ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1652

ตอนที่ 1652 ความล้มเหลวของสามสาย
“สงครามไร้ความปราณี ขุนพลสมควรห่อศพด้วยหนังม้า ทหารควรหลั่งเลือดสนามรบ!” เทพแท้จริงสยบโลกากล่าวน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังว่า “นับแต่วันที่พี่น้องติดตามใต้เท้าเป็นต้นมา ทุกคนได้ทำใจเอาไว้แล้ว พร้อมจะกลับบ้านด้วยหนังม้าห่อศพตลอดเวลา!”

“บางทีอาจจะใช่” หลี่ชิเย่ทอดถอนใจเบาๆ กล่าวว่า “แต่ละยุคสมัยที่ผ่านมา สงครามโหดร้ายเสมอ เวลานี้สมควรที่กองทัพมังกรเขียวได้รับเกียรติยศนี้แล้ว สงครามปล่อยเป็นหน้าที่ของข้า หนทางในอนาคตปล่อยให้ข้าเป็นผู้ที่ไปแผ้วถางก็แล้วกัน”

“ข้าเชื่อว่าใต้เท้าจะต้องได้รับชัยชนะ” เทพแท้จริงสยบโลกาก็ไม่กล่าวอะไรมากความอีก เขาเข้าใจนี่คือความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจของใต้เท้า ไม่ต้องการให้กองทัพมังกรเขียว ติดตามเขาสู้รบจนถึงที่สุด

หลี่ชิเย่มองไปไกลมาก หลังจากผ่านไปนานมากจึงได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “แน่นอน คงต้องมีวันที่ได้รับชัยชนะกลับมา”

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เทพแท้จริงสยบโลกาจ้องมองหลี่ชิเย่ เอ่ยทีเล่นทีจริงขึ้นมาว่า “ชาตินี้ใต้เท้าได้ชิงเอาร่างจริงกลับมาแล้ว ใต้เท้าสมควรให้เทพธิดา ธิดาศักดิ์สิทธิ์ใต้หล้านอนด้วย ใต้เท้าควรมีทายาทอยู่ในโลกหล้านี้”

ในยุคปัจจุบันมีอยู่ไม่กี่คนที่กล้าพูดเช่นนี้กับหลี่ชิเย่ และมีไม่กี่คนที่กล้าพูดเรื่องนี้กับหลี่ชิเย่ ในโลกนี้คงมีแต่ผู้ดำรงอยู่ในฐานะเฉกเช่นเทพแท้จริงสยบโลกาที่กล้าเอ่ยเรื่องนี้กับหลี่ชิเย่

จะอย่างไรเสีย เทพแท้จริงสยบโลกาติดตามหลี่ชิเย่มาเนิ่นนานขนาดนี้ เขาย่อมคาดหวังให้หลี่ชิเย่สามารถมีทายาทในอนาคตเอาไว้มากกว่าใครๆ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นใด อย่างน้อยสายเลือดของเขาสามารถสืบทอดต่อไป

“สิ่งที่สมควรมียังไงก็ต้องมี” หลี่ชิเย่ส่ายหน้ายิ้มกล่าว เขาไม่รีบร้อนในเรื่องนี้

“หากใต้เท้ายินดี ข้าน้อยยินดีช่วยใต้เท้าคัดเลือกผู้หญิงจากทั่วหล้า เพื่อให้ใต้เท้ามีทายาทที่มีสายเลือดแข็งแกร่งที่สุด” เทพแท้จริงสยบโลกาอดที่จะกล่าวด้วยความอยากรับหน้าที่เรื่องนี้

หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “สยบโลกาเอ๊ย ข้าน่ะไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องของสายเลือดตลอดมา เรื่องทายาทปล่อยให้เป็นไปตามวาสนาเถอะ ผู้หญิงที่มีวาสนาในอันที่จะมีทายาทให้กับข้า นางย่อมจะมีทายาทให้ข้าอยู่แล้ว”

เทพแท้จริงสยบโลกาพยักหน้าเบาๆ เข้าใจในความคิดของใต้เท้า ชั่วชีวิตใต้เท้าผ่านอะไรมามากมาย สั่งสมความรู้จากประสบการณ์ชีวิตตนเองกับเทพธิดา ธิดาศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งราชันเซียนหญิงมานับไม่ถ้วน แต่ว่า มาชาตินี้ผู้หญิงที่สามารถทำให้เขาสนใจได้มีอยู่ไม่มาก สำหรับผู้หญิงที่เขายอมให้มีทายาทด้วยกันกับเขายิ่งเรียกได้ว่าเป็นสิ่งล้ำค่าและหาได้ยากยิ่ง!

เมื่อกองทัพมังกรเขียวเข้าประจำการในเมืองหมิงจูแล้ว บรรดาผู้บำเพ็ญตนของมหาสมุทรอุดรกระทั่งแดนมนุษย์กษัตราล้วนแล้วแต่ต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้ ทุกคนต่างรู้ดีว่าพายุฝนฟ้าคะนองรอบนี้กำลังจะมาแล้ว และเกรงว่าพายุฝนฟ้าคะนองรอบนี้จะต้องดุดันกว่าทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา กระทั่งพายุฝนฟ้าคะนองรอบนี้อาจทำลายทั่วทั้งมหาสมุทรอุดรก็เป็นได้

ในใจของทุกคนย่อมเข้าใจดีว่า การที่กองทัพเรือนแสนของพรรคเซียนเหินถูกทำลายหมดทั้งกองทัพ ด้วยธาตุแท้ภายในของพรรคเซียนเหินแล้ว พวกเขาไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้แน่นอน เมื่อไหร่ที่พรรคเซียนเหินต้องการแก้แค้นแล้วล่ะก็ มันจะต้องเป็นสงครามแห่งภัยพิบัติอย่างแน่นอน พรรคเซียนเหินต้องอาศัยท่าทีที่ทำลายล้างสูงเข้าโจมตีอย่างแน่นอน

สงครามที่กำลังจะปะทุขึ้นมา ทำให้ผู้คนทั่วหล้าเฝ้ารอว่าจะเป็นพรรคเซียนเหินที่หนึ่งสำนักห้าราชันเซียนเป็นฝ่ายชนะ หรือจะเป็นกองทัพมังกรเขียวที่ลึกลับและน่ากลัวนี้เป็นฝ่ายชนะกันแน่?

แน่นอน ก่อนพายุฝนฟ้าคะนองจะมาถึง ผู้คนในมหาสมุทรอุดรก็ย่อมกังวล การศึกครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น สำนักต่างๆ จำนวนมากเกรงว่าไฟสงครามจะลามถึงสำนักของตน สงครามระดับนี้หากเกิดขึ้นต้องทำให้พื้นแผ่นดินนับหมื่นลี้ต้องกลับกลายเป็นผืนแผ่นดินที่แห้งผากแตกระแหง ไม่รู้ว่ามีสำนักจำนวนเท่าไรต้องถูกไฟสงครามกลืนกินเข้าไป

“อพยพกันเหอะ ไปจากที่นี่ มิฉะนั้นแล้วอาจนำมาซึ่งภัยถูกล้างสำนักได้” มีผู้ที่มีปัญญาส่วนน้อยเมื่อเห็นพายุฝนฟ้าคะนองกำลังจะมา ได้ทำการอพยพถอนตัวออกจากมหาสมุทรอุดร เพื่อไปให้ไกลจากที่ตรงนี้

แต่ว่า ผู้ที่สามารถทำการอพยพออกไปนั้นมีน้อยเต็มทน สำนักที่สามารถทำการอพยพตัวเองออกจากมหาสมุทรอุดร นั้นมีน้อยมาก ไม่ว่าจะเป็นมใครก็ตาม หากจะให้ละทิ้งรากฐานทุกอย่างที่มีอยู่ทั้งหมด แล้วอพยพไปต่างบ้านต่างเมืองเป็นเรื่องของความเจ็บปวดยิ่ง มีเพียงไม่กี่คน หรือไม่กี่สำนักเท่านั้นที่สามารถทำได้

ก่อนที่สงครามจะปะทุขึ้นมานั้น หลี่ชิเย่ที่รั้งอยู่เมืองหมิงจูกลับได้ต้อนรับแขกผู้มาเยือนคนหนึ่ง เป็นแขกที่มาจากพรรคเซียนเหินนามว่า หลินเทียนตี้

เมื่อเปรียบเทียบกับครั้งก่อน หลินเทียนตี้ดูเปลี่ยนไปไม่น้อย ลักษณะท่าทางดูเซื่องซึมไปมากทีเดียว ไม่เหลือไว้ซึ่งลักษณะท่าทางที่โอหังอวดดีสบายๆ อย่างนั้น

“ดูท่าเจ้าคงนำข่าวร้ายมาให้ข้าแล้ว” เมื่อหลี่ชิเย่มองเห็นลักษณะท่าทางที่สลดอับแสงของหลินเทียนตี้แล้วจึงยิ้มกล่าวออกไป

หลินเทียนตี้หัวเราะเจื่อนๆ สุดท้ายได้แต่กล่าวว่า “ไม่ขอปิดบังพี่หลี่ พวกเราทำการล้มเหลว บรรดาบรรพบุรุษหลายท่านของพวกเราเสียท่าแล้ว โอรสราชันหลายคนกลับมาแล้วโดยสิ้นเชิง และทำการยึดกุมอำนาจของพรรคเซียนเหินเอาไว้ เวลานี้พรรคเซียนเหินอยู่ในความดูแลของโอรสราชันและพวกของบรรพบุรุษหลง

หลี่ชิเย่ไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเทียนตี้ เขาเพียงยิ้มๆ นิดหนึ่งเท่านั้น กล่าวว่า “ดูท่าโอรสราชันหลายคนของพวกเจ้าที่อยู่ในคุกเซียนนอกจากจะไม่ตายแล้ว ยังเก็บเกี่ยวดอกผลได้มาก นับว่ามีทั้งทุกข์และโชคเกื้อหนุนกันนะเนี่ย”

“นับว่าแข็งแกร่งยิ่งนัก” หลินเทียนตี้ยิ้มด้วยความขมขื่นว่า “บรรพบุรุษทั้งสามสายพวกเราแพ้หมดทุกคน สู้โอรสราชันไม่ได้ เหล่าบรรพบุรุษสูญเสียอิสรภาพถูกขังเอาไว้ภายในสำนัก”

สีหน้าของหลินเทียนตี้ออกจะขาวซีด เมื่อเรื่องนี้ถูกหลี่ชิเย่เฉลยออกมาเอง นับตั้งแต่เหล่าบรรพบุรุษบอกเรื่องนี้กับเขาแล้ว อาศัยปากคำของเล่าบรรพบุรุษเขาเองก็เข้าใจได้ว่าเรื่องนี้มีความรุนแรงแค่ไหน

“นี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายเลย” หลี่ชิเย่กล่าวน่าเกรงขามว่า “ถ้าหากจะบอกว่าเป็นเพราะอายุน้อยไม่รู้ความ แต่ว่าในภายหลังพรรคเซียนเหินกลับมีตาเฒ่าที่เป็นบรรพบุรุษระดับบุคคลสำคัญเข้าร่วมด้วย แม้ว่าภายหลังพวกเขาจะฆ่าตัวตายไป แต่ไม่สามารถลบล้างได้ว่า พวกเขาได้เข้าร่วมโครงการเปลี่ยนถ่ายเลือดนี้จริง!”

“หรือบางทีพวกเขาอาจมองว่า นี่ไม่ใช่แผนการเปลี่ยนถ่ายเลือด แต่เป็นโครงการระยะยาวของพรรคเซียนเหิน พรรคเซียนเหินของพวกเจ้าหวังจะให้ทางพรรคให้กำเนิดราชันเซียนทุกยุค เพื่อปกครองเก้าแดน” เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวถึงตรงนี้แล้วหัวเราะเยาะทีหนึ่ง

“พี่หลี่ เรื่องนี้ เรื่องนี้ บรรพบุรุษพวกเขา เกรง เกรงว่าไม่ได้หมายความอย่างนี้ และไม่มีแนวความคิดเช่นนี้” เวลานี้ หลินเทียนตี้ตกใจจนสะดุ้ง รีบชี้แจงออกมา

“ข้ารู้” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “ถ้าหากพวกเขาเข้าร่วมโครงการในครั้งนั้น คงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมีชีวิตอยู่มาถึงวันนี้ได้ พวกเขายังคิดจะอยู่อย่างมีความสุขในบั้นปลายของชีวิตรึ!”

หลินเทียนตี้รู้สึกหายใจโล่งอกเมื่อได้ยินหลี่ชิเย่พูดเช่นนี้ แต่ภายในใจลึกๆ ของเขาได้ตกอยู่ในห้วงของความจนด้วยเกล้า

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ตาเฒ่าที่อยู่ในระดับบุคคลสำคัญของพรรคเซียนเหินเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ผ่านอุปสรรคมามากมายทั้งสิ้น อาศัยโอรสราชันเหล่านั้นที่เพิ่งออกจากการถูกผนึกร่างเอาไว้ สามารถทำให้พวกเขายอมเสี่ยงแลกกับการถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มาทำเรื่องเช่นนี้อย่างนั้นหรือ? เกรงว่าคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ขณะราชันเซียนเหรินเสียนยังอยู่ พวกเขาอาจจะอาศัยบารมีได้บ้าง แต่ราชันเซียนเหรินเสียนไม่อยู่แล้ว!”

“พูดถึงเรื่องนี้แล้ว หากจะบอกว่าใครกันนะที่มีอำนานถึงขนาดให้บรรดาตาเฒ่าเหล่านั้นยอมเสี่ยงพรรคเซียนเหินถูกล้างเผ่าพันธุ์ไปทำเรื่องเช่นนี้ได้ล่ะก็ คงมีเพียงอสุราเท่านั้นเองแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมย

หลินเทียนตี้รีบเร่งกล่าวว่า “ไม่ ไม่ใช่บรรพบุรุษดึกดำบรรพอสุรา” บรรพ์บุรุษดึกดำบรรพ์อสุราคือบรรพบุรุษดึกดำบรรพ์ที่แข็งแกร่งที่สุดสายราชันเซียนฉานหลงของพวกเขา ซึ่งมีผลงานทิ่งใหญ่สำหรับสายราชันเซียนฉานหลงของพวกเขา แม้ว่านโยบายบางอย่างในอดีตอาจมีข้อผดพลาดบางสำหรับบรรพบุรุษดึกดำบรรพ์อสุรา แต่เรื่องนี้บรรพบุรุษดึกดำบรรพ์อสุราจะไม่ทำอย่างเด็ดขาด

“เป็นความจริงที่ไม่ใช่เขา” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ และกล่าวเรียบเฉยว่า “แม้ว่าครั้งนั้นอสุราจะสนุบสนุนอย่างแข็งขันให้กับราชันเซียนเหรินเสียน แต่ว่า เขาก็เป็นคนยึดมั่นในคุณธรรม เป็นความจริงที่อสุราทำเรื่องเช่นนี้ไม่ได้”

หลินเทียนตี้ถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ อย่างน้อยที่สุดเรื่องนี้ความผิดไม่ได้อยู่ที่สายฉานหลงของพวกเขา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล