“พวกเรา พวกเราไม่มีความหวังแล้วจริงๆ รึ?” หลินเทียนตี้ปริปากพูดคำๆ นี้ออกมา ขณะที่พูดคำนี้ออกมาเขารู้สึกว่ามันหนักอึ้งเหลือเกิน พูดออกมาอย่างไม่มั่นใจนัก
“ไม่มีหวัง” บรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุดส่ายหน้าและกล่าวว่า “พลันที่กองทัพมังกรเขียวปรากฎออกมา ทุกอย่างก็ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว ต่อให้กองทัพมังกรเขียวไม่ปรากฏออกมาจุดจบก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ไม่มีกองทัพมังกรเขียว ยังมีกองทัพพยัคฆ์ ยังมีกองทัพอื่นๆ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม จุดจบได้ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว”
“เมื่อพรรคเซียนเหินพวกเราก้าวข้ามจุดต่ำสุดที่สามารถยอมรับได้ไปแล้วนั้น ทุกอย่างโดยรวมก็ถูกกำหนดไว้แล้ว ต่อให้มีราชันเซียนอยู่ภาพรวมก็เป็นเช่นนั้น” บรรพบุรุษอีกคนทอดถอนใจออกมาเบาๆ และกล่าวว่า “การมีราชันเซียนอยู่อย่างมากก็แค่ดิ้นรนได้มากหน่อย ทำให้สงครามนั้นทารุณโหดร้ายยิ่งขึ้นไปอีกเท่านั้นเอง พรรคเซียนเหินพวกเราแข็งแกร่งมากน่ะใช่ แต่ แข็งแกร่งกว่าอเวจีในครั้งนั้นหรือไม่? ต่อให้พวกเราได้กำเนิดราชันเซียนขึ้นมา ก็ไม่เห็นจะแข็งแกร่งมากไปกว่าราชันเซียนหลงหมิ่น”
“อเวจีในครั้งนั้นยังคงต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไปตามระเบียบ ครั้งนั้น ราชันเซียนหลงหมิ่นถูกสังหารด้วยการตรึงเอาไว้บนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ เสียงร้องแหลมอันน่าเวทนาทำให้เก้าแดนยังต้องสั่นเทา” บรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุดผู้นี้ได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ “เพียงแต่เสียดาย ท้ายที่สุดแล้วพรรคเซียนเหินยังคงสิ้นสุดในมือของพวกเรา ชาตินี้พวกเราล้วนแล้วแต่กลายเป็นคนบาป ใครก็หนีไม่พ้นต้องละอายต่อบรรพชน”
บรรพบุรุษคนอื่นๆ ก็นิ่งเงียบขึ้นมา กล่าวสำหรับในเก้าแดน ผู้บำเพ็ญตนและหรือสำนักอื่นๆ แล้ว การดำรงอยู่เฉกเช่นพวกเขานับว่าสามารถสยบผู้ปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า ทุกคนต่างเคารพยำเกรง
แต่เมื่อเผชิญกับการจะต้องล่มสลายของพรรคเซียนเหินแล้ว พวกเขายังคงไม่สามารถทำอะไรได้ พวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ พวกเขาไม่มีกำลังพอที่จะไปบงการสถานการณ์ได้ เวลานี้พวกเขาต่างรู้สึกว่าตัวเองนั้นแก่แล้วจริงๆ เรื่องหลายเรื่องมีใจแต่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงเสียแล้ว
“แต่ว่า พวกเราสามารถโน้มน้าวบรรดาโอรสราชันนี่ ให้บรรดาโอรสราชันละทิ้งการแก้แค้น หากจำเป็นจริงๆ พวกเราสามารถโน้มน้าวให้บรรดาโอรสราชันเจรจาสงบศึกกับใต้เท้าอีกาทมิฬ” หลินเทียนตี้ยังคงไม่ละทิ้งความพยายาม พรรคเซียนเหินมีบุญคุณกับเขาดั่งขุนเขา กล่าวสำหรับเขาแล้วพรรคเซียนเหินก็คือบ้านหลังที่สองของเขา มองเห็นพรรคเซียนเหินต้องถูกทำลาย ในใจของเขาก็รู้สึกรับไม่ได้อย่างยิ่ง
“เจ้าไม่เข้าใจพวกเขา” บรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุดส่ายหน้า และกล่าวว่า “ความตั้งใจที่จะแก้แค้นของพวกเขานั้นไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้ มิฉะนั้นล่ะก็ ตาเฒ่าอย่างพวกเราคงไม่ถูกขังอยู่ที่ตรงนี้”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ บรรดาเหล่าบรรพบุรุษต่างทอดถอนใจออกมา หากพวกเขายังอยู่ในวัยหนุ่ม หากพวกเขายังคงมีพลังลมปราณคึกคักมีชีวิตชีวาเหมือนดั่งครั้งครานั้นล่ะก็ การต่อสู้ชี้ขาดกับบรรดาโอรสราชันของราชันเซียนเหรินเสียน พวกเขายังมีสิทธิ์ชนะได้
เสียดาย พวกเขาล้วนแล้วแต่แก่เฒ่ากันแล้ว พลังลมปราณแห้งเหือด อายุขัยใกล้จะสิ้น ไม่สามารถต่อสู้ได้นานต่อเนื่อง ขณะที่บรรดาโอรสราชันของราชันเซียนเหรินเสียนไม่ได้แก่ขึ้น ยังคงหนุ่มแน่นและพลังลมปราณยังคงคึกคักมีชีวิตชีวา ด้วยเหตุนี้เอง แม้บรรดาเหล่าบรรพบุรุษพวกเขาทั้งสามสายร่วมมือกันก็ยังคงพ่ายแพ้
“แม้ว่าบรรดาโอรสราชันถูกบีบให้ต้องหนีเข้าไปอยู่ในคุกเซียน แต่พวกเขากลับโชคดีบนความโชคร้าย” หลินเทียนตี้ในฐานะกลุ่มคนรุ่นใหม่ยังคงมีความเป็นเด็กอยู่บ้าง
“ไม่ พวกเขาใช่เพียงต้องการแก้แค้นให้กับตัวของพวกเขาเองเท่านั้น พวกเขายังต้องการแก้แค้นให้กับบิดาของพวกเขา” บรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุดกล่าวขึ้นมา
“แก้แค้นให้กับราชันเซียนเหรินเสียน?” หลินเทียนตี้ตะลึงนิดหนึ่ง หลุดปากมาว่า “เป็นเพราะอะไร?”
“ความอัปยศ!” บรรพบุรุษอีกคนกล่าวว่า “พวกเขาคิดว่ามันคือความอัปยศ พรรคเซียนเหินพวกเราคือหนึ่งสำนักห้าราชันเซียน บิดาของพวกเขาคือราชันเซียนปราศจากผู้ต่อกรกลับต้องยอมอ่อนข้อให้กับคนอื่น ถูกผู้อื่นสยบมัดมือมัดเท้าของตนเองเอาไว้ ภายในใจของพวกเขารู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นความอัปยศอย่างยิ่งในชีวิตบิดาของพวกเขา! ดังนั้น พวกเขาพยายามที่จะลบล้างความอัปยศนี้ให้กับผู้เป็นบิดาเสมอมา!
“เกรงว่านี่อาจเป็นเหตุที่พวกเขาเข้าร่วมแผนการนี้” บรรพบุรุษอีกผู้หนึ่งกล่าวว่า “อาศัยพวกเขาไม่สามารถต่อต้านใต้เท้าอีกาทมิฬได้อยู่แล้ว เกรงว่าพวกเขาคิดจะบ่มฝักสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดขึ้นมา บ่งฟักราชันเซียนที่แข็งแกร่งขึ้นมา กระทั่งบ่มฟักศิษย์ที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานขึ้นภายในพรรคเซียนเหินพวกเรา หวังจะอาศัยสิ่งนี้มาต่อต้านใต้เท้าอีกาทมิฬ!
“แล้วราชันเซียนเหรินเสียนหละ?” หลินเทียนตี้อดที่จะถามไม่ได้
เมื่อเอ่ยถึงราชันเซียนเหรินเสียน บรรดาเหล่าบรรพบุรุษที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้ากันและกัน พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของพรรคเซียนเหิน รู้เบื้องหลังมากกว่าใครๆ
ในเมื่อใต้เท้าก็ได้พูดออกมาแล้วว่า ราชันเซียนเหรินเสียนเป็นราชันเซียนที่มีสติปัญญาเฉียบแหลมมองกาลไกลของพรรคเซียนเหิน” บรรพบุรุษที่มีอาวุโสมากที่สุดกล่าวว่า “แม้ว่าครั้งนั้นจะมีเรื่องราวต่างๆ ที่ไม่ค่อยสบอารมณ์กันนัก แต่ว่า หลังจากที่ราชันเซียนเหรินเสียนได้เป็นราชันเซียนแล้วเขาควบคุมตนเองได้ดีเสมอมา อีกทั้งไม่มีคำพูดอะไรที่แค้นเคืองต่อใต้เท้าอีกาทมิฬ”
ความจริงแล้ว เรื่องนี้เคยมีบรรพบุรุษสงสัยว่าเป็นเพราะราชันเซียนเหรินเสียนได้ทิ้งโองการที่เป็นลายพระหัตถ์อะไรเอาไว้ หรืออะไรบางอย่าง จึงทำให้มีมือมืดที่อยู่เบื้องหลังขึ้นมา
แต่ทว่า แม้แต่ใต้เท้าอีกาทมิฬก็ปฏิเสธแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือของราชันเซียนเหรินเสียน ย่อมบ่งบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับราชันเซียนเหรินเสียน ราชันเซียนเหรินเสียนไม่ได้ทำให้ความรักของบรรพบุรุษดึกดำบรรพ์อสุราที่มีต่อเขาต้องผิดหวัง และเนื่องจากการควบคุมตัวเองตลอดมาของเขา จึงทำให้พรรคเซียนเหินสามารถอยู่ร่วมกับใต้เท้าอีกาทมิฬอย่างสันติ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...