“เรื่องนี้ เรื่องนี้ เรื่องนี้…” หลินเทียนตี้ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี สุดท้าย เขารีบกล่าวว่า “เรื่องนี้หาใช่เป็นการกระทำของพวกเราสามสาย เป็นการกระทำของสายราชันเซียนเหรินเสียน”
ความจริงแล้ว หลินเทียนตี้เองก็เข้าใจดีว่าเรื่องนี้ถึงจะปฏิเสธอย่างไรก็ปฏิเสธเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาไม่ได้ เนื่องจากมันได้เกิดขึ้นมาจริงๆ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ประสบกับตนเอง แต่เขาก็รู้ว่าเรื่องราวในคราวนั้นส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงต่อพรรคเซียนเหินของพวกเขา
“เรื่องนี้ข้ารู้” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ไม่อย่างนั้น เรื่องราวในครานั้นคงไม่จบลงเพียงเท่านั้น ครั้งนั้นหากต้องการทำลายพรรคเซียนเหินพวกเจ้าจริง พรรคเซียนเหินพวกเจ้าก็ยากจะพ้นจากเคราะห์กรรมไปได้!”
หลินเทียนตี้ถึงกับนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง แม้ว่าพรรคเซียนเหินพวกเขาจะปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้า แต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นที่มีราชันเซียนเชียนหลี่คอยคุ้มกัน มีราชามังกรดำที่คุมเชิง โดยอีกาทมิฬอาศัยกำลังเข้าตรวจสอบ ภายใต้ลักษณะที่ปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ ต่อให้พรรคเซียนเหินของพวกเขามีธาตุแท้ภายในที่แข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจขัดขืนได้ ถ้าหากขัดขืนรังแต่พบกับจุดจบถูกเข่นฆ่าทำลายล้างเท่านั้น!
“กลับไปบอกต่อตาเฒ่าที่เป็นขุนพลทั้งหลายของพวกเจ้า ครั้งนั้นพรรคเซียนเหินพวกเจ้าได้ให้คำมั่นสัญญาเอาไว้ และสาบานไว้แล้ว ขณะเดียวกัน เห็นแก่ราชันเซียนทุนเย่อ และราชันเซียนป้าเมียด รวมทั้งบรรดาตาเฒ่าเหล่านั้น จึงได้อภัยให้กับพรรคเซียนเหินของพวกเจ้า!” หลี่ชิเย่กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “แต่ว่า การให้อภัยมีเพียงครั้งเดียว จะไม่มีเป็นครั้งที่สอง ถ้าหากยังคงเกิดเรื่องราวเช่นในครั้งนั้นขึ้นมาอีก และบรรดาพวกตาเฒ่าไม่สามารถจัดการกำจัดภัยพิบัตินี้ไปได้ล่ะก็ คงไม่ต้องให้ข้าบอกว่าผลจะเป็นอย่างไร เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้บรรดาตาเฒ่าอย่างพวกเขาคิดจะเอาหน้าแก่ๆ มาก็ไม่มีประโยชน์ เพราะมันใช้การไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!”
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ภายในใจของหลินเทียนตี้ถึงกับสั่นเทิ้มไปทีหนึ่ง หลี่ชิเย่คือตัวแทนของอีกาทมิฬ ท่าทีของหลี่ชิเย่ในเวลานี้ก็คือท่าทีของอีกาทมิฬแล้ว
“พี่หลี่โปรดวางใจ ข้าจะนำคำพูดนี้กลับไปแน่นอน อย่างไรก็ตาม เรื่องราวในครั้งครานั้นจะไม่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด บรรดาเหล่าบรรพบุรุษต้องควบคุมสถานการณ์ได้แน่นอน” หลินเทียนตี้กล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่ง แม้ว่าหลินเทียนตี้จะมีความคิดเช่นนี้ แต่ สถานการณ์ภายในพรรคเซียนเหินใช่ว่าเป็นเรื่องที่ผู้เยาว์คนหนึ่งสามารถบงการได้
“ในเมื่อพรรคเซียนเหินพวกเจ้ามีความมั่นใจขนาดนี้ว่าสามารถบ่มฟักราชันเซียนคนที่หกขึ้นมาได้ เช่นนั้นแล้ว เจ้าคิดว่าข้ากับศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าใครอ่อนใครแข็งกว่าใคร?”หลี่ชิเย่จ้องมองหลินเทียนตี้พร้อมกับยิ้มกล่าวออกมา
ปัญหาข้อนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้หลินเทียนตี้รู้สึกตอบได้ยาก ถ้าหากเป็นก่อนหน้านั้น เขาต้องเข้าใจว่าหลี่ชิเย่กับศิษย์พี่ใหญ่ของเขาคงพอฟัดพอเหวี่ยงกัน กระทั่งศิษย์พี่ใหญ่ของเขาดูจะได้เปรียบ แต่ เวลานี้เบื้องหลังหลี่ชิเย่มีอีกาทมิฬที่เป็นมือมืดนับแต่อดีตถึงปัจจุบันคอยสนับสนุน ย่อมแตกต่างกันแล้ว
“พูดมาตามตรงเถอะ ข้าไม่ถือโทษเจ้า” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวออกมา
หลินเทียนตี้ทำท่าลังเลนิดหนึ่ง สุดท้ายยังคงกล่าวด้วยความสัตย์จริงว่า “พี่หลี่ ข้าไม่กล้าพูดปด ตามความเห็นส่วนตัวของข้า ศิษย์พี่ของข้ารวมเอาจุดเด่นของห้าราชันเซียนกับตัว และประสานรวมกันเป็นสุดยอดสัจธรรมของตน แล้วยังสำเร็จกายเซียนเหินขั้นสมบูรณ์ หลักสัจธรรมของเขานับว่าสมบูรณ์ไร้ที่ติ เรียกได้ว่าทักษะยุทธของศิษย์พี่ใหญ่มีพื้นฐานที่แน่นมาก ยากจะมีช่องโหว่ อีกทั้งศิษย์พี่ใหญ่ของข้ายังได้สืบทอดของวิเศษจำนวนมหาศาลของพรรคเซียนเหิน แน่นอน สิบสามลัคนาของพี่หลี่ก็มีเพียงหนึ่งเดียวนับจากอดีตถึงปัจจุบัน”
“น่าสนใจ” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา กล่าวว่า “ความหมายของเจ้าก็คือ หากสู้กันตัวต่อตัวล่ะก็ เกรงว่าข้ายังด้อยกว่าศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าอยู่บ้าง เจ้ารู้ทั้งรู้ถึงประวัติความเป็นมาของข้า แต่ก็ไม่ได้ยกยอข้า นับว่าไม่เลวนัก”
หลินเทียนตี้ก็หัวเราะเจื่อนๆ ทีหนึ่ง เขาเองไม่รู้ว่าคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่คือคำชมหรือคำเสียดสีเขา แต่ สิ่งที่เขาสามารถทำได้ก็คือพูดไปตามความสัตย์จริง
เนื่องจากในสายตาของเขามองว่า แม้หลี่ชิเย่จะมีถึงสิบสามลัคนา และนับเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ยิ่ง แต่ว่า พื้นฐานเต๋าของศิษย์พี่ใหญ่นั้นแน่นหนาเหลือเกินกระทั่งไม่สามารถหาจุดบกพร่องได้ ถ้าหากอีกาทมิฬไม่ยื่นมือเข้ามาสอด ลำพังสู้กันตัวต่อตัว หลินเทียนตี้คิดว่าศิษย์พี่ใหญ่ของเขายังคงมีโอกาสที่สูงมาก
“เอาเถอะ ข้าไม่อยากทำให้เจ้าต้องลำบากใจ” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ กล่าวต่อหลินเทียนตี้ว่า “กลับไป กลับไปบอกต่อบรรดาตาเฒ่าของพวกเจ้า ชาตินี้พรรคเซียนเหินของพวกเจ้ามีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จะอยู่หรือม้วยขึ้นอยู่กับความพยายามของพวกเขาเองแล้ว”
หลินเทียนตี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง สุดท้ายคารวะต่อหลี่ชิเย่แล้วก็จากไป
หลังจากที่หลินเทียนตี้ได้จากไปแล้ว หลี่ชิเย่นั่งนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้นอยู่เป็นเวลานานมาก ดวงตาทั้งสองของเขากลับกลายเป็นลึกล้ำยิ่งนัก เสมือนหนึ่งมองทะลุอดีตปัจจุบันอย่างนั้น
หลังจากผ่านไปนานมาก ยวีไท่จวินได้เดินเข้ามานั่งเป็นเพื่อนของเขาเงียบๆ อยู่ข้างๆ หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน นางจึงได้กล่าวว่า “ใต้เท้ามีเรื่องอยู่ในใจ”
“สงครามเริ่มต้นแล้ว” หลี่ชิเย่ กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “บางทีนี่อาจเป็นการกวาดล้างให้สิ้นซากของข้าครั้งสุดท้ายในเก้าแดนแล้ว”
“ใต้เท้าจะใช้กำลังกับพรรคเซียนเหินรึ?” ยวีไท่จวินเองก็รู้สึกผิดคาด มันนอกเหนือความคาดคิดของนางไปมากเหลือเกิน ครั้งนั้นพรรคเซียนเหินถูกใช้กำลังเข้าตรวจสอบและสามารถรอดพ้นเคราะห์กรรมมาได้ ไม่นึกเลยว่าท้ายที่สุดแล้วยังคงต้องจบลงด้วยกำลังทหาร
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เขาจะไม่อนุญาตให้สายเลือดประเภทนี้เกิดขึ้นอีก ดังนั้น การกวาดล้างอีกครั้งเป็นสิ่งจำเป็น มิฉะนั้นล่ะก็ ความมืดมิดในครั้งครานั้นอาจจะหวนคืนสู่เก้าแดนอีกครั้งก็เป็นได้
หลี่ชิเย่นิ่งเงียบไปพักหนึ่งแล้วกล่าวว่า “บางทีอาจเป็นเพราะครั้งนั้นข้าใจอ่อนไปนิด หากข้าปราบปรามตั้งแต่ครั้งครานั้นอาจไม่มีวันนี้”
“เรื่องนี้จะโทษใต้เท้าก็ไม่ถูก” ยวีไท่จวินกล่าวว่า “มันเป็นการเลือกของพรรคเซียนเหินเอง ใต้เท้าเพียงมีเมตตาเท่านั้นเอง การที่สถานการณ์กลายเป็นอย่างที่เห็นในวันนี้ พรรคเซียนเหินต้องรับกรรมในสิ่งที่ตนได้ทำเอาไว้”
หลี่ชิเย่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ ครั้งนั้นเขาเกิดใจอ่อนขึ้นมา จึงตอบตกลงให้พรรคเซียนเหินได้บ่มฟักราชันเซียนเหรินเสียนขึ้นมา ซึ่งราชันเซียนเหรินเสียนในครั้งนั้นมีสายเลือดของอเวจีที่เจือจางบางเบามาก บางเบาจนสามารถมองข้ามไปได้
หลี่ชิเย่ในเวลานั้นไม่เห็นด้วยให้พรรคเซียนเหินบ่มฟักราชันเซียนเหรินเสียน แต่พรรคเซียนเหินได้ให้คำมั่นอย่างหนักแน่น และราชันเซียนเหรินเสียนเองก็ได้ให้คำสาบานเลือดเช่นกัน
บางทีอาจเป็นเพราะว่าได้ผ่านเหตุการณ์กวาดล้างมาครั้งแล้วครั้งเล่า ผ่านการเข่นฆ่ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ตัวเขาที่อยู่ในฐานะอีกาทมิฬก็มีเวลาที่ใจอ่อนอยู่บ้าง สุดท้าย ภายใต้การให้คำมั่นของพรรคเซียนเหินและสาบานเลือดของราชันเซียนเหรินเสียน ตัวเขาที่อยู่ในฐานะอีกาทมิฬจึงได้เห็นด้วยในท้ายที่สุด
แต่ทว่า ราชันเซียนเหรินเสียนก็ไม่ได้สร้างความผิดหวังอย่างแท้จริง การกระทำของเขาหลังจากที่ได้เป็นราชันเซียนแล้วนับว่าน่าชมเชย ตัวเขาเองก็สามารถสะกดตัวเองได้ดีมาก ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงได้ตั้งฉายาตัวเองว่า “ราชันเซียนเหรินเสียน” โดยถือว่าตัวเองนั้นคือเผ่าพันธุ์มนุษย์
ถูกต้อง ตัวราชันเซียนเหรินเสียนเองสามารถควบคุมตนเองได้ แต่ ทายาทรุ่นหลังของเขากลับไม่เป็นเช่นนั้น ในใจของทายาทรุ่นหลังมีความทะเยอทะยาน จนในที่สุดนำมาซึ่งเหตุการณ์ที่อีกาทมิฬนำกำลังเข้าตรวจสอบพรรคเซียนเหิน!
“ได้เวลาที่พรรคเซียนเหินสมควรถูกทำลายแล้ว” หลี่ชิเย่ทอดถอนใจเบาๆ กล่าวว่า “หากไม่ทำลายล้างพรรคเซียนเหินเสีย กลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรงของพวกเขาจะไม่มีวันเลิกราตลอดไป พวกเขาเข้าใจว่าตัวเองนั่นแหละคือสายตรงของเก้าแดน!”
พรรคเซียนเหินมีวาสนาที่ลึกล้ำกับเขามากเหลือเกิน โดยเฉพาะราชันเซียนทุนเย่อและราชันเซียนป้าเมียดกับเขามีฐานะเป็นศิษย์อาจารย์ที่แท้จริง หากไม่ถึงคราวจำเป็นแล้ว เขาจะไม่ลงมือทำลายพรรคเซียนเหินเสีย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...