ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1626

ตอนที่ 1626 ไม้บรรพจารย์สิบแปดผัน
เปลวไฟกำลังเต้นวูบวาบ ลมปราณกำลังไหลริน หลี่ชิเย่ควบคุมไฟที่อยู่ในเตา เคลื่อนย้ายลมปราณ เพื่อให้มันหลอมสร้างสิ่งนี้ และอาศัยลมปราณหล่อเลี้ยงของวิเศษชิ้นนี้

อาศัยวิชาควบคุมไฟของหลี่ชิเย่ ไฟที่อยู่ในเตามีการสลับสับเปลี่ยนรูปลักษณ์ต่างๆ ไปตามการควบคุมของหลี่ชิเย่ ไฟในเตาบางครั้งดุจดั่งสายฝนในวสันตฤดู หล่อเลี้ยงของวิเศษชิ้นนี้อย่างแผ่วเบา บางครั้งไฟในเตาดุดันดั่งพายุฝนฟ้าคะนอง ทำการหลอมสร้างของวิเศษนี้อย่างบ้าคลั่งรุนแรง บางครั้งไฟในเตาได้กลับกลายเป็นไฟเย็น อาศัยความเย็นกัดกร่อนของวิเศษชิ้นนี้…

ไฟที่อยู่ในเตาเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง และทำการหลอมสร้างไม่หยุดหย่อน ของวิเศษชิ้นนี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะเดียวกันสีสันก็ไหลรินตามไปด้วย เหมือนว่ามันก็ถูกหลอมกลั่นจนแปรสภาพไปด้วย

ขณะเดียวกัน พลังลมปราณของหลี่ชิเย่ถูกส่งไปหล่อเลี้ยงของวิเศษชิ้นนี้ไม่มีขาดช่วง ภายใต้การหล่อเลี้ยงจากพลังลมปราณที่ไม่ขาดช่วงนี้ ทำให้ของวิเศษชิ้นนี้เหมือนถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางเปลวไฟ เหมือนมีชีวิตขึ้นมาแล้วอย่างนั้น กระทั่งบางครั้งอาจทำให้ผู้คนบังเกิดมโนภาพขึ้นดุจดั่งของวิเศษชิ้นนี้เสมือนเป็นหัวใจดวงหนึ่งที่กำลังเต้นตุบๆ อย่างนั้น

ของวิเศษชิ้นนี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นต่างๆ นานาระหว่างขั้นตอนการหลอมสร้าง เสียง “ปัง” ดังขึ้นมาครั้งหนึ่ง ของวิเศษชิ้นนี้พลันเปลี่ยนรูปเป็นลูกบอลขนาดใหญ่ โดยที่ลูกบอลขนาดใหญ่ดังกล่าวหมุนวนไม่หยุดนิ่ง “ปุ” ทันใดนั้น ของวิเศษชิ้นนี้ได้กลับกลายเป็นเข็มขนาดเล็กแต่ละเล่ม แล้วรวมตัวเข้าด้วยกัน แลดูคล้ายเป็นแม่นตัวหนึ่ง “คร๊าก คร๊าก คร๊าก” ของวิเศษดังกล่าวได้กลายเป็นแผ่นๆ แล้วเรียงต่อกันไป เหมือนต้องการก่อเป็นกำแพงยาวด้านหนึ่ง…

ของวิเศษชิ้นนี้มีการเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปต่างๆ นานา และมีความพิสดารสารพัดอย่าง

วัตถุดิบที่ใช้ในการหลอมสร้างของวิเศษชิ้นนี้ล้ำค่ายิ่งนักและพบเห็นได้ยาก กระทั่งเรียกได้ว่ามีเพียงหนึ่งเดียวในโลกหล้าเท่านั้น โดยวัตถุดิบหลักของของวิเศษชิ้นนี้ก็คือบริเวณส่วนของรากแก้วที่แข็งแกร่งและล้ำค่าที่สุดของต้นพฤกษาจารย์สามต้น เสริมแต่งด้วยวัตถุดิบเทวะแร่เซียนอื่นๆ และอาศัยสุดยอดวิชาที่ปราศจากผู้เทียบเทียมในการหลอมสร้าง ผ่านการหลอมสร้างครั้งแล้วครั้งเล่าของหลี่ชิเย่ สุดท้าย หลี่ชิเย่สามารถสร้างของวิเศษที่มหัศจรรย์ยิ่งขึ้นมาได้เป็นผลสำเร็จ

เสียง “ปัง…” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง ในที่สุดของวิเศษชิ้นนี้ก็ถูกหลอมสร้างจนสำเร็จ มันกระโดดออกจากเตาไฟและพุ่งตัวออกไปราวกับลูกกระสุน หมายจะหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่า มันถูกหลี่ชิเย่คว้าจับเอาไว้ได้ในทันที

มันเป็นของวิเศษชิ้นหนึ่งที่ดูเหมือนลูกแก้ว มีขนาดเท่านิ้วหัวแม่โป้งของผู้ใหญ่ มีสามสีสลับกันไปมา ลักษณะของมันดูไปแล้วจะว่าเป็นโลหะก็ไม่ใช่ ว่าเป็นหยกรึก็ไม่เชิง จะเป็นไม้ก็ไม่เหมือน ต่อให้ผู้มีประสบการณ์มากกว่านี้ก็ยากจะแยกแยะออกว่าของวิเศษชิ้นนี้ถูกหลอมสร้างขึ้นมาด้วยวัตถุดิบประเภทใดกันแน่

ของวิเศษชิ้นนี้ถูกหลี่ชิเย่คีบจับเอาไว้ด้วยนิ้วมือ มันพยายยามเคลื่อนไหวเหมือนต้องการดิ้นหลุดจากนิ้วมือที่คีบจับมันเอาไว้อย่างนั้น

หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น มองดูเจ้าของวิเศษที่กำลังดิ้นรนอยู่และกล่าวว่า “ในเมื่อข้าเป็นผู้สร้างเจ้าขึ้นมา เจ้าสมควรจะสยบต่อข้า” ขาดคำ นิ้วมือของหลี่ชิเย่ปรากฎเป็นสุดยอดหลักกฎเกณฑ์ที่พันล้อมรอบ และหลักกฎเกณฑ์แต่ละสายได้ประทับสลักลงบนของวิเศษดังกล่าว ไม่ให้ของวิเศษสามารถขัดขืนได้แม้เพียงน้อยนิด

หลังจากที่ถูกประทับสลักด้วยหลักกฎเกณฑ์แล้ว ของวิเศษที่ถูกคีบเอาไว้ระหว่างนิ้วก็สงบลงไม่มีการดิ้นรนและเคลื่อนไหวอีกต่อไป ได้สยบต่อหลี่ชิเย่ในที่สุด

หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง เมื่อมองดูลูกแก้ววิเศษที่มีสามสีสลับกัน กล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าสามารถเปลี่ยนรูปได้ถึงสิบแปดอย่าง เช่นนั้นแล้วข้าจะตั้งชื่อให้เจ้าว่า “ไม้บรรพจารย์สิบแปดผัน” ก็แล้วกัน

หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้ตั้งชื่อให้กับลูกแก้ววิเศษนี้แล้วก็จัดการเก็บเอาไว้เรียบร้อย โดยไม่ได้สนใจว่ามันจะเห็นด้วยหรือไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้ หลี่ชิเย่จึงมีลูกแก้ววิเศษลูกหนึ่งที่มีชื่อว่า “ไม้บรรพจารย์สิบแปดผัน”

ลูกแก้ววิเศษลูกนี้ถือว่าเป็นอาวุธวิเศษนอกลัทธิเต๋า มันไม่ได้เหมือนดั่งสัจจอาวุธชะตาฟ้า หรืออาวุธวิเศษ มันไม่จำเป็นต้องอาศัยความแข็งแกร่งหรืออ่อนด้อยด้านทักษะของผู้บำเพ็ญตนในระดับหนึ่ง

ความจริงแล้ว ลูกแก้ววิเศษลูกนี้มันจะทรงพลังเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับตัวของมันเอง เนื่องจากมันถูกสร้างขึ้นโดยวัตถุดิบเฉกเช่นต้นพฤกษาจารย์ที่เป็นสุดยอดวัตถุดิบพิเศษและปราศจากผู้เทียบเทียมอยู่แล้ว ดังนั้น มันจึงมีความได้เปรียบมากในการกำหนดว่าจะทรงพลังแข็งแกร่งหรืออ่อนด้อยโดยตัวของมันเอง

หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้เก็บ “ไม้บรรพจารย์สิบแปดผัน” เรียบร้อยแล้ว ได้หยิบของสิ่งหนึ่งออกมา มันคือผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองผืนนั้น หลี่ชิเย่กางมันออกและวางเอาไว้บนโต๊ะ

เวลานี้ ภายในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองได้ปรากฏร่างเงาของผู้หญิงคนหนึ่งขี้นมา หรือก็คือผู้ที่หลี่ชิเย่เรียกว่า “นังหนูไร้เดียงสา” ซึ่งนังหนูไร้เดียงสาผู้นี้มีประวัติความเป็นมาที่เก่าแก่โบราณมาก

“นี่ เจ้ามันคนตายหรือไง? เรียกตั้งนานก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย” ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่งกับการที่หลี่ชิเย่เพิ่งจะยอมให้นางได้ออกมา

“เจ้าอยู่ในนั้นไม่รู้เนิ่นนานมาเท่าไรแล้ว เจ้าเองก็ไม่ใช่คนที่ยังมีชีวิต กาลเวลาที่ผ่านไปก็เอาชีวิตเจ้าไปไม่ได้” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวด้วยท่าทีที่เอ้อระเหยยิ่ง

หลายวันมานี้ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองผืนนี้รู้สึกหงุดหงิดไม่เป็นสุขยิ่งนัก แต่หลี่ชิเย่เอาแต่ทุ่มเทไปกับการหลอมสร้างลูกแก้ววิเศษ จึงไม่ได้สนใจนางแต่อย่างใด

“เจ้า…” ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองถูกท่าทีเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ยั่วโมโหจนแทบกระอักเลือดออกมา ถ้าหากนางสามารถออกมาจากผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองได้ล่ะก็ นางจะต้องบีบคอหลี่ชิเย่ให้ตายคามืออย่างแน่นอน!

“เจ้าถูกขังเอาไว้ในนั้นมานานขนาดนี้แล้ว สมควรมีจิตใจที่นิ่งดั่งน้ำ ไม่ร้อนรน ไม่หวั่นไหวชั่วนิรันดร์” หลี่ชิเย่หัวเราะและพูดยั่วเย้านาง

ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจออกมา แม้ว่านางจะรู้สึกไม่สบอารมณ์ในตัวหลี่ชิเย่เป็นพิเศษ แต่ทว่า นางสามารถมีชีวิตอยู่แต่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองเท่านั้น จึงต้องจนด้วยเกล้าไม่สามารถทำอะไรหลี่ชิเย่ได้

“ที่นี่คือที่ไหน?” สุดท้าย ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองได้แก่เก็บอารมณ์ และเอ่ยถามหลี่ชิเย่

“มหาสมุทรอุดร เป็นพื้นที่ที่มีแต่ผืนน้ำที่กว้างใหญ่ไพศาล พวกเรายังคงอยู่ที่แดนมนุษย์กษัตรา “ หลี่ชิเย่ยิ้มตอบ

“ไม่เคยได้ยิน” ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองส่ายหน้า

หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “การที่เจ้าไม่รู้จักก็ไม่แปลก ยุคที่เจ้าอยู่นั้นไม่ได้มีชื่อเรียกลักษณะเช่นนี้ อีกอย่าง ใช่ว่าจ้าไม่มีเรื่องไหนที่ไม่รู้”

“เจ้าก็ไม่เห็นจะรู้ไปเสียทุกเรื่องนี่” ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองรู้สึกไม่สบอารมณ์ กล่าวน้ำเสียงจริงจังออกมา

“เป็นความจริงที่ไม่มีอะไรที่ข้าไม่รู้” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น กล่าวว่า “เรื่องบางเรื่องข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน อย่างเช่นยุคสมัยที่พวกเจ้าอาศัยอยู่ มีสิ่งของบางสิ่งอยู่ที่ไหนบ้างข้าก็ไม่ชัดเจนนัก ข้ารู้เพียงว่า เก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินสามารถพินาศย่อยยับไปได้ แต่ว่า มีสิ่งของบางสิ่งยังคงสามารถคงอยู่มาได้”

“เจ้า…” เมื่อหลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองพลันออกอาการระมัดระวังตัวต่อเขาในทันที

หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องทำระแวงก็ได้ เดิมทีเรื่องเช่นนี้มันเดาได้ไม่ยากอยู่แล้ว อีกอย่าง การที่เจ้ายังคงสามารถมีชีวิตอยู่มาได้หลังจากยุคสมัยที่เก่าแก่โบราณขนาดนั้นสิ้นสุดลง จึงไม่ยากที่จะเดาฐานะของเจ้า”

“ฮึ เดาไม่ยากแล้วยังไง มันไม่ได้หมายความว่าเจ้ารู้” ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองกล่าวน้ำเสียงจริงจังออกมา

“ไม่อย่างไร” หลี่ชิเย่กล่าวว่า “เจ้าก็สมควรจะรู้ว่าผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นข้านั้น ข้าได้สืบเสาะค้นหามาเป็นเวลานานมากท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลานับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ข้ารู้อะไรมากมายที่คนอื่นไม่รู้”

เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ได้มองผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองทีหนึ่ง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เป็นต้นว่าในยุคสมัยที่เจ้าอยู่นั้น อาวุธที่ยอดเยี่ยมที่สุดคืออะไรเล่า? มันถูกเก็บซ่อนเอาไว้ที่ไหน? หรือจะบอกว่าในยุคสมัยที่เจ้าอาศัยอยู่ ท้ายสุดแล้วยังคงมีสิ่งใดหลงเหลืออยู่บ้าง!”

“ข้าไม่รู้” ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองปฏิเสธทันควัน กล่าวว่า “เป็นไปได้อย่างไรที่ข้าจะไปรู้ถึงสิ่งที่สุดยอดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ข้าเป็นเพียงบุคคลที่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึงในยุคสมัยที่เจิดจรัสคนหนึ่งเท่านั้น”

“บุคคลที่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง?” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา และกล่าวว่า “จังหวะที่ฟ้าดินถล่มทลายพังพินาศ ไหนเจ้าบอกซิ ผู้ที่ยังคงมีชีวิตอยู่มาได้จะเป็นบุคคลที่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึงได้รึ? แม้ว่าเจ้าจะต้องคำสาปผู้อื่นเอาไว้และถูกขังเอาไว้ในนี้ แต่ เจ้าไม่ใช่บุคคลที่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึงแต่ไหนแต่ใดมาอยู่แล้ว”

ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองถึงกับนิ่งเงียบไปทันที นางไม่ต้องการพูดอะไรให้มากความอีกต่อไป เพราะว่านางรู้ว่ายิ่งนางพูดมากเท่าไร หลี่ชิเย่ก็จะรู้เรื่องมากขึ้นเท่านั้น

คนอื่นอาจไม่สามารถคาดเดาได้ แต่ เฉกเช่นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะอย่างหลี่ชิเย่กลับแตกต่าง หลายสิ่งหลายอย่างเขาสามารถคาดเดาถึงความจริงจากร่องรอยเบาะแสเพียงน้อยนิดเท่านั้น

“เอาล่ะ พวกเราจะไม่พูดเรื่องไร้สาระเหล่านี้ หลายวันที่ผ่านมาเจ้าร้อนรนต้องการพบข้า มันมีเรื่องอะไรรึ?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว

ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองทำท่าจะพูด แต่ เปลี่ยนใจไม่ยอมพูดออกมา

“วางใจเถอะ คนอย่างข้าน่ะมีหลักการนะ ต่อให้พวกเจ้าได้ซ่อนสมบัติวิเศษอะไรเอาไว้ในมหาสมุทรอุดรข้าก็จะไม่ฮุบเอาไว้คนเดียวอยู่แล้ว อย่างมากก็แค่ทำการค้ากันสักครั้ง” ระหว่างที่ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองกำลังนิ่งเงียบ หลี่ชิเย่ได้ยิ้มกล่าวขึ้นมา

“เจ้า เจ้ารู้ได้อย่างไร!” ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองตกใจยิ่งนัก เนื่องจากเรื่องนี้เป็นความลับ เป็นความลับที่แม้แต่ผู้คนในยุคสมัยนั้นก็ล่วงรู้กันน้อยมาก ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่ผู้คนในยุคสมัยนี้สามารถรู้ได้

“แค่เดาเท่านั้น” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ข้าไปสถานที่ต่างๆ มามากมาย เจ้าไม่เคยมีปฏิกิริยาใดๆ เลย แต่ว่า เมื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้แล้วเจ้ากลับกลายเป็นร้อนรน เป็นการบ่งบอกว่ามหาสมุทรอุดรมีอะไรแตกต่างสำหรับเจ้า มีสิ่งที่กำลังเรียกหาเจ้า”

“เจ้า…” ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองรู้สึกตระหนก แต่ จากนั้นนางกลับไปนิ่งเงียบอีกครั้ง เนื่องจากเรื่องนี้มีความสำคัญต่อนางมากเหลือเกิน นางไม่อาจไม่รอบคอบ

“กาลเวลาอันสุดแสนจะยาวนานเนี่ยะนะ ท่ามกลางกาลเวลาที่ยาวนานขนาดนี้ สิ่งของเช่นนี้ยังคงรักษาเอาไว้ได้ นับว่าเป็นของยอดเยี่ยมโดยแท้ และเป็นที่ต้องการมากของผู้คนอย่างแท้จริง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวท่าทีเอ้อระเหย

ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้ายกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “พวกเรามาแลกเปลี่ยนกันดีมั้ย เจ้าพาข้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง เพื่อเอาของที่อยู่ในนั้นออกมา ของสิ่งนั้นเป็นของข้า ในอนาคตข้าจะชดเชยให้ด้วยมูลค่าที่ดีที่สุดแก่เจ้า”

“อย่างนั้นรึ” หลี่ชิเย่กล่าวเอ้อระเหยว่า “แต่ทว่า คนอย่างข้าเรียกราคาสูงมากนะ สูงจนผู้อื่นไม่อาจจินตนาการได้”

“เจ้าต้องการอะไร?” ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ขอเพียงเจ้าเปิดราคามา ทุกอย่างคุยกันได้”

ไม่ เจ้าพูดผิดแล้ว” หลี่ชิเย่ ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ที่ถูกต้องกว่าควรจะบอกว่าเจ้าน่ะมีอะไร? เช่นนี้แล้วเจ้าจึงสามารถคุยกับข้าได้ คนอย่างข้าเป็นคนเลือกมาก ใช่ว่าสุดยอดของวิเศษแห่งยุคสามถึงห้าชิ้นก็สามารถทำให้ข้าหวั่นไหวได้”

“เจ้าอย่าทำเป็นเรียกร้องแบบไม่มีสิ้นสุด ทำโลภมาก” ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองไม่พอใจในตัวหลี่ชิเย่ยิ่งนัก

“เจ้าว่าหละ? บางทีสำหรับเจ้าแล้วนี่เป็นการเรียกร้องไม่มีสิ้นสุด แต่ สำหรับข้าแล้วมันเป็นเพียงการซื้อขายแลกเปลี่ยนธรรมดาๆ เท่านั้นเอง ของวิเศษที่ข้ามีอยู่นั้นมากจนนับกันไม่หวั่นไม่ไหว เจ้าคิดว่าของวิเศษทั่วๆ ไป หรือต่อให้เป็นของวิเศษระดับราชันเซียนสามารถทำให้ข้าหวั่นไหวได้อย่างนั้นรึ? นำสิ่งที่สุดยอดที่สุดในยุคสมัยของเจ้ามาคุยจะดีกว่า” หลี่ชิเย่พูดไปตามอารมณ์

ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองต้องนิ่งเงียบอีกครั้ง เมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ ว่ากันตามความสัตย์จริง นางไม่มีความได้เปรียบใดๆ ที่จะเจรจาเงื่อนไขกับหลี่ชิเย่ได้เลยภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เนื่องจากนางต้องพึ่งพาอาศัยหลี่ชิเย่โดยสิ้นเชิง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล