ความจริงในอดีตนานมาแล้ว หลี่ชิเย่เคยทำการสำรวจแนวโน้มความน่าจะเป็นของมหาสมุทรอุดรมาก่อน ครั้งนั้นใช่ว่าเขาจะหาพื้นที่แห่งใดแห่งหนึ่งเพื่อเป็นที่ตั้งของเมืองสมุทรสยบฟ้าง่ายๆ อย่างนั้น
เวลานี้ หลังจากที่บรรลุข้อตกลงกับผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองแล้ว หลี่ชิเย่ก็เข้าใจแล้วว่า แม้ว่าในอดีตเขาเคยทำการสำรวจแนวโน้มความน่าจะเป็นของมหาสมุทรอุดรมาจริง แต่ทว่า เขายังคงพลาดอะไรบางอย่าง ยังคงมีข้อปลีกย่อยเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาไม่ทันได้ระมัดระวัง
ดังนั้น การสำรวจอีกครั้งของหลี่ชิเย่ในครั้งนี้ เขาจึงเพิ่มความระมัดระวังถึงข้อปลีกย่อยแนวโน้มความน่าจะเป็นของมหาสมุทรอุดรทั้งหมดให้ละเอียดและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
หลี่ชิเย่มีความเข้าใจเกี่ยวกับแนวโน้มความน่าจะเป็นของมหาสมุทรอุดรเป็นอย่างดีมาแล้วในอดีต การกลับมาสำรวจอีกครั้งของหลี่ชิเย่ในครั้งนี้เรียกได้ว่าชำนาญเส้นทางเป็นอย่างดี การสำรวจจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทั้งยังครบถ้วนในข้อปลีกย่อยที่ก่อนหน้านั้นไม่ทันระวังอีกด้วย
ขณะที่หลี่ชิเย่ทำการสำรวจอีกครั้ง เขาเองได้มองเห็นข้อปลีกย่อยของแนวโน้มความน่าจะเป็นของมหาสมุทรอุดรที่ก่อนหน้านั้นเขาไม่ทันระวังเหมือนกัน เมื่อทำการประมวลเพิ่มเติมรายละเอียดเหล่านี้เข้าไปให้สมบูรณ์ หลี่ชิเย่พบว่ารายละเอียดปลีกย่อยท่ามกลางแนวโน้มความน่าจะเป็นของมหาสมุทรอุดรมันมีข้อแตกต่างจริงๆ
หากไม่เป็นเพราะคราวนี้ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองบอกว่าต้องการตามหาของวิเศษ หลี่ชิเย่คงไม่ได้ไประมัดระวังถึงข้อปลีกย่อยเหล่านี้ เมื่อมีการสำรวจและศึกษาถึงข้อปลีกย่อยนี้แล้ว หลี่ชิเย่จึงได้พบว่ามันมีสิ่งที่แตกต่างอยู่ในนั้นจริงๆ
ขณะหลี่ชิเย่กำลังสำรวจแนวโน้มความน่าจะเป็นในมหาสมุทรอุดรอยู่นั้น ปรากฏ “ตูม ตูม ตูม………” เสียงตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก ทันใดนั้น เห็นมังกรยักษ์ที่เหินบินอยู่บนท้องฟ้าด้วยความเร็วที่สูงมากปานสายฟ้าแลบ กระทั่งไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยสายตาของมนุษย์ปุถุชนธรรมดา
มันคือมังกรทองตัวหนึ่ง แม้ว่าเกล็ดทั้งหมดที่อยู่บนตัวของมังกรทองไม่ถึงกับเป็นสีทองระยิบระยับ แต่ท่ามกลางสีเหลืองแฝงไว้ซึ่งสีทองจางๆ เท่านี้ก็เพียงพอที่จะยกย่องให้เป็นมังกรทองได้แล้ว มังกรทองตัวนี้ไม่ได้มีห้าเล็บ มีเพียงสี่เล็บเท่านั้น
แม้จะกล่าวว่า มันเป็นเพียงมังกรทองสี่เล็บเท่านั้น แต่ว่า กลิ่นอายมังกรที่แผ่กระจายออกมากลับน่ากลัวยิ่งนัก กลิ่นอายมังกรที่ไล่หลังตามกันมาคล้ายดั่งคลื่นทะเลที่โหมสาดซัดอย่างนั้น ด้วยกลิ่นอายมังกรลักษณะเช่นนี้เพียงพอที่จะพุ่งทำลายคนได้ ย่อมประเมินได้ถึงความทรงพลังของมันได้
ด้วยมังกรทองสี่เล็บตัวนี้แหละที่เหินฟ้าผ่านไป บนตัวของมันปรากฏรอยเลือดเป็นแห่งๆ เกล็ดบนตัวมีร่องรอยฉีกขาดอยู่ไม่น้อย
มังกรทองสี่เล็บตัวนี้ได้แบกชายหนุ่มที่บนหัวมีเขามังกรอยู่คนหนึ่งอยู่บนหลัง ชายหนุ่มผู้นี้มีรอยเลือดและบาดแผลอยู่ทั่วตัว บาดแผลบางแห่งลึกจนเห็นกระดูก เป็นที่สยดสยองยิ่งนัก
เรียกได้ว่าชายหนุ่มผู้นี้เนื้อตัวท่วมไปด้วยเลือด มือทั้งสองข้างเกาะกุมเขาทั้งสองของมังกรทองเอาไว้แน่น ปล่อยให้มังกรทองแบกตัวเองหลบหนี
มังกรทองแบกชายหนุ่มวิ่งหนีไปอย่างสุดชีวิต ด้วยความเร็วสูงสุดของตนวิ่งหนีไปยังทิศทางที่ไกลออกไป เรียกได้ว่ามังกรทองตัวนี้ได้ทำจนเต็มความสามารถแล้ว!
หลี่ชิเย่เองก็รู้สึกแปลกใจยิ่งนัก เมื่อได้เห็นชายหนุ่มที่มังกรทองตัวนั้นแบกหนีคนนั้น เนื่องจากเขารู้จักชายหนุ่มคนนั้น เขาก็คือไห่หลินที่เคยพบกันที่บันไดเสียงสิบสองขั้นก่อนหน้านั้น
ไห่หลินในวันนั้นเรียกได้ว่าแข็งแกร่งดุดันกล้าหาญ เวลานี้กลับกระเซอะกระเซิงถึงเพียงนี้ กระทั่งเรียกได้ว่าไห่หลินในเวลานี้ถูกคนเขาตามไล่ฆ่าจนเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย อาการบาดเจ็บนั้นหนักหนาสาหัสจนแทบจะพรากเอาชีวิตเขาไปได้เลยทีเดียว
“ตูม…” ขณะที่หลี่ชิเย่กำลังรู้สึกแปลกใจอยู่นั้น ท้องฟ้าสั่นไหวโครงแครงทีหนึ่ง คนผู้หนึ่งเหินฟ้าเข้ามา ใต้เท้าของเขาถูกปูลาดด้วยสุดยอดสัจธรรม คนผู้นี้มีลักษณะท่าทางที่โอหังอวดดี หมางเมินต่อเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ยามที่เขาก้าวเท้าลงบนสุดยอดสัจธรรมของเขานั้นพลันสยบเหล่าชั้นฟ้า ทำให้หมื่นสัจธรรมต้องร้องระงม ไม่สามารถต่อต้านกับเขาได้เลย
“หลงอ้าวเทียน!” หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มที่เฉยเมยออกมา เมื่อมองเห็นชายหนุ่มที่หมางเมินทั่วหล้า มองเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินอย่างเย้ยหยัน ต่อให้เขาไม่เห็นหลงอ้าวเทียน แค่เห็นกลิ่นอายบนตัวของชายหนุ่มผู้นี้เขาก็รู้แล้วว่าคือใครแล้ว
ถูกต้อง ชายหนุ่มผู้นี้ก็คือหลงอ้าวเทียนนั่นเอง เวลานี้เขากำลังไล่ล่าสังหารไห่หลินอยู่ ขณะที่ไห่หลินเองก็โชคดีที่มีมังกรทองยอมสละตนเองเข้าช่วยเหลือเขา จึงทำให้เขาสามารถหนีเตลิดออกมาได้
“ไห่หลิน ต่อให้เจ้าหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียวข้าก็จะสังหารเจ้าให้ได้ ข้าจะถอนรากถอนโคนปีศาจทะเลพวกเจ้า ให้พวกเจ้าถูกลบชื่อออกไปจากมหาสมุทรอุดร โลกหล้านี้ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถปกป้องเจ้า!” หลงอ้าวเทียนเอ่ยขึ้นเชื่องช้า เสียงของเขาดังก้องไปทั่วมหาสมุทรอุดร สยบทั่วทั้งแปดทิศ!
ขณะที่ไห่หลินไม่พูดอะไรสักคำ ปล่อยให้มังกรทองแบกตัวเขาหนี้ไปสุดฟากฟ้า คาดหวังสามารถสลัดรอดจากการตามหล่าของหลงอ้าวเทียนเร็วที่สุด
ที่แท้หลงอ้าวเทียนได้ผู้เฒ่าที่ชำนาญภูมิประเทศร่องน้ำลึกจากเมืองสมุทรสยบฟ้าช่วยนำทาง จึงสามารถนำยอดฝีมือเข้ากวาดล้างเผ่าปีศาจ และปีศาจทะเลที่โชคดีหนีรอดมาได้และหลบอยู่ในร่องน้ำลึกใต้ทะเล แต่ไห่หลินกลับสามารถหลบหนีไปได้
หลงอ้าวเทียนยังคงถือดีเหมือนเดิมแม้จะรู้ว่าหลี่ชิเย่ติดตามมา ยังคงไม่มีการระวังป้องกันตัวแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเตรียมพร้อมรับมือเต็มที่ ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าหลงอ้าวเทียนนั้นมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก ต่อให้ต้องเผชิญกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นคนโหดอันดับหนึ่ง ยังคงมีความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยม โดยไม่ได้เกรงกลัวต่อคนโหดอันดับหนึ่งเลย!
ไห่หลินหนีสุดชีวิตภายใต้การแบกของมังกรทอง ขณะที่หลงอ้าวเทียนกลับไล่ติดตามไปแบบไม่ช้าและไม่รีบร้อน ส่วนหลี่ชิเย่เหมือนต้องการชมความคึกครื้นอยู่ข้างๆ
ความจริง เมื่อพวกเขาก้าวข้ามไปช่วงหนึ่งแล้วก็จะเห็นว่า ด้านหลังของพวกเขายังมีกองทัพจำนวนมหาศาลอยู่ และกองทัพนี้ประกอบด้วยเผ่าปีศาจเสียส่วนใหญ่ โดยเป็นกองทัพของอ๋องปีศาจจากเมืองปีศาจมู่จั๋ว และผู้นำทัพก็คือจินหลงเทียนจื่อที่เป็นเจ้าเมืองเมืองปีศาจมู่จั๋วนั่นเอง
ที่แท้ การล้อมปราบพลพรรคที่ยังหลงเหลืออยู่ของปีศาจทะเลในครั้งนี้ไม่ได้ลงมือเพียงหลงอ้าวเทียนเท่านั้น ยังมีจินหลงเทียนจื่อแห่งเมืองปีศาจมู่จั๋วนำกำลังทหารจำนวนมากมาช่วยล้อมปราบพวกปีศาจทะเลอีกด้วย
แม้ว่าเมืองปีศาจมู่จั๋วจะประกอบด้วยเผ่าปีศาจเป็นหลัก ขณะเดียวกันปีศาจทะเลและเผ่าปีศาจมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง แต่ จินหลงเทียนจื่อได้สาบานเป็นพี่น้องกับหลงอ้าวเทียน ดังนั้น จินหลงเทียนจื่อจึงตัดขาดความสัมพันธ์กับปีศาจทะเล ถึงกับนำกำลังทหารไปช่วยหลงอ้าวเทียนล้อมปราบกองกำลังที่ยังคงเหลืออยู่ของปีศาจทะเล!
การวิ่งหนีและไล่ล่าระหว่างไห่หลินและหลงอ้าวเทียน เป็นการกระทำที่อึกทึกมาก อีกทั้งพวกเขายังก้าวข้ามอาณาจักรทางทะเลไปหลายแห่ง จึงเป็นที่สนใจของผู้คนในมหาสมุทรอุดรจำนวนมากภายในระยะเวลาอันสั้น
ในเวลานี้ ยอดฝีมือและสำนักต่างๆ ในมหาสมุทรอุดรต่างถูกภาพของการวิ่งหนีและตามล่าดึงดูดสายตาเอาไว้ ผู้ยิ่งใหญ่และแคว้นเจ้าลัทธิต่างให้ความสนใจต่อการไล่ล่าและวิ่งหนีในครั้งนี้เ
“ไห่หลินอีกแล้ว!” หลายคนต้องอุทานออกมาด้วยความชื่นชมเมื่อเห็นไห่หลินที่กำลังวิ่งหนี และกล่าวว่า “ไอ้หนูคนนี้นับว่าเป็นเจ้าตัวเล็กที่แข็งแกร่งฆ่าไม่ตาย นับว่าดื้อด้านจริงๆ รอดชีวิตไปได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ถือว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์แล้วหละ”
“ไห่หลินมีพลังแฝงที่สูงมาก ทักษะยุทธก็สูง ทั้งยังมีสายเลือดที่สูงส่ง สำหรับปีศาจทะเลแล้วนับว่ามีความสำคัญมาก ดังนั้น ผู้ดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งยิ่งของปีศาจทะเลต่างยินดีคุ้มครองตัวเขา และด้วยเหตุนี้เอง ทำให้เข้าสามารถหลุดรอดจากเงื้อมมือของหลงอ้าวเทียน มาได้ทุกครั้ง” มีอ๋องปีศาจที่พูดออกมาด้วยความหดหู่
ครั้นกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ต่อให้เป็นอ๋องปีศาจยังถึงกับต้องทอดถอนใจออกมาด้วยความสลด มาคราวนี้หลงอ้าวเทียนแทบจะถอนรากถอนโคนเผ่าปีศาจ และปีศาจทะเล กระทั่งเวลานี้ ปีศาจทะเล และเผ่าปีศาจที่หาญกล้าลุกขึ้นมาต่อต้านหลงอ้าวเทียน และพรรคเซียนเหินมาโดยตลอดคงมีแต่พวกของไห่หลินเท่านั้น ส่วนเผ่าปีศาจอื่นๆ หากไม่ใช่รู้รักษาตัวรอดก็ต้องหลบซ่อนตัวเอาไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...