เสียดาย ไม่มีสิ่งใดที่เป็นนิรันดร์ตลอดไป ในที่สุด จากการเสื่อมลงของสายราชันเซียนฉานหลง แม้อสุราจะมีความแข็งแกร่งปานใดก็ตาม แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ จึงถูกแย่งชิงอำนาจไปได้ในที่สุด และทำให้สายของราชันเซียนฉานหลงเสื่อมถอยเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม และไม่สามารถฟื้นคืนขึ้นมาได้อีก ยากที่จะไปก้าวก่ายอำนาจการบริหารของพรรคเซียนเหินได้อีกต่อไป
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมยกับคำพูดของหลินเทียนตี้ และกล่าวว่า “การที่อสุราก้าวเดินมาถึงจุดนี้ไม่นับว่าอยู่เหนือความคาดคิดแต่อย่างใด แม้ว่าราชันเซียนเหรินเสียนจะรักษาคำมั่นสัญญา แต่ไม่ได้หมายความว่าทายาทรุ่นหลังของเขาจะต้องรักษาสัญญา!”
หลินเทียนตี้ได้แต่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ เรื่องการแย่งชิงอำนาจภายในสำนัก เขาในฐานะผู้เยาว์ก็ไม่สามารถไปวิพากวิจารณ์โดยพลการ
“ไหนๆ วันนี้เจ้าก็ได้มาแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่เพียงแค่ต้องการมาคุยเล่นกับข้าหรอกนะ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปที่หลินเทียนตี้
หลินเทียนตี้ทอดถอนใจออกมาเบาๆ กล่าวว่า “ที่ข้ามาครั้งนี้หวังเพียงพูดคุยถึงสถานการณ์ของพรรคเซียนเหินเท่านั้นเอง เวลานี้ผู้ที่กุมอำนาจอยู่คือสายของราชันเซียนเหรินเสียน”
“ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “สิ่งนี้ไม่ได้แทนปณิธานของพรรคเซียนเหินทั้งหมดน่ะสิ”
“ถูกต้อง” หลินเทียนตี้รีบกล่าวว่า “ต้องรบกวนพี่หลี่ช่วยถ่ายทอดคำพูดของพรรคเซียนเหิน และถือเป็นแสดงคารวะของพรรคเซียนเหินพวกเรา”
หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดของหลินเทียนตี้ ครั้งนั้น หลี่ชิเย่ได้นำเอาเสื้อเกราะหมิงเหรินออกมาใช้ ทำให้บรรดาตาเฒ่าของพรรคเซียนเหินคาดเดาอะไรบางอย่างได้ เพียงแต่บรรดาตาเฒ่าของพรรคเซียนเหินนึกไม่ถึงว่าเขาจะปรากฏตัวออกมาด้วยตนเอง ยังเข้าใจว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังหลี่ชิเย่ก็คืออีกาทมิฬ
การที่ตาเฒ่าของพรรคเซียนเหินคิดเช่นนี้ก็ใช่จะเป็นเรื่องแปลก เนื่องจากพันล้านปีที่ผ่านมา อีกาทมิฬคือผู้ที่ให้การบ่มฟักราชันเซียนขึ้นมาโดยตลอด โดยที่ตัวเขาไม่เคยปรากฏตัวออกมาด้วยตนเองเลย
ตาเฒ่าของพรรคเซียนเหินจึงเข้าใจว่าหลี่ชิเย่คือศิษย์ของอีกาทมิฬ เป็นตัวแทนของอีกาทมิฬ ดังนั้น พวกเขาจึงได้ส่งหลินเทียนตี้มาคุยเรื่องนี้
“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และกล่าวว่า “นี่คือความต้องการของสายราชันเซียนฉานหลง และหรือเจ้าถ่ายทอดคำพูดให้กับทุนเย่อและป้าเมียดสองสายนั่น?”
“บรรพบุรุษของทุนเย่อและป้าเมียดทั้งสองสายก็มีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน เพียงแต่ อายุขัยของพวกเขาแห้งเหือดแล้ว จึงไม่สามารถมาด้วยตนเอง”
หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ในเมื่อบรรดาตาเฒ่าพวกเจ้ารู้แล้วว่าที่ตนเองเผชิญหน้าอยู่คือผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะเช่นใด สมควรที่พวกเขาต้องรู้ว่าโอกาสนั้นจะต้องพยายามให้ได้มาด้วยตนเอง หาใช่หล่นลงมาจากฟากฟ้าเอง”
“บรรดาบรรพบุรุษก็เข้าใจ” หลินเทียนตี้รีบเร่งกล่าวว่า “บรรดาเหล่าบรรพบุรุษก็พยายามหาโอกาสอยู่ และเวลานี้พยายามเกลี้ยกล่อมบรรดาบรรพบุรุษคนอื่นๆ อยู่ หวังให้ทุกคนมายืนอยู่บนจุดยืนเดียวกันในเรื่องนี้ให้ได้”
“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่หัวเราะ และกล่าวว่า “เสียดาย ข้าไม่เห็นความหวังนี้ พรรคเซียนเหินของพวกเจ้ายังคงเข้าสู่ยุทธภพ ท่าทางที่ข่มขวัญผู้คน สุดที่ใครจะต้านทานได้ ดูท่าพวกเจ้าไม่ได้มีผลในการห้ามปรามสักเท่าไร”
หลินเทียนตี้ถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ กล่าวว่า “พี่หลี่ไม่รู้หรอกว่า เวลานี้ สายของราชันเซียนเหรินเสียนในพรรคเซียนเหินพวกเรามีความแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน! ต่อให้พวกเราสามสายมีปณิธานที่จะร่วมมือกัน ก็ไม่แน่เสมอไปว่าสามารถสยบสายของราชันเซียนเหรินเสียนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรงมีใจคิดครอบครองเก้าแดน ดังนั้น ภายในระยะเวลาอันสั้นบรรดาเหล่าบรรพบุรุษก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมพวกเขาได้”
“พวกสวะกลุ่มหนึ่งที่หลงตัวเองว่าเป็นบุตรที่โปรดปรานของสวรรค์” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “ผ่านมากี่ยุคกี่สมัยมาแล้ว ยังเข้าใจว่าตัวเองนั้นมีสายเลือดที่สูงส่งกว่าทุกๆ เผ่าพันธุ์”
หลินเทียนตี้ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ เขาในฐานะที่เป็นเพียงผู้เยาว์คนหนึ่งเท่านั้น เรื่องราวเกี่ยวกับบรรพบุรุษของสำนักเขาไม่เหมาะที่จะไปวิพากวิจารณ์ได้
“พูดอย่างนี้แสดงว่าพวกเจ้าต้องการครอบครองตำแหน่งราชันเซียนในชาตินี้ให้ได้สินะ” หลี่ชิเย่เหลือบมองหลินเทียนตี้ และกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉย
“เรื่องนี้…” หลินเทียนตี้ยิ้มเจื่อนๆ ลังเลนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “อย่างน้อยที่สุด ความเห็นเหล่าบรรพบุรุษทั้งสามสายพวกเราไม่มีแนวความคิดที่จะครอบครองชะตาฟ้า แต่ การเข้าสู่ยุทธภพเพื่อสืบทอดชะตาฟ้าของศิษย์พี่ใหญ่เป็นการตัดสินใจเคาะออกมาของสายราชันเซียนเหรินเสียน และมีบรรพบุรุษหลงเป็นผู้คุ้มครองให้กับศิษย์พี่ใหญ่ด้วยตนเอง”
“บรรพบุรุษหลง?”
“ชื่อเสียงของบรรพบุรุษหลงไม่ปรากฏในโลกหล้า ชื่อของเขาคือหลงจ้านเทียน” หลินเทียนตี้รีบกล่าวว่า “บรรพบุรุษหลงถือกำเนิดขึ้นมาในปลายยุคสมัยของราชันเซียนเชียนหลี่ เคยมีความคิดที่จะครอบครองชะตาฟ้าในยุคของราชันเซียนหยินเทียน ในเวลานั้นเขาได้สำเร็จกายเซียนเหินขั้นสมบูรณ์แล้ว และทักษะยุทธของเขาก็อยู่ในขั้นสมบูรณ์ พลังอำนาจกายเซียนเหินเหนือกว่าศิษย์พี่ใหญ่เสียอีก”
“เวลานี้ ศิษย์พี่ใหญ่เข้าสู่ยุทธภพเพื่อครอบครองชะตาฟ้า จึงได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากบรรพบุรุษหลง บรรพบุรุษหลงในฐานะหัวหน้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรง เขาได้ขจัดความเห็นต่างของฝ่ายต่างๆ อย่างเต็มที่ สนับสนุนการเข้าสู่ยุทธภพของศิษย์พี่ใหญ่ และเป็นผู้คุ้มครองด้วยตนเอง” ครั้นหลินเทียนตี้กล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ได้ทอดถอนภายในใจทีหนึ่ง
ความจริงแล้ว เรื่องที่หลงอ้าวเทียนจะได้เป็นราชันเซียนนั้นเป็นเรื่องที่มีการเคาะกำหนดเป็นที่เรียบร้อยภายในพรรคเซียนเหินมานานแล้ว ดังนั้น ศิษย์พรรคเซียนเหินจะต้องสนับสนุนเต็มกำลังความสามารถเพื่อช่วยให้หลงอ้าวเทียนได้เป็นราชันเซียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...