คำพูดนี้พลันทำให้หลินเทียนตี้ต้องนิ่งเงียบ เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ก่อนเดินทางมา เหล่าบรรพบุรุษเคยกำชับเขาเป็นมั่นเหมาะว่า เรื่องนี้ต้องแล้วแต่เหตุการณ์ หากไม่ถึงที่สุดแล้ว อย่าเอ่ยถึงโดยง่าย จะอย่างไรเสียเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงที่สั่งสมมาตลอดชีวิต
“ข้าเข้าใจ ตาเฒ่าของพวกเจ้าเคยสงสัยราชันเซียนเหรินเสียน” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา และยิ้มกล่าวเมื่อเห็นท่าทีที่นิ่งเงียบของหลินเทียนตี้
“เหล่าบรรพบุรุษไม่ได้หมายถึงอย่างนี้” หลินเทียนตี้รีบเร่งกล่าวว่า “เหล่าบรรพบุรุษเพียงอาศัยความน่าจะเป็นต่างๆ มาคาดเดา มากลั่นกรองเท่านั้นเอง เหล่าบรรพบุรุษไม่ได้หมายความอย่างนี้”
หลินเทียนตี้ไม่อาจไม่รอบคอบกับเรื่องนี้ และบรรดาบรรพบุรุษของพรรคเซียนเหินก็ต้องรอบคอบเช่นกัน จะอย่างไรเสียเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงทั้งชีวิตของราชันเซียนเหรินเสียน ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนั้นเพื่อราชันเซียนเหรินเสียนแล้ว เรียกได้ว่าพรรคเซียนเหินทั้งพรรคได้เคยให้การรับรองมาแล้ว
“ไม่ใช่ราชันเซียนเหรินเสียน” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “เรื่องนี้สามารถยืนยันได้ ความน่าจะเป็นเรื่องนี้ใช่ว่าจะไม่เคยกลั่นกรองกันมาก่อน”
การที่หลี่ชิเย่กล้ายืนยันขนาดนี้ว่าไม่ใช่ฝีมือของราชันเซียนเหรินเสียน ย่อมมีคำอธิบายอยู่แล้ว ถ้าหากราชันเซียนเหรินเสียนมีความคิดเช่นนี้จริง เขาคงไม่ได้เป็นราชันเซียน!
“ข้าก็รู้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้” หลินเทียนตี้เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก กล่าวสำหรับเขาแล้ว การที่ราชันเซียนองค์หนึ่งพัวพันเข้ากับแผนการร้ายเช่นนี้ล่ะก็ ส่งผลกระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงขององค์ราชันเซียนเป็นอย่างยิ่ง เขาในฐานะของรุ่นเยาว์ย่อมไม่ต้องการเห็นเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
“ไม่ว่าครั้งนั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ ราชันเซียนเหรินเสียนเป็นผู้ที่อดกลั้นมาโดยตลอด เขาเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมและมองกาลไกลคนหนึ่ง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “เนื่องเพราะสาเหตุนี้เองทำให้เขาสามารถกลายเป็นราชันเซียนได้ อีกทั้งหลังจากเป็นราชันเซียนแล้วก็มีผลงานที่ยอดเยี่ยม เสียดายพรรคเซียนเหิน และทายาทรุ่นหลังของเขาไม่ได้สืบทอดความอดกลั้นของเขา หลงตัวเองว่าตัวเองคือหนึ่งสำนักห้าราชันเซียน เท่ากับปราศจากผู้ต่อกรในเก้าแดน ไม่มีใครสามารถขวางทางพวกเขาได้อีกแล้ว!”
หลินเทียนตี้ทำท่าจะพูดอะไร แต่ สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ หลินเทียนตี้เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “แล้วใต้เท้าที่เคารพท่านมองเรื่องนี้อย่างไรเล่า?” ขณะที่เขาพูดคำๆ นี้ออกมาถึงกับลังเลและไม่มีความมั่นใจ
การที่เขาคิดจะถามถึงท่าทีของมือมืด บุคคลผู้ซึ่งเคยบงการตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน กล่าวสำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความกล้าหาญอย่างยิ่ง
หลี่ชิเย่จ้องมองหลินเทียนตี้อยู่พักหนึ่ง จากนั้นยิ้มกล่าวว่า “เจ้าต้องการถามถึงความเห็นของใต้เท้าอีกาทมิฬน่ะสิ? บอกเจ้าก็ได้ไม่มีปัญหา ครั้งนั้นเขาสงสัยเป็นฝีมือของราชินี!”
หลินเทียนตี้สะดุ้งนิดหนึ่ง เมื่อได้สติกลับมา รีบกล่าวว่า “เรื่อง เรื่อง เรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้นะ ราชินีเสียชีวิตไปนานมากแล้ว อีกทั้ง นาง นางเองก็มีชาติกำเนิดเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์นี่”
“จุดนี้แหละที่น่าสนใจ” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “เป็นความจริงคราที่อาศัยกำลังเข้าตรวจค้นนั้นได้มีการตรวจสอบโครงกระดูกของนาง นางเสียชีวิตไปนานแล้วจริงๆ” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ ประกายตาเขาดูน่ากลัวขึ้นมา
ความจริงแล้ว ตัวเขาที่อยู่ในฐานะอีกาทมิฬเคยสงสัยอยู่บ้าง เสียดายไม่มีหลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอ นับว่าฝ่ายตรงข้ามปฏิบัติการในเรื่องนี้ได้อย่างแนบเนียนเลยทีเดียว
“คนที่สามารถหลอกราชันเซียนเหรินเสียนได้ นับว่าไม่ธรรมดา” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ
หลินเทียนตี้ทำท่าจะพูด แต่ เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร สุดท้ายแล้วเขาลังเลนิดหนึ่ง ใช้มือสองข้างยกขึ้นส่งมอบหนังสือให้หลี่ชิเย่ฉบับหนึ่ง กล่าวด้วยท่าทีที่เคารพยิ่งว่า “นี่คือลายมือของเหล่าบรรพบุรุษ โปรดมอบให้ท่านใต้เท้าอีกาทมิฬ”
ความจริงแล้ว มอบหรือไม่มอบหนังสือฉบับนี้นั้น หลินเทียนตี้เองไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย ก่อนเดินทางมาเหล่าบรรพบุรุษได้สั่งกำชับไว้ว่า หากผู้ต้องสงสัยไม่ใช่ราชันเซียนเหรินเสียนก็ให้มอบหนังสือฉบับนี้ไป
หลี่ชิเย่รับหนังสือมาเปิดออกดู จากนั้นเก็บหนังสือฉบับนี้เอาไว้ ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “ตาเฒ่าของพวกเจ้าคิดขอความเมตตานะเนี่ย แต่ว่า หน้าแก่ๆ ของพวกเขาไม่เพียงพอที่จะขอความเมตตานี้ได้อีกแล้วหละ”
“บรรพบุรุษท่านทราบดี” หลินเทียนตี้กล่าวด้วยความไม่มั่นใจว่า “เหล่าบรรพบุรุษขอให้คงไว้เพียงระบบถ่ายทอดทางลัทธิของเหล่าราชันเซียนเอาไว้ หวังเพียงยังคงสามารถถ่ายทอดสืบต่อกันไปได้เรื่อยๆ”
ความจริงแล้วก่อนเดินทางมา บรรดาเหล่าบรรพบุรุษรู้แล้วว่าเรื่องนี้ไม่เหลือทางหนีทีไล่อีกแล้ว พวกเขารู้ดีว่า เมื่อไหร่ที่พรรคเซียนเหินพ่ายแพ้ พรรคเซียนเหินต้องถูกทำลายย่อยยับ ดังนั้น พวกเขาจึงหวังเพียงสามารถคงไว้ซึ่งระบบถ่ายทอดทางลัทธิเอาไว้เท่านั้น
“เรื่องนี้ใช่ว่าจะไม่ได้” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “เรื่องนี้ข้าสามารถตัดสินใจได้ ที่ข้าต้องการง่ายมาก ค้นหาสายเลือดในครั้งครานั้นออกมา ข้าสามารถคงระบบถ่ายทอดทางลัทธิให้กับพวกเจ้าได้ แม้ว่าพรรคเซียนเหินจะถูกทำลายไป แต่ก็นับว่าได้เหลือเมล็ดพันธุ์เอาไว้!”
“เรื่องนี้” หลินเทียนตี้ทำท่าจะพูด แต่พูดไม่ออก เนื่องจากเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“เหล่าบรรพบุรุษก็ไม่มีข้อมูล” สุดท้าย หลินเทียนตี้ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ กล่าวว่า “เก้าแดนกว้างใหญ่ไพศาล เหล่าบรรพบุรุษก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี”
“ไม่ ข้าเชื่อว่าสายเลือดนี้จะต้องซุกซ่อนอยู่ในพรรคเซียนเหินของพวกเจ้า” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “เรื่องนี้ไม่พ้นไปจากพรรคเซียนเหินแน่นอน! ส่วนจะซุกซ่อนอยู่ที่ใดนั้นคงพูดยาก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...