“ฮึ ในเมื่อชาตินี้เขาไม่สามารถเป็นอมตะได้อีก หากไม่ใช่ข้าตายก็คือเขาม้วย!” กู้จุนส่งเสียงฮึและกล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “และนี่ก็จะเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิตข้าที่จะล้มเขาได้!”
“อาจารย์ ท่านต้องการสู้กับใต้เท้าอีกาทมิฬจนถึงที่สุดนั้น ข้าไม่มีความเห็น” หลังจากที่เย่จิ่วโจวนิ่งเงียบมาครู่ใหญ่ เขาพูดออกมาด้วยความลังเลว่า “แต่ว่า การนำพาให้พรรคเซียนเหินเขามายังเมืองสมุทรสยบฟ้าของพวกเรา หากผิดพลาดขึ้นมาเท่ากับเป็นการอยากแสดงฝีมือกลายเป็นปล่อยไก่ และจะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน กระทั่งทำให้เมืองสมุทรสยบฟ้าพวกเราไม่อาจฟื้นคืนได้อีกต่อไป”
“ข้อนี้เจ้าวางใจเหอะ อาศัยแค่หลงจ้านเทียนคิดจะลองดีกับข้าเขายังอ่อนไป ฮึ หากไม่เป็นเพราะว่าเบื้องหลังของเขามีมือมืดคอยให้การหนุนหลังอยู่ล่ะก็ ช้าเร็วข้าต้องกำจัดมันเสีย!” กู้จุนกล่าวน่าเกรงขามออกมา เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ดวงตาของเขาเผยปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวออกมา
เย่จิ่วโจวออกปากพูดขึ้นมาว่า “แต่วิธีนี้จะส่งผลให้เมืองสมุทรสยบฟ้าของพวกเรากลายเป็นสมรภูมิรบไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อเมืองสมุทรสยบฟ้าอย่างยิ่ง”
“โลกใบนี้ทุกหนแห่งล้วนเป็นสมรภูมิรบทั้งสิ้น” กู้จุนกล่าวเฉยเมยว่า “ภายใต้สถานะการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครสามารถคำนึงถึงแต่ตัวเอง ใครจะเป็นอย่างไรก็ช่าง หากคิดจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องเป็นเต่าหดหัวตลอดไป อย่าได้เข้าสู่ยุทธภพเลย หากเป็นเช่นนี้จริง โลกหล้านี้ยังจะมีเมืองสมุทรสยบฟ้า ของพวกเราอยู่อีกรึ? ยังจะเป็นเมืองสมุทรสยบฟ้าที่ผู้คนต่างให้ความเคารพสามยุคอย่างนั้นรึ?”
เย่จิ่วโจวทำท่าจะพูด แต่ สุดท้ายแล้วไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี
“ต่อให้เจ้าคิดจะคำนึงถึงแต่ตัวเอง ใครจะเป็นอย่างไรก็ช่าง มันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” กู้จุนมองดูศิษย์รักของตนแล้วกล่าวว่า “เวลานี้พวกเรากุมอำนาจของเมืองสมุทรสยบฟ้าเอาไว้ เจ้าคิดว่าเขาจะปล่อยพวกเรารึ? เขาจะปล่อยให้พวกเรากุมอำนาจเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียวในเมืองสมุทรสยบฟ้าอย่างนั้นรึ? ในสายตาของเขามองว่า เมืองสมุทรสยบฟ้าเป็นสมบัติส่วนตัวของเขาเท่านั้น ไหนเลยจะยอมให้พวกเราแตะต้องได้? ไม่ว่าพวกเราจะร่วมเป็นพันธมิตรกับพรรคเซียนเหิน หรือไม่ เขาก็ต้องถอนรากถอนโคนพวกเราอยู่แล้ว ทำให้พวกเราหายไปจากโลกนี้ไป!”
ในเมื่อพวกเราไม่สามารถคำนึงถึงแต่ตัวเอง ใครจะเป็นอย่างไรก็ไม่สน งั้นสู้ตายก็แล้วกัน ดูซิว่าใครจะได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย” กู้จุนเผยรอยยิ้มออกมา กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “คนเราสุดท้ายก็ต้องตาย ต่อให้เป็นราชันเซียนก็หนีชะตาไม่พ้น หากข้าทำการล้มเหลวตายอนาถในมือของเขา ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องอับอาย กระทั่งราชันเซียนยังตายอยู่ในน้ำมือของเขา อย่าว่าแต่ข้าเลย…”
“…แต่ทว่า หากข้าทำได้สำเร็จ เช่นนั้นแล้วข้าคือมดปลวกที่กัดมังกรยักษ์ตัวหนึ่งจนตาย ในอนาคตสมควรเป็นข้าที่ก้าวข้ามอดีตปัจจุบันแล้ว สมควรเป็นข้าที่มีชื่อเสียงไปตลอดกาลแล้ว” เมื่อกู้จุนกล่าวมาถึงตรงนี้ เขายิ้มอย่างมีความสุข เหมือนหนึ่งว่ากล่าวสำหรับเขาแล้ว ได้มองความเป็นความตายจนทะลุปรุโปร่งไปแล้วอย่างนั้น ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติยิ่งนัก
เย่จิ่วโจวนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้ายแล้วยังคงเอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า “อาจารย์ ท่านฉลาดเฉลียวมาชั่วชีวิต แต่ว่า ชั่วชีวิตใต้เท้าอีกาทมิฬคาดการณ์ไม่เคยพลาดยิ่งกว่า อภัยที่ศิษย์ล่วงเกิน การศึกระหว่างอาจารย์กับใต้เท้าอีกาทมิฬ เกรงว่าโอกาสที่อาจารย์จะชนะคงมีไม่เท่าไร”
เย่จิ่วโจวได้พูดความจริงของตนออกมา และเป็นคำพูดที่ซ่อนอยู่ภายในใจของเขาไม่เคยได้พูดออกมา ในที่สุดเขาได้พูดมันออกมาวันนี้
กู้จุนจ้องมองดูเย่จิ่วโจว และกล่าวว่า “จิ่วโจว ในใจของเจ้ามีความหวาดหวั่นนะเนี่ย มันไม่เป็นการดีสำหรับจิตแห่งการบำเพ็ญเพียงของเจ้าเลย”
“ถูกต้อง” เย่จิ่วโจวก็ไม่ปิดบัง กล่าวตามจริงไปว่า “เรียนอาจารย์ เป็นความจริงที่ในใจของข้ามีความหวาดกลัว ข้าไม่ได้หวาดกลัวต่อความตาย ต่อให้ใต้เท้าอีกาทมิฬคิดบัญชีกับตัวข้า ก็แค่สังหารข้าเท่านั้นเอง อย่างไรเสียข้าใช่จะเผชิญกับความตายเป็นครั้งแรก กล่าวสำหรับข้าแล้ว ความตายไม่น่ากลัวอะไร! ข้าเป็นห่วงคืออาจารย์ท่าน หากชาตินี้อาจารย์ลงมืออีก หากพ่ายแพ้จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย เกรงว่าชาตินี้ใต้เท้าอีกาทมิฬไม่อภัยให้อาจารย์แน่นอน”
กู้จุนนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขายิ้มกล่าวว่า “ถูกต้อง ข้าเองก็รู้ว่าเขาต้องสังหารข้าแน่นอน สิ่งที่ข้าได้ทำไปเขาจะไม่อภัยให้กับข้า การเปิดเผยตำแหน่งที่ตั้งของถ้ำเซียนมาร ล่อให้ท่าคงไปที่นั่น แม้แต่พี่เขยข้าก็ไม่ละเว้นให้ข้า นับประสาอะไรกับเขาเล่า”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้ว เขาเพียงหัวเราะอย่างสง่างามไม่ได้ใส่ใจกับมันแม้แต่น้อย
ขณะเดียวกัน พี่เขยที่เขาเอ่ยถึงก็คือผู้ก่อตั้งเมืองสมุทรสยบฟ้า ราชามังกรดำนั่นเอง!
“แต่ว่า…” เย่จิ่วโจวอ้าปากจะพูด
กู้จุนโบกมือเบาๆ และกล่าวว่า “จิ่วโจว สำหรับอาจารย์แล้วความตายไม่ได้น่ากลัวอะไร ถ้าหากให้เลือก แทนที่จับข้าไปอุดตาน้ำ ข้ายอมให้เขาสังหารข้า การจับข้าไปอุดตาน้ำเป็นช่วงเวลาแห่งความอัปยศที่สุดในชีวิตของเข้า! และมีเพียงพี่เขยข้าที่เห็นว่าข้ามีชีวิตอยู่ดีกว่าตาย! ความตายจะมีอะไร ข้ากล้าที่จะเป็นศัตรูกับอีกาทมิฬอย่างนี้แหละ การตายด้วยน้ำมือของผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะเช่นนี้หาใช่เป็นเรื่องน่าอับอาย!”
“การที่พี่เขยข้าให้ข้ามีชีวิตอยู่ ก็เพียงเพราะว่าเขาได้รับปากกับพี่สาวของข้าเท่านั้นเอง ฮึ เขาให้ข้ามีชีวิตอยู่ มันมิสู้ให้ข้าตายเสียดีกว่าอยู่!” กู้จุนกล่าวท่าทีเย็นชาว่า “ชั่วชีวิตข้าความสามารถข้าไม่มีสิ่งใดกั้นขวางได้ พรสวรรค์ไร้ผู้เทียบเทียม กลับต้องมีชีวิตอยู่ท่ามกลางเงามืดของอีกาทมิฬที่ครอบเอาไว้ ต้องอาศัยหน้าของราชามังกรดำเพื่อมีชีวิตอยู่ สิ่งนี้กล่าวสำหรับข้าแล้ว การมีชีวิตอยู่แล้วมันต่างอะไรกับตาย!”
“ด้วยพรสวรรค์ ด้วยความสามารถ ด้วยสัจธรรมของข้า หากไม่ถูกอีกาทมิฬสยบเอาไว้ ข้าเป็นราชันเซียนไปนานแล้ว โลดแล่นโจนทะยานอยู่บนเก้าชั้นฟ้านานแล้ว กลายเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมเจิดจรัสที่สุดไปนานแล้ว!” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ กู้จุนที่เรียบเฉยมาตลอดอดที่จะส่งเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...