ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1655

ตอนที่ 1655 ใครคือนกขมิ้นที่แท้จริง
บรรยากาศในความนิ่งเงียบ เมื่อหลินเทียนตี้ได้ฟังคำบรรดาเหล่าบรรพบุรุษแล้ว ทำให้รับรู้ถึงเรื่องนี้ชัดเจนเพิ่มมากขึ้น เสียดายที่เวลานี้เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้

“บางทีหากราชินียังอยู่อาจสามารถแก้ไขชะตาของพรรคเซียนเหินได้” บรรพบุรุษอีกผู้หนึ่งที่อายุอ่อนกว่าบ่นพึมพำออกมา

“บางทีอาจเป็นเช่นนั้น” บรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุดก็นิ่งเงียบนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “ราชินีเหรินเสียนเป็นผู้ที่เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมคนหนึ่ง เข้าใจสถานการณ์ รู้จักกาลเทศะ นางคอยช่วยบริหารราชการงานให้กับราชันเซียนเหรินเสียน การที่ราชันเซียนเหรินเสียนสามารถสืบทอดชะตาฟ้าได้นับว่านางมีผลงานยิ่ง เพียงแต่นางเสียชีวิตเร็วไป ไม่มีโอกาสได้รับเกียรติยศในฐานะของราชินีราชันเซียน”

“นั่นน่ะสิ ด้วยความที่ราชินีเหรินเสียนเพียบพร้อมด้วยคุณธรรม หากนางยังคงมีชีวิตอยู่ล่ะก็ บางทีอาจสามารถคลี่คลายอารมณ์อาฆาตแค้นที่อยู่ในใจของบรรดาโอรสราชันเซียนได้ ภายใต้การสั่งสอนของนาง เหล่าโอรสราชันสามารถกลายเป็นผู้ที่เพรียบพร้อมด้วยปรีชาญาณ กระทั่งอาจมีโอรสราชันเซียนได้เป็นราชันเซียน หากราชินีเหรินเสียนมีอายุยืน ไม่แน่นักอาจสามารถกำจัดเงาทมิฬที่ครอบคลุมพรรคเซียนเหินของพวกเรา” บรรพบุรุษอีกผู้หนึ่งก็กล่าวสนับสนุน

หลินเทียนตี้นิ่งเงียบอยู่ตรงนั้น โลกนี้ไม่มีหากว่า และโลกนี้ก็ไม่มีโอกาสเริ่มต้นใหม่

“สิ่งที่เจ้าควรจะรับรู้ก็รู้จนหมดแล้ว” บรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุดได้กล่าวกับหลินเทียนตี้ว่า “พาศิษย์ไปจากที่นี่ ไปให้ไกลจากพรรคเซียนเหิน ไกลเท่าไรยิ่งดี อย่าได้กลับมาอีกแล้ว”

“ได้มีการคัดเลือกศิษย์ในสำนักให้กับเจ้าแล้ว เจ้าไปเสียแต่คืนนี้อย่างเงียบๆ ไม่ต้องมีการล่ำลา และห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร” บรรพบุรุษผู้หนึ่งได้นำรายชื่อชุดหนึ่งยื่นให้กับหลินเทียนตี้

บรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุดกล่าวว่า “แม้ว่าสถานการณ์เวลานี้ทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว แต่สามสายของพวกเรายังพอมีทรัพยากรเหลืออยู่บ้าง ได้เก็บรวบรวมให้เจ้าเรียบร้อยแล้ว จงนำติดตัวไปด้วย สามารถมีทายาทสืบสานต่อไปได้หรือไม่นั้นได้แต่หวังพึ่งมันแล้วล่ะ”

“ท่านบรรพบุรุษ” หลินเทียนตี้ไม่อยากจากไป รีบกล่าวว่า “ข้ายินดีอยู่เป็นเพื่อนกับบรรดาบรรพบุรุษทั้งหลาย ต่อให้ต้องต่อสู้จนถึงที่สุดข้าก็ไม่อยากจากไป หากว่าท่านบรรพบุรุษต้องการให้มีผู้สืบสานทายาทต่อไป ภายในสำนักยังคงมีตัวเลือกคนอื่นๆ อยู่อีก ท่านบรรพบุรุษส่งเสริมข้า ข้าไม่สามารถหลบหนีไปในขณะที่มีภัย”

“ไม่ ที่พวกเราเลือกเจ้านั้นมีเหตุผลอยู่ ที่พวกเราให้เจ้าไปพบใต้เท้าก็มีเหตุผลเหมือนกัน” บรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุดส่ายหัวเบาๆ และกล่าวว่า “ไม่มีใครเหมาะสมมากไปกว่าเจ้าอีกแล้ว ใต้เท้าชื่นชมเจ้า ดังนั้น หากเจ้าจะพาเมล็ดพันธุ์ทั้งสามสายไปจากพรรคเซียนเหิน ใต้เท้าจะไม่ตามล่าเจ้า แต่หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นล่ะก็คงพูดยาก”

“แต่ว่า” หลินเทียนตี้อ้าปากทำท่าจะพูด

บรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุดได้กล่าวตัดบทหลินเทียนตี้ เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ไม่ต้องแต่อีกแล้ว เรื่องนี้ได้ตัดสินใจแล้ว นี่แหละคือสิ่งที่เจ้าจะตอบแทนพวกเรา นี่แหละคือสิ่งที่เจ้าจะตอบแทนให้พรรคเซียนเหิน เจ้าทำให้ทายาททั้งสามสายสามารถสืบสานต่อไปได้ก็คือการตอบแทนที่มากที่สุด”

หลินเทียนตี้มองดูบรรพบุรุษที่อยู่ ณ ที่ตรงนี้เข้าใจแล้วว่าเรื่องนี้ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว

สุดท้าย หลินเทียนตี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง คุกเข่าลงด้วยความเคารพ โขกศีรษะเก้าทีให้กับบรรดาบรรพบุรุษที่อยู่ตรงนั้น กล่าวว่า “ท่านบรรพบุรุษ ข้าไม่สามารถอยู่รับใช้ได้อีกต่อไป ขอให้ท่านรักษาตัวด้วย”

“ไปเถอะ ไปให้ไกลได้เท่าไรยิ่งดี อย่าหันกลับมา อย่าหันมอง จงจำเอาไว้ อย่าแก้แค้น ให้มีทายาทสืบสานต่อไป ให้เมล็ดพันธุ์พวกเราไม่สูญสลาย เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว” บรรพบุรุษที่อาวุโสมากที่สุดกำชับหนักแน่น

“ศิษย์น้อมรับบัญชา” หลินเทียนตี้คารวะอีกครั้ง สุดท้ายกัดฟันหันหลังจากไปทันที ไม่กล้าหันหัวกลับไป น้ำตาได้ทำให้ดวงตาทั้งสองของเขาพร่ามัว เนื่องจากเขารู้ว่าจากกันครั้งนี้แล้วจะไม่ได้พบกันอีก เนื่องจากเขารู้ว่าการไปครั้งนี้จะไม่ได้กลับมาที่พรรคเซียนเหินอีกแล้ว

บรรดารรพบุรุษที่อยู่ ณ ตรงนั้นมองดูร่างเงาของหลินเทียนตี้ที่หายไป และค่อยๆ หลับตาทั้งสองข้างลง ทุกอย่างถูกกำหนดเอาไว้แล้ว พวกเขาไม่ต้องการไปฝืนอีกต่อไป

ณ เมืองหมิงจู หลี่ชิเย่ยังคงนั่งอยู่ที่ตรงนั้นหลังจากที่หลินเทียนตี้ได้อำลาจากไปแล้ว เพียงแต่เวลานี้มียวีไท่จวินมานั่งเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ

“พลันที่กองทัพมังกรเขียวปรากฏออกมา แตกตื่นไปทั่วหล้า” ยวีไท่จวินถึงกับกล่าวว่า “เมื่อกองทัพมังกรเขียวปรากฏต่อยุทธภพ ผู้ที่รู้จักกองทัพมังกรเขียวล้วนแล้วแต่เข้าใจได้ว่า ใต้เท้าจะต้องบงการเก้าแดน ต่างรู้ดีว่าใครก็คิดครอบครองชะตาฟ้าไม่ได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แล้ว ยังจะมีการเปิดศึกรึ? พรรคเซียนเหินยังจะแก้แค้นอีกรึ?”

“แน่นอน” หลี่ชิเย่เผยให้เห็นรอยยิ้มเต็มใบหน้า กล่าวเอ้อระเหยขึ้นว่า “ศึกครั้งใหญ่กำลังจะเริ่ม พรรคเซียนเหินต้องทุ่มสุดตัวในครั้งนี้ พวกเขาจะเดิมพันด้วยทุกสิ่งทุกอย่างกับการรบครั้งนี้!”

“บรรดาลูกๆ ของราชันเซียนเหรินเสียนแม้จะมีความแข็งแกร่ง แต่ว่า ยังไม่ถึงกับตาบอดกระมัง พลันที่กองทัพมังกรเขียวปรากฏ พวกเขารู้แล้วว่าสิ่งนี้บ่งบอกถึงสิ่งใด!” ยวีไท่จวินกล่าวด้วยความรู้สึกเหนือความคาดคิดว่า “ขณะที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่ทันเปิดศึกจริงจังยังคงมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้ ถ้าหากพวกเขาไม่ไร้เสมองมากเกินไปล่ะก็ สมควรให้ขุนพลเก่าๆ ในอดีตมาขอความเมตตา หากเปลี่ยนเป็นข้าที่อยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยค่าตอบแทนอย่างไรก็ขอรักษาพรรคเซียนเหินเอาไว้ มันเป็นการศึกที่ไม่มีโอกาสชนะได้เลย”

“ดังนั้น พวกเขาไม่ใช่เจ้า และเจ้าก็ไม่ใช่พวกเขา” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “อีกทั้งพวกเขาไม่เคยคิดจะเจรจาสงบศึก ถอยไปหมื่นก้าว ต่อให้พวกเขาต้องการเจรจาสงบศึก เรื่องนี้ก็ใช่ว่าพวกเขาสามารถตัดสินใจได้ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะต้องทุ่มเทเสี่ยงกับมันสักครั้งแน่นอน!”

“เป็นเพราะอะไรกันแน่ ทำให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังถึงได้มีความมั่นใจถึงเพียงนี้ว่าสามารถต่อสู้ชี้ขาดกับใต้เท้าได้!” ยวีไท่จวินอดกล่าวด้วยความแปลกใจไม่ได้

ขอเพียงคนที่รู้จักการดำรงอยู่ของอีกาทมิฬ ล้วนแล้วแต่รู้ว่าที่จนเผชิญอยู่คืออะไร นี่มันคือผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล คือผู้ดำรงอยู่ในฐานะผู้บงการเก้าแดน เป็นมือมืดนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ภายใต้ยุคที่ไม่มีราชันเซียน กำลังใดๆ หรือผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นใดก็ตาม หากเป็นศัตรูกับเขาย่อมเท่ากับเอาไข่ไปกระทบหิน ต่อให้ราชันเซียนเป็นศัตรูกับเขาก็ไม่มีจุดจบที่ดี!”

“สิ่งนี้ไม่เพียงเพราะผู้อยู่เบื้องหลังมีพลังที่แข็งแกร่งต้องการต่อสู้ชี้ขาดกับข้าเท่านั้น” หลี่ชิเย่ ยิ้มกล่าวว่า “นอกจากผู้อยู่เบื้องหลังที่คิดว่าตัวเองมีกำลังที่แข็งแกร่งเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นก็คือเวลาไม่คอยท่าพวกเขา!”

“เวลาไม่คอยท่าพวกเขา?” หยีไท่จวินรู้สึกงุนงง ตามไม่ทัน

“เนื่องจากชาตินี้ข้ามาด้วยตนเอง” หลี่ชิเย่เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มเต็มใบหน้า กล่าวว่า “เนื่องจากชาตินี้ข้าไม่ได้มีชีวิตที่เป็นอมตะอีกแล้ว! ผู้ที่วางแผนทุกอยู่อยู่เบื้องหลังเข้าใจเป็นอย่างดี ชาตินี้ข้าไม่มีราชันเซียนคอยหนุนหลัง ทั้งยังไม่ได้อยู่ในฐานะไม่มีวันตาย นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขา หากจะบอกว่าช่วงเวลาไหนที่สามารถสังหารข้าให้ตายได้ ย่อมจะต้องเป็นชาตินี้เท่านั้น! ดังนั้น ผู้ที่อยู่เบื้องหลังต้องเสี่ยงกับมันเต็มที่

“สิ่งนี้ก็เป็นเหตุผลที่กู้จุนต้องการเสี่ยงสักครั้งเช่นกัน เพราะกู้จุนเองก็เข้าใจเช่นกัน ชาตินี้เป็นโอกาสเดียวเท่านั้น! พลาดจากชาตินี้ไปจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว” เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยถึงตรงนี้ถึงกับหัวเราะขึ้นมา ในรอยยิ้มนั้นเปี่ยมไปด้วยความน่าคิด กล่าวว่า “เฉกเช่นคนที่วางแผนอยู่เบื้องหลังพรรคเซียนเหินมายุคแล้วยุคเล่า ถ้าหากปล่อยให้ข้าจากไปง่ายๆ เช่นนี้ พวกเขาย่อมไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศไปได้!”

“ดังนั้น สิ่งนี้กล่าวสำหรับผู้อยู่เบื้องหลังพรรคเซียนเหิน สำหรับกู้จุนแล้ว พวกเขามีโอกาสเพียงครั้งเดียว นั่นก็คือชาตินี้!” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “หากพลาดจากชาตินี้ไปแล้ว ข้าอยู่บนเก้าชั้นฟ้าโน่นแล้ว! ต่อให้อนาคตพวกเขาแข็งแกร่งปานใดก็ตาม ต่อให้อนาคตพวกเขาสามารถขึ้นไปได้จริงสักวัน”

“บนเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินนั่นพวกเขานับเป็นตัวอะไร!” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา กล่าวว่า “ต่อให้พวกเขาแข็งแกร่งจนถึงขั้นขึ้นไปยังเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินได้ ถึงตอนนั้น ข้าจะเหยียบพวกเขาให้ตายก็เหมือนเหยียบมดตัวหนึ่งเท่านั้น กู้จุนเข้าใจเหตุผลข้อนี้ดี ผู้อยู่เบื้องหลังพรรคเซียนเหินก็เข้าใจเหตุผลข้อนี้เช่นกัน ดังนั้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ชาตินี้พวกเขาก็จะเสี่ยงวัดเต็มที่ พวกเขาไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศไว้ได้ ไม่สามารถปล่อยให้แผนการที่วางเอาไว้ยุคแล้วยุคเล่าต้องคว้าน้ำเหลวในที่สุด!”

ภายในใจของหลี่ชิเย่เต้นกระตุกทีหนึ่งเมื่อเห็นรอยยิ้มของหลี่ชิเย่ บังเกิดความคิดที่น่ากลัวขึ้นมา ร้องเสียงหลงออกมาว่า “ใต้เท้ารู้ตลอดเวลาว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเป็นใคร!”

“เรื่องนี้รึ” เมื่อยวีไท่จวินพูดออกมาเช่นนี้ หลี่ชิเย่เผยให้เห็นรอยยิ้มเต็มใบหน้า ไม่ตอบคำถามตรงๆ

“ใต้เท้ารู้มาตลอด คราวที่อาศัยกำลังบังคับเข้าตรวจสอบก็รู้แล้วหละ!” ยวีไท่จวินติดตามหลี่ชิเย่ มานานย่อมเข้าใจว่า รอยยิ้มลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่บ่งบอกถึงอะไร ในเวลานี้ภายในใจของนางดูชัดเจนขึ้นมา

ก่อนหน้านั้น หลี่ชิเย่ไม่ยอมพูดถึงเรื่องนี้ และไม่พูดมาก นางยังเข้าใจว่าครั้งนั้นที่อาศัยกำลังเข้าตรวจค้นไม่สามารถค้นหาหลักฐานที่หนาแน่นจึงทำอะไรพรรคเซียนเหินไม่ได้ ไม่สามารถตัดสินความผิดพรรคเซียนเหินได้ ดูท่าไม่ได้เป็นดั่งที่เห็นเสียแล้ว

“ข้าก็แค่คาดเดาเท่านั้นเอง เรื่องนี้ใกล้จะจบสิ้นลงแล้วคงไม่ต้องปิดบังอีก” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวขึ้น

ยวีไท่จวินเก็เข้าใจ แต่ว่า นางนับว่าไม่ได้ตื่นตระหนกกับเรื่องนี้เกินไป ความจริงแล้ว หากจะว่ากันถึงเรื่องของแผนร้ายแล้วล่ะก็ ใครบ้างล่ะสามารถเทียบกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ได้เล่า?

“ครั้งนั้นเหตุใดใต้เท้าไม่จับพวกมันเอาไว้และทำลายพรรคเซียนเหินพร้อมกันไปทีเดียวเลย?” ยวีไท่จวินเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย

หลี่ชิเย่นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้าย เข้าเพียงทอดถอนใจออกมาเบาๆ กล่าวว่า “บางทีอาจเป็นเพราะข้าใจอ่อนมั้ง ครั้งนั้นบรรดาตาเฒ่าเหล่านั้นล้วนคุกเข่าอยู่ตรงนั้น หัวโขกพื้นจนเลือดไหลไม่หยุด พวกเขาเคยทำงานให้กับข้า พวกเขาเคยภักดีกับข้า และเคยทุ่มเทให้ข้าอย่างสุดความสามารถ ถือว่านี่คือการให้โอกาสพวกเขาสักครั้ง หวังว่าพวกเขาเองสามารถตรวจสอบพบและกำจัดเงาทมิฬด้วยตนเอง เสียดาย พวกเขาล้วนแล้วแต่แก่เฒ่าแล้ว พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ที่อยู่เบื้องหลังพรรคเซียนเหิน คนผู้นี้หลบซ่อนได้ดีมาก พวกเขากระชากมันตัวออกมาไม่ได้!”

“อีกอย่าง” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่ดูน่ากลัว เผยให้เห็นปณิธานการฆ่าออกมา กล่าวว่า “สายเลือดอเวจีเป็นหนามยอกอกในใจของข้าตลอดมา มีผู้ที่คอยแต่จะศึกษาตลอด มีผู้ที่คอยแต่จะวิวัฒนาการสายเลือดนี้ตลอดมา เรียกได้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังพรรคเซียนเหินผู้นี้เป็นผู้ที่ทำการได้ยอดเยี่ยมที่สุดหลังสิ้นสุดยุคอเวจีเป็นต้นมา ข้ากลับอยากจะรู้นักว่าเขาทำไปได้ถึงขั้นไหนแล้ว! ทำให้ข้าสามารถเข้าใจถึงการวิวัฒนาการของสายเลือดอเวจีที่แท้จริงได้พอดี”

“ในเมื่อผู้ที่อยู่เบื้องหลังได้ทำการวางแผนมายุคแล้วยุคเล่าเพื่อเล่นงานข้า ข้าก็จะให้โอกาสแก่เขา รอให้เขาสำเร็จแล้วค่อยจัดการพวกมันทีเดียวทั้งหมด เมื่อถึงเวลานั้นผู้คนในยุคหลังจะได้เข้าใจถึงสายเลือดอเวจีที่ลึกซึ้ง รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มที่เต็มใบหน้าออกมา

“นี่เป็นการยืมมือผู้ที่อยู่เบื้องหลังพรรคเซียนเหินมาสังเกตุการวิวัฒนาการของสายเลือดอเวจี” ยวีไท่จวินเข้าใจเรื่องนี้แล้ว

“มีคนครุ่นคิดเรื่องนี้มาตลอด ข้ารู้สึกกังวลอยู่นิดหนึ่งว่าต่อไปสายเลือดนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน และลอบแฝงตัวเข้าไปอยู่ในสายเลือดของพวกเรา ทำให้ไม่สามารถแยกแยะได้ชัดเจนว่าอันไหนคือสายเลือดมนุษย์ อันไหนคือสายเลือดอเวจี ในเมื่อมีคนทำถึงขั้นนี้แล้ว งั้นให้เป็นตัวอย่างสำหรับศึกษาก็ดี ทำให้ผู้คนในยุคหลังรู้ว่าสายเลือดเช่นใดที่พวกเขาเองสมควรป้องกัน” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวท่าทีเฉยเมย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล