ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1624

ตอนที่ 1624 ตัดสินใจ
“มีหรือไม่มี ตาเฒ่าพรรคเซียนเหินพวกเจ้ารู้อยู่แก่ใจ” หลี่ชิเย่มองดูหลินเทียนตี้ที่มีท่าทีหวาดผวา และกล่าวว่า “เพราะเหตุใด ครั้งนั้นพรรคเซียนเหินพวกเจ้าจึงมีคนมากมายที่ปลิดชีพตนเอง ทำไมบรรดาลูกๆ ของราชันเซียนเหรินเสียนจึงได้หลบหนีเข้าไปอยู่ในคุกเซียน เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องที่บรรดาตาเฒ่าพวกเจ้ารู้อยู่แก่ใจ”

“เรื่องนี้ เรื่องนี้ เรื่องนี้…” หลินเทียนตี้ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี สุดท้าย เขารีบกล่าวว่า “เรื่องนี้หาใช่เป็นการกระทำของพวกเราสามสาย เป็นการกระทำของสายราชันเซียนเหรินเสียน”

ความจริงแล้ว หลินเทียนตี้เองก็เข้าใจดีว่าเรื่องนี้ถึงจะปฏิเสธอย่างไรก็ปฏิเสธเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาไม่ได้ เนื่องจากมันได้เกิดขึ้นมาจริงๆ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ประสบกับตนเอง แต่เขาก็รู้ว่าเรื่องราวในคราวนั้นส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงต่อพรรคเซียนเหินของพวกเขา

“เรื่องนี้ข้ารู้” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ไม่อย่างนั้น เรื่องราวในครานั้นคงไม่จบลงเพียงเท่านั้น ครั้งนั้นหากต้องการทำลายพรรคเซียนเหินพวกเจ้าจริง พรรคเซียนเหินพวกเจ้าก็ยากจะพ้นจากเคราะห์กรรมไปได้!”

หลินเทียนตี้ถึงกับนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง แม้ว่าพรรคเซียนเหินพวกเขาจะปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้า แต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นที่มีราชันเซียนเชียนหลี่คอยคุ้มกัน มีราชามังกรดำที่คุมเชิง โดยอีกาทมิฬอาศัยกำลังเข้าตรวจสอบ ภายใต้ลักษณะที่ปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ ต่อให้พรรคเซียนเหินของพวกเขามีธาตุแท้ภายในที่แข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจขัดขืนได้ ถ้าหากขัดขืนรังแต่พบกับจุดจบถูกเข่นฆ่าทำลายล้างเท่านั้น!

“กลับไปบอกต่อตาเฒ่าที่เป็นขุนพลทั้งหลายของพวกเจ้า ครั้งนั้นพรรคเซียนเหินพวกเจ้าได้ให้คำมั่นสัญญาเอาไว้ และสาบานไว้แล้ว ขณะเดียวกัน เห็นแก่ราชันเซียนทุนเย่อ และราชันเซียนป้าเมียด รวมทั้งบรรดาตาเฒ่าเหล่านั้น จึงได้อภัยให้กับพรรคเซียนเหินของพวกเจ้า!” หลี่ชิเย่กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “แต่ว่า การให้อภัยมีเพียงครั้งเดียว จะไม่มีเป็นครั้งที่สอง ถ้าหากยังคงเกิดเรื่องราวเช่นในครั้งนั้นขึ้นมาอีก และบรรดาพวกตาเฒ่าไม่สามารถจัดการกำจัดภัยพิบัตินี้ไปได้ล่ะก็ คงไม่ต้องให้ข้าบอกว่าผลจะเป็นอย่างไร เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้บรรดาตาเฒ่าอย่างพวกเขาคิดจะเอาหน้าแก่ๆ มาก็ไม่มีประโยชน์ เพราะมันใช้การไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!”

พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ภายในใจของหลินเทียนตี้ถึงกับสั่นเทิ้มไปทีหนึ่ง หลี่ชิเย่คือตัวแทนของอีกาทมิฬ ท่าทีของหลี่ชิเย่ในเวลานี้ก็คือท่าทีของอีกาทมิฬแล้ว

“พี่หลี่โปรดวางใจ ข้าจะนำคำพูดนี้กลับไปแน่นอน อย่างไรก็ตาม เรื่องราวในครั้งครานั้นจะไม่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด บรรดาเหล่าบรรพบุรุษต้องควบคุมสถานการณ์ได้แน่นอน” หลินเทียนตี้กล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่ง แม้ว่าหลินเทียนตี้จะมีความคิดเช่นนี้ แต่ สถานการณ์ภายในพรรคเซียนเหินใช่ว่าเป็นเรื่องที่ผู้เยาว์คนหนึ่งสามารถบงการได้

“ในเมื่อพรรคเซียนเหินพวกเจ้ามีความมั่นใจขนาดนี้ว่าสามารถบ่มฟักราชันเซียนคนที่หกขึ้นมาได้ เช่นนั้นแล้ว เจ้าคิดว่าข้ากับศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าใครอ่อนใครแข็งกว่าใคร?”หลี่ชิเย่จ้องมองหลินเทียนตี้พร้อมกับยิ้มกล่าวออกมา

ปัญหาข้อนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้หลินเทียนตี้รู้สึกตอบได้ยาก ถ้าหากเป็นก่อนหน้านั้น เขาต้องเข้าใจว่าหลี่ชิเย่กับศิษย์พี่ใหญ่ของเขาคงพอฟัดพอเหวี่ยงกัน กระทั่งศิษย์พี่ใหญ่ของเขาดูจะได้เปรียบ แต่ เวลานี้เบื้องหลังหลี่ชิเย่มีอีกาทมิฬที่เป็นมือมืดนับแต่อดีตถึงปัจจุบันคอยสนับสนุน ย่อมแตกต่างกันแล้ว

“พูดมาตามตรงเถอะ ข้าไม่ถือโทษเจ้า” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวออกมา

หลินเทียนตี้ทำท่าลังเลนิดหนึ่ง สุดท้ายยังคงกล่าวด้วยความสัตย์จริงว่า “พี่หลี่ ข้าไม่กล้าพูดปด ตามความเห็นส่วนตัวของข้า ศิษย์พี่ของข้ารวมเอาจุดเด่นของห้าราชันเซียนกับตัว และประสานรวมกันเป็นสุดยอดสัจธรรมของตน แล้วยังสำเร็จกายเซียนเหินขั้นสมบูรณ์ หลักสัจธรรมของเขานับว่าสมบูรณ์ไร้ที่ติ เรียกได้ว่าทักษะยุทธของศิษย์พี่ใหญ่มีพื้นฐานที่แน่นมาก ยากจะมีช่องโหว่ อีกทั้งศิษย์พี่ใหญ่ของข้ายังได้สืบทอดของวิเศษจำนวนมหาศาลของพรรคเซียนเหิน แน่นอน สิบสามลัคนาของพี่หลี่ก็มีเพียงหนึ่งเดียวนับจากอดีตถึงปัจจุบัน”

“น่าสนใจ” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา กล่าวว่า “ความหมายของเจ้าก็คือ หากสู้กันตัวต่อตัวล่ะก็ เกรงว่าข้ายังด้อยกว่าศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าอยู่บ้าง เจ้ารู้ทั้งรู้ถึงประวัติความเป็นมาของข้า แต่ก็ไม่ได้ยกยอข้า นับว่าไม่เลวนัก”

หลินเทียนตี้ก็หัวเราะเจื่อนๆ ทีหนึ่ง เขาเองไม่รู้ว่าคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่คือคำชมหรือคำเสียดสีเขา แต่ สิ่งที่เขาสามารถทำได้ก็คือพูดไปตามความสัตย์จริง

เนื่องจากในสายตาของเขามองว่า แม้หลี่ชิเย่จะมีถึงสิบสามลัคนา และนับเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ยิ่ง แต่ว่า พื้นฐานเต๋าของศิษย์พี่ใหญ่นั้นแน่นหนาเหลือเกินกระทั่งไม่สามารถหาจุดบกพร่องได้ ถ้าหากอีกาทมิฬไม่ยื่นมือเข้ามาสอด ลำพังสู้กันตัวต่อตัว หลินเทียนตี้คิดว่าศิษย์พี่ใหญ่ของเขายังคงมีโอกาสที่สูงมาก

“เอาเถอะ ข้าไม่อยากทำให้เจ้าต้องลำบากใจ” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ กล่าวต่อหลินเทียนตี้ว่า “กลับไป กลับไปบอกต่อบรรดาตาเฒ่าของพวกเจ้า ชาตินี้พรรคเซียนเหินของพวกเจ้ามีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จะอยู่หรือม้วยขึ้นอยู่กับความพยายามของพวกเขาเองแล้ว”

หลินเทียนตี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง สุดท้ายคารวะต่อหลี่ชิเย่แล้วก็จากไป

หลังจากที่หลินเทียนตี้ได้จากไปแล้ว หลี่ชิเย่นั่งนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้นอยู่เป็นเวลานานมาก ดวงตาทั้งสองของเขากลับกลายเป็นลึกล้ำยิ่งนัก เสมือนหนึ่งมองทะลุอดีตปัจจุบันอย่างนั้น

หลังจากผ่านไปนานมาก ยวีไท่จวินได้เดินเข้ามานั่งเป็นเพื่อนของเขาเงียบๆ อยู่ข้างๆ หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน นางจึงได้กล่าวว่า “ใต้เท้ามีเรื่องอยู่ในใจ”

“สงครามเริ่มต้นแล้ว” หลี่ชิเย่ กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “บางทีนี่อาจเป็นการกวาดล้างให้สิ้นซากของข้าครั้งสุดท้ายในเก้าแดนแล้ว”

“ใต้เท้าจะใช้กำลังกับพรรคเซียนเหินรึ?” ยวีไท่จวินเองก็รู้สึกผิดคาด มันนอกเหนือความคาดคิดของนางไปมากเหลือเกิน ครั้งนั้นพรรคเซียนเหินถูกใช้กำลังเข้าตรวจสอบและสามารถรอดพ้นเคราะห์กรรมมาได้ ไม่นึกเลยว่าท้ายที่สุดแล้วยังคงต้องจบลงด้วยกำลังทหาร

“ถูกต้อง” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ชาตินี้ก็เป็นเวลาที่ข้าสมควรต้องไปจากได้แล้ว แต่ยังคงมีผู้ที่ไม่ยอมเลิกรากับสายเลือดของอเวจี ครั้งนี้จะเป็นการกวาดล้างครั้งสุดท้ายของข้า มีเพียงทำลายพรรคเซียนเหินเสีย ผู้คนในโลกหล้าจึงได้เข้าใจว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ!”

ยวีไท่จวินถึงกับเอ่ยขึ้นมาว่า “บรรดาบรรพบุรุษหลายคนของพรรคเซียนเหินก็นับได้ว่าเป็นระดับปราศจากผู้ต่อกร พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นขุนพลที่แข็งแกร่งภายใต้บังคับบัญชาของราชันเซียน พวกเขาสมควรมีการป้องกันจึงถูก พวกเขาควรป้องกันเอาไว้ได้ก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นมา พวกเขาเองรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้หนักหนายิ่งนัก หากพรรคเซียนเหินยังคงมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาอีก พวกเขาสมควรจัดการกำจัดไปตั้งแต่แรกเริ่ม”

“ไม่ไหวแล้วล่ะ ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มันไม่ใช่ยุคสมัยของพวกเขาอีกต่อไปแล้ว พวกเขาแก่แล้วจริงๆ ขณะที่พรรคเซียนเหินกลับให้กำเนิดยอดฝีมือทุกยุคทุกสมัย แม้ว่าครั้งครานั้นพวกเขาจะมีความแข็งแกร่งมาก แต่ กาลเวลาที่ผ่านไป พวกเขาอายุมากขึ้นร่างกายเสื่อมโทรมลมปราณเหือดแห้ง ไม่สามารถก้าวไปอยู่จุดสูงสุดในครั้งนั้นได้อีกต่อไปแล้ว”

“ถ้าหากบรรดาตาเฒ่าเหล่านั้นสามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ล่ะก็ พรรคเซียนเหินก็จะไม่ปรากฏตัว การปรากฏตัวของพรรคเซียนเหินในเวลานี้ เป็นการบ่งบอกว่าพวกเขาไม่สามารถกำราบกลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรงได้ พวกเขาได้สูญเสียอำนาจไปแล้ว นี่ก็คือเหตุผลหนึ่งที่ว่า เพราะอะไรในครั้งครานั้นพวกเขาไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ขณะอสุราให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อราชันเซียนเหรินเสียนในเวลานั้น”

ครั้นหลี่ชิเย่กล่าวถึงตรงนี้แล้วต้องทอดถอนใจออกมาเบาๆ กล่าวว่า “เฉกเช่นครั้งนั้นที่อสุราพยายามขจัดความเห็นต่างของทุกคน ขณะที่บ่มฟักราชันเซียนเหรินเสียนนั้น อสุราไม่เพียงต้องการบ่มฟักราชันเซียนขึ้นมาคนหนึ่งเท่านั้น ความจริงแล้ว พรรคเซียนเหินเองมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทะลุข้อจำกัดของตัวเอง คาดหวังกลายเป็นอมตะอย่างแท้จริง! กลายเป็นสายสำนักราชันเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดนับจากอดีตถึงปัจจุบัน”

“มันก็จริง” ยวีไท่จวินถึงกับพยักหน้าเห็นด้วยเงียบๆ กล่าวว่า “พรรคเซียนเหินเป็นสำนักที่มีทรัพยากรอยู่ในครอบครองมากที่สุดในโลกหล้า พื้นที่อันเป็นที่ตั้งบรรพชนของเขาเป็นเอกเทศ พวกเขายังเป็นสำนักที่มีเคล็ดวิชาอยู่ในครอบครองมากที่สุด และเป็นสำนักที่มีสายเลือดที่แกร่งมากที่สุด พวกเขาให้กำเนิดราชันเซียนมายุคแล้วยุคเล่า เป็นความจริงที่พวกเขามีความทะเยอทะยานมาก”

คำพูดของยวีไท่จวินพูดมีเหตุผล ความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นสำนักใดก็ตามหากมีธาตุแท้ภายในเช่นพรรคเซียนเหิน ก็ต้องมีความทะเยอทะยานที่พองโต ถ้าหากมีทรัพยากรอยู่ในครอบครองถึงเพียงนี้แล้วแต่ไม่คิดจะครอบครองใต้หล้า กระทั่งกลายเป็นอมตะตลอดกาลล่ะก็ นับว่าเป็นผู้ที่ไม่มุ่งแสวงหาความก้าวหน้าเอาเสียเลย”

นับตั้งแต่พรรคเซียนเหินได้ให้กำเนิดราชันเซียนองค์ที่ห้าแล้ว กลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรงภายในพรรคเซียนเหินเรียกได้ว่าความทะเยอทะยานนั้นฮึกเหิมมาก พวกเขากระทั่งเคยคิดครอบครองเก้าแดนเอาไว้ทั้งหมด กลายเป็นสำนักที่ไม่มีวันล่มสลายตลอดกาล

ด้วยเพราะเหตุนี้เอง กลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรงของพรรคเซียนเหินจึงได้ทำการศึกษาถึงสายเลือดของอเวจี พวกเขากระหายอยากจะมีสายเลือดที่ดีไร้ผู้เทียบเทียมและแข็งแกร่งที่สุดในโลกหล้า เมื่อมีสายเลือดนี้อยู่ในครอบครองแล้วก็จะทำให้พรรคเซียนเหินของพวกเขาปราศจากผู้ต่อกรได้ตลอดกาล เก้าแดนก็จะอยู่ในกำมือของพวกเขา ทุกสิ่งทุกอย่างใต้หล้าล้วนแล้วแต่เอื้อมมือคว้าเอามาได้

“ครั้งนี้จะเป็นการกวาดล้างครั้งสุดท้ายของข้าแล้วล่ะ อนาคตเก้าแดนจะเป็นเช่นใดคงต้องอาศัยตัวเองแล้ว” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมย

การที่หลี่ชิเย่ตัดสินใจเช่นนี้หาใช่เป็นการตัดสินใจอย่างปัจจุบันทันด่วน เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้เขาเข้าใจแล้วว่า บรรดาบรรพบุรุษของพรรคเซียนเหินเหล่านั้นไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อีกแล้ว การมาของหลินเทียนตี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำแนวความคิดก่อนหน้าของเขา

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เขาจะไม่อนุญาตให้สายเลือดประเภทนี้เกิดขึ้นอีก ดังนั้น การกวาดล้างอีกครั้งเป็นสิ่งจำเป็น มิฉะนั้นล่ะก็ ความมืดมิดในครั้งครานั้นอาจจะหวนคืนสู่เก้าแดนอีกครั้งก็เป็นได้

หลี่ชิเย่นิ่งเงียบไปพักหนึ่งแล้วกล่าวว่า “บางทีอาจเป็นเพราะครั้งนั้นข้าใจอ่อนไปนิด หากข้าปราบปรามตั้งแต่ครั้งครานั้นอาจไม่มีวันนี้”

“เรื่องนี้จะโทษใต้เท้าก็ไม่ถูก” ยวีไท่จวินกล่าวว่า “มันเป็นการเลือกของพรรคเซียนเหินเอง ใต้เท้าเพียงมีเมตตาเท่านั้นเอง การที่สถานการณ์กลายเป็นอย่างที่เห็นในวันนี้ พรรคเซียนเหินต้องรับกรรมในสิ่งที่ตนได้ทำเอาไว้”

หลี่ชิเย่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ ครั้งนั้นเขาเกิดใจอ่อนขึ้นมา จึงตอบตกลงให้พรรคเซียนเหินได้บ่มฟักราชันเซียนเหรินเสียนขึ้นมา ซึ่งราชันเซียนเหรินเสียนในครั้งนั้นมีสายเลือดของอเวจีที่เจือจางบางเบามาก บางเบาจนสามารถมองข้ามไปได้

หลี่ชิเย่ในเวลานั้นไม่เห็นด้วยให้พรรคเซียนเหินบ่มฟักราชันเซียนเหรินเสียน แต่พรรคเซียนเหินได้ให้คำมั่นอย่างหนักแน่น และราชันเซียนเหรินเสียนเองก็ได้ให้คำสาบานเลือดเช่นกัน

บางทีอาจเป็นเพราะว่าได้ผ่านเหตุการณ์กวาดล้างมาครั้งแล้วครั้งเล่า ผ่านการเข่นฆ่ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ตัวเขาที่อยู่ในฐานะอีกาทมิฬก็มีเวลาที่ใจอ่อนอยู่บ้าง สุดท้าย ภายใต้การให้คำมั่นของพรรคเซียนเหินและสาบานเลือดของราชันเซียนเหรินเสียน ตัวเขาที่อยู่ในฐานะอีกาทมิฬจึงได้เห็นด้วยในท้ายที่สุด

แต่ทว่า ราชันเซียนเหรินเสียนก็ไม่ได้สร้างความผิดหวังอย่างแท้จริง การกระทำของเขาหลังจากที่ได้เป็นราชันเซียนแล้วนับว่าน่าชมเชย ตัวเขาเองก็สามารถสะกดตัวเองได้ดีมาก ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงได้ตั้งฉายาตัวเองว่า “ราชันเซียนเหรินเสียน” โดยถือว่าตัวเองนั้นคือเผ่าพันธุ์มนุษย์

ถูกต้อง ตัวราชันเซียนเหรินเสียนเองสามารถควบคุมตนเองได้ แต่ ทายาทรุ่นหลังของเขากลับไม่เป็นเช่นนั้น ในใจของทายาทรุ่นหลังมีความทะเยอทะยาน จนในที่สุดนำมาซึ่งเหตุการณ์ที่อีกาทมิฬนำกำลังเข้าตรวจสอบพรรคเซียนเหิน!

“ได้เวลาที่พรรคเซียนเหินสมควรถูกทำลายแล้ว” หลี่ชิเย่ทอดถอนใจเบาๆ กล่าวว่า “หากไม่ทำลายล้างพรรคเซียนเหินเสีย กลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรงของพวกเขาจะไม่มีวันเลิกราตลอดไป พวกเขาเข้าใจว่าตัวเองนั่นแหละคือสายตรงของเก้าแดน!”

พรรคเซียนเหินมีวาสนาที่ลึกล้ำกับเขามากเหลือเกิน โดยเฉพาะราชันเซียนทุนเย่อและราชันเซียนป้าเมียดกับเขามีฐานะเป็นศิษย์อาจารย์ที่แท้จริง หากไม่ถึงคราวจำเป็นแล้ว เขาจะไม่ลงมือทำลายพรรคเซียนเหินเสีย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล