“ฮึ…” สุดท้าย หลงจ้านเทียนอดส่งเสียงน่าเกรงขามออกมาทีหนึ่ง พูดเชิงเหน็บแนมว่า “พรรคเซียนเหินข้าเคยกลัวใครมาหละ! ครั้งนั้นหากไม่เป็นเพราะมีราชันเซียนเชียนหลี่เปิดทาง และราชามังกรดำระวังหลัง เกรงว่าพรรคเซียนเหินของข้าจะทำให้เขาไม่สามารถฟื้นตัวได้อีกเลย ต่อให้เป็นผู้บงการเก้าแดนแล้วไง มือมืดที่อยู่เบื้องหลังแล้วไง คงมีสักวันที่พรรคเซียนเหินพวกเราต้องให้เขาเข้าใจว่าใครจึงเป็นผู้บงการเก้าแดนที่แท้จริง!”
“นั่นน่ะสิ ถือโอกาสที่เขาป่วยเอาชีวิตเขาเสีย!” กู้จุนเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “เวลานี้เป็นยุคที่เขาอ่อนแอที่สุด ในอดีตเขาล้วนแล้วแต่มีราชันเซียนคอยหนุนหลัง เวลานี้ไม่มีราชันเซียนคอยหนุนหลังให้เขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด ถ้าหากปล่อยให้เขาปีกกล้าขาแข็งขึ้นมา ให้เขาได้บ่มฟักราชันเซียนขึ้นมาอีกคนหนึ่ง เช่นนั้นแล้วเขาจะต้องได้พลิกตัวอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว พรรคเซียนเหินพวกเจ้าคิดจะกำจัดเขาก็คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว”
สีหน้าของหลงจ้านเทียนดูน่ากลัว หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจ้องมองดูกู้จุน กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “กู้จุน พรรคเซียนเหินของข้าต้องลงมือแน่ แต่เจ้าก็อย่าลืมสิ ศึกครั้งนี้ท่านก็มีส่วนร่วม ในเมื่อพรรคเซียนเหินของเข้าสามารถแก้แค้นให้กับท่าน ในการนี้ท่านสามารถก่อเกิดประโยชน์เช่นใดได้บ้าง?”
“พี่จ้านเทียนอย่าลืมสิ ข้ากู้จุนเป็นคนเช่นใด พูดคำพูดที่ไม่น่าฟังสำหรับพี่จ้านเทียนคำหนึ่ง พี่จ้านเทียนยังมีสิ่งที่ต้องพึ่งพาข้ากู้จุนอยู่! กายเซียนเหินพี่จ้านเทียนปราศจากผู้ต่อกร แต่ ข้ากู้จุนมีแต่แกร่งกว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าพี่จ้านเทียน!”สำหรับคำพูดหลงจ้านเทียนที่ท่าทียกตนข่มท่านนั้น กู้จุนไม่แสดงความโกรธ เพียงยิ้มกล่าวเฉยเมยออกมา
หลงจ้านเทียนส่งเสียงดูแคลนออกมาแต่ไม่ได้ตอบโต้คำพูดของกู้จุน พรรคเซียนเหินของเขาจะไม่ร่วมมือกับผู้อ่อนแอ ตัวเขาหลงจ้านเทียนก็จะไม่ร่วมมือกับผู้ที่อ่อนแอเช่นกัน ถ้าหากกู้จุนไม่แข็งแกร่งพอย่อมไม่อาจทำให้เขาต้องเป็นพันธมิตรกับเมืองสมุทรสยบฟ้า
“ต่อให้ท่านแข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ตาม แต่ การร่วมมือในครั้งนี้ท่านก็ควรแสดงความจริงใจออกมา” สุดท้าย หลงจ้านเทียนเอ่ยน่าเกรงขามออกมา
กู้จุนไม่แสดงอาการโกรธ หัวเราะและกล่าวว่า “ข้อนี้พี่จ้านเทียนวางใจได้ คนอย่างกู้จุนเป็นคนอย่างไร? ข้ากู้จุนเป็นคนพูดได้ก็ต้องทำได้ ในเมื่อเป็นพันธมิตร ก็เป็นเรื่องระหว่างท่านกับข้า ขอเพียงท่านสามารถล่อให้คนๆ นั้นออกมา ไม่จำเป็นต้องให้พี่จ้านเทียนท่านพูดให้มากความ ข้ากู้จุนรับรองว่าจะออกตัวเป็นคนแรก จับตัวเขาเอาไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
“ดูท่าท่านจะมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมเลยนะ!” หลงจ้านเทียนจ้องมองดูกู้จุนเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “พูดเช่นนี้แสดงว่ากู้จุนท่านมีความมั่นใจล่ะสิ?” คำพูดที่ออกจากปากในลักษณะนี้ให้ต้องขบคิด หรืออีกนัยหนึ่งก็คือมีท่าทีของการเย้ยหยัน
กู้จุนก็ยิ้มกล่าวว่า “ข้าเข้าใจความหมายของพี่จ้านเทียน ถูกต้อง ครั้งนั้นข้าเคยถูกสยบเอาไว้จริงๆ และถูกจับเอาไปอุดตาน้ำ มันก็ใช่เป็นเรื่องน่าอาย แต่ว่า พี่จ้านเทียน ข้าขอพูดคำที่ล่วงเกินสักคำหนึ่ง ข้ากู้จุนซึ่งเป็นถึงหนึ่งในสิบสุดยอดอัจฉริยะบุคคลนับแต่อดีตถึงปัจจุบันยังไม่ไหวล่ะก็ เกรงว่าพี่จ้านเทียนจะไม่ไหวยิ่งกว่า ท่าไม้ตายของข้ากู้จุนใช่เป็นสิ่งที่พี่จ้านเทียนสามารถคาดการณ์ได้”
“ฮึ…” เป็นที่ชัดเจน หลงจ้านเทียนไม่พอใจในคำพูดลักษณะเช่นนี้ของกู้จุนอย่างยิ่ง ส่งเสียงแสดงความไม่พอใจออกมา
“จ้านเทียนวางใจ รอให้ล่อคนๆ นั้นออกมาแล้ว ท่านต้องได้เห็นไพ่ตายของข้าแน่นอน ต้องได้เห็นท่าไม้ตายของข้า พี่จ้านเทียนอย่าลืมสิ เวลานี้ท่านกับข้าอยู่เรือลำเดียวกันแล้ว เราท่านทั้งสองต่างร่วมชะตากรรมเดียวกันแล้ว พวกเราสมควรร่วมมือกันจึงจะถูก!” กู้จุนเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
หลงจ้านเทียนจ้องมองกู้จุนอยู่พักใหญ่ สุดท้ายกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “กู้จุน ข้าเชื่อท่าน แต่ข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง คนผู้นั้นไม่ว่าเป็นหรือตาย ขอเพียงจับตัวเอาไว้ได้เขาต้องเป็นของพรรคเซียนเหินของพวกเรา!”
กู้จุนมองดูหลงจ้านเทียนหัวเราะทีหนึ่ง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ข้าเข้าใจแล้ว พี่จ้านเทียนคิดจะรีดเอาสิ่งที่มีค่ายิ่งจากตัวของเขา เช่นนี้แล้ว แสดงว่าพี่จ้านเทียนคิดจะจับเป็นน่ะสิ”
“หรือกู้จุนท่านไม่เคยคิดเช่นนี้รึ?” หลงจ้านเทียนยิ้มเยาะ ท่าทีอวดดียิ่งนัก
กู้จุนมีท่าที่ดูอิสระเสรีหัวเราะและกล่าวว่า “พี่จ้านเทียนมั่นใจเต็มเปี่ยมนะเนี่ย สิ่งที่พี่จ้านเทียนต้องการไม่เพียงแค่ห้าสิบห้าสิบกับข้า ดูท่าพี่จ้านเทียนคิดจะฮุบเอาไว้คนเดียวนะเนี่ย”
“กู้จุน ไม่ปฏิเสธว่าท่านน่ะมีความแข็งแกร่งยิ่งนัก” หลงจ้านเทียนหัวเราะอย่างทระนง กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “แต่ว่า อย่าลืมสิ พวกเราคือพรรคเซียนเหินทั้งพรรค เบื้องหลังของข้าคือยักษ์ใหญ่ ไม่ได้มีเพียงข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น ขอยืมคำพูดของท่าน พรรคเซียนเหินของข้าก็ใช่ว่าท่านจะคาดการณ์ได้”
“ข้าเข้าใจแล้ว” กู้จุนไม่แสดงอาการโกรธ ยิ้มกล่าวด้วยท่าทีสบายๆ ว่า “ข้าได้ข่าวมา ลือกันว่าโอรสของราชันเซียนเหรินเสียนได้มีชีวิตออกมาจากคุกสวรรค์แล้ว ดูท่าสายของพี่จ้านเทียนคงได้ครอบครองแต่ผู้เดียวไปชั่วกาลนาน!”
“ท่านเข้าใจก็ดีแล้ว” หลงจ้านเทียนก็ไม่ปิดบังแม้แต่น้อย กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “เหล่าโอรสราชันกลับมา ท่านกู้จุนย่อมรู้ว่ามันบ่งบอกถึงสิ่งใดกระมัง!”
“ข้าย่อมรู้” กู้จุนยิ้มกล่าวว่า “แต่ว่า พี่จ้านเทียนอย่าลืมไปสิ ตาเฒ่าเหล่านั้นของพรรคเซียนเหินท่านกับคนๆ นั้นคือคนรู้จักกันมาก่อน ข้ากังวลว่าสายของพี่จ้านเทียนยากจะคุมอำนาจทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว หากว่าถูกคนเขาขัดขวางเอาไว้ พี่จ้านเทียนจะเอาอะไรมาฮุบเอาผลของความสำเร็จไว้คนเดียวได้เล่า?”
“เรื่องนี้ไม่ต้องรบกวนท่านกู้จุนต้องกังวล พรรคเซียนเหินของพวกเรามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ชาตินี้จะไม่มีใครที่มาคอยถ่วงความเจริญหรอกนะ” หลงจ้านเทียนกล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “กู้จุน ท่านเองก็ควรเข้าใจว่า เมื่อพรรคเซียนเหินสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั้งห้าสาย เมื่อนั้นจะต้องปราศจากผู้ต่อกรในหล้า ท่านคิดว่าอาศัยเท่านี้ พรรคเซียนเหินพวกเราเพียงพอที่จะฮุบผลประโยชน์จากสงครามครั้งนี้ได้หรือไม่ล่ะ?”
“ดี ในเมื่อพี่จ้านเทียนมีความมั่นใจเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด” กู้จุนยิ้มกล่าวว่า “ในเมื่อพี่จ้านเทียนเรียกร้องเช่นนี้ข้าเห็นด้วย ขอเพียงสำเร็จ คนๆ นั้นก็จะเป็นของพรรคเซียนเหินพวกเท่าน”
“ดีมาก งั้นตกลงตามนี้” หลงจ้านเทียนจ้องมองกู้จุนอยู่พักหนึ่ง จากนั้นพูดขึ้นมาช้าๆ ว่า “เช่นนั้นแล้ว เวลานี้พวกเรามาปรึกษากันว่าจะล่อคนๆ นั้นออกมาได้อย่างไร”
“ล่อให้คนๆ นั้นออกมาก็ไม่ยาก” กู้จุนยิ้มกล่าวว่า “ลองเอาเมืองหมิงจูมาเป็นจุดทะลวงดูก็ได้ ขอเพียงแหย่รังแตนเข้าใยต้องกลัวเขาจะไม่ออกมาหละ? เมื่อถึงเวลานั้น ขอเพียงพี่จ้านเทียนทำอย่างนี้ก็ได้แล้ว…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...