ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1654

ตอนที่ 1654 สถานการณ์โดยรวมถูกกำหนดไว้แล้ว
ภายในตำหนักตกอยู่ในความเงียบสงัด บรรยากาศในเวลานี้คล้ายดั่งมีก้อนหินที่หนักอึ้งกดทับอยู่ในใจของทุกคนจนแทบหายใจไม่ออก

“พวกเรา พวกเราไม่มีความหวังแล้วจริงๆ รึ?” หลินเทียนตี้ปริปากพูดคำๆ นี้ออกมา ขณะที่พูดคำนี้ออกมาเขารู้สึกว่ามันหนักอึ้งเหลือเกิน พูดออกมาอย่างไม่มั่นใจนัก

“ไม่มีหวัง” บรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุดส่ายหน้าและกล่าวว่า “พลันที่กองทัพมังกรเขียวปรากฎออกมา ทุกอย่างก็ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว ต่อให้กองทัพมังกรเขียวไม่ปรากฏออกมาจุดจบก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ไม่มีกองทัพมังกรเขียว ยังมีกองทัพพยัคฆ์ ยังมีกองทัพอื่นๆ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม จุดจบได้ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว”

“เมื่อพรรคเซียนเหินพวกเราก้าวข้ามจุดต่ำสุดที่สามารถยอมรับได้ไปแล้วนั้น ทุกอย่างโดยรวมก็ถูกกำหนดไว้แล้ว ต่อให้มีราชันเซียนอยู่ภาพรวมก็เป็นเช่นนั้น” บรรพบุรุษอีกคนทอดถอนใจออกมาเบาๆ และกล่าวว่า “การมีราชันเซียนอยู่อย่างมากก็แค่ดิ้นรนได้มากหน่อย ทำให้สงครามนั้นทารุณโหดร้ายยิ่งขึ้นไปอีกเท่านั้นเอง พรรคเซียนเหินพวกเราแข็งแกร่งมากน่ะใช่ แต่ แข็งแกร่งกว่าอเวจีในครั้งนั้นหรือไม่? ต่อให้พวกเราได้กำเนิดราชันเซียนขึ้นมา ก็ไม่เห็นจะแข็งแกร่งมากไปกว่าราชันเซียนหลงหมิ่น”

“อเวจีในครั้งนั้นยังคงต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไปตามระเบียบ ครั้งนั้น ราชันเซียนหลงหมิ่นถูกสังหารด้วยการตรึงเอาไว้บนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ เสียงร้องแหลมอันน่าเวทนาทำให้เก้าแดนยังต้องสั่นเทา” บรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุดผู้นี้ได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ “เพียงแต่เสียดาย ท้ายที่สุดแล้วพรรคเซียนเหินยังคงสิ้นสุดในมือของพวกเรา ชาตินี้พวกเราล้วนแล้วแต่กลายเป็นคนบาป ใครก็หนีไม่พ้นต้องละอายต่อบรรพชน”

บรรพบุรุษคนอื่นๆ ก็นิ่งเงียบขึ้นมา กล่าวสำหรับในเก้าแดน ผู้บำเพ็ญตนและหรือสำนักอื่นๆ แล้ว การดำรงอยู่เฉกเช่นพวกเขานับว่าสามารถสยบผู้ปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า ทุกคนต่างเคารพยำเกรง

แต่เมื่อเผชิญกับการจะต้องล่มสลายของพรรคเซียนเหินแล้ว พวกเขายังคงไม่สามารถทำอะไรได้ พวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ พวกเขาไม่มีกำลังพอที่จะไปบงการสถานการณ์ได้ เวลานี้พวกเขาต่างรู้สึกว่าตัวเองนั้นแก่แล้วจริงๆ เรื่องหลายเรื่องมีใจแต่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงเสียแล้ว

“แต่ว่า พวกเราสามารถโน้มน้าวบรรดาโอรสราชันนี่ ให้บรรดาโอรสราชันละทิ้งการแก้แค้น หากจำเป็นจริงๆ พวกเราสามารถโน้มน้าวให้บรรดาโอรสราชันเจรจาสงบศึกกับใต้เท้าอีกาทมิฬ” หลินเทียนตี้ยังคงไม่ละทิ้งความพยายาม พรรคเซียนเหินมีบุญคุณกับเขาดั่งขุนเขา กล่าวสำหรับเขาแล้วพรรคเซียนเหินก็คือบ้านหลังที่สองของเขา มองเห็นพรรคเซียนเหินต้องถูกทำลาย ในใจของเขาก็รู้สึกรับไม่ได้อย่างยิ่ง

“เจ้าไม่เข้าใจพวกเขา” บรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุดส่ายหน้า และกล่าวว่า “ความตั้งใจที่จะแก้แค้นของพวกเขานั้นไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้ มิฉะนั้นล่ะก็ ตาเฒ่าอย่างพวกเราคงไม่ถูกขังอยู่ที่ตรงนี้”

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ บรรดาเหล่าบรรพบุรุษต่างทอดถอนใจออกมา หากพวกเขายังอยู่ในวัยหนุ่ม หากพวกเขายังคงมีพลังลมปราณคึกคักมีชีวิตชีวาเหมือนดั่งครั้งครานั้นล่ะก็ การต่อสู้ชี้ขาดกับบรรดาโอรสราชันของราชันเซียนเหรินเสียน พวกเขายังมีสิทธิ์ชนะได้

เสียดาย พวกเขาล้วนแล้วแต่แก่เฒ่ากันแล้ว พลังลมปราณแห้งเหือด อายุขัยใกล้จะสิ้น ไม่สามารถต่อสู้ได้นานต่อเนื่อง ขณะที่บรรดาโอรสราชันของราชันเซียนเหรินเสียนไม่ได้แก่ขึ้น ยังคงหนุ่มแน่นและพลังลมปราณยังคงคึกคักมีชีวิตชีวา ด้วยเหตุนี้เอง แม้บรรดาเหล่าบรรพบุรุษพวกเขาทั้งสามสายร่วมมือกันก็ยังคงพ่ายแพ้

“แม้ว่าบรรดาโอรสราชันถูกบีบให้ต้องหนีเข้าไปอยู่ในคุกเซียน แต่พวกเขากลับโชคดีบนความโชคร้าย” หลินเทียนตี้ในฐานะกลุ่มคนรุ่นใหม่ยังคงมีความเป็นเด็กอยู่บ้าง

“ไม่ พวกเขาใช่เพียงต้องการแก้แค้นให้กับตัวของพวกเขาเองเท่านั้น พวกเขายังต้องการแก้แค้นให้กับบิดาของพวกเขา” บรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุดกล่าวขึ้นมา

“แก้แค้นให้กับราชันเซียนเหรินเสียน?” หลินเทียนตี้ตะลึงนิดหนึ่ง หลุดปากมาว่า “เป็นเพราะอะไร?”

“ความอัปยศ!” บรรพบุรุษอีกคนกล่าวว่า “พวกเขาคิดว่ามันคือความอัปยศ พรรคเซียนเหินพวกเราคือหนึ่งสำนักห้าราชันเซียน บิดาของพวกเขาคือราชันเซียนปราศจากผู้ต่อกรกลับต้องยอมอ่อนข้อให้กับคนอื่น ถูกผู้อื่นสยบมัดมือมัดเท้าของตนเองเอาไว้ ภายในใจของพวกเขารู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นความอัปยศอย่างยิ่งในชีวิตบิดาของพวกเขา! ดังนั้น พวกเขาพยายามที่จะลบล้างความอัปยศนี้ให้กับผู้เป็นบิดาเสมอมา!

“เกรงว่านี่อาจเป็นเหตุที่พวกเขาเข้าร่วมแผนการนี้” บรรพบุรุษอีกผู้หนึ่งกล่าวว่า “อาศัยพวกเขาไม่สามารถต่อต้านใต้เท้าอีกาทมิฬได้อยู่แล้ว เกรงว่าพวกเขาคิดจะบ่มฝักสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดขึ้นมา บ่งฟักราชันเซียนที่แข็งแกร่งขึ้นมา กระทั่งบ่มฟักศิษย์ที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานขึ้นภายในพรรคเซียนเหินพวกเรา หวังจะอาศัยสิ่งนี้มาต่อต้านใต้เท้าอีกาทมิฬ!

“แล้วราชันเซียนเหรินเสียนหละ?” หลินเทียนตี้อดที่จะถามไม่ได้

เมื่อเอ่ยถึงราชันเซียนเหรินเสียน บรรดาเหล่าบรรพบุรุษที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้ากันและกัน พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของพรรคเซียนเหิน รู้เบื้องหลังมากกว่าใครๆ

ในเมื่อใต้เท้าก็ได้พูดออกมาแล้วว่า ราชันเซียนเหรินเสียนเป็นราชันเซียนที่มีสติปัญญาเฉียบแหลมมองกาลไกลของพรรคเซียนเหิน” บรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุดกล่าวว่า “แม้ว่าครั้งนั้นจะมีเรื่องราวต่างๆ ที่ไม่ค่อยสบอารมณ์กันนัก แต่ว่า หลังจากที่ราชันเซียนเหรินเสียนได้เป็นราชันเซียนแล้วเขาควบคุมตนเองได้ดีเสมอมา อีกทั้งไม่มีคำพูดอะไรที่แค้นเคืองต่อใต้เท้าอีกาทมิฬ”

ความจริงแล้ว เรื่องนี้เคยมีบรรพบุรุษสงสัยว่าเป็นเพราะราชันเซียนเหรินเสียนได้ทิ้งโองการที่เป็นลายพระหัตถ์อะไรเอาไว้ หรืออะไรบางอย่าง จึงทำให้มีมือมืดที่อยู่เบื้องหลังขึ้นมา

แต่ทว่า แม้แต่ใต้เท้าอีกาทมิฬก็ปฏิเสธแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือของราชันเซียนเหรินเสียน ย่อมบ่งบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับราชันเซียนเหรินเสียน ราชันเซียนเหรินเสียนไม่ได้ทำให้ความรักของบรรพบุรุษดึกดำบรรพ์อสุราที่มีต่อเขาต้องผิดหวัง และเนื่องจากการควบคุมตัวเองตลอดมาของเขา จึงทำให้พรรคเซียนเหินสามารถอยู่ร่วมกับใต้เท้าอีกาทมิฬอย่างสันติ

“ถ้าหากบรรดาโอรสราชันยังไม่ใช่มือมืดที่อยู่เบื้องหลัง ใครกันนะที่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังกันหละ?” หลินเทียนตี้นึกไม่ออกว่าในพรรคเซียนเหินยังจะมีใครสามารถบงการบรรดาโอรสราชันของราชันเซียนเหรินเสียนได้อีก

“นี่แหละคือปัญหา” บรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุดกล่าวด้วยท่าทีที่จนด้วยเกล้าว่า “ภายในพรรคเซียนเหินของพวกเรามีผี เป็นผีที่ซ่อนตัวได้มิดชิดมาก และวิญญาณของผีตัวนี้ยังคงวนเวียนอยู่ไม่ไปไหน เงาทมิฬของมันครอบงำพรรคเซียนเหินของพวกเราตลอดมา! มันคอยบงการพรรคเซียนเหิน ของพวกเราอยู่ลับๆ แต่พวกเรากลับไม่รู้ว่ามันเป็นใคร!”

หลินเทียนตี้เองก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาบ้าง เมื่อได้ยินบรรพบุรุษพูดออกมาเช่นนี้ ควรจะทราบว่าพรรคเซียนเหินพวกเขาได้ชื่อว่าเป็นสำนักที่แข็งแกร่งมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ เวลานี้กลับมีผีอาละวาดอยู่ภายในพรรคเซียนเหินของพวกเขา และพรรคเซียนเหินพวกเขาถูกเงาทมิฬครอบเอาไว้ เป็นเรื่องที่บุคคลภายนอกมองแล้วมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้

“แล้วสืบไม่รู้ความรึว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนี้คือใคร?” หลินเทียนตี้เองก๋รู้สึกไม่น่าเชื่อ

“สืบไม่ได้” ในบรรดาบรรพบุรุษที่มีอายุน้อยที่สุดส่ายหน้าและกล่าวว่า “เจ้าผีตัวนี้ซ่อนตัวได้ลึกลับมากๆ เกรงว่ามันหลบซ่อนตัวมานานมากแล้ว การที่มันสามารถซ่อนตัวได้ขนาดนี้ใช่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาวันสองวันเท่านั้น มันผ่านการวางแผนมานานมาก และนี่ก็คือเหตุผลที่ข้าออกมาก่อนกำหนด หลายปีที่ข้าออกมาก็เพื่อต้องการสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง แต่ว่าสืบไม่รู้!

ความจริงแล้ว ไม่เพียงข้าที่สืบไม่ได้ความ บรรพบุรุษคนอื่นๆ อีกหลายท่านก็สืบไม่ได้ความ สุดท้ายอายุขัยสิ้น และต้องเสียชีวิตไปในที่สุด” บรรพบุรุษผู้นี้กล่าวด้วยความจนด้วยเกล้า

กล่าวสำหรับบรรดาบรรพบุรุษที่เหลือเวลาอยู่ไม่มากเช่นนี้ หากไม่ถึงคราวจำเป็นจริงๆ ล่ะก็ พวกเขาจะไม่ปรากฏตัวออกมาโดยง่ายดายอย่างเด็ดขาด เนื่องจากการปรากฏตัวออกมาวันหนึ่งย่อมหมายถึงชีวิตของพวกเขาจะหดหายไปวันหนึ่งเช่นกัน

แต่ว่า เพื่อสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง พรรคเซียนเหินของพวกเขาได้เคยมีบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งมากๆ หลายท่านปรากฏตัวออกมา เพื่อทำการสืบเรื่องนี้ด้วยคนเอง แต่ว่า ก็ไม่สามารถสืบรู้ถึงมือมืดที่อยู่เบื้องหลังได้

“น่าเสียดาย เวลาไม่คอยท่าพรรคเซียนเหินของพวกเรา” บรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุดได้แต่พูดว่า “หากให้ข้ามีอายุขัยเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งพันปี บางทีเรื่องนี้อาจสามารถสืบให้กระจ่างได้”

“หรือบางทีเจ้าเกิดเร็วกว่านี้สักหลายยุค และเป็นราชันเซียนได้ก่อนที่พรรคเซียนเหินยังไม่ถูกปิดล่ะก็ เรื่องนี้ย่อมสามารถสืบให้กระจ่างได้ เมื่อมีราชันเซียนสักองค์หนึ่งบัญชาการสักยุคหนึ่ง และสามารถกำจัดเงาทมิฬนั้นที่อยู่เบื้องหลังได้แน่นอน” บรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุดกล่าวพร้อมกับมองหน้าหลินเทียนตี้

หลินเทียนตี้รู้สึกระอายใจยิ่งนัก ก้มหน้าและกล่าวว่า “เป็นข้าที่ทำให้ท่านบรรดาบรรพบุรุษต้องผิดหวัง เป็นข้าที่ทำให้พรรคเซียนเหินต้องผิดหวัง”

“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้า” บรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุดส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “พูดได้แต่เพียงว่าเจ้าเกิดผิดยุค ต่อให้ไม่มีหลงอ้าวเทียน ชาตินี้เจ้าก็เป็นราชันเซียนไม่ได้! ทุกอย่างถูกลิขิตเอาไว้ก่อนอยู่แล้ว”

“พวกเราได้แต่นอนรอความตายอย่างนี้รึ?” หลินเทียนตี้ถึงกับพึมพำออกมา

“เรื่องนี้มันสุดความสามารถแล้วหละ” บรรดาบรรพบุรุษอีกผู้หนึ่งกล่าวว่า “ก่อนที่โอรสราชันทั้งหลายยังไม่กลับมา สายของราชันเซียนเหรินเสียนก็ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดของพรรคเซียนเหินได้แล้ว เวลานี้โอรสราชันกลับมาและได้รับความไว้วางใจจากทุกฝ่าย พวกเขายิ่งเกาะอำนาจทั้งหมดของพรรคเซียนเหินเอาไว้แน่น”

สิ่งนี้ใช่เพียงเป็นความคาดหวังของเหล่าบรรดาบรรพบุรุษสายราชันเซียนเหรินเสียน และไม่เพียงเป็นความต้องการของบรรดาโอรสราชันทั้งหลาย ความจริงแล้ว ศิษย์ที่อยู่ในสายกลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรงของพรรคเซียนเหินทั้งหมดก็คาดหวังเช่นนี้! ในทัศนะของศิษย์กลุ่มคนรุ่นใหม่พวกเขากระหายถึงอำนาจ พวกเขากระหายมีเวทีแสดงที่ใหญ่กว่านี้ พวกเขากระหายสามารถกวาดให้หมดทั้งเก้าแดน พวกเขากระหายอยากเหนือกว่าผู้อื่น…”

สายตาของบรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุดดูลึกล้ำมาก กล่าวว่า “อาจกล่าวได้ว่า ความต้องการที่รุนแรงยิ่งเหล่านี้ได้ทำให้บรรดาศิษย์ทั้งหมดรีบเร่งต้องการฉีกสัญญาทิ้งเสีย สถานการณ์ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว สิ่งเหล่านี้หาใช่ตาเฒ่าอย่างพวกเราสามารถบงการได้อีกต่อไป ต่อให้ตาเฒ่าอย่างพวกเราคาดหวังให้พรรคเซียนเหินสามารถเงียบสงบ ทำใจให้เย็นลง แต่ กลุ่มคนรุ่นใหม่จะไม่ยอมอยู่อย่างอ้างว้าง พวกเขาไม่ยอมให้ถูกพันธนาการเอาไว้กับฟ้าดินอยู่แล้ว…”

“…ดังนั้น จะมีโอรสราชันกลับมาหรือไม่ มีบรรพบุรุษหลงควบคุมอำนาจเบ็ดเสร็จหรือไม่ ท้ายที่สุดแล้วพรรคเซียนเหินก็ต้องเข้าสู่ยุทธภพแน่นอน พวกเราสามารถกดพวกเขาได้ชั่วคราว แต่กดไม่ได้ตลอดไป สุดท้ายพวกเราก็ต้องแก่ชราและตายไป จะอย่างไรเสียคนหนุ่มย่อมต้องชิงอำนาจ! พวกเขาต้องเวทีสำหรับแสดง พวกเขาต้องการอำนาจ ความอยากที่รุ่นแรงยิ่งได้เข้าบงการพรรคเซียนเหินเอาไว้แล้วทั้งหมด ไม่มีโอรสราชัน ไม่มีบรรพบุรุษหลง ก็ต้องมีหลงอ้าวเทียนอย่างแน่นอน”

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว เขาอดที่สะสะอื้นออกมาว่า “ในระดับหนึ่งสามารถกล่าวได้ว่า ขณะที่พรรคเซียนเหินเลือกราชันเซียนเหรินเสียนนั้นเท่ากับได้ลิขิตจุดจบเอาไว้แล้ว บางทีทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนแล้วแต่อยู่ในแผนการของผู้อื่น การบ่มฟักสายเลือดอเวจีก็ดี ถูกเขาอาศัยกำลังบังคับเข้าตรวจสอบก็ดี และหรือการสั่งสมความอยากของกลุ่มคนรุ่นใหม่พรรคเซียนเหิน ในปัจจุบันก็ดี เกรงว่าทั้งหมดล้วนแล้วแต่อยู่ในแผนการที่ผู้อื่นได้วางเอาไว้แล้วทั้งสิ้น”

“นี่คือแผนร้ายที่น่ากลัวยิ่ง สั่งสมมายุคแล้วยุคเล่า คอยวางแผนอยู่เบื้องหลังมายุคแล้วยุคเล่า” บรรพบุรุษผู้นี้กล่าวด้วยความจนด้วยเกล้าว่า “ภายใต้แผนร้ายครั้งนี้ พรรคเซียนเหินพวกเรามีจุดจบเพียงสองแนวทางเท่านั้น ไม่ก็เป็นฝ่ายชนะในครั้งนี้ กลายเป็นพรรคยิ่งใหญ่ตลอดกาล ไม่ก็พ่ายแพ้อย่างยับเยิน กลายเป็นเถ้าธุลีนับจากนี้เป็นต้นไป!”

หลินเทียนตี้ถึงกับรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้จากบรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุด พรรคเซียนเหินมีผู้วางแผนอยู่เบื้องหลังมายุคแล้วยุคเล่า ช่างเป็นเรื่องที่น่าสยดสยองเช่นใด ผู้ที่สามารถวางแผนร้ายระดับโลกเช่นนี้ เป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นใดกันแน่

สำหรับบรรดาบรรพบุรุษคนอื่นๆ ต่างนิ่งเงียบ เนื่องจากพวกเขากว่าจะคิดความลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายในได้ก็สายเกินไปเสียแล้ว ทุกอย่างได้จบสิ้นไปแล้ว พวกเขาไม่สามารถแก้ไขมันได้อีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล