อาศัยวิชาควบคุมไฟของหลี่ชิเย่ ไฟที่อยู่ในเตามีการสลับสับเปลี่ยนรูปลักษณ์ต่างๆ ไปตามการควบคุมของหลี่ชิเย่ ไฟในเตาบางครั้งดุจดั่งสายฝนในวสันตฤดู หล่อเลี้ยงของวิเศษชิ้นนี้อย่างแผ่วเบา บางครั้งไฟในเตาดุดันดั่งพายุฝนฟ้าคะนอง ทำการหลอมสร้างของวิเศษนี้อย่างบ้าคลั่งรุนแรง บางครั้งไฟในเตาได้กลับกลายเป็นไฟเย็น อาศัยความเย็นกัดกร่อนของวิเศษชิ้นนี้…
ไฟที่อยู่ในเตาเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง และทำการหลอมสร้างไม่หยุดหย่อน ของวิเศษชิ้นนี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะเดียวกันสีสันก็ไหลรินตามไปด้วย เหมือนว่ามันก็ถูกหลอมกลั่นจนแปรสภาพไปด้วย
ขณะเดียวกัน พลังลมปราณของหลี่ชิเย่ถูกส่งไปหล่อเลี้ยงของวิเศษชิ้นนี้ไม่มีขาดช่วง ภายใต้การหล่อเลี้ยงจากพลังลมปราณที่ไม่ขาดช่วงนี้ ทำให้ของวิเศษชิ้นนี้เหมือนถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางเปลวไฟ เหมือนมีชีวิตขึ้นมาแล้วอย่างนั้น กระทั่งบางครั้งอาจทำให้ผู้คนบังเกิดมโนภาพขึ้นดุจดั่งของวิเศษชิ้นนี้เสมือนเป็นหัวใจดวงหนึ่งที่กำลังเต้นตุบๆ อย่างนั้น
ของวิเศษชิ้นนี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นต่างๆ นานาระหว่างขั้นตอนการหลอมสร้าง เสียง “ปัง” ดังขึ้นมาครั้งหนึ่ง ของวิเศษชิ้นนี้พลันเปลี่ยนรูปเป็นลูกบอลขนาดใหญ่ โดยที่ลูกบอลขนาดใหญ่ดังกล่าวหมุนวนไม่หยุดนิ่ง “ปุ” ทันใดนั้น ของวิเศษชิ้นนี้ได้กลับกลายเป็นเข็มขนาดเล็กแต่ละเล่ม แล้วรวมตัวเข้าด้วยกัน แลดูคล้ายเป็นแม่นตัวหนึ่ง “คร๊าก คร๊าก คร๊าก” ของวิเศษดังกล่าวได้กลายเป็นแผ่นๆ แล้วเรียงต่อกันไป เหมือนต้องการก่อเป็นกำแพงยาวด้านหนึ่ง…
ของวิเศษชิ้นนี้มีการเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปต่างๆ นานา และมีความพิสดารสารพัดอย่าง
วัตถุดิบที่ใช้ในการหลอมสร้างของวิเศษชิ้นนี้ล้ำค่ายิ่งนักและพบเห็นได้ยาก กระทั่งเรียกได้ว่ามีเพียงหนึ่งเดียวในโลกหล้าเท่านั้น โดยวัตถุดิบหลักของของวิเศษชิ้นนี้ก็คือบริเวณส่วนของรากแก้วที่แข็งแกร่งและล้ำค่าที่สุดของต้นพฤกษาจารย์สามต้น เสริมแต่งด้วยวัตถุดิบเทวะแร่เซียนอื่นๆ และอาศัยสุดยอดวิชาที่ปราศจากผู้เทียบเทียมในการหลอมสร้าง ผ่านการหลอมสร้างครั้งแล้วครั้งเล่าของหลี่ชิเย่ สุดท้าย หลี่ชิเย่สามารถสร้างของวิเศษที่มหัศจรรย์ยิ่งขึ้นมาได้เป็นผลสำเร็จ
เสียง “ปัง…” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง ในที่สุดของวิเศษชิ้นนี้ก็ถูกหลอมสร้างจนสำเร็จ มันกระโดดออกจากเตาไฟและพุ่งตัวออกไปราวกับลูกกระสุน หมายจะหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่า มันถูกหลี่ชิเย่คว้าจับเอาไว้ได้ในทันที
มันเป็นของวิเศษชิ้นหนึ่งที่ดูเหมือนลูกแก้ว มีขนาดเท่านิ้วหัวแม่โป้งของผู้ใหญ่ มีสามสีสลับกันไปมา ลักษณะของมันดูไปแล้วจะว่าเป็นโลหะก็ไม่ใช่ ว่าเป็นหยกรึก็ไม่เชิง จะเป็นไม้ก็ไม่เหมือน ต่อให้ผู้มีประสบการณ์มากกว่านี้ก็ยากจะแยกแยะออกว่าของวิเศษชิ้นนี้ถูกหลอมสร้างขึ้นมาด้วยวัตถุดิบประเภทใดกันแน่
ของวิเศษชิ้นนี้ถูกหลี่ชิเย่คีบจับเอาไว้ด้วยนิ้วมือ มันพยายยามเคลื่อนไหวเหมือนต้องการดิ้นหลุดจากนิ้วมือที่คีบจับมันเอาไว้อย่างนั้น
หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น มองดูเจ้าของวิเศษที่กำลังดิ้นรนอยู่และกล่าวว่า “ในเมื่อข้าเป็นผู้สร้างเจ้าขึ้นมา เจ้าสมควรจะสยบต่อข้า” ขาดคำ นิ้วมือของหลี่ชิเย่ปรากฎเป็นสุดยอดหลักกฎเกณฑ์ที่พันล้อมรอบ และหลักกฎเกณฑ์แต่ละสายได้ประทับสลักลงบนของวิเศษดังกล่าว ไม่ให้ของวิเศษสามารถขัดขืนได้แม้เพียงน้อยนิด
หลังจากที่ถูกประทับสลักด้วยหลักกฎเกณฑ์แล้ว ของวิเศษที่ถูกคีบเอาไว้ระหว่างนิ้วก็สงบลงไม่มีการดิ้นรนและเคลื่อนไหวอีกต่อไป ได้สยบต่อหลี่ชิเย่ในที่สุด
หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง เมื่อมองดูลูกแก้ววิเศษที่มีสามสีสลับกัน กล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าสามารถเปลี่ยนรูปได้ถึงสิบแปดอย่าง เช่นนั้นแล้วข้าจะตั้งชื่อให้เจ้าว่า “ไม้บรรพจารย์สิบแปดผัน” ก็แล้วกัน
หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้ตั้งชื่อให้กับลูกแก้ววิเศษนี้แล้วก็จัดการเก็บเอาไว้เรียบร้อย โดยไม่ได้สนใจว่ามันจะเห็นด้วยหรือไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้ หลี่ชิเย่จึงมีลูกแก้ววิเศษลูกหนึ่งที่มีชื่อว่า “ไม้บรรพจารย์สิบแปดผัน”
ลูกแก้ววิเศษลูกนี้ถือว่าเป็นอาวุธวิเศษนอกลัทธิเต๋า มันไม่ได้เหมือนดั่งสัจจอาวุธชะตาฟ้า หรืออาวุธวิเศษ มันไม่จำเป็นต้องอาศัยความแข็งแกร่งหรืออ่อนด้อยด้านทักษะของผู้บำเพ็ญตนในระดับหนึ่ง
ความจริงแล้ว ลูกแก้ววิเศษลูกนี้มันจะทรงพลังเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับตัวของมันเอง เนื่องจากมันถูกสร้างขึ้นโดยวัตถุดิบเฉกเช่นต้นพฤกษาจารย์ที่เป็นสุดยอดวัตถุดิบพิเศษและปราศจากผู้เทียบเทียมอยู่แล้ว ดังนั้น มันจึงมีความได้เปรียบมากในการกำหนดว่าจะทรงพลังแข็งแกร่งหรืออ่อนด้อยโดยตัวของมันเอง
หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้เก็บ “ไม้บรรพจารย์สิบแปดผัน” เรียบร้อยแล้ว ได้หยิบของสิ่งหนึ่งออกมา มันคือผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองผืนนั้น หลี่ชิเย่กางมันออกและวางเอาไว้บนโต๊ะ
เวลานี้ ภายในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองได้ปรากฏร่างเงาของผู้หญิงคนหนึ่งขี้นมา หรือก็คือผู้ที่หลี่ชิเย่เรียกว่า “นังหนูไร้เดียงสา” ซึ่งนังหนูไร้เดียงสาผู้นี้มีประวัติความเป็นมาที่เก่าแก่โบราณมาก
“นี่ เจ้ามันคนตายหรือไง? เรียกตั้งนานก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย” ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่งกับการที่หลี่ชิเย่เพิ่งจะยอมให้นางได้ออกมา
“เจ้าอยู่ในนั้นไม่รู้เนิ่นนานมาเท่าไรแล้ว เจ้าเองก็ไม่ใช่คนที่ยังมีชีวิต กาลเวลาที่ผ่านไปก็เอาชีวิตเจ้าไปไม่ได้” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวด้วยท่าทีที่เอ้อระเหยยิ่ง
หลายวันมานี้ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองผืนนี้รู้สึกหงุดหงิดไม่เป็นสุขยิ่งนัก แต่หลี่ชิเย่เอาแต่ทุ่มเทไปกับการหลอมสร้างลูกแก้ววิเศษ จึงไม่ได้สนใจนางแต่อย่างใด
“เจ้า…” ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองถูกท่าทีเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ยั่วโมโหจนแทบกระอักเลือดออกมา ถ้าหากนางสามารถออกมาจากผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองได้ล่ะก็ นางจะต้องบีบคอหลี่ชิเย่ให้ตายคามืออย่างแน่นอน!
“เจ้าถูกขังเอาไว้ในนั้นมานานขนาดนี้แล้ว สมควรมีจิตใจที่นิ่งดั่งน้ำ ไม่ร้อนรน ไม่หวั่นไหวชั่วนิรันดร์” หลี่ชิเย่หัวเราะและพูดยั่วเย้านาง
ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจออกมา แม้ว่านางจะรู้สึกไม่สบอารมณ์ในตัวหลี่ชิเย่เป็นพิเศษ แต่ทว่า นางสามารถมีชีวิตอยู่แต่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองเท่านั้น จึงต้องจนด้วยเกล้าไม่สามารถทำอะไรหลี่ชิเย่ได้
“ที่นี่คือที่ไหน?” สุดท้าย ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองได้แก่เก็บอารมณ์ และเอ่ยถามหลี่ชิเย่
“มหาสมุทรอุดร เป็นพื้นที่ที่มีแต่ผืนน้ำที่กว้างใหญ่ไพศาล พวกเรายังคงอยู่ที่แดนมนุษย์กษัตรา “ หลี่ชิเย่ยิ้มตอบ
“ไม่เคยได้ยิน” ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองส่ายหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...