ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1653

ตอนที่ 1653 ใครคือมือมืดที่อยู่เบื้องหลัง
“มาคราวนี้ ตาเฒ่าหลายคนนั้นที่ให้เจ้ามา สนใจที่จะคุยถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้หรือเปล่าหละ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปที่หลินเทียนตี้

คำพูดนี้พลันทำให้หลินเทียนตี้ต้องนิ่งเงียบ เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ก่อนเดินทางมา เหล่าบรรพบุรุษเคยกำชับเขาเป็นมั่นเหมาะว่า เรื่องนี้ต้องแล้วแต่เหตุการณ์ หากไม่ถึงที่สุดแล้ว อย่าเอ่ยถึงโดยง่าย จะอย่างไรเสียเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงที่สั่งสมมาตลอดชีวิต

“ข้าเข้าใจ ตาเฒ่าของพวกเจ้าเคยสงสัยราชันเซียนเหรินเสียน” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา และยิ้มกล่าวเมื่อเห็นท่าทีที่นิ่งเงียบของหลินเทียนตี้

“เหล่าบรรพบุรุษไม่ได้หมายถึงอย่างนี้” หลินเทียนตี้รีบเร่งกล่าวว่า “เหล่าบรรพบุรุษเพียงอาศัยความน่าจะเป็นต่างๆ มาคาดเดา มากลั่นกรองเท่านั้นเอง เหล่าบรรพบุรุษไม่ได้หมายความอย่างนี้”

หลินเทียนตี้ไม่อาจไม่รอบคอบกับเรื่องนี้ และบรรดาบรรพบุรุษของพรรคเซียนเหินก็ต้องรอบคอบเช่นกัน จะอย่างไรเสียเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงทั้งชีวิตของราชันเซียนเหรินเสียน ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนั้นเพื่อราชันเซียนเหรินเสียนแล้ว เรียกได้ว่าพรรคเซียนเหินทั้งพรรคได้เคยให้การรับรองมาแล้ว

“ไม่ใช่ราชันเซียนเหรินเสียน” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “เรื่องนี้สามารถยืนยันได้ ความน่าจะเป็นเรื่องนี้ใช่ว่าจะไม่เคยกลั่นกรองกันมาก่อน”

การที่หลี่ชิเย่กล้ายืนยันขนาดนี้ว่าไม่ใช่ฝีมือของราชันเซียนเหรินเสียน ย่อมมีคำอธิบายอยู่แล้ว ถ้าหากราชันเซียนเหรินเสียนมีความคิดเช่นนี้จริง เขาคงไม่ได้เป็นราชันเซียน!

“ข้าก็รู้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้” หลินเทียนตี้เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก กล่าวสำหรับเขาแล้ว การที่ราชันเซียนองค์หนึ่งพัวพันเข้ากับแผนการร้ายเช่นนี้ล่ะก็ ส่งผลกระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงขององค์ราชันเซียนเป็นอย่างยิ่ง เขาในฐานะของรุ่นเยาว์ย่อมไม่ต้องการเห็นเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น

“ไม่ว่าครั้งนั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ ราชันเซียนเหรินเสียนเป็นผู้ที่อดกลั้นมาโดยตลอด เขาเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมและมองกาลไกลคนหนึ่ง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “เนื่องเพราะสาเหตุนี้เองทำให้เขาสามารถกลายเป็นราชันเซียนได้ อีกทั้งหลังจากเป็นราชันเซียนแล้วก็มีผลงานที่ยอดเยี่ยม เสียดายพรรคเซียนเหิน และทายาทรุ่นหลังของเขาไม่ได้สืบทอดความอดกลั้นของเขา หลงตัวเองว่าตัวเองคือหนึ่งสำนักห้าราชันเซียน เท่ากับปราศจากผู้ต่อกรในเก้าแดน ไม่มีใครสามารถขวางทางพวกเขาได้อีกแล้ว!”

หลินเทียนตี้ทำท่าจะพูดอะไร แต่ สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ หลินเทียนตี้เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “แล้วใต้เท้าที่เคารพท่านมองเรื่องนี้อย่างไรเล่า?” ขณะที่เขาพูดคำๆ นี้ออกมาถึงกับลังเลและไม่มีความมั่นใจ

การที่เขาคิดจะถามถึงท่าทีของมือมืด บุคคลผู้ซึ่งเคยบงการตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน กล่าวสำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความกล้าหาญอย่างยิ่ง

หลี่ชิเย่จ้องมองหลินเทียนตี้อยู่พักหนึ่ง จากนั้นยิ้มกล่าวว่า “เจ้าต้องการถามถึงความเห็นของใต้เท้าอีกาทมิฬน่ะสิ? บอกเจ้าก็ได้ไม่มีปัญหา ครั้งนั้นเขาสงสัยเป็นฝีมือของราชินี!”

หลินเทียนตี้สะดุ้งนิดหนึ่ง เมื่อได้สติกลับมา รีบกล่าวว่า “เรื่อง เรื่อง เรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้นะ ราชินีเสียชีวิตไปนานมากแล้ว อีกทั้ง นาง นางเองก็มีชาติกำเนิดเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์นี่”

“จุดนี้แหละที่น่าสนใจ” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “เป็นความจริงคราที่อาศัยกำลังเข้าตรวจค้นนั้นได้มีการตรวจสอบโครงกระดูกของนาง นางเสียชีวิตไปนานแล้วจริงๆ” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ ประกายตาเขาดูน่ากลัวขึ้นมา

ความจริงแล้ว ตัวเขาที่อยู่ในฐานะอีกาทมิฬเคยสงสัยอยู่บ้าง เสียดายไม่มีหลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอ นับว่าฝ่ายตรงข้ามปฏิบัติการในเรื่องนี้ได้อย่างแนบเนียนเลยทีเดียว

“คนที่สามารถหลอกราชันเซียนเหรินเสียนได้ นับว่าไม่ธรรมดา” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ

หลินเทียนตี้ทำท่าจะพูด แต่ เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร สุดท้ายแล้วเขาลังเลนิดหนึ่ง ใช้มือสองข้างยกขึ้นส่งมอบหนังสือให้หลี่ชิเย่ฉบับหนึ่ง กล่าวด้วยท่าทีที่เคารพยิ่งว่า “นี่คือลายมือของเหล่าบรรพบุรุษ โปรดมอบให้ท่านใต้เท้าอีกาทมิฬ”

ความจริงแล้ว มอบหรือไม่มอบหนังสือฉบับนี้นั้น หลินเทียนตี้เองไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย ก่อนเดินทางมาเหล่าบรรพบุรุษได้สั่งกำชับไว้ว่า หากผู้ต้องสงสัยไม่ใช่ราชันเซียนเหรินเสียนก็ให้มอบหนังสือฉบับนี้ไป

หลี่ชิเย่รับหนังสือมาเปิดออกดู จากนั้นเก็บหนังสือฉบับนี้เอาไว้ ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “ตาเฒ่าของพวกเจ้าคิดขอความเมตตานะเนี่ย แต่ว่า หน้าแก่ๆ ของพวกเขาไม่เพียงพอที่จะขอความเมตตานี้ได้อีกแล้วหละ”

“บรรพบุรุษท่านทราบดี” หลินเทียนตี้กล่าวด้วยความไม่มั่นใจว่า “เหล่าบรรพบุรุษขอให้คงไว้เพียงระบบถ่ายทอดทางลัทธิของเหล่าราชันเซียนเอาไว้ หวังเพียงยังคงสามารถถ่ายทอดสืบต่อกันไปได้เรื่อยๆ”

ความจริงแล้วก่อนเดินทางมา บรรดาเหล่าบรรพบุรุษรู้แล้วว่าเรื่องนี้ไม่เหลือทางหนีทีไล่อีกแล้ว พวกเขารู้ดีว่า เมื่อไหร่ที่พรรคเซียนเหินพ่ายแพ้ พรรคเซียนเหินต้องถูกทำลายย่อยยับ ดังนั้น พวกเขาจึงหวังเพียงสามารถคงไว้ซึ่งระบบถ่ายทอดทางลัทธิเอาไว้เท่านั้น

“เรื่องนี้ใช่ว่าจะไม่ได้” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “เรื่องนี้ข้าสามารถตัดสินใจได้ ที่ข้าต้องการง่ายมาก ค้นหาสายเลือดในครั้งครานั้นออกมา ข้าสามารถคงระบบถ่ายทอดทางลัทธิให้กับพวกเจ้าได้ แม้ว่าพรรคเซียนเหินจะถูกทำลายไป แต่ก็นับว่าได้เหลือเมล็ดพันธุ์เอาไว้!”

“เรื่องนี้” หลินเทียนตี้ทำท่าจะพูด แต่พูดไม่ออก เนื่องจากเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

“เหล่าบรรพบุรุษก็ไม่มีข้อมูล” สุดท้าย หลินเทียนตี้ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ กล่าวว่า “เก้าแดนกว้างใหญ่ไพศาล เหล่าบรรพบุรุษก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี”

“ไม่ ข้าเชื่อว่าสายเลือดนี้จะต้องซุกซ่อนอยู่ในพรรคเซียนเหินของพวกเจ้า” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “เรื่องนี้ไม่พ้นไปจากพรรคเซียนเหินแน่นอน! ส่วนจะซุกซ่อนอยู่ที่ใดนั้นคงพูดยาก”

“เรื่อง เรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้กระมัง” หลินเทียนตี้ตะลึงนิดหนึ่ง กล่าวว่า “เรื่องนี้เหล่าบรรพบุรุษเคยพูดว่า พวกเขาเคยเฝ้าจับตาดูเรื่องนี้มาโดยตลอด พรรคเซียนเหินไม่มีที่ที่จะซุกซ่อนได้อีกแล้ว เหล่าบรรพบุรุษเหลือแค่ขุดหาพื้นที่ทุกตารางนิ้วเท่านั้น ถ้าหากจะมีความเป็นไปได้จริง มีสถานที่อยู่เพียงแห่งเดียวคือ คุกเซียนเท่านั้นเองแล้ว”

“ไม่ใช่คุกเซียนแน่” หลี่ชิเย่ส่ายหน้า และกล่าวว่า “คุกเซียนไม่อนุญาตให้สายเลือดเช่นนี้คงอยู่ในนั้นต้องถูกสังหารทำลายทิ้งแน่ สิ่งนี้คือเหตุผลที่ครั้งนั้นไม่ได้ตามล่าเข้าไปยังคุกเซียน เนื่องจากบนตัวของบรรดาลูกๆ ราชันเซียนเหรินเสียนไม่ได้มีสายเลือดดังกล่าว! สายลือดบริสุทธิ์ของเผ่าอเวจียากที่จะปิดบังได้”

เรื่องนี้ก็นับเป็นเรื่องที่หลี่ชิเย่รู้สึกน่าสนใจยิ่งนัก เขามีความคุ้นเคยกับสายเลือดเผ่าอเวจีเป็นที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลก ครั้งนั้น คนที่บงการเรื่องนี้ใช้วิธีอะไรในการปิดบังซ่อนเร้นสายเลือดของเผ่าอเวจี!

“เช่นนั้นก็ไม่มีที่ไหนอีกแล้วล่ะ” หลินเทียนตี้ได้แต่ส่ายหน้า

“ไม่ต้องรีบร้อน ต้องปรากฏออกมาแน่” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ข้ากลับอยากจะดูซิว่าสายเลือดของอเวจีสามารถพัฒนาไปได้ถึงขั้นไหนกัน นับเป็นเรื่องที่มีค่าควรแก่การศึกษาอย่างยิ่ง”

นี่ก็เป็นเรื่องที่หลี่ชิเย่ไม่ได้ลงมือตลอดมา ในเมื่อผู้ที่อยู่เบื้องหลังพรรคเซียนเหินสามารถปิดบังสายเลือดของอเวจีได้ ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าสายเลือดของอเวจีได้มีการพัฒนาไปมากทีเดียว มีเพียงการพัฒนาเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพเท่านั้น จึงสามารถหลบรอดจากสายตาของเขาไปได้

จากเหตุผลข้อนี้เอง ทำให้เขาต้องการรู้ว่าสายเลือดของอเวจีได้พัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้ว เนื่องจากเขาไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสายเลือดอเวจีมานาน เรียกได้ว่าการที่พรรคเซียนเหินดำรงไว้ซึ่งสายเลือดเผ่าอเวจีในครั้งนี้จะเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด!

หลินเทียนตี้ทอดถอนใจออกมาเบาๆ เขาเข้าใจแล้วว่าพรรคเซียนเหินของพวกเขาได้กลายเป็นเหยื่อของหลี่ชิเย่แล้ว แม้ว่าเขาต้องการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเรื่องนี้อย่างยิ่ง แต่ว่า เขากลับไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย

ในสายตาของผู้อื่น เขาคือดาวรุ่งที่ยอดเยี่ยมมากคนหนึ่ง แต่ทว่า เมื่อต้องอยู่ระหว่างผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงแล้ว ผู้เยาว์อย่างเขาไม่สามารถนับเป็นอะไรได้ ลำพังกำลังของตัวเขาเองนั้นช่างเล็กน้อยเหลือเกินไม่คู่ควรจะกล่าวถึง

“พี่หลี่ น้องขออำลา” ในที่สุดหลินเทียนตี้ลุกขึ้นมาแสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่

หลี่ชิเย่มองดูหลินเทียนตี้ ยิ้มกล่าวเรียบเฉยว่า “เจ้าสามารถไปจากได้ ฉวยโอกาสที่ข้ายังไม่ยกทัพไป เจ้าไปเถอะ ไปจากพรรคเซียนเหิน เห็นแก่มิตรภาพนี้ข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบากใจ”

แม้ว่าหลี่ชิเย่ต้องการทำลายล้างพรรคเซียนเหิน แต่หากหลินเทียนตี้จะไปจาก หรืออาจกล่าวว่าต่อให้เขาตีพรรคเซียนเหินจนแตกแล้ว เขาสามารถไว้ชีวิตให้กับหลินเทียนตี้ได้ สงครามครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา

คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำให้หลินเทียนตี้ถึงกับนิ่งเงียบ สุดท้าย เขาคำนับอย่างนอบน้อม กล่าวว่า “ขอบคุณพี่หลี่ที่เอ็นดู ข้าจะจดจำมิตรภาพของพี่หลี่มั่นไว้ในใจตลอดไป แต่ว่า ข้าคือศิษย์ของพรรคเซียนเหิน ไม่ว่าพรรคเซียนเหินจะถูกหรือผิดข้าก็ไม่ต้องการเป็นทหารที่หนีทัพ พรรคเซียนเหินพวกเราไม่มีทหารหนีทัพ”

“ความกล้าหาญน่าชมเชย” หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “ไปเถอะ เป็นหรือตายก็ขึ้นกับโชคชะตาของตัวเจ้าเองแล้ว”

หลินเทียนตี้ไม่ต้องการพูดอะไรอีก แสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ แล้วหันหลังจากไปในที่สุด

หลังจากที่หลินเทียนตี้กลับไปยังพรรคเซียนเหินแล้ว ได้เข้าพบบรรพบุรุษภายในพรรค แม้ว่าบรรพบุรุษทั้งสามสายของพรรคถูกขังเอาไว้แล้ว แต่ยังสามารถพบกับศิษย์ในสังกัดได้

หลังจากฟังรายงานจากหลินเทียนตี้แล้ว บรรดาเหล่าบรรพบุรุษที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างนิ่งเงียบขึ้นมา เหล่าบรรพบุรุษที่เห็นอยู่ตรงหน้าล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งสิ้น เคยเป็นขุนพลปราศจากผู้ต่อกรของราชันเซียนมาก่อน เคยสยบเก้าแดนมาก่อน

“ไปเถอะลูก ไปให้ยิ่งไกลยิ่งดี หลังจากไปแล้วอย่าได้กลับมาอีก” สุดท้ายแล้ว บรรพบุรุษที่มีอายุมากที่สุดในบรรดาเหล่าบรรพบุรุษได้เอ่ยขึ้นกับหลินเทียนตี้

“บรรพบุรุษ” หลินเทียนตี้ตกใจยิ่งนักเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ กล่าวว่า “สงครามยังไม่ทันเกิดเลย พวกเราไม่จำเป็นต้องมองโลกในแง่ร้ายขนาดนี้กระมัง บางทียังมีความหวังก็ได้”

“ไม่มีความหวัง” บรรพบุรุษที่มีอายุมากที่สุดส่ายหน้าและกล่าวว่า “เจ้าไม่เข้าใจว่าที่พรรคเซียนเหินเผชิญอยู่คืออะไร และเจ้าก็ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พรรคเซียนเหินเผชิญอยู่มันน่าสยดสยอง น่ากลัวขนาดไหน ต่อให้มีราชันเซียนอยู่ในโลกนี้ก็ไม่สามารถสั่นคลอนฐานะของเขาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพรรคเซียนเหินพวกเราเวลานี้ ในเมื่อใต้เท้าได้ตัดสินใจแล้ว ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของพรรคเซียนเหินได้อีกแล้ว”

“เหล่าบรรพบุรุษขอความเมตตาด้วยตนเองหละ?” ในใจของหลินเทียนตี้ยังคงเหลือความหวังสุดท้าย กล่าวว่า “บรรพบุรุษเคยบอกว่ามีความสัมพันธ์กับใต้เท้ามิใช่รึ? หากบรรพบุรุษสามารถพบใต้เท้าด้วยตนเอง…”

“ไม่มีประโยชน์” บรรพบุรุษผู้นี้ส่ายหน้า และกล่าวว่า “ครั้งนั้นใต้เท้าใช้กำลังบังคับเข้าตรวจสอบพรรคเซียนเหิน ตาเฒ่าอย่างพวกเราได้มีการขอความเมตตาและใช้มันไปแล้ว นับว่าไมตรีจิตตรงนั้นได้สิ้นสุดลง พรรคเซียนเหินได้ก้าวข้ามจุดต่ำสุดนั้นไปแล้ว ไม่สามารถกอบกู้กลับคืนมาได้อีกต่อไป”

“ใต้เท้ามีหลักการของใต้เท้า การขอความเมตตาใช้การไม่ได้อีกต่อไป ต่อให้พวกเราสามารถพบกับใต้เท้าก็ไม่มีประโยชน์” บรรพบุรุษอีกผู้หนึ่งส่ายหน้า

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ เหล่าบรรพบุรุษทั้งหลายต่างมีท่าทางที่สลด บรรพบุรุษผู้หนึ่งถึงกับหัวเราะเจื่อนๆ ว่า “ถ้าหากอสุรายังมีชีวิตอยู่ ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกเสียใจหรือไม่กับการเลือกในครั้งนั้น ถ้าหากครั้งนั้นเขาไม่แข็งขืนที่จะเสนอราชันเซียนเหรินเสียนเข้าช่วงชิงชะตาฟ้าล่ะก็ บางทีพรรคเซียนเหินอาจไม่ก้าวเดินถึงจุดนี้ในวันนี้”

บรรพบุรุษคนอื่นๆ ถึงกับนิ่งเงียบกับเรื่องนี้ บรรพบุรุษรุ่นดึกดำบรรพอสุราสุดท้ายก็ต้องเสียชีวิตไปเนื่องจากสิ้นอายุขัย นอกจากเป็นเพราะทรัพยากรที่บรรพบุรุษรุ่นดึกดำบรรพอสุราต้องการใช้ได้ถูกจำกัดลง ขณะเดียวกันเขารู้สึกสับสนงุนงงกับการตัดสินใจเลือกในครั้งนั้น ทำให้ความทะเยอทะยานที่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปจืดจางลงเรื่อยๆ หรือบางทีเขาอาจไม่อยากเห็นพรรคเซียนเหินมีวันนี้ก็เป็นได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล