ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1657

ตอนที่ 1657 หนทางในอนาคต
เมื่อเทพแท้จริงสยบโลกาพูดขึ้นมาเช่นนี้ ยวีไท่จวินถึงกับจ้องมองดูสัจธรรมที่ไหลรินเหมือนกัน แต่ดูไม่รู้ถึงเส้นสนกลในอะไร กล่าวว่า “แล้วมันแตกต่างกันอย่างไรเล่า?”

จะอย่างไรเสีย ยวีไท่จวินมีชีวิตอยู่ไม่นานเท่าเทพแท้จริงสยบโลกา และเคยเห็นชะตาฟ้ามาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อเทียบด้านประสบการณ์กับเทพแท้จริงสยบโลกาแล้ว อย่างไรเสียนับว่ามีช่วงห่างอยู่

“พลัง สัจธรรม หลักกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดิน” เทพแท้จริงสยบโลกาที่จ้องเขม็งไปยังสัจธรรมที่ไหลริน เอ่ยขึ้นช้าๆ “เหมือนว่ามันจะขาดอะไรไปบางอย่าง หรือว่ามันกำลังจะสอดคล้องกับอะไรบางอย่าง สรุปก็คือการรวมตัวของเก้าแดนในคราวนี้ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา”

“สายตาของเทพแท้จริงสยบโลกาเฉียบขาดมาก” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ชาตินี้จะต้องไม่เหมือนกับใคร นอกจากจะไม่เหมือนกับยุคก่อนๆ แล้ว กระทั่งแตกต่างจากแต่ละศักราชที่ผ่านไป มันจะเป็นยุคสมัยที่ไม่เคยมีมาก่อน ศักราชครั้งนี้จะแตกต่างเพราะยุคสมัยที่ต่างกันในครั้งนี้”็น

“นี่จะเป็นสุดยอดศักราชของพวกเรารึ?” แม้แต่เทพแท้จริงสยบโลกายังกล่าวด้วยความรู้สึกเหนือความคาดคิด

“ไม่ ยุคสมัยของพวกเรายังไม่ใช่จุดสูงสุดของศักราช” หลี่ชิเย่ หัวเราะส่ายหัวและ กล่าวว่า “แต่ว่าศักราชนี้ของยุคสมัยนี้จะแตกต่างกับผู้อื่นอันเนื่องจากข้าหลี่ชิเย่ แม้ว่าในยุคนี้จะไม่ใช่จุดสูงสุดของศักราช แต่จะเป็นยิ่งกว่าจุดสูงสุดของศักราช! ยุคนี้จะต้องก้าวเดินไปถึงจุดสิ้นสุดของโลกหล้าด้วยน้ำมือของข้า ศักราชนี้ถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าจะต้องเจิดจรัส ชนรุ่นหลังไม่สามารถก้าวถึงขีดสูงสุดนี้ได้อีกแล้ว!”

บุคคลอื่นที่ได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แล้วอาจมองว่าเป็นการยกยอตนเอง แต่กับเทพแท้จริงสยบโลกาและยวีไท่จวินฟังแล้วกลับคิดว่ามันสมเหตุสมผล เนื่องจากพวกเขาต่างรู้ดีว่า เพื่อยุคสมัยเช่นนี้แล้ว ใต้เท้าได้สั่งสมมาอย่างยาวนานมาก ไม่มีใครเคยวางแผนการที่ยิ่งใหญ่และยาวนานมากไปกว่านี้อีกแล้ว!

โดยเฉพาะเทพแท้จริงสยบโลกาที่เคยติดตามหลี่ชิเย่ผ่านศึกพิฆาตเซียนมา เขาเข้าใจถึงไพ่ตายที่อยู่ในมือหลี่ชิเย่ซึ่งน่ากลัวกว่าที่ทุกคนได้จินตนาการเอาไว้ และนี่ก็คือสาเหตุที่เขาสามารถยืนหยัดมาได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน!

“ชาตินี้ข้าไม่เพียงจะต้องเป็นราชันเซียนเท่านั้น” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมา กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ชาตินี้ชะตาฟ้าสำหรับข้าแล้ว มันเป็นเพียงของประดับเท่านั้นเอง!”

“ชะตาฟ้าเป็นเพียงของประดับเท่านั้น!” แม้แต่ยวีไท่จวินที่ติดตามหลี่ชิเย่ มายังคงต้องตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดที่ฮึกเหิมเช่นนี้ นางย่อมรู้ว่าหลี่ชิเย่นั้นฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งนัก แต่ทว่า เมื่อเขากล่าวคำว่า “ชะตาฟ้าเป็นเพียงของประดับเท่านั้น” คำพูดนี้สร้างความหวั่นไหวให้กับยวีไท่จวินยิ่งนัก

แม้ว่าชะตาฟ้าจะไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของราชันเซียน แต่มันคือความมั่นใจถึงความปราศจากผู้ต่อกรของราชันเซียน และเป็นสิ่งพี่งพาอาศัยที่ทรงพลังมากที่สุดของราชันเซียน เวลานี้ หลี่ชิเย่กลับพูดออกมาว่า “ชะตาฟ้าเป็นเพียงของประดับเท่านั้นเอง” หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นที่ได้ยินคำๆ นี้ต้องไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด แต่ว่า เทพแท้จริงสยบโลกาและกับยวีไท่จวินต่างรู้ว่าสิ่งนี้ต้องเป็นความจริง!

“เหนือชะตาฟ้าขึ้นไปยังมีสิ่งอื่นๆ อยู่อีกหรือไม่?” เทพแท้จริงสยบโลกาถึงกับเอ่ยถามขึ้นมา

“บางทีอาจจะมี หรือบางทีอาจไม่มี คงระบุได้ยาก” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “แต่ว่า เหนือยุคสมัยขึ้นไปยังมีขอบเขตกาลเวลาที่กว้างไกลมากกว่า นั่นก็คือศักราชนั่นเอง!”

“ศักราช!” เทพแท้จริงสยบโลกาพยายามทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงคำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่อย่างละเอียด เนื่องจากเขารู้ถึงความหมายของคำว่าศักราช

เฉกเช่นหลี่ชิเย่พูดเอาไว้อย่างนั้น ศักราชคือขอบเขตของกาลเวลา ในหนึ่งศักราชเกิดจากหลายๆ ยุคสมัยรวมกัน

เหมือนดั่งประวัติโดยย่อของกาลเวลาในปัจจุบันอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นยุคปัจจุบัน หรือว่ายุคของราชันเซียนองค์ใดองค์หนึ่ง และหรือยุคของเหล่าราชันทั้งหมด กระทั่งยุคก่อนเหล่าราชันที่เป็นยุคบุกเบิกอารยะธรรม หรือไกลกว่านั้นในยุคไร้ซึ่งอารยะธรรม ยุคเหล่านี้ล้วนอยู่ภายใต้ศักราชทั้งสิ้น

หรือจะกล่าวว่า ศักราชนี้หมายรวมถึงยุคไร้ซึ่งอารยะธรรม ยุคบุกเบิกอารยธรรม ยุคอเวจี และยุคเหล่าราชันในปัจจุบัน

เคยมีผู้กล่าวเอาไว้ว่า จุดเริ่มต้นของศักราชนี้อยู่ที่ยุคไร้ซึ่งอารยธรรม การกล่าวในลักษณะเช่นนี้เท็จจริงเป็นอย่างไรนั้นไม่สามารถศึกษาค้นคว้าได้ และไม่มีใครรู้ว่าจุดเริ่มต้นของศักราชนี้เริ่มต้นที่ตรงไหน!

“เมื่อชะตาฟ้าเป็นเพียงของประดับเท่านั้น แล้วใต้เท้าตามหาพลังเช่นใดอยู่รึ?” แม้แต่ยวีไท่จวินที่เป็นคนมีความอดกลั้นสูงยังอดถามขึ้นมาไม่ได้

หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ชิงฟง เจ้าคิดง่ายเกินไปแล้วกับสุดปลายทางของโลกหล้า การต่อสู้ครั้งสุดท้ายอันเป็นที่สุดนั้นไหนเลยจะง่ายดายปานนั้น อาศัยเพียงแค่ชะตาฟ้าเท่านี้มันไม่เพียงพอหรอกนะ หาไม่แล้วคงไม่มีราชันเซียนแต่ละคน เซียนอ๋องแต่ละคนที่หนุนเนื่องต่อไปเรื่อยๆ บนเส้นทางสายนี้ เคยมีราชันเซียนที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งจำนวนเท่าไร เคยมีผู้ยิ่งใหญ่ที่ปราศจากผู้ต่อกรจำนวนเท่าไร พวกเขาล้วนแล้วแต่ล้มอยู่บนเส้นทางสายนี้ เคยมีกลุ่มคนที่สุดยอดปราศจากผู้ต่อกร เคยมีผู้ที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรต่อกันซึ่งมีกำลังมากพอที่จะกวาดล้างสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่ พวกเขาล้วนแล้วแต่ต้องล้มลงบนเส้นทางสายนี้ทั้งสิ้น”

สงครามบนเส้นทางสายนี้มีความทารุณโหดร้ายยิ่งนัก เมื่อเปรียบกับการศึก ณ สุดปลายทางของโลกหล้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นศึกแย่งชิงชะตาฟ้า หรือศึกแย่งชิงชะตาฟ้านัดสุดท้าย มันก็เป็นเพียงเกมการเล่นของเด็กๆ กลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง

“ข้าเชื่อว่าใต้เท้าสามารถหัวเราะเป็นคนสุดท้าย ใต้เท้ามีไพ่ตายอยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ยิ่งกว่านั้นมีท่าไม้ตายที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เพียงพอที่จะทำลายฟ้าดินทุกอย่าง” ยวีไท่จวินเอ่ยขึ้นมา

หลี่ชิเย่หัวเราะและส่ายหน้า กล่าวว่า “จริงอยู่ที่ข้ามีไพ่ตายอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ ไพ่ตายแบบนี้กล่าวได้ว่ามีผลเพียงแค่กับชีวิตเท่านั้น เฉกเช่นไพ่ตายที่ข้ามีอยุ่สามารถขู่ผู้ดำรงอยู่จำนวนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสุสาน หรือเป็นราชันเซียน ข้าก็มีไพ่ตายที่สามารถขู่พวกเขาได้ กระทั่งใช้กับเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ข้าก็มีไพ่ตายที่สามารถเป็นศัตรูกับเหล่าราชันเซียน แต่ กับสุดปลายทางของโลกหล้า ไพ่ตายเหล่านี้มันไร้ประโยชน์”

“แล้วท่าไม้ตายที่มีเพียงหนึ่งเดียวของใต้เท้าหละ? เทพแท้จริงสยบโลกา” อดปากมากถามขึ้นมาคำหนึ่ง

ท่าไม้ตายที่เทพแท้จริงสยบโลกาพูดถึงกึคือแท่งผลึก และก็คือสิ่งที่หลี่ชิเย่นำมันออกมาใช่ขู่เหมือนแร่เซียนปีศาจระกาชิ้นนั้น

ของชิ้นนี้บอกได้แต่เพียงว่าใช้เพื่อการข่มขู่เท่านั้น” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ไม่ว่ามันจะมีอานุภาพเท่าใดก็ตาม ของสิ่งนี้เมื่อนำมันออกใช้ทุกคนก็จบเกมกันหมด อย่าว่าแต่ไม่ถึงที่สุดเลย ต่อให้อยู่ในยุคที่สิ้นหวังที่สุดก็นำสิ่งนี้มาใช้ไม่ได้ เมื่อนำสิ่งนี้ออกใช้ทุกอย่างก็จะไร้ความหมายทันที หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง การที่ข้ามีของสิ่งนี้อยู่ในมือ สามารถใช้ประโยชน์ได้เพียงข่มขู่เท่านั้น เดิมพันด้วยความมั่นใจ วัดกันว่าใครจะสะกดอารมณ์ได้มากว่ากัน คนที่สะกดอารมณ์ได้ก็มั่นคง คนที่มีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรมั่นคงจะสามารถหัวเราะได้จนเป็นคนสุดท้าย!”

เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้ มองดูสัจธรรมแต่ละสายที่ยังคงไหลรินอยู่ และกล่าวว่า “ดังนั้น ที่ข้าต้องการคือพลังที่แท้จริง ต้องการพลังที่อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ใช่แค่ข่มขู่เล่นได้เท่านั้น มีเพียงเช่นนี้ข้าจึงสามารถหัวเราะจนเป็นคนสุดท้ายกับการศึกครั้งสุดท้ายในสุดปลายทางของโลกหล้าได้ ดังนั้น ชะตาฟ้าเมื่อเผชิญหน้ากับพลังเช่นนี้แล้วก็เป็นได้แค่ของประดับเท่านั้นเอง”

ทั้งเทพแท้จริงสยบโลกาและกับยวีไท่จวินต่างนิ่งเงียบกับสิ่งนี้ แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งจนถึงระดับนี้แล้วก็ไม่สามารถจินตนาการได้ว่า พลังเช่นนี้จะทรงพลังถึงเพียงใด แต่ว่า พวกเขาต่างเป็นผู้ที่เคยพบเห็นราชันเซียนมาแล้ว พวกเขาย่อมรู้ว่าราชันเซียนนั้นแข็งเกร่งเพียงใด โดยเฉพาะยามที่ราชันเซียนระเบิดพลังเต็มที่นั้นมันเป็นเรื่องที่สยองยิ่งนัก

เวลานี้ พลังที่หลี่ชิเย่ปรารถนานั้นกระทั่งชะตาฟ้ายังเป็นได้แค่ของประดับเท่านั้น พลังลักษณะเช่นนี้อยู่นอกเหนือจินตนาการของพวกเขาแล้ว

“น่าเสียดาย ข้าน้อยไม่สามารถเห็นท่วงทีที่มีความสง่างามของใต้เท้าขณะต่อสู้โดยลำพัง” เทพแท้จริงสยบโลกากล่าวทอดถอนใจออกมา

หลี่ชิเย่หัวเราะและมองไปยังท้องฟ้าที่ห่างไกล กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “บางครั้งการไม่ได้เห็นก็เป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง เวลาชนะทุกอย่างสดใส หากพ่ายแพ้ล่ะก็สุดที่จะจินตนาการ”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำให้เทพแท้จริงสยบโลกาและกับยวีไท่จวินต่างนิ่งเงียบขึ้นมา พวกเขาไม่กล้าจินตนาการถึงสงครามที่ยังยาวไกลในอนาคต และไม่ต้องการไปจินตนาการ พวกเขาต่างเป็นผู้ที่เคยผ่านศึกสงครามมาแล้วทั้งสิ้น รู้ว่าการศึกครั้งนี้จะโหดร้ายทารุณยิ่งกว่าการศึกครั้งไหนๆ ที่เรียกว่าโหดร้ายทารุณที่สุดที่พวกเขาได้เคยพานพบมาชั่วชีวิตจนนับไม่ถ้วนว่าโหดร้ายทารุณยิ่งกว่ากี่เท่าตัว

ชะตาฟ้ากำลังจะเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ทำให้ผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดของเก้าแดนล้วนแล้วแต่ ตื่นเต้นดีใจกัน กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากแล้ว พวกเขาสามารถรอคอยจนถึงวันนี้มาถึง ผู้บำเพ็ญตน จำนวนนับไม่ถ้วน และแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมากต่างอยากจะลองดูยิ่งนัก

อีกทั้งในเวลานี้ทุกแดนต่างปรึกษาหารือถึงผู้แทนที่ได้รับความนิยมสูงสุดที่จะเข้าร่วมชิงชัยในครั้งนี้ แน่นอน ผู้ได้รับความนิยมสูงสุดที่จะเป็นตัวแทนของแต่ละแดนล้วนแล้วแต่แตกต่างกัน จะอย่างไรเสีย เวลานี้เก้าแดนยังไม่ได้เชื่อมถึงกัน ดาวรุ่งของทุกแดนล้วนแล้วแต่ไม่เคยผ่านการต่อสู้และประลองฝีมือแบบตะลุมบอนกันอย่างแท้จริงมาก่อน ทุกคนได้แต่ประเมินในโลกหล้าของตนเองเท่านั้น

ตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูงสุดของแดนมนุษย์กษัตราย่อมได้แก่คนโหดอันดับหนึ่งกับหลงอ้าวเทียนแล้ว ขณะที่ผู้คนจำนวนมากมั่นใจในคนโหดอันดับหนึ่ง แน่นอน จากการที่หลงอ้าวเทียนมีพรรคเซียนเหินหนุนหลังอยู่ ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มั่นใจในตัวของหลงอ้าวเทียน

หลายคนในแดนมนุษย์กษัตราต่างตกอยู่ในห้วงของความยินดีกับข่าวเรื่องชะตาฟ้ากำลังจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา แต่ว่าพวกเขาดีใจได้ไม่นานก็เบิกบานไม่ออกเสียแล้ว โดยเฉพาะกับผู้บำเพ็ญตนของมหาสมุทรอุดรแล้ว มันคือภัยพิบัติมาเยือนนั่นเอง

“ตูม” เสียงดังสนั่น และแล้ววันนี้เอง เสียงที่ดังสนั่นได้สร้างความหวั่นไหวไปทั่วทั้งมหาสมุทรอุดร ทันใดนั้น บนท้องฟ้าปรากฏเสาสีดำขนาดเขื่องปราศจากผู้เทียบเทียมลงมาจากท้องฟ้า เสาสีดำนี้แลดูคล้ายพายุทอร์นาโดอย่างนั้น

โดยที่เสาสีดำห้อยหัวลงมาจากบนท้องฟ้าเหมือนพายุทอร์นาโดที่หอบเอาพลังลมที่ทรงพลังปราศจากผู้เทียบเทียม! พลังลักษณะเช่นนี้พลันฉีกท้องฟ้าจนกระจุย และมุ่งหน้าตรงไปยังสำนักเจ้าลัทธิแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอุดร

สำนักเจ้าลัทธิแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นสำนักขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยแคว้นต่างๆ ถึงสิบสามแคว้น มีธาตุแท้ภายในที่แกร่งมาก พวกเขาได้ให้กำเนิดระดับจักรพรรดิเทพคนแล้วคนเล่ามาแล้ว

“ถูกลอบโจมตี รับการโจมตี!” บรรดาระดับบรรพบุรุษทั้งหมดของสำนักเจ้าลัทธิแห่งนี้ถูกทำให้ตระหนก ร้องคำรามเสียงดังออกมา เมื่อเห็นพายุทอร์นาโดสีดำที่มุ่งหน้าเข้ามาหา

“ตึง ตึง ตึง” ในเวลานี้เสียงเตือนภัยได้ดังขึ้นทุกซอกทุกมุมของสำนัก ขณะเดียวกันแนวป้องกันแต่ละชั้นได้ปรากฎออกมา

เสียง “ปัง” ดังขึ้น ปรากฎว่าระบบป้องกันของสำนักเจ้าลัทธิไม่สามารถรับได้เลยกับพายุทอร์นาโดสีดำ ถูกทำลายสิ้นอย่างง่ายดาย

“ฆ่า” ศิษย์ทั้งหมดของสำนักเจ้าลัทธิแห่งนี้ ยอดฝีมือ และระดับบรรพบุรุษทั้งหมดลงมือพร้อมกัน และสำแดงพลังของตนที่มีอยู่ทั้งหมดออกมา กระทั่งมีระดับบรรพบุรุษที่เผาผลาญพลังลมปราณของตน เพื่อสำแดงพลังโจมตีที่ทรงพลังที่สุดในชีวิตออกมา

เสียงดัง “”ตูม ตูม ตูม…” ดังตูมตามไม่หยุด ฟ้าดินสั่นคลอนหวั่นไหว ไม่ว่าศิษย์ทั้งหมดของสำนักที่ร่วมกันสำแดงการโจมตีออกมาจะทรงพลังและแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม เมื่อต้องเผชิญกับพายุทอร์นาโดสีดำแล้วก็ไร้ค่าคู่ควรจะกล่าวถึง การโจมตีของพวกเขาถูกพายุที่น่ากลัวทำลายจนแหลกละเอียดไปในทันที

“อ๊ากก” ในเวลานี้เสียงร้องน่าเวทนาดังก้องไปทั่วฟ้าดิน ศิษย์ทั้งหมดของสำนักเจ้าลัทธิแห่งนี้ถูกดูดเข้าไปอยู่ท่ามกลางพายุทอร์นาโดสีดำที่น่ากลัว และถูกฉีกร่างจนแหลกเหลวกลายเป็นหมอกเลือด ไม่เว้นแม้แต่ระดับบรรพบุรุษก็ไม่สามารถหนีรอดไปได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล