ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1625

ตอนที่ 1625 ผู้รับเกียรติยศ
สุดท้าย ยวีไท่จวินมองดูหลี่ชิเย่แล้วกล่าวว่า “ใต้เท้าจะยกทัพไปปราบพรรคเซียนเหิน ข้าน้อยยินดีบุกตะลุยโจมตีข้าศึกให้กับใต้เท้า”

“ยังไม่รีบ” หลี่ชิเย่หัวเราะ ส่ายหน้าและกล่าวว่า “อีกอย่าง ชิงฟงเอ๊ย เจ้าสมควรใช้ชีวิตบั้นปลายให้มีความสุขแล้ว ข้าไม่หวังให้เจ้าต้องถูกผูกติดเอาไว้กับรถศึกอีกแล้ว”

ยวีไท่จวินเข้าใจดีว่า การที่ใต้เท้าทำเช่นนี้เป็นเพราะเข้าใจและเห็นอกเห็นใจตน จะอย่างไรเสีย เมื่อนางมีอายุถึงปูนนี้แล้วใช่าบอกว่าจะออกศึกก็สามารถทำได้ทันที การศึกที่ยิ่งใหญ่จำเป็นต้องอาศัยพลังลมปราณจำนวนมากมาสนับสนุน

แน่นอนที่สุด ถ้าหากว่าตระกูลยวีของพวกเขามีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เวลานี้ ตระกูลยวีของพวกเขาไม่สามารถรับกับศึกยิ่งใหญ่แห่งยุคนี้ได้อีกแล้ว

ยวีไท่จวินเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ใต้เท้าเตรียมการให้กองทัพใดมารับใช้กันเล่า?” กองทัพมังกรดำในครั้งนั้นหลังจากติดตามราชามังกรดำออกปราบแล้วก็คงเหลือไว้เพียงชื่อเท่านั้น กำลังพลทั้งกองทัพเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น

แต่ว่า ยวีไท่จวินเองรู้ว่าหลี่ชิเย่ยังคงมีกองทัพอื่นๆ อยู่ในเก้าแดนอีก

“เกียรติยศนี้มอบให้กับกองทัพมังกรเขียวก็แล้วกัน ครั้งนั้นเพื่อเก้าแดนแล้ว พวกเขาเสียสละมามากมายเหลือเกิน ไพร่พลจำนวนมากต้องพลีชีพในต่างแดน พวกเขาอยู่ระหว่างการพักฟื้นกำลังพลมาโดยตลอด ถึงเวลามอบสุดยอดเกียรติยศให้กับพวกเขาแล้ว” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ

“กองทัพมังกรเขียวนี่เนี่ยนะ” ในใจของยวีไท่จวินบังเกิดความเคารพขึ้นมา เรื่องราวเกี่ยวกับกองทัพมังกรเขียวนางเคยได้ยินมามาก แม้ว่ากองทัพมังกรเขียวได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยในโลกใบนี้แล้ว แต่ว่า นางรู้ว่ากองทัพมังกรเขียวยังคงดำรงอยู่ตลอดมา

“ไม่มีการเสียสละของกองทัพมังกรเขียว การรบกันอย่างดุเดือดเป็นสิ่งที่ยากจะจินตนาการ พวกเขาได้เสียสละมากจนสุดบรรยาย กองทัพที่แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียม ถึงคราวต้อนรับแสงอรุโณทัยทหารเก่าคงมีจำนวนเหลืออยู่ไม่มากแล้ว” หลี่ชิเย่ถึงกับกล่าวด้วยความสลด

“ได้ยินมาว่ากองทัพมังกรเขียวซ่อนตัวอยู่ในพรรคปกฟ้า” ยวีไท่จวินเอ่ยขึ้นมาเบาๆ

“ถูกต้อง” หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ กล่าวว่า “กำลังพลของกองทัพมังกรเขียวมาจากเก้าแดน แต่ว่ากำลังหลักของกองทัพมังกรเขียวยังคงเป็นพรรคปกฟ้า ครั้งนั้น ฉวี่เจินในฐานะผู้บัญชาการกองทัพได้วางรากฐานให้กับพรรคปกฟ้าเอาไว้อย่างมั่นคง ซึ่งเป็นการสร้างให้กองทัพมังกรเขียวเป็นต้นแบบในการต่อต้านอเวจีในภายหลัง”

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่ได้ทอดถอนใจออกมาเบาๆ และกล่าวว่า “หลังสงครามสิ้นสุดลงแล้ว กำลังพลที่ยังคงมีชีวิตได้เข้าสังกัดอยู่ในพรรคปกฟ้าเป็นจำนวนมาก พวกเขาได้มาพักฟื้นกำลังอยู่ที่ตรงนี้ และขยายประชากรสืบเนื่องต่อไป”

ยวีไท่จวินฟังเรื่องราวจนเคลิ้ม แม้ว่านางไม่ได้พบเห็นสงครามกับอเวจีด้วยตาตนเอง แต่ว่าอาศัยตำนานต่างๆ มากมาย ทำให้นางสามารถจินตนาการได้ถึงความโหดร้ายทารุณของสงครามในครั้งนั้น กองทัพมังกรเขียวได้เสียสละแลกด้วยค่าตอบแทนที่มากมายเหลือเกิน

“สงครามมาแล้วก็ไป แต่ทหารกล้าของข้ายังคงสัตย์ซื่อ” หลี่ชิเย่ทอดถอนใจออกมาด้วยความหดหู่ “แม้ว่าข้าไม่ต้องการให้พรรคปกฟ้าก้าวขึ้นรถศึกนี้อีกครั้ง การศึกแต่ละสมรภูมิที่ผ่านมากล่าวสำหรับพวกเขาแล้วมันช่างโหดร้ายทารุณเหลือเกิน เส้นทางที่ทอดไปยังแสงอรุโณทัยนั้นตัดขึ้นมาด้วยกองกระดูก”

“แต่ว่า พวกเขาสมควรได้รับเกียรติยศนี้ไป สมควรได้รับการจารึกชื่อเอาไว้” หลี่ชิเย่รู้สึกหดหู่ว่า “หากจะกล่าวว่า สงครามคือความโหดร้ายทารุณเหลือเกินสำหรับพวกเขา ถ้าเช่นนั้นยามที่พวกเขานำมาซึ่งแสงอรุโณทัยให้กับเก้าแดนนั้นกลับไม่ได้รับเกียรติอันนั้น ย่อมเป็นความทารุณโหดร้ายยิ่งกว่าเสียอีก”

เมื่อยุคอเวจีสิ้นสุดลง กองทัพมังกรเขียวที่เสียหายได้เริ่มพักฟื้นกำลังอีกครั้ง กาลเวลาที่ผ่านไป ทหารเก่าที่รอดชีวิตมาได้นั้นค่อยๆ ฟื้นฟูกำลังกลับมา และทายาทรุ่นหลังของพวกเขาก็มีการสืบทอดขยายต่อไปไม่หยุดนิ่ง

ด้วยเหตุนี้เอง พรรคปกฟ้าจึงได้มีปณิธานอย่างแรงกล้าขอกลับเข้าไปอยู่ในบังคับบัญชาของเขาอีกครั้ง และกองทัพมังกรเขียวยินดีติดตามเขาออกศึก กระทั่งเคยขอติดตามเขาสู้รบไปถึงยังเก้าชั้นฟ้า เพื่อกวาดล้างสิ้นศัตรูที่แข็งแกร่งทั้งหมด

แต่ว่าหลี่ชิเย่เห็นว่าไม่ง่ายนักที่พวกเขามีวันนี้ จึงไม่ต้องการนำเอาคนหนุ่มของพรรคปกฟ้า และกองทัพมังกรเขียวเข้าสู่สมรภูมิรบอีก กระทั่งพลีชีพต่างแดน ดังนั้นจึงได้ปฏิเสธคำขอของพรรคปกฟ้าและกองทัพมังกรเขียว

ไม่ว่ายุคสมัยจะแปรเปลี่ยนไปอย่างไร ภายในใจของหลี่ชิเย่ยังคงจดจำเอาไว้ว่า เขาติดค้างเกียรติยศให้กับกองทัพมังกรเขียว พวกเขาสมควรได้รับเกียรติยศนี้ สมควรได้รับการจารึกจดจำจากเก้าแดน

ด้วยเหตุนี้เอง การศึกในครั้งนี้หลี่ชิเย่จึงตัดสินใจใช้กองทัพมังกรเขียว ให้ธงมังกรเขียวได้โบกสะบัดบนท้องฟ้าของเก้าแดนอีกครั้ง ให้ชื่อของกองทัพมังกรเขียวได้ดังก้องไปยังเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินอีกครั้งหนึ่ง!

เวลานี้ ยวีไท่จวินไม่พูดอะไรอีกต่อไป นางเข้าใจแล้วว่าเรื่องพรรคเซียนเหินได้เป็นที่แน่นอนไปแล้ว ในอนาคตอีกไม่นาน จะได้มีชื่อของกองทัพหนึ่งดังก้องไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน มันจะส่องประกายเจิดจ้าไปทั่วเก้าแดน!

ท่ามกลางกาลเวลาที่ปราศจากซุ่มเสียง ไม่มีใครในโลกหล้ารู้ว่าชะตาของพรรคเซียนเหินได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ขณะที่พรรคเซียนเหินเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน

หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้ไปแล้ว เขาไม่ได้เร่งรีบที่จะลงมือ โดยพักอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลยวี บำเพ็ญเพียรอย่างสบายใจ

ขณะที่หลี่ชิเย่พักอาศัยอยู่ภายในบ้านตระกูลยวีได้ไม่กี่วัน ข่งเชียะหมิงหวางได้มาขอพบหลี่ชิเย่ หลังจากพบกับหลี่ชิเย่นางแสดงคารวะแล้วกล่าวว่า “คุณชาย ในสำนักมีเรื่องหยุมหยิมนิดหนึ่ง ข้าจำเป็นต้องกลับไปยังเมืองหมิงจูสักครั้ง”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

ข่งเชียะหมิงหวางรีบเร่งตอบว่า “มีเผ่าปีศาจและปีศาจทะเลบางส่วนหนีเข้าไปอยู่ในเมืองหมิงจู บรรดาบรรพบุรุษในเมืองหมิงจูจึงขอให้ข้ากลับไป เพื่อตัดสินใจว่าควรจะขับไล่พวกเขาให้ออกไปหรือไม่”

“เรื่องนี้เกี่ยวพันกับเมืองสมุทรสยบฟ้าน่ะสิ” เมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้แล้ว หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่งและเอ่ยขึ้นมา

ข่งเชียะหมิงหวางลังเลนิดหนึ่ง ได้แต่พยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “หลังจากเผ่าปีศาจและปีศาจทะเลถูกตีจนแตกพ่ายไปแล้ว พวกเขาได้ซ่อนตัวอยู่ในร่องน้ำทะเลลึก แม้ว่าพรรคเซียนเหินจะตามไล่ล่าพวกเขามาแล้วหลายครั้ง แต่ผลที่ออกมาไม่ได้ดั่งใจ ได้รับข่าวแจ้งมาจากภายในสำนักว่า บรรพบุรุษเย่เลยส่งผู้เฒ่าไปนำทางให้กับพรรคเซียนเหิน จัดการไล่ฆ่าเผ่าปีศาจและปีศาจทะเลที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ทะเลลึกจนหมดทางหนี”

“หมดทางหนีแล้วยังสามารถหนีเข้าไปยังเมืองหมิงจูของพวกเจ้าได้” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา และกล่าวว่า “นี่เป็นการจงใจไว้ชีวิตพวกเขากระมัง เพื่อพวกเขาจะได้ส่งกองทัพเขาไปยังเมืองหมิงจู”

ข่งเชียะหมิงหวาง ทอดถอนใจออกมาเบาๆ เมืองหมิงจูของพวกเขาเป็นเมืองโบราณเปิดสำหรับการซื้อขายแลกเปลี่ยน เรียกได้ว่าผู้บำเพ็ญตนทั่วหล้าสามารถเข้าออกไปมาหาสู่กันได้ เวลานี้กำลังที่หลงเหลือของเผ่าปีศาจและปีศาจทะเลบางส่วนได้หลบหนีเข้ามายังเมืองหมิงจู ซึ่งทำให้เมืองหมิงจูรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้างเหมือนกัน

ข่งเชียะหมิงหวางกล่าวว่า *บรรพบุรุษเมืองหมิงจูบางคนเสนอที่จะไม่รับเผ่าปีศาจและปีศาจทะเล เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาเมืองหมิงจูเอาไว้” ครั้นกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว นางถึงกับจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่

“เจ้าต้องการฟังความเห็นของข้า?” หลี่ชิเย่ถึงกับยิ้มกล่าวขึ้นมาเมื่อมองเห็นท่าทีของข่งเชียะหมิงหวางแล้ว

ข่งเชียะหมิงหวางรีบพยักหน้าและกล่าวว่า “ขอคุณชายได้โปรดชี้แนะให้ด้วย” การมาของนางในครั้งนี้ไม่เพียงต้องการอำลาต่อหลี่ชิเย่ ขณะเดียวกันก็ต้องการขอคำชี้แนะจากหลี่ชิเย่ เพื่อให้หลี่ชิเย่ได้ชี้ทางสว่างให้กับนาง

“ตามความเห็นของข้า” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ในเมื่อเมืองหมิงจูมีอำนาจที่จะตัดสินใจด้วยตนเอง คงไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ เว้นแต่พวกเขามีป้ายคำสั่งที่ถูกต้องตามกฎ อีกอย่าง เจ้ากับเย่จิ่วโจวก็มองหน้ากันไม่ติดอยู่แล้ว หากจะให้ความร่วมมือต่อเย่จิ่วโจวอีกดูจะไม่มีความหมาย”

“ที่สำคัญมากไปกว่านั้น” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “หากพรรคเซียนเหินอยากจะมาล่ะก็ให้พวกเขามาเลย ถึงเวลาที่จะเปิดศึกกันแล้วหละ”

“เปิดศึกกับพรรคเซียนเหินรึ?” ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับเสียวสันหลังวาบ กล่าวด้วยความตื่นตระหนกออกมา ใช่ว่าข่งเชียะหมิงหวางเป็นผู้ดูถูกฝีมือตนเอง แต่ว่า ถ้าหากจะต้องเปิดศึกกับพรรคเซียนเหิน นางต้องคิดทบทวนให้รอบคอบก่อนดำเนินการ

“เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองของเจ้าแล้วล่ะ?” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ถ้าหากเจ้าเป็นผู้ปกครองเมืองสมุทรสยบฟ้า เจ้าคิดว่าสมควรให้พรรคเซียนเหินยังคงอยู่ในมหาสมุทรอุดร ทั้งยังเป็นพันธมิตรกับพวกเขา หรือต้องการให้พรรคเซียนเหินถอนตัวออกไปจากมหาสมุทรอุดร และหรือทำลายพวกมันเสียหละ?”

ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับนิ่งเงียบกับคำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่

เวลานี้เจ้าคือเจ้าเมืองของเมืองหมิงจู” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “จะตัดสินใจอย่างไรนั้น สิทธิ์ขาดอยู่ที่เจ้า สำหรับความเห็นของข้าเป็นเพียงใช้เพื่อการศึกษาอ้างอิงเท่านั้น

“ข้าเข้าใจแล้ว” สุดท้าย ข่งเชียะหมิงหวางพยักหน้าเบาๆ

“เจ้าเมืองของพวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” ขณะที่ข่งเชียะหมิงหวางกำลังจากไปจาก หลี่ชิเย่ได้เอ่ยถามไปตามอารมณ์

“เจ้าเมืองได้ส่งข่าวกลับมาแล้วว่า บรรพบุรุษซานและศิษย์ส่วนใหญ่เลือกที่จะถอนตัวกลับ แต่มีบรรพบุรุษบางคนและศิษย์เลือกที่จะอยู่ต่อ หวังต่อต้านพวกของบรรพบุรุษเย่”

“ปล่อยพวกเขาไป” หลี่ชิเย่ไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องเช่นนี้อีกแล้ว โบกมือเบาๆ และกล่าวว่า “มีกู้จุนอยู่ด้วย พวกเขาแค่เหนื่อยเปล่าเท่านั้นเอง”

สุดท้าย ข่งเชียะหมิงหวางคารวะต่อหลี่ชิเย่แล้วก็อำลาจากไป

หลังจากที่ข่งเชียะหมิงหวางจากไปแล้ว หลี่ชิเย่ยังคงพักอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลยวี เขาเริ่มทำการหลอมสร้างอาวุธขึ้น หลายวันมานี้หลี่ชิเย่เองก็ได้ยินข่าวท้าสู้ที่ปล่อยออกมาจากหลงอ้าวเทียน

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ กับการท้าดวลของหลงอ้าวเทียน เขาไม่ได้รีบเร่งที่จะลงมือ กล่าวสำหรับเขาแล้ว เขากลับอยากจะดูว่าพรรคเซียนเหินสามารถรวบรวมกำลังได้อีกเท่าไร

กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว จะเป็นหลงอ้าวเทียนก็ดี บรรพบุรุษหลงก็ช่าง ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่เป้าหมายสุดท้าย เป้าหมายสุดท้ายของเขาคือคนของพรรคเซียนเหินที่เคยผ่านการเปลี่ยนแปลงสายเลือดในครั้งครานั้น นี่แหละจึงเป็นสิ่งที่เขาต้องการ

เรื่องนี้หลี่ชิเย่เข้าใจเป็นอย่างดี แม้ว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นมีคนของพรรคเซียนเหินจำนวนไม่น้อยได้ฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิดไปแล้ว แต่ ผู้ที่เป็นคนวางแผนแท้จริงของเรื่องนี้ไม่ได้ตาย และพวกเขาวางแผนที่จะหวนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

เกรงว่าสิ่งนี้คือเหตุผลหนึ่งที่กู้จุนต้องการเป็นพันธมิตรกับพรรคเซียนเหิน หากพรรคเซียนเหินคิดจะหวนคืนกลับมาอีกครั้ง พวกเขาจำเป็นต้องอาศัยคนที่จะมาเป็นพวกเช่นกู้จุน เนื่องจากในมือของกู้จุนได้กุมข่าวคราวเอาไว้มากมาย และรู้เบื้องหลังอะไรหลายอย่าง

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ นิดหนึ่งกับเรื่องลักษณะเช่นนี้ จะเป็นกู้จุนก็ดี พรรคเซียนเหินก็ช่าง ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องมลายหายไปดั่งเมฆหมอก และนี่จะเป็นการกวาดล้างครั้งสุดท้ายของเขาก่อนไปจากเก้าแดน!

ระหว่างที่พักอยู่บ้านตระกูลยวี ถือโอกาสว่างๆ ไม่มีอะไรทำ เขาจึงเริ่มทำการหลอมสร้างอาวุธขึ้นมา วัตถุดิบที่นำมาสร้างเป็นอาวุธเหล่านี้เรียกได้ว่าล้ำค่าจนสุดจะเปรียบเปรย

ครั้งนั้น ขณะอยู่ที่แดนวิญญาณสวรรค์ เขาได้ทำลายจู่ลู่ ซึ่งครั้งนั้นเขาไม่เพียงได้ชิงเอาคลังสมบัติทั้งหมดของจู่ลู่มาเท่านั้น ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เขาได้ถอนรากถอนโคนต้นพฤกษาจารย์ทั้งสามต้นขึ้นมาและยึดเอามาเป็นของตน

ต้นพฤกษาจารย์ทั้งสามเมื่อถูกถอนรากถอนโคนขึ้นมาแล้ว ทำให้พวกมันปราศจากการพึ่งพาของพื้นดิน พวกมันจึงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

แต่ว่า การดำรงอยู่ในระดับพฤกษาจารย์ของมันนับว่าเป็นวัตถุดิบที่ล้ำค่ายิ่ง เรียกได้ว่าไม่สามารถประเมินค่าได้ หากมีวิธีการที่ยอดเยี่ยมเพียงพอทำการหลอมสร้างให้เป็นอาวุธขึ้นมาล่ะก็ พลังอำนาจของมันจึงยากจะจินตนาการได้!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล