“บางทีอาจจะใช่” หลี่ชิเย่ทอดถอนใจเบาๆ กล่าวว่า “แต่ละยุคสมัยที่ผ่านมา สงครามโหดร้ายเสมอ เวลานี้สมควรที่กองทัพมังกรเขียวได้รับเกียรติยศนี้แล้ว สงครามปล่อยเป็นหน้าที่ของข้า หนทางในอนาคตปล่อยให้ข้าเป็นผู้ที่ไปแผ้วถางก็แล้วกัน”
“ข้าเชื่อว่าใต้เท้าจะต้องได้รับชัยชนะ” เทพแท้จริงสยบโลกาก็ไม่กล่าวอะไรมากความอีก เขาเข้าใจนี่คือความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจของใต้เท้า ไม่ต้องการให้กองทัพมังกรเขียว ติดตามเขาสู้รบจนถึงที่สุด
หลี่ชิเย่มองไปไกลมาก หลังจากผ่านไปนานมากจึงได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “แน่นอน คงต้องมีวันที่ได้รับชัยชนะกลับมา”
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เทพแท้จริงสยบโลกาจ้องมองหลี่ชิเย่ เอ่ยทีเล่นทีจริงขึ้นมาว่า “ชาตินี้ใต้เท้าได้ชิงเอาร่างจริงกลับมาแล้ว ใต้เท้าสมควรให้เทพธิดา ธิดาศักดิ์สิทธิ์ใต้หล้านอนด้วย ใต้เท้าควรมีทายาทอยู่ในโลกหล้านี้”
ในยุคปัจจุบันมีอยู่ไม่กี่คนที่กล้าพูดเช่นนี้กับหลี่ชิเย่ และมีไม่กี่คนที่กล้าพูดเรื่องนี้กับหลี่ชิเย่ ในโลกนี้คงมีแต่ผู้ดำรงอยู่ในฐานะเฉกเช่นเทพแท้จริงสยบโลกาที่กล้าเอ่ยเรื่องนี้กับหลี่ชิเย่
จะอย่างไรเสีย เทพแท้จริงสยบโลกาติดตามหลี่ชิเย่มาเนิ่นนานขนาดนี้ เขาย่อมคาดหวังให้หลี่ชิเย่สามารถมีทายาทในอนาคตเอาไว้มากกว่าใครๆ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นใด อย่างน้อยสายเลือดของเขาสามารถสืบทอดต่อไป
“สิ่งที่สมควรมียังไงก็ต้องมี” หลี่ชิเย่ส่ายหน้ายิ้มกล่าว เขาไม่รีบร้อนในเรื่องนี้
“หากใต้เท้ายินดี ข้าน้อยยินดีช่วยใต้เท้าคัดเลือกผู้หญิงจากทั่วหล้า เพื่อให้ใต้เท้ามีทายาทที่มีสายเลือดแข็งแกร่งที่สุด” เทพแท้จริงสยบโลกาอดที่จะกล่าวด้วยความอยากรับหน้าที่เรื่องนี้
หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “สยบโลกาเอ๊ย ข้าน่ะไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องของสายเลือดตลอดมา เรื่องทายาทปล่อยให้เป็นไปตามวาสนาเถอะ ผู้หญิงที่มีวาสนาในอันที่จะมีทายาทให้กับข้า นางย่อมจะมีทายาทให้ข้าอยู่แล้ว”
เทพแท้จริงสยบโลกาพยักหน้าเบาๆ เข้าใจในความคิดของใต้เท้า ชั่วชีวิตใต้เท้าผ่านอะไรมามากมาย สั่งสมความรู้จากประสบการณ์ชีวิตตนเองกับเทพธิดา ธิดาศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งราชันเซียนหญิงมานับไม่ถ้วน แต่ว่า มาชาตินี้ผู้หญิงที่สามารถทำให้เขาสนใจได้มีอยู่ไม่มาก สำหรับผู้หญิงที่เขายอมให้มีทายาทด้วยกันกับเขายิ่งเรียกได้ว่าเป็นสิ่งล้ำค่าและหาได้ยากยิ่ง!
เมื่อกองทัพมังกรเขียวเข้าประจำการในเมืองหมิงจูแล้ว บรรดาผู้บำเพ็ญตนของมหาสมุทรอุดรกระทั่งแดนมนุษย์กษัตราล้วนแล้วแต่ต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้ ทุกคนต่างรู้ดีว่าพายุฝนฟ้าคะนองรอบนี้กำลังจะมาแล้ว และเกรงว่าพายุฝนฟ้าคะนองรอบนี้จะต้องดุดันกว่าทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา กระทั่งพายุฝนฟ้าคะนองรอบนี้อาจทำลายทั่วทั้งมหาสมุทรอุดรก็เป็นได้
ในใจของทุกคนย่อมเข้าใจดีว่า การที่กองทัพเรือนแสนของพรรคเซียนเหินถูกทำลายหมดทั้งกองทัพ ด้วยธาตุแท้ภายในของพรรคเซียนเหินแล้ว พวกเขาไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้แน่นอน เมื่อไหร่ที่พรรคเซียนเหินต้องการแก้แค้นแล้วล่ะก็ มันจะต้องเป็นสงครามแห่งภัยพิบัติอย่างแน่นอน พรรคเซียนเหินต้องอาศัยท่าทีที่ทำลายล้างสูงเข้าโจมตีอย่างแน่นอน
สงครามที่กำลังจะปะทุขึ้นมา ทำให้ผู้คนทั่วหล้าเฝ้ารอว่าจะเป็นพรรคเซียนเหินที่หนึ่งสำนักห้าราชันเซียนเป็นฝ่ายชนะ หรือจะเป็นกองทัพมังกรเขียวที่ลึกลับและน่ากลัวนี้เป็นฝ่ายชนะกันแน่?
แน่นอน ก่อนพายุฝนฟ้าคะนองจะมาถึง ผู้คนในมหาสมุทรอุดรก็ย่อมกังวล การศึกครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น สำนักต่างๆ จำนวนมากเกรงว่าไฟสงครามจะลามถึงสำนักของตน สงครามระดับนี้หากเกิดขึ้นต้องทำให้พื้นแผ่นดินนับหมื่นลี้ต้องกลับกลายเป็นผืนแผ่นดินที่แห้งผากแตกระแหง ไม่รู้ว่ามีสำนักจำนวนเท่าไรต้องถูกไฟสงครามกลืนกินเข้าไป
“อพยพกันเหอะ ไปจากที่นี่ มิฉะนั้นแล้วอาจนำมาซึ่งภัยถูกล้างสำนักได้” มีผู้ที่มีปัญญาส่วนน้อยเมื่อเห็นพายุฝนฟ้าคะนองกำลังจะมา ได้ทำการอพยพถอนตัวออกจากมหาสมุทรอุดร เพื่อไปให้ไกลจากที่ตรงนี้
แต่ว่า ผู้ที่สามารถทำการอพยพออกไปนั้นมีน้อยเต็มทน สำนักที่สามารถทำการอพยพตัวเองออกจากมหาสมุทรอุดร นั้นมีน้อยมาก ไม่ว่าจะเป็นมใครก็ตาม หากจะให้ละทิ้งรากฐานทุกอย่างที่มีอยู่ทั้งหมด แล้วอพยพไปต่างบ้านต่างเมืองเป็นเรื่องของความเจ็บปวดยิ่ง มีเพียงไม่กี่คน หรือไม่กี่สำนักเท่านั้นที่สามารถทำได้
ก่อนที่สงครามจะปะทุขึ้นมานั้น หลี่ชิเย่ที่รั้งอยู่เมืองหมิงจูกลับได้ต้อนรับแขกผู้มาเยือนคนหนึ่ง เป็นแขกที่มาจากพรรคเซียนเหินนามว่า หลินเทียนตี้
เมื่อเปรียบเทียบกับครั้งก่อน หลินเทียนตี้ดูเปลี่ยนไปไม่น้อย ลักษณะท่าทางดูเซื่องซึมไปมากทีเดียว ไม่เหลือไว้ซึ่งลักษณะท่าทางที่โอหังอวดดีสบายๆ อย่างนั้น
“ดูท่าเจ้าคงนำข่าวร้ายมาให้ข้าแล้ว” เมื่อหลี่ชิเย่มองเห็นลักษณะท่าทางที่สลดอับแสงของหลินเทียนตี้แล้วจึงยิ้มกล่าวออกไป
หลินเทียนตี้หัวเราะเจื่อนๆ สุดท้ายได้แต่กล่าวว่า “ไม่ขอปิดบังพี่หลี่ พวกเราทำการล้มเหลว บรรดาบรรพบุรุษหลายท่านของพวกเราเสียท่าแล้ว โอรสราชันหลายคนกลับมาแล้วโดยสิ้นเชิง และทำการยึดกุมอำนาจของพรรคเซียนเหินเอาไว้ เวลานี้พรรคเซียนเหินอยู่ในความดูแลของโอรสราชันและพวกของบรรพบุรุษหลง
หลี่ชิเย่ไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเทียนตี้ เขาเพียงยิ้มๆ นิดหนึ่งเท่านั้น กล่าวว่า “ดูท่าโอรสราชันหลายคนของพวกเจ้าที่อยู่ในคุกเซียนนอกจากจะไม่ตายแล้ว ยังเก็บเกี่ยวดอกผลได้มาก นับว่ามีทั้งทุกข์และโชคเกื้อหนุนกันนะเนี่ย”
“นับว่าแข็งแกร่งยิ่งนัก” หลินเทียนตี้ยิ้มด้วยความขมขื่นว่า “บรรพบุรุษทั้งสามสายพวกเราแพ้หมดทุกคน สู้โอรสราชันไม่ได้ เหล่าบรรพบุรุษสูญเสียอิสรภาพถูกขังเอาไว้ภายในสำนัก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...