เมื่อสงครามเริ่มต้นขึ้น มหาสมุทรอุดรต้องกลายเป็นสมรภูมิสู้รบอย่างแน่นอน ไฟสงครามย่อมเผาผลาญลามไปถึงสำนักกต่างๆ จำนวนมาก เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ไม่รู้ว่าสรรพชีวิตจำนวนเท่าไรที่ต้องสังเวยไปกับสิ่งนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้คนใต้หล้ายังไม่ทันได้เห็นสงครามครั้งยิ่งใหญ่แห่งยุค แต่ เก้าแดนกลับมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สะเทือนฟ้ายิ่งนัก
“แว้งค์” เสียงสั่นสะเทือนที่ไพเราะน่าฟังดังขึ้น เสียงนี้ไม่ได้ดังกังวานมากนัก แต่ว่าสรรพชีวิตนับล้านล้านชีวิตในเก้าแดนล้วนแล้วแต่ได้ยินเสียงนี้ได้อย่างชัดเจน ต่อให้บุคคลผู้นั้นไม่สามารถได้ยินได้ด้วยหู หรือต่อให้เป็นคนหูหนวก ยังคงสามารถได้ยินเสียงนี้ได้อย่างชัดเจน เพราะเสียงนี้ดังขึ้นมาจากภายในใจของคนผู้นั้น
เก้าแดนพลันเดือดพล่านขึ้นมาในค่ำคืนนี้นี่เอง สรรพชีวิตในเก้าแดนไม่ว่าจะเข้านอนแล้วหรือยังล้วนแล้วแต่ตกใจตื่นขึ้นมา ต่อให้เป็นเฒ่าประหลาดที่หลับไหลอยู่ใต้พื้นดินยังคงสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงที่ไพเราะน่าฟังเสียงนี้
ยามค่ำคืนของเก้าแดนในค่ำคืนนี้กลับกลายเป็นสวยพร่างพรายยิ่งนัก เสียง “แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์” ดังขึ้นมาเป็นระลอกกังวานก้องอยู่ท่ามกลางยามค่ำคืน ดังก้องทุกซอกทุกมุมของเก้าแดน
ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะอยู่ ณ ที่ราบกว้างใหญ่ หรือจะลึกลงไปในซอกเหลือบของหุบเขา และหรือเป็นทะเลทรายที่แห้งเหือด และหรืออยู่ท่ามกลางผู้คนที่แออัดยัดเยียด…
ทุกสรรพชีวิตล้วนแล้วแต่ได้ยินเสียงที่ไพเราะน่าฟังนี้ มันดังก้องสะท้อนอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน ดังก้องสะท้อนอยู่ในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ทุกๆ มุมโลกล้วนแล้วแต่สามารถได้ยินเสียงนี้กันทั้งสิ้น
เดิมท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เงียบสงบพลันปรากฎประกายแวบวับขึ้นมา มองเห็นสัจธรรมแต่ละสายที่คล้ายดั่งเป็นทางช้างเผือกรินไหลอยู่บนท้องฟ้า สัจธรรมลักษณะเช่นนี้ถูกปูลาดมาจากทุกทิศทุกทางของเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน สัจธรรมแต่ละสายเคลื่อนไหวอยู่บนท้องฟ้าและไหลรินท่ามกลางฟ้าดิน โดยที่สัจธรรมแต่ละสายแลดูคล้ายเป็นแม่น้ำแต่ละสายที่ไหลรินอย่างนั้น จากไกล้ไกลไหลไปยังที่ที่ห่างไกลออกไป ไหลไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงส่วนที่ลึกที่สุดของจักรวาล ไหลไปจนกระทั่งถึงแหล่งต้นกำเนิดหมื่นสัจธรรมของฟ้าดิน
ขณะที่สัจธรรมแต่ละสายที่ไหลรินอยู่ท่ามกลางฟ้าดินนั้น มันมีความบริสุทธิ์และพร่างพราว เหมือนว่าที่ไหลรินอยู่นั้นไม่ใช่น้ำในแม่น้ำ แต่เป็นเศษของดวงดาวที่ส่งประกายระยิบระยับออกมา เป็นประกายของเพชรที่เจิดจ้าแวบวับ และหรือเป็นกาลเวลาที่ไหลริน…
แม้ว่าทุกๆ สัจธรรมจะมีสีสันที่แตกต่างกัน และหลากหลายรูปแบบ แต่ว่า ทุกๆ สัจธรรมล้วนแล้วแต่บริสุทธิ์อะไรอย่างนั้น ทุกๆ สัจธรรมล้วนแล้วแต่สะอาดเอี่ยมอย่างนั้น นี่คือพลังที่บริสุทธิ์ที่สุดของฟ้าดิน เป็นพลังงานที่บริสุทธิ์ที่สุดของฟ้าดิน
สัจธรรมลักษณะเช่นนี้หาใช่เกิดจากการฝึกฝน ใช่เกิดจาการบ่มฟัก มันคือพลังของแหล่งต้นกำเนิด เป็นพลังสืบทอดที่เกิดจขึ้นในแต่ละยุคสมัย พลังลักษณะเช่นนี้ สัจธรรมเช่นนี้ จะปรากฎออกมาให้เห็นเฉพาะจุดเริ่มต้นแห่งยุคสมัยเท่านั้น
เมื่อพลังลักษณะเช่นนี้จากเก้าแดนรวมตัวขึ้นมา เมื่อสัจธรรมลักษณะเช่นนี้ของเก้าแดนรวมตัวกันขึ้นมา ภายใต้การวิวัฒนาการของฟ้าดิน ในที่สุดก็สำเร็จกลายเป็นสิ่งที่ผู้บำเพ็ญตนทุกยุคทุกสมัยใฝ่ฝันตลอดเวลา นั่นก็คือชะตาฟ้า!
สัจธรรมที่ไหลรินอยู่บนท้องฟ้า หลากหลายสารพัน บ้างเหมือนสายธารที่ไหลเอื่อยๆ บ้างเหมือนแม่น้ำที่พลุ่งพล่านไม่หยุด และบ้างเหมือนทางช้างเผือกบนจักรวาลที่แผ่ขยายออกไป…
มองดูสัจธรรมแต่ละสายที่ไหลรินอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน ทำให้สรรพชีวิตของเก้าแดนล้วนแล้วแต่ตะลึง สิ่งนี้กล่าวสำหรับสรรพชีวิตจำนวนมากแล้ว มันเป็นภาพที่ชั่วชีวิตก็ไม่แน่ว่าจะได้พบเห็น ความวิจิตรตระการตาเช่นนี้ทุกๆ ยุคสมัยมีให้เห็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!
“นั่นคืออะไร” ผู้เยาว์ที่มองเห็นสัจธรรมแต่ละสายที่ไหลรินอยู่เป็นครั้งแรกในชีวิต ชี้ไปที่ท้องฟ้าและเอ่ยถามขึ้นมา
“การรวมตัวของชะตาฟ้า พลังแห่งยุคสมัยยุคหนึ่ง การสืบทอดของเก้าแดน จะไหลมาชุมนุมด้วยกัน ท้ายสุดจะกลับกลายเป็นชะตาฟ้า” ผู้อาวุโสที่เคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อนแล้วกล่าวว่า “ชะตาฟ้าจะถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว ยุคสมัยหนึ่งเริ่มต้นขึ้น ราชันเซียนในอนาคตก็จะถือกำเนิดขึ้นแล้ว”
“ชะตาฟ้า” เมื่อผู้เยาว์ได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสแล้วมีสีหน้าที่แสดงถึงความประทับใจ กระทั่งตื่นเต้นยิ่งนัก กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนทุกคนแล้ว ชั่วชีวิตของพวกเขากระหายอยากได้ครอบครองชะตาฟ้าอย่างยิ่ง
เมื่อได้ครอบครองชะตาฟ้าแล้ว ก็บ่งบอกว่าปราศจากผู้ต่อกรไปทั้งชาติ บ่งบอกว่าสามารถบงการยุคนี้ และบ่งบอกว่าจะได้เป็นราชันเซียนของยุคสมัยนี้
การสืบทอดชะตาฟ้าเป็นสิ่งที่มุ่งมาดปรารถนาสุดท้ายของบรรดาผู้บำเพ็ญตนทั่วหล้า ไม่รู้มีผู้บำเพ็ญตนจำนวนเท่าไรที่ปรารถนาสิ่งนี้อย่างขะมักเขม้นไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่รู้ว่ามีผู้บำเพ็ญตนจำนวนเท่าไรที่ต้องกลายเป็นโครงกระดูก กลายเป็นธุลีดินไป
ไม่ว่าเส้นทางสายนี้จะยากลำบากแสนเข็ญเพียงใด ไม่ว่าเส้นทางสายนี้จะอันตรายเท่าไร แต่ทว่า นับแต่อดีตกาลเป็นต้นมาถึงปัจจุบันไม่เคยมีใครหยุดการก้าวเดินต่อความปรารถนาเช่นนี้ ทุกคนต่างกระหายเป็นผู้ที่สามารถครอบครองชะตาฟ้าสักวัน และได้เป็นราชันเซียน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...