพนอบน้อมต่อหลงอ้าวเทียนถึงเพียงนี้ก็ไม่นับเป็นเรื่องแปลก

ความจริงแล้ว ผู้คนจำนวนมากไม่คิดว่าการที่จินหลงเทียนจื่อแสดงท่าทีที่เคารพต่อหลงอ้าวเทียนว่าเป็นเรื่องอัปยศ ในสายตาของผู้คนจำนวนมากมองว่า ถ้าหากสามารถกอดขาพรรคเซียนเหินเอาไว้ได้ และมีพรรคเซียนเหินคอยหนุนหลัง ย่อมทำให้ได้รับประโยชน์ไม่มีสิ้นสุดไปชั่วชีวิต ไม่รู้ว่ามีผู้คนมากมายเท่าไรต้องการสวามิภักดิ์ต่อพรรคเซียนเหินแต่ทำไม่ได้

“ที่ข้ามาเมืองปีศาจในวันนี้ ยินดีร่วมศึกษาแลกเปลี่ยนสัจธรรมกับผู้มีความฉลาดเป็นเลิศทั่วหล้า ยินดีไขปริศนาและอธิบายธรรมกับทุกคน” เมื่อหลงอ้าวเทียนมาถึงเมืองปีศาจมู่จั๋วแล้ว ได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ใครก็ตามหากต้องการศึกษาแลกเปลี่ยนกับข้า ข้ายินดีน้อมรับทั้งสิ้น รวมทั้งคนโหดอันดับหนึ่งด้วย!”

น้ำเสียงที่ซื่อตรงและอ่อนโยนดังก้องไปทั่วเมืองปีศาจมู่จั๋ว กระทั่งดังก้องไปทั่วทั้งผืนน้ำ นำเสียงของเขาฟังดูไม่ได้แฝงไว้ด้วยความโกรธ แต่ว่า กลับสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจของทุกๆ คน!

ผู้คนจำนวนมากรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลงอ้าวเทียน แม้ว่าหลงอ้าวเทียนปากจะบอกว่าเป็นการศึกษาแลกเปลี่ยนกับผู้ที่มีความฉลาดเป็นเลิศทั่วหล้า แต่ว่า ทุกคนต่างรุ้ดีว่า ในโลกนี้ยังจะมีใครกล้าศึกษาแลกเปลี่ยนวิชากับหลงอ้าวเทียนอีก? ในเมื่อเขาสังหารกระทั่งจักรพรรดิเทพ คนอื่นๆ ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกแล้ว

ทุกคนต่างเข้าใจ การที่หลงอ้าวเทียนพูดออกมาในลักษณะเช่นนี้ มันเป็นการท้าทายต่อคนโหดอันดับหนึ่งของหลงอ้าวเทียน

“การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่แห่งยุคกำลังจะมาถึงแล้วรึ?”ปฏิกิริยาแรกเมื่อผู้คนจำนวนมากได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้แล้ว อดที่จะพูดออกมาว่า “หรือว่าชะตาฟ้ายังไม่ทันปรากฏ คู่ชิงตำแหน่งราชันเซียนทั้งสองก็จะเริ่มการต่อสู้นัดชี้ชะตาแล้วรึ?”

การมายังเมืองปีศาจมู่จั๋วของหลงอ้าวเทียนได้ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้ ทุกคนต่างรู้ดีว่านี่คือสัญญาณของพายุฝนกำลังจะมา

หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้ออกจากเหมืองแร่เซียนปีศาจระกา และเพิ่งกลับไปถึงบ้านตระกูลยวี ก็มีบุคคลผู้หนึ่งมาเยี่ยมเยียน ทั้งยังเจาะจงต้องการพบหลี่ชิเย่

หลี่ชิเย่ตอบตกลงให้พบโดยไม่ได้ใส่ใจ ครั้นได้เห็นหน้าผู้ที่มาเยือนแล้ว เขาถึงกับเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมา

“เวลาผ่านไปรวดเร็วมาก จากกันในครั้งครานั้น วันนี้ได้พบพี่หลี่อีกครั้ง ท่วงท่าที่สง่างามของพี่หลี่ไม่มีใครสามารถเทียบเทียมได้อีกแล้ว น้องรู้สึกละอายที่ได้พบเห็น” หลังจากที่ชายหนุ่มผู้นี้ได้พบกับหลี่ชิเย่แล้วได้ก้มกราบและกล่าวออกมาจากใจ ด้วยท่าทีที่เคารพนับถือยิ่งนัก

ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เปี่ยมด้วยกลิ่นอายของตำรับตำรา หากผู้ที่ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน ต้องเข้าใจว่าเขาคือบัณฑิตที่ไม่มีเรี่ยวแรงกระทั่งมัดไก่ได้

หลี่ชิเย่จ้องมองดูเขา เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่เต็มใบหน้า กล่าวว่า “สามารถพบเจ้าอีกครั้งเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก เจ้าคิดจะกลับสู่ยุทธภพรึ?”

“ไม่ ไม่ ไม่” ชายหนุ่มรีบเร่งคำนับ กล่าวว่า “พี่หลี่เข้าใจผิดแล้ว ครั้งนั้นพ่ายแพ้ให้กับพี่หลี่ ข้าสยบทั้งกายและใจ มีพี่หลี่ที่ดั่งจันทรายามสว่างไสว ข้าเป็นเพียงแสงหิ่งห้อยไหนเลยกล้าแข่งกับพี่หลี่ได้”

หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบเฉยว่า “คำพูดนี้หมายถึงข้าหรือว่าศิษย์พี่ของเจ้าหละ? หรือจะพูดว่า เจ้าคิดว่าข้าชนะศิษย์พี่ของเจ้า หรือศิษย์พี่ของเจ้าชนะข้า”

ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นคารวะต่อหลี่ชิเย่อีกครั้ง กล่าวว่า “ศิษย์พี่ของข้าคืออัจฉริยะบุคคลแห่งยุค ขณะที่พี่หลี่ก็คือสัญลักษณ์ของยุคนี้เช่นกัน ต่างก็เป็นมังกรแท้จริงในโลกมนุษย์”

“เอาล่ะ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบากใจ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “หลินเทียนตี้เจ้ามีชาติกำเนิดจากพรรคเซียนเหิน จะให้เจ้าพูดเข้าข้างข้าออกจะฝืนบังคับอยู่บ้างเหมือนกัน”

“พี่หลี่เป็นผู้มีนิสัยเบิกบานใจกว้าง” ชายหนุ่มคารวะแล้วกล่าวว่า “ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดสามารถหลอกคู่สายตาคู่นี้ของพี่หลี่ได้ ใช่ว่าข้าไม่ยอมบอก เพียงแต่ครานั้นข้ามีความจำเป็น”

“ช่างเถอะ ครั้งนั้นถึงเจ้าไม่พูดข้าก็รู้” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “กายเซียนที่เจ้าฝึกนั้นมีเพียงพรรคเซียนเหินเท่านั้นที่มี หากหลินเทียนตี้ไม่ใช่ศิษย์พรรคเซียนเหิน ยังจะเป็นอื่นไปได้อย่างไร?”

“ตาทิพย์พี่หลี่ปราศจากผู้เทียบเทียม” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับคารวะอีกครั้ง ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ใครที่ไหน คือผู้ที่เคยเป็นศัตรูกับหลี่ชิเย่ แล้วถูกหลี่ชิเย่เอาชนะได้ที่ชื่อว่าหลินเทียนตี้

ครั้งนั้น หลินเทียนตี้มีชื่อเสียงโด่งดังในแดนชาดทักษิณ แต่ว่าชาติกำเนิดของเขามีความลึกลับตลอดมา ไม่มีใครรู้รายละเอียดว่าเขามีชาติกำเนิดมาจากสำนักใด

“นั่งสิ” หลี่ชิเย่มองดูหลินเทียนตี้ทีหนึ่ง ยิ้มกล่าวเฉยเมยออกมา

หลังจากที่หลินเทียนตี้นั่งลงแล้ว ได้แสดงความคารวะแบบจีน แล้วกล่าวว่า “ไม่ขอปิดบังพี่หลี่ ข้าถือกำเนิดในแดนชาดทักษิณในตระกูลของบัณฑิต บรรพบุรุษล้วนแล้วแต่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ต่อมา อาจารย์ได้ท่องไปยังแดนชาดทักษิณและได้พบกันโดยบังเอิญ จึงได้รับข้าเป็นศิษย์ ข้าได้รับการกำชับจากอาจารย์ห้ามไม่ให้เปิดเผยฐานะกับใครง่ายๆ ดังนั้น ข้าจึงต้องปฏิบัติตามคำสั่งของอาจารย์ ใช่จงใจประสงค์ร้ายต้องการปิดบังตัวตน”

แม้ว่าหลินเทียนตี้จะเป็นศิษย์ของพรรคเซียนเหิน แต่ว่า เขามีชาติกำเนิดเป็นตระกูลบัณฑิตโดยแท้จริง ทั้งยังมีชาติกำเนิดเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา จุดนี้เองเกรงว่าสำนักและผู้บำเพ็ญตนในแดนชาดทักษิณล้วนแล้วแต่คาดไม่ถึง

“พรรคเซียนเหินพวกเจ้าฝ่าฝืนคำมั่นสัญญา ปล่อยให้มีศิษย์แอบย่องมาเก้าแดน ดังนั้น อาจารย์ของเจ้าจึงไม่กล้าเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก และไม่ต้องการให้เจ้าเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมย

คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้หลินเทียนตี้มีท่าทีกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง เขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี สุดท้ายได้แต่กล่าวว่า “เกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าเคยได้ยินผู้อาวุโสเอ่ยถึงเหมือนกัน ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ข้าเป็นเพียงผู้เยาว์คนหนึ่งจึงรู้ไม่มาก”

“เอาเถอะ ข้าไม่ถือโทษเจ้า” หลี่ชิเย่กล่าวพร้อมกับจ้องมองหลินเทียนตี้ทีหนึ่ง

“ขอบคุณพี่หลี่” หลินเทียนตี้รีบคำนับให้ทีหนึ่ง แม้ว่าเขาจะมีชาติกำเนิดมาจากพรรคเซียนเหิน แต่ว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่แล้วก็ไม่กล้าทำกำเริบเสิบสาน ยังคงให้ความเคารพยิ่ง

หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยว่า “ยุคสองยุคนี้พรรคเซียนเหินพวกเจ้าแอบย่องออกมาใช่จะเป็นเรื่องแปลก แต่มาชาตินี้กลับหาญกล้ากลับสู้ยุทธภพอย่างโจ่งแจ้ง ดูท่ามีความมั่นใจไม่น้อยเลยทีเดียวนะ”

หลินเทียนตี้อ้าปากจะพูด เขาทำท่าไตรตรองนิดหนึ่ง ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไรดี สุดท้ายได้แต่พูดเสียงอ่อยๆ ว่า “ไม่ขอปิดบังพี่หลี่ เรื่องกลับสู่ยุทธภพในชาตินี้หาใช่เป็นความคิดในสายของข้า”

“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง จ้องมองดูหลินเทียนตี้แล้วกล่าวว่า “ข้าดูจากทักษะยุทธของเจ้าแล้ว เจ้าน่าจะมีชาติกำเนิดมาจากสายของราชันเซียนฉานหลง เท่าที่ข้ารู้ ครั้งนั้นสายของราชันเซียนฉานหลงนับว่าดุจพระอาทิตย์กลางหาว และเป็นสายราชันเซียนฉานหลงที่สนับสนุนราชันเซียนเหรินเสียนอย่างเต็มที่”

“เรื่องนี้…” หลินเทียนตี้ทำท่าจะพูด สุดท้ายได้แต่พูดเสียงแผ่วเบาออกมาว่า “ไม่กล้าปิดบังพี่หลี่ สายของฉานหลงได้เสื่อมอำนาจลงแล้ว ห่างไกลจากเมื่อครั้งกระนั้นมากทีเดียว”

“งั้นหรือ? ครั้งนั้น สายฉานหลงของพวกเจ้ามีอสุราอยู่ เรียกได้ว่าหมางเมินต่อเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินเลยทีเดียว” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “พูดอย่างนี้แสดงว่าอสุราไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกอีกแล้วสิ!”

“ถูกต้อง” หลินเทียนตี้กล่าวว่า “ ฟังจากผู้อาวุโสมาว่า หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นแล้ว อายุขัยของบรรพบุรุษอสุราได้สิ้นสุดลงแล้ว สุดท้ายต้องตายจากโลกนี้ไป”

“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “เป็นเพราะทายาทรุ่นหลังของราชันเซียนเหรินเสียนช่วงชิงอำนาจน่ะสิ การที่อสุราสามารถมีชีวิตอยู่มาตั้งแต่ยุคของราชันเซียนฉานหลงเป็นเพราะอาศัยทรัพยากรจำนวนมหาศาล หากไม่มีโอสถเซียนผลึกเทพมาช่วยต่อชีวิตให้กับเขาล่ะก็ เขาจะมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวขนาดนี้รึ? ครั้งนั้น พรรคเซียนเหินของพวกเจ้าถูกสยบ อสุราเลยสูญเสียอำนาจถูกลิดรอนอำนาจไป เมื่อไม่มีอำนาจอยู่ในมือ แล้วจะไปเอาทรัพยากรจำนวนมหาศาลที่ไหนมาต่อชีวิต?”

หลินเทียนตี้อ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง สุดท้ายได้แต่กลายเป็นเสียงทอดถอนใจเบาๆ แทน

พรรคเซียนเหินคือสำนักที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แม้ว่าขณะรับมือกับศัตรูที่เป็นบุคคลภายนอกนั้น พรรคเซียนเหินมักจะมีความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นสำนักใดๆ ในโลกนี้ก็ตาม ยากจะหนีพ้นการแย่งชิงอำนาจ แม้กระทั่งพรรคเซียนเหินที่มีความแข็งแกร่งเช่นนี้ก็ไม่สามารถรอดจากประเพณีเก่าแก่คร่ำครึไปได้ กระทั่งเรียกได้ว่าการแย่งชิงอำนาจภายในพรรคเซียนเหินนั้นอยู่เหนือความคาดคิดเป็นอันมาก เป็นการแย่งชิงอำนาจที่โหดร้ายทารุณยิ่งนัก

ความจริงแล้ว หากจะคิดให้ละเอียดมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เฉกเช่นพรรคเซียนเหินที่เป็นยักษ์ใหญ่ถึงเพียงนี้ หากได้ครองอำนาจในมือ นั่นเท่ากับว่าได้ครอบครองทรัพยากรที่ไม่มีวันสิ้นสุด มีอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งเย้ายวนใจถึงเพียงนี้ ไม่ว่าจะเป็นสายไหนก็ต้องหวั่นไหว ไม่ว่าใครก็ต้องการได้ครองอำนาจในมือ และนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ไม่ว่าสายไหนของพรรคเซียนเหินก็ตาม ล้วนแล้วแต่ไม่สามารถครองอำนาจได้ตลอดไป ทุกๆ สายขั้วอำนาจต้องมีการขึ้นๆ ลงๆ มีวันที่เจริญรุ่งเรืองและวันที่เสื่อมถอย

เหมือนดั่งเช่นสายของราชันเซียนฉานหลงอันเป็นชาติกำเนิดของหลินเทียนตี้ ครั้งนั้นสายราชันเซียนฉานหลงของพวกเขาดุจดวงตะวันกลางหาว โดยเฉพาะช่วงที่มีบรรพบุรุษอสุรายืนเป็นตัวชูโรงอยู่ ยิ่งทำให้สายราชันเซียนฉานหลงของพวกเขาได้กุมอำนาจใหญ่เอาไว้ ทำให้สายราชันเซียนฉานหลงของพวกเขาเป็นผู้กำหนดทิศทางของพรรคเซียนเหินในยุคนั้น!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล