ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1638

ตอนที่ 1638 บุญคุณความแค้นของกู้จุน
สีหน้าของหลงจ้านเทียนพลันดูน่าเกรงขามถึงขีดสุด เมื่อกู้จุนเอ่ยถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งก่อน ดวงตาทั้งสองของเขาดูน่ากลัว เผยให้เห็นถึงความน่ากลัวยิ่งของกลิ่นอายการฆ่า แววตาฆ่าคนของเขาเช่นนี้แม้แต่จักรพรรดิเทพยังต้องสั่นเทา

“ฮึ…” สุดท้าย หลงจ้านเทียนอดส่งเสียงน่าเกรงขามออกมาทีหนึ่ง พูดเชิงเหน็บแนมว่า “พรรคเซียนเหินข้าเคยกลัวใครมาหละ! ครั้งนั้นหากไม่เป็นเพราะมีราชันเซียนเชียนหลี่เปิดทาง และราชามังกรดำระวังหลัง เกรงว่าพรรคเซียนเหินของข้าจะทำให้เขาไม่สามารถฟื้นตัวได้อีกเลย ต่อให้เป็นผู้บงการเก้าแดนแล้วไง มือมืดที่อยู่เบื้องหลังแล้วไง คงมีสักวันที่พรรคเซียนเหินพวกเราต้องให้เขาเข้าใจว่าใครจึงเป็นผู้บงการเก้าแดนที่แท้จริง!”

“นั่นน่ะสิ ถือโอกาสที่เขาป่วยเอาชีวิตเขาเสีย!” กู้จุนเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “เวลานี้เป็นยุคที่เขาอ่อนแอที่สุด ในอดีตเขาล้วนแล้วแต่มีราชันเซียนคอยหนุนหลัง เวลานี้ไม่มีราชันเซียนคอยหนุนหลังให้เขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด ถ้าหากปล่อยให้เขาปีกกล้าขาแข็งขึ้นมา ให้เขาได้บ่มฟักราชันเซียนขึ้นมาอีกคนหนึ่ง เช่นนั้นแล้วเขาจะต้องได้พลิกตัวอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว พรรคเซียนเหินพวกเจ้าคิดจะกำจัดเขาก็คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว”

สีหน้าของหลงจ้านเทียนดูน่ากลัว หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจ้องมองดูกู้จุน กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “กู้จุน พรรคเซียนเหินของข้าต้องลงมือแน่ แต่เจ้าก็อย่าลืมสิ ศึกครั้งนี้ท่านก็มีส่วนร่วม ในเมื่อพรรคเซียนเหินของเข้าสามารถแก้แค้นให้กับท่าน ในการนี้ท่านสามารถก่อเกิดประโยชน์เช่นใดได้บ้าง?”

“พี่จ้านเทียนอย่าลืมสิ ข้ากู้จุนเป็นคนเช่นใด พูดคำพูดที่ไม่น่าฟังสำหรับพี่จ้านเทียนคำหนึ่ง พี่จ้านเทียนยังมีสิ่งที่ต้องพึ่งพาข้ากู้จุนอยู่! กายเซียนเหินพี่จ้านเทียนปราศจากผู้ต่อกร แต่ ข้ากู้จุนมีแต่แกร่งกว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าพี่จ้านเทียน!”สำหรับคำพูดหลงจ้านเทียนที่ท่าทียกตนข่มท่านนั้น กู้จุนไม่แสดงความโกรธ เพียงยิ้มกล่าวเฉยเมยออกมา

หลงจ้านเทียนส่งเสียงดูแคลนออกมาแต่ไม่ได้ตอบโต้คำพูดของกู้จุน พรรคเซียนเหินของเขาจะไม่ร่วมมือกับผู้อ่อนแอ ตัวเขาหลงจ้านเทียนก็จะไม่ร่วมมือกับผู้ที่อ่อนแอเช่นกัน ถ้าหากกู้จุนไม่แข็งแกร่งพอย่อมไม่อาจทำให้เขาต้องเป็นพันธมิตรกับเมืองสมุทรสยบฟ้า

“ต่อให้ท่านแข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ตาม แต่ การร่วมมือในครั้งนี้ท่านก็ควรแสดงความจริงใจออกมา” สุดท้าย หลงจ้านเทียนเอ่ยน่าเกรงขามออกมา

กู้จุนไม่แสดงอาการโกรธ หัวเราะและกล่าวว่า “ข้อนี้พี่จ้านเทียนวางใจได้ คนอย่างกู้จุนเป็นคนอย่างไร? ข้ากู้จุนเป็นคนพูดได้ก็ต้องทำได้ ในเมื่อเป็นพันธมิตร ก็เป็นเรื่องระหว่างท่านกับข้า ขอเพียงท่านสามารถล่อให้คนๆ นั้นออกมา ไม่จำเป็นต้องให้พี่จ้านเทียนท่านพูดให้มากความ ข้ากู้จุนรับรองว่าจะออกตัวเป็นคนแรก จับตัวเขาเอาไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”

“ดูท่าท่านจะมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมเลยนะ!” หลงจ้านเทียนจ้องมองดูกู้จุนเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “พูดเช่นนี้แสดงว่ากู้จุนท่านมีความมั่นใจล่ะสิ?” คำพูดที่ออกจากปากในลักษณะนี้ให้ต้องขบคิด หรืออีกนัยหนึ่งก็คือมีท่าทีของการเย้ยหยัน

กู้จุนก็ยิ้มกล่าวว่า “ข้าเข้าใจความหมายของพี่จ้านเทียน ถูกต้อง ครั้งนั้นข้าเคยถูกสยบเอาไว้จริงๆ และถูกจับเอาไปอุดตาน้ำ มันก็ใช่เป็นเรื่องน่าอาย แต่ว่า พี่จ้านเทียน ข้าขอพูดคำที่ล่วงเกินสักคำหนึ่ง ข้ากู้จุนซึ่งเป็นถึงหนึ่งในสิบสุดยอดอัจฉริยะบุคคลนับแต่อดีตถึงปัจจุบันยังไม่ไหวล่ะก็ เกรงว่าพี่จ้านเทียนจะไม่ไหวยิ่งกว่า ท่าไม้ตายของข้ากู้จุนใช่เป็นสิ่งที่พี่จ้านเทียนสามารถคาดการณ์ได้”

“ฮึ…” เป็นที่ชัดเจน หลงจ้านเทียนไม่พอใจในคำพูดลักษณะเช่นนี้ของกู้จุนอย่างยิ่ง ส่งเสียงแสดงความไม่พอใจออกมา

“จ้านเทียนวางใจ รอให้ล่อคนๆ นั้นออกมาแล้ว ท่านต้องได้เห็นไพ่ตายของข้าแน่นอน ต้องได้เห็นท่าไม้ตายของข้า พี่จ้านเทียนอย่าลืมสิ เวลานี้ท่านกับข้าอยู่เรือลำเดียวกันแล้ว เราท่านทั้งสองต่างร่วมชะตากรรมเดียวกันแล้ว พวกเราสมควรร่วมมือกันจึงจะถูก!” กู้จุนเอ่ยขึ้นมาช้าๆ

หลงจ้านเทียนจ้องมองกู้จุนอยู่พักใหญ่ สุดท้ายกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “กู้จุน ข้าเชื่อท่าน แต่ข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง คนผู้นั้นไม่ว่าเป็นหรือตาย ขอเพียงจับตัวเอาไว้ได้เขาต้องเป็นของพรรคเซียนเหินของพวกเรา!”

กู้จุนมองดูหลงจ้านเทียนหัวเราะทีหนึ่ง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ข้าเข้าใจแล้ว พี่จ้านเทียนคิดจะรีดเอาสิ่งที่มีค่ายิ่งจากตัวของเขา เช่นนี้แล้ว แสดงว่าพี่จ้านเทียนคิดจะจับเป็นน่ะสิ”

“หรือกู้จุนท่านไม่เคยคิดเช่นนี้รึ?” หลงจ้านเทียนยิ้มเยาะ ท่าทีอวดดียิ่งนัก

กู้จุนมีท่าที่ดูอิสระเสรีหัวเราะและกล่าวว่า “พี่จ้านเทียนมั่นใจเต็มเปี่ยมนะเนี่ย สิ่งที่พี่จ้านเทียนต้องการไม่เพียงแค่ห้าสิบห้าสิบกับข้า ดูท่าพี่จ้านเทียนคิดจะฮุบเอาไว้คนเดียวนะเนี่ย”

“กู้จุน ไม่ปฏิเสธว่าท่านน่ะมีความแข็งแกร่งยิ่งนัก” หลงจ้านเทียนหัวเราะอย่างทระนง กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “แต่ว่า อย่าลืมสิ พวกเราคือพรรคเซียนเหินทั้งพรรค เบื้องหลังของข้าคือยักษ์ใหญ่ ไม่ได้มีเพียงข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น ขอยืมคำพูดของท่าน พรรคเซียนเหินของข้าก็ใช่ว่าท่านจะคาดการณ์ได้”

“ข้าเข้าใจแล้ว” กู้จุนไม่แสดงอาการโกรธ ยิ้มกล่าวด้วยท่าทีสบายๆ ว่า “ข้าได้ข่าวมา ลือกันว่าโอรสของราชันเซียนเหรินเสียนได้มีชีวิตออกมาจากคุกสวรรค์แล้ว ดูท่าสายของพี่จ้านเทียนคงได้ครอบครองแต่ผู้เดียวไปชั่วกาลนาน!”

“ท่านเข้าใจก็ดีแล้ว” หลงจ้านเทียนก็ไม่ปิดบังแม้แต่น้อย กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “เหล่าโอรสราชันกลับมา ท่านกู้จุนย่อมรู้ว่ามันบ่งบอกถึงสิ่งใดกระมัง!”

“ข้าย่อมรู้” กู้จุนยิ้มกล่าวว่า “แต่ว่า พี่จ้านเทียนอย่าลืมไปสิ ตาเฒ่าเหล่านั้นของพรรคเซียนเหินท่านกับคนๆ นั้นคือคนรู้จักกันมาก่อน ข้ากังวลว่าสายของพี่จ้านเทียนยากจะคุมอำนาจทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว หากว่าถูกคนเขาขัดขวางเอาไว้ พี่จ้านเทียนจะเอาอะไรมาฮุบเอาผลของความสำเร็จไว้คนเดียวได้เล่า?”

“เรื่องนี้ไม่ต้องรบกวนท่านกู้จุนต้องกังวล พรรคเซียนเหินของพวกเรามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ชาตินี้จะไม่มีใครที่มาคอยถ่วงความเจริญหรอกนะ” หลงจ้านเทียนกล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “กู้จุน ท่านเองก็ควรเข้าใจว่า เมื่อพรรคเซียนเหินสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั้งห้าสาย เมื่อนั้นจะต้องปราศจากผู้ต่อกรในหล้า ท่านคิดว่าอาศัยเท่านี้ พรรคเซียนเหินพวกเราเพียงพอที่จะฮุบผลประโยชน์จากสงครามครั้งนี้ได้หรือไม่ล่ะ?”

“ดี ในเมื่อพี่จ้านเทียนมีความมั่นใจเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด” กู้จุนยิ้มกล่าวว่า “ในเมื่อพี่จ้านเทียนเรียกร้องเช่นนี้ข้าเห็นด้วย ขอเพียงสำเร็จ คนๆ นั้นก็จะเป็นของพรรคเซียนเหินพวกเท่าน”

“ดีมาก งั้นตกลงตามนี้” หลงจ้านเทียนจ้องมองกู้จุนอยู่พักหนึ่ง จากนั้นพูดขึ้นมาช้าๆ ว่า “เช่นนั้นแล้ว เวลานี้พวกเรามาปรึกษากันว่าจะล่อคนๆ นั้นออกมาได้อย่างไร”

“ล่อให้คนๆ นั้นออกมาก็ไม่ยาก” กู้จุนยิ้มกล่าวว่า “ลองเอาเมืองหมิงจูมาเป็นจุดทะลวงดูก็ได้ ขอเพียงแหย่รังแตนเข้าใยต้องกลัวเขาจะไม่ออกมาหละ? เมื่อถึงเวลานั้น ขอเพียงพี่จ้านเทียนทำอย่างนี้ก็ได้แล้ว…”

หลังจากที่หลงจ้านเทียนปรึกษาจนเป็นที่ตกลงกันแล้ว จึงได้ล่องลอยจากไป หลังจากที่กู้จุนมองตามจนหลงจ้านเทียนจนลับสายตาไปแล้ว จึงเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา

หลังจากหลงจ้านเทียนไปจากแล้ว ปรากฏร่างเงาเย่จิ่วโจวขึ้นแวบหนึ่ง เขาได้ปรากฏตัวอยู่ข้างๆ กู้จุน

“อาจารย์ พรรคเซียนเหินจะทุ่มเต็มที่กับการศึกครั้งนี้หรือไม่?” เย่จิ่วโจวเอ่ยถามขึ้นช้าๆ หลังจากที่หลงจ้านเทียนจากไปแล้ว

“แน่นอน” กู้จุนเผยรอยยิ้มออกมา กล่าวว่า “ครั้งนั้นถูกบังคับอาศัยกำลังเข้าตรวจสอบ พรรคเซียนเหินถือว่าเป็นเรื่องอัปยศ เวลานี้ พรรคเซียนเหินอยู่ในมือของกลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรงพรรคเซียนเหิน กลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรงของพรรคเซียนเหินมีใจทะเยอทะยาน ท่าทีพวกเขามีใจต้องการครอบครองทั่วหล้า ดังนั้น พวกเขาถึงกับยอมฝ่าฝืนคำมั่นสัญญาปรากฏตัวในยุทธภพ พวกเขาพร้อมจะทำการใหญ่สักครั้ง กล่าวสำหรับพรรคเซียนเหินแล้ว ใครก็ตามหากขวางทางพวกเขา พวกเขาจะฆ่าไม่มีละเว้น!”

“แต่ว่า รุ่นอาวุโสของพรรคเซียนเหินจึงนับว่าเป็นธาตุแท้ภายในที่แข็งแกร่งที่สุดของพรรคเซียนเหิน ขุนพลของราชันเซียนพรรคเซียนเหินคือไพ่ตายของพรรคเซียนเหิน เกรงว่าบรรดาบรรพบุรุษเหล่านี้จะไม่ยอมผิดใจกับผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นใต้เท้าอีกาทมิฬกระมัง” เย่จิ่วโจวกล่าวด้วยความสงสัย

“บรรดาขุนพลเหล่านั้นรู้ว่าที่ตัวเองเผชิญอยู่นั้นคือผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะเช่นใด” กู้จุนยิ้มกล่าวว่า “แต่ว่า พวกเขาล้วนแก่เฒ่ากันแล้ว เหล่าโอรสราชันของราชันเซียนเหรินเสียนล้วนแล้วแต่กลับมาแล้ว การที่พวกเขาสามารถกลับออกมาจากคุกสวรรค์ ย่อมบ่งบอกว่าพวกเขาน่ากลัวจนสุดจะคาดคิด”

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ กู้จุนเผยให้เห็นรอยยิ้มเต็มใบหน้า และกล่าวว่า “หลงจ้านเทียนเป็นเพียงกองหน้าเท่านั้น มือมืดที่อยู่เบี้องหลังของพรรคเซียนเหินยังไม่ได้ปรากฏตัวออกมาน่ะ ครั้งนั้นการอาศัยกำลังเข้าตรวจสอบพรรคเซียนเหิน ผู้คนของพรรคเซียนเหินจำนวนเท่าไรที่ต้องขวัญหนีดีฝ่อ จำนวนเท่าไรที่ตกใจจนต้องฆ่าตัวตาย แม้แต่โอรสของราชันเซียนเหรินเสียนยังต้องหนีเข้าไปในคุกสวรรค์ แน่นอนที่สุด เรื่องนี้โอรสของราชันเซียนเหรินเสียนย่อมหนีไม่พ้นข้อครหา การกลับมาของโอรสราชันเซียนเหรินเสียนในครั้งนี้ต้องแก้แค้นอย่างแน่นอน”

“ถ้าหากบรรดาบรรพบุรุษเหล่านั้นของพรรคเซียนเหินกล้าขัดขวางล่ะก็ ภายในพรรคเซียนเหินต้องเกิดเหตุการณ์เสือปะทะสิงห์ขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนที่ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะนั้นคงพูดยากแล้ว แต่ว่า พรรคเซียนเหินจะนำมาซึ่งภัยถูกทำลายอย่างแน่นอน เขาต้องทำลายพรรคเซียนเหินทิ้งแน่!” กู้จุนหัวเราะและกล่าวว่า “มันก็คือเวลาที่ข้าจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มิใช่รึ? จับตัวเขาได้ ทั้งยังทำลายพรรคเซียนเหินไป เก้าแดนก็อยู่ในกำมือของข้า”

เย่จิ่วโจวนิ่งเงียบกับคำพูดของกู้จุนอยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายเขาได้เอ่ยขึ้นมาแผ่วเบาว่า “สิ่งที่อาจารย์ทำมาตลอดชีวิตหาใช่ต้องการเป็นใหญ่ในเก้าแดน”

“ใช่แล้วอย่างไร ไม่ใช่แล้วอย่างไร?” กู้จุนยิ้มกล่าวโดยไม่ได้ใส่ใจอะไร

เย่จิ่วโจวกล่าวจริงจังขึ้นว่า “หากอาจารย์ตั้งใจจะเป็นใหญ่ ครั้งนั้นหากติดตามใต้เท้าก็สามารถเป็นราชันเซียนได้ ไหนเลยจำต้องเป็นศัตรูกับใต้เท้า? การที่อาจารย์ต้องทนลำบากเป็นศัตรูได้รับความทุกข์ทรมานมาสามชาติ หรือเพียงแค่ต้องการเก้าแดนเท่านั้นเองรึ? ถ้าหากอาจารย์เพียงต้องการแค่เก้าแดนเท่านั้น นับว่าตาต่ำเหลือเกิน ขนาดราชันเซียนยังไม่อาลัยอาวรณ์ในเก้าแดนเลย อาจารย์ก็ต้องไม่ใช่เช่นมนุษย์ปุถุชนทั่วไป”

“จิ่วโจว นี่เป็นการไม่ให้ความเคารพต่ออาจารย์ของเจ้าเลยนะ” กู้จุนชักสีหน้าขึ้นมา

เย่จิ่วโจวไม่ได้ตกใจอะไร เขาคำนับครั้งหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศิษย์เพียงพูดไปตามความจริงเท่านั้น ถ้าหากอาจารย์คิดว่าสิ่งที่ศิษย์พูดไปนั้นไม่ถูกต้อง ลงโทษศิษย์ก็แล้วกัน”

กู้จุนจ้องมองดูเย่จิ่วโจว สุดท้ายพูดขึ้นมาช้าๆ ว่า “เจ้าติดตามข้ามาชั่วชีวิต เจ้าไม่ได้ติดค้างข้า เป็นข้าที่ติดค้างเจ้า ชาตินี้ข้ามีศิษย์เช่นเจ้า ข้าไม่มีอะไรต้องเสียใจกับการถ่ายทอดวิชาอีกแล้ว”

“สิ่งเดียวที่ข้าเสียใจก็คือ ข้ายังไม่ได้เอาชนะอีกาทมิฬ! ข้าเปรียบเหมือนมดตัวหนึ่งในสายตาของเขาเท่านั้น เขาไม่เคยเห็นข้าอยู่ในสายตาเลย!” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว สายตาของกู้จุนพลันดูน่ากลัวขึ้นมา กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “ในเมื่อข้าเป็นแค่มดปลวกตัวหนึ่ง งั้นก็ดี ข้าจะให้เขาได้รู้ว่ามดปลวกตัวหนึ่งก็สามารถทำให้เขื่อนขนาดใหญ่พังได้ ต่อให้เป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่งก็ต้องกลายเป็นหนามยอกอกของเขาสักวัน…”

“…เขาก็แค่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง สามารถบงการเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน สามารถอยู่เหนือราชันเซียน สามารถก้าวข้ามอดีตปัจจุบัน ทำไมข้าจะทำไม่ได้! ข้าคือหนึ่งในสิบอัจฉริยะบุคคลตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน สิ่งที่เขาทำได้ ขอเพียงให้เวลาข้าอย่างเพียงพอ ข้าก็สามารถทำได้เหมือนกัน! ความสำเร็จของเขา วันหนึ่งข้าก็ก้าวถึงได้เช่นกัน!”

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ ท่าทีของกู้จุนดูแข็งกร้าวขึ้น สายตากลับกลายเป็นแหลมคมยิ่งกว่า ท่าทางของเขาแปรเปลี่ยนไปทั้งหมด

“พรสวรรค์ที่สูงส่งของอาจารย์ไม่มีใครเทียบเทียมได้จริง” เย่จิ่วโจวเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “แต่ว่าการที่ใต้เท้าอีกาทมิฬมีผลสำเร็จเช่นวันนี้ เขาสามารถก้าวข้ามอดีตถึงปัจจุบันหาใช่เป็นเพราะเขามีพรสวรรค์เช่นใด แต่เป็นเพราะเขามีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่งที่มั่นคงไม่หวั่นไหว จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขาแกร่งดั่งหินผา แข็งดั่งทอง ดังนั้น เขาจึงมีความสำเร็จในวันนี้”

“จิ่วโจวอ่า พูดถึงจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร น้ำเสียงของเจ้าฟังดูคล้ายกับเขาแล้วล่ะ” กู้จุนยิ้มกล่าวว่า “เรื่องจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร ขอเพียงให้เวลาข้าค่อยๆ สั่งสมอย่างเพียงพอ ข้าก็สามารถทำได้อยู่แล้ว!”

เย่จิ่วโจวอ้าปากทำท่าจะพูด แต่ สุดท้ายได้แต่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ

“ทำไมรึ?” กู้จุนมองดูศิษย์รักของตน กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “ถ้าหากเจ้าต้องการถอนตัวออกไป อาจารย์ไม่ตำหนิเจ้า ชั่วชีวิตนี้เจ้าเสียสละเพื่ออาจารย์มามากมายแล้ว ถ้าหากเจ้าไม่อยากทำ ข้าก็ไม่ฝืนใจเจ้า!”

“อาจารย์ก็คือบิดาบังเกิดเกล้าของข้า” เย่จิ่วโจวกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เพียงแต่บางครั้งข้ารู้สึกว่าการที่อาจารย์ต่อต้านใต้เท้าอีกาทมิฬชั่วชีวิต มันเป็นการเสียเวลาโดยแท้จริง ใต้เท้าอีกาทมิฬใช่ว่าจะมีใจเป็นศัตรูกับอาจารย์ตั้งแต่แรก”

“ไม่ได้มีใจเป็นศัตรูกับข้าตั้งแต่แรก?” กู้จุนยิ้มเยาะทีหนึ่ง กล่าวว่า “ถ้าหากเขาไม่คิดเป็นศัตรูกับข้าตั้งแต่แรก ก็คงไม่แอบๆ ซ่อนๆ เช่นนี้ ในมือของเขามีตำรากายอยู่ แล้วเคล็ดกายที่เขาถ่ายทอดให้ข้ามันเป็นอย่างไร? ฮึ ถ้าหากเขาถ่ายทอดวิชาให้ข้าอย่างเต็มที่จริง แล้วเหตุใดจงใจให้หยินเทียนได้กลายเป็นราชันเซียน! เขารู้อยู่แล้วว่าข้ามีโอกาสเป็นราชันเซียนได้มากกว่าหยินเทียน แต่ เขากลับทำเหมือนมองไม่เห็น…”

“…แหะ เป็นเพราะเขารู้สึกว่าข้าเป็นคนทรยศแต่กำเนิด ดังนั้น จึงระวังข้าตลอดเวลา แม้แต่คลังสมบัติก็ไม่อนุญาตให้ข้าก้าวข้ามไปแม้เพียงก้าวเดียว! ในเมื่อคิดว่าข้าคือคนทรยศแต่กำเนิด งั้นดีหละ ข้าก็จะทรยศให้เขาได้เห็น ให้เขาได้รู้ว่าใช่ว่าเพียงคำพูดของเขาคำเดียวก็สามารถตัดสินชีวิตของข้า! ข้าก็จะเป็นศัตรูกับเขาอย่างนี้แหละ ไม่ให้เขาได้สมหวัง ไม่ให้เขาสมปรารถนา!” ครั้นเอ่ยถึงตรงนี้แล้ว กู้จุนส่งเสียงฮึน่าเกรงขามออกมา!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล