ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1651

ตอนที่ 1651 ตำนานกองทัพมังกรเขียว
ไม่ว่าจะเป็นสำนักใด ไม่ว่าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่คนใดก็ตาม ล้วนแล้วแต่ต้องขนลุกขนพองกับกองทัพเช่นนี้อยู่แล้ว

กองทัพเรือนแสนของพรรคเซียนเหินถึงกับถูกสังหารสิ้นภายในระยะเวลาอันนั้น หมดทั้งกองทัพไม่มีเหลือรอดแม้แต่คนเดียว อีกทั้งทหารเก่าที่จัดการแยกชิ้นส่วนจักรพรรดิเทพอย่างชำนาญดุจดั่งเป็นงานที่พวกเขาทำเป็นประจำอยู่แล้ว มันช่างเป็นเรื่องที่น่าสยดสยองยิ่งนัก

เสียดาย ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ไม่รู้จักชื่อของกองทัพมังกรเขียว ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ไม่เคยได้ยินชื่อของกองทัพนี้ การดำรงอยู่ของกองทัพนี้ห่างไกลมากเกินไปแล้ว ผู้ที่รู้จักชื่อของกองทัพมังกรเขียวส่วนใหญ่กลับกลายเป็นดินไปแล้ว

“กองทัพมังกรเขียว…” ยังคงมีผู้ที่รู้จักกองทัพหน่วยนี้ ภายในวิหารโบราณที่มืดและเงียบแห่งหนึ่งของหนึ่งสำนักสามราชันเซียน บรรพบุรุษรุ่นอาวุโสผู้หนึ่งได้ตื่นขึ้นมา เขามองจากระยะห่างไกลไปยังมหาสมุทรอุดร เมื่อเห็นกองทัพลักษณะเช่นนี้แล้ว ถึงกับรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก

ศึกพิฆาตเซียนในครั้งนั้น เผ่าอเวจีกลายเป็นเถ้าธุลีไปอย่างสิ้นเชิง กองทัพมังกรเขียวร่วมกับปรัชญาเมธีของเก้าแดนทำการปิดล้อมราชวงศ์โบราณหลงหมิ่นเอาไว้ ช่วงเวลานั้นมีการต่อสู้กันจนฟ้าถล่ม เวลานี้เผ่าอเวจีได้รับการสนับสนุนจากหมื่นสำนัก กองทัพมังกรเขียวอาสาเข้าขวางทัพหนุนจากหมื่นสำนักของเผ่าอเวจี จากการต่อสู้อย่างดุเดือดครั้งแล้วครั้งเล่า…”

“…รบกันอย่างทรหดเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน เข่นฆ่ากันจนพื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยเลือด สุดท้าย กองทัพมังกรเขียวอาศัยท่าทีที่มั่นคงที่สุดรักษาแนวป้องกันสุดท้ายเอาไว้ได้ ตัดขาดกำลังหนุนจากหมื่นสำนักที่มีต่อเผ่าอเวจีเอาไว้ได้ ในที่สุด ราชันเซียนหลงหมิ่นถูกสังหารบนยอดเขา เสียงร้องน่าเวทนาของราชันเซียนดังก้องไปเก้าแดน เกรงว่าสิ่งนี้คงเป็นสิ่งที่สยดสยองมากที่สุดนับแต่อดีตที่ผ่านมา ราชันเซียนของเผ่าอเวจีที่ยโสยิ่งกลับถูกสังหารในยุคสมัยของเผ่าอเวจีเอง…”

“…ศึกครั้งนี้ทำให้สรรพชีวิตจำนวนหนึ่งล้านล้านชีวิตล้วนแล้วแต่หวาดกลัวเป็นอันมาก ศึกครั้งนี้เป็นผลจากการร่วมมือของปรัชญาเมธีเก้าแดน แต่ว่าหากไม่มีผลงานของกองทัพมังกรเขียว สุดท้ายแล้วคิดจะทำลายอเวจีคงไม่ง่ายนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสังหารราชันเซียนหลงหมิ่นของเผ่าอเวจีแล้ว

ระดับบรรพบุรุษอาวุโสรุ่นดึกดำบรรพ์ผู้นี้เมื่อหวนนึกถึงการศึกในครั้งครานั้นแล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้ และหวั่นเกรงอย่างมาก ครั้งนั้น กองทัพมังกรเขียวอาศัยท่าทีที่ปราศจากผู้ต่อกรตัดขาดฟ้าดินขัดขวางทัพหนุนของอเวจีนั้น ช่างเป็นอะไรที่อหังการ และกล้าหาญเหลือเกิน

ในห้วงเวลานั้นซึ่งเป็นยุคที่อเวจีปกครองเก้าแดน จะมีสักกี่สำนักหาญกล้ารับคำสั่งที่เสี่ยงภัยเช่นนี้ แต่กองทัพมังกรเขียวกลับรับภาระหนักอึ้งนี้เอาไว้ และสามารถปฏิบัติภารกิจสำคัญของตนได้เป็นผลสำเร็จ ไม่ทำให้ต้องผิดหวัง

ณ แดนศักดิ์สิทธิ์ดึกดำบรรพ์ มีผู้ที่แก่หง่อมและเป็นอมตะได้ตื่นขึ้นมา มองไปที่มหาสมุทรอุดร มองไปที่กองทัพมังกรเขียวจากระยะห่างไกล พึมพำออกมาว่า “กองทัพมังกรเขียวที่เคยมีฉายาว่ากองทัพอันดับหนึ่งนะเนี่ย ความมืดมิดของอเวจีที่ปกคลุมเก้าแดนมานับกี่ยุคกี่สมัยแล้ว จะมีสำนักใด พรรคใดรึที่หาญกล้าต่อต้านอเวจีตั้งแต่ต้นจนจบกันเล่า แล้วจะมีสำนักใด พรรคใดที่สามารถรบกับอเวจีจนถึงสุดท้ายกันหละ กองทัพมังกรเขียวกลับทำได้แล้ว พวกเขาคือกองทัพที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก…”

“…เสียดาย ศึกพิฆาตเซียนในครั้งสุดท้าย กองทัพมังกรเขียวสูญเสียอย่างหนัก ขุนพลที่ปราศจากผู้ต่อกรแต่ละคนที่ร่วงหล่นลงมา ทหารเก่าที่เก่งกล้าตายในที่รบ! หลังจากศึกพิฆาตเซียนแล้ว กองทัพมังกรเขียวที่สูญเสียอย่างหนักได้แต่ปลดระวางตนเอง มิฉะนั้นล่ะก็ ยุคนี้ยังปล่อยให้พรรคเซียนเหินได้ทำกำเริบเสิบสานอย่างนั้นรึ อาศัยกองทัพมังกรเขียวก็สามารถทำการปราบพรรคเซียนเหินจนราบคาบได้อย่างง่ายดาย” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ผู้แก่หงำเหงือกผู้นี้ยังต้องสะอื้นยิ่งนักออกมา

ในแดนชาดทักษิณ ภายในเมืองศักดิ์สิทธิ์ ณ ตระกูลขุนนางโบราณแห่งหนึ่ง ผู้แก่หงำเหงือกที่เหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายลุกขึ้นนั่ง มองไปที่มหาสมุทรอุดรจากระยะห่างไกล เมื่อมองเห็นกองทัพมังกรเขียวแล้ว หางตาเปียกแฉะด้วยน้ำตาโดยไม่รู้ตัว

“มังกรเขียวปกฟ้า รบร้อยครั้งฆ่าเซียน!” แก่หงำเหงือกผู้นี้พึมพำออกมาว่า “เสียดาย ทหารเก่าอย่างข้าเหลือลมหายใจเพียงเฮือกสุดท้ายแล้ว มิฉะนั้นล่ะก็ ข้าจะต้องร่วมกับพี่น้องรับใช้ใต้บังคับบัญชาของใต้เท้า ช่วยบุกตะลุยข้าศึก หวนกลับคืนสู่เกียรติยศอีกครั้ง!”

“ทหารเก่าไม่ตาย มังกรเขียวไม่สูญสลาย!” พร่ำบ่นแต่คำๆ นี้ ขณะที่ผู้ที่แก่หงำเหงือกผู้นี้น้ำตาไหลอาบแก้มสองข้างโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว

หวนนึกถึงตอนนั้น พวกเขาผ่านเหตุการณ์วันเวลาที่มืดมิด ความรักใคร่กลมเกลียวระหว่างพี่น้อง ก้าวข้ามความเป็นความตายไปด้วยกันโดยไม่ทอดทิ้งจากกัน ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ทุกคนต่างตั้งมั่นเฝ้ารักษาที่มั่นสุดท้ายเอาไว้ ต่อให้ต้องสู้รบจนตายในที่สุดก็ไม่แยกจากกัน!

นี่แหละคือกองทัพมังกรเขียวของพวกเขา กองทัพของพวกเขาอาศัยเลือดร้อนๆ และน้ำตาสร้างขึ้นมาด้วยกัน กองทัพของพวกเขาอาศัยความเป็นพี่น้องและความรักความผูกพันร่วมกันสร้างขึ้นมา! ท่ามกลางการต่อสู้อย่างทรหดแต่ละครั้ง พวกเขาล้วนแล้วแต่ร่วมน้ำหนึ่งใจเดียว ไม่มีการทอดทิ้งกันตลอดไป!

ในครั้งนั้น คำขวัญประจำกองทัพมังกรเขียวของพวกเขาก็คือ…มังกรเขียวปกฟ้า รบร้อยครั้งฆ่าเซียน

สิ่งนี้ไม่เพียงเป็นคำขวัญกองทัพมังกรเขียวของพวกเขา ยังเป็นความตั้งใจกองทัพมังกรเขียวของพวกเขา กองทัพมังกรเขียวของพวกเขาจะปกป้องโอรสสวรรค์ตลอดไป ขอเพียงกองทัพมังกรเขียวพวกเขาคงอยู่ แนวป้องกันสุดท้ายของเก้าแดนจะยังคงอยู่

ความปรารถนาอย่างแรงกล้าของกองทัพมังกรเขียวพวกเขาก็คือ รักษาเก้าแดน สังหารราชันเซียนของอเวจี!

ตั้งแต่ต้นจนจบ กองทัพมังกรเขียวของพวกเขาได้ต่อสู้เพื่อเป้าหมายนี้ พวกเขาล้วนแล้วแต่ ทุ่มเทเพื่อเป้าหมายนี้ สุดท้าย กองทัพมังกรเขียวของพวกเขาสามารถบรรลุความปรารถนาสูงสุดของทหารเก่าแต่ละรุ่น สุดท้าย พวกเขาได้ปิดล้อมราชวงศ์โบราณหลงหมิ่น พวกเขาสะกัดกำลังหนุนจากหมื่นสำนักของอเวจี พวกเขาสามารถสังหารราชันเซียนหลงหมิ่นได้

กองทัพมังกรเขียวพวกเขามีชื่อเสียงโด่งดังด้านการสู้รบโดยตลอด ผลงานการสู้รบสร้างขึ้นมาด้วยน้ำตาและโลหิตของพี่น้องทุกๆ คน!

กองทัพมังกรเขียวชื่อเสียงโด่งดังน่เกรงขาม การศึกครั้งเดียวสะเทือนฟ้า ต่อให้ก่อนหน้านั้นไม่มีใครเคยได้ยินชื่อของกองทัพมังกรเขียวมาก่อน แต่หลังการศึกในวันนี้แล้ว ชื่อ “กองทัพมังกรเขียว” จะดังก้องไปทั่วฟ้าดิน

เมื่อเอ่ยถึงกองทัพมังกรเขียวสังหารสิ้นกองทัพเรือนแสนของพรรคเซียนเหินภายในระยะเวลาอันสั้นนั้น ไม่รู้มีผู้คนเท่าไรที่ต้องเงียบกริบดั่งจักจั่นยามหน้าหนาว เมื่อเอ่ยถึงการศึกในครั้งนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องหวาดกลัวยิ่งนัก มากด้วยความหวั่นเกรงต่อกองทัพมังกรเขียว!

หลังเสร็จศึกครั้งนี้แล้ว กองทัพมังกรเขียวได้เข้าประจำการในเมืองหมิงจู เวลานี้เมืองหมิงจูเงียบสงัด ไม่ว่าผู้ดำรงอยู่ในฐานะใดก็ไม่กล้าก้าวเท้าเข้าไปในเมืองหมิงจูง่ายดายแม้เพียงครึ่งก้าว ผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากเมื่อมองเห็นทหารเก่าของกองทัพมังกรเขียวแล้วต่างรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก ขาทั้งสองข้างถึงกับไม่สู้ด้วยการสั่นเทาขึ้นมา

ภายในวิหารหลักของเมืองหมิงจู หลี่ชิเย่ และเทพแท้จริงสยบโลกานั่งอยู่ตรงนั้น วันเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว พวกเขานายบ่าวได้มานั่งอยู่ด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง

“แม้ว่าเจ้าไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกชาติหนึ่ง แต่ก็นับว่ามีชีวิตชีวานะเนี่ย พลังลมปราณของเจ้าแม้ไม่เท่าคราอยู่ในขั้นสูงสุดแต่ก็ห่างไม่มากเท่าไร” หลี่ชิเย่กล่าวพร้อมกับจ้องมองดูเทพแท้จริงสยบโลกาและเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น

“ทั้งหมดเป็นเพราะใต้เท้าที่โปรดปราน” เทพแท้จริงสยบโลกาก็เผยรอยยิ้มออกมา และกล่าวว่า “หากไม่เป็นเพราะใต้เท้าประทานของวิเศษเซียนให้ข้าหลบจากโลกภายนอกและถนอมร่างกาย ทำให้พลังลมปราณของข้าสามารถคืนกลับมา หาไม่แล้วข้าคงกลายเป็นดินไปแล้ว”

หลี่ชิเย่หัวเราะ และส่ายหน้าเบาๆ ว่า “เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้า มันเป็นสิ่งที่เจ้าสมควรได้ การศึกครั้งนั้นพี่น้องต่างได้ทุ่มเทเสียสละด้วยค่าตอบแทนที่แสนสาหัส น่าเสียดาย ท่ามกลางกาลเวลาอันยาวนานนี้ข้าไม่สามารถรั้งชีวิตของพวกเขาเอาไว้ได้”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องราวในอดีต เทพแท้จริงสยบโลกาเองต้องทอดถอนใจออกมาเบาๆ ครั้งนั้นเกียรติยศ เลือดและคราบน้ำตาล้วนดำรงอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าเขาหรือใต้เท้าต่างยากจะแบกรับกับเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา

“ไม่พูดถึงเรื่องราวในอดีต” เทพแท้จริงสยบโลกากล่าวว่า “ใต้เท้าคิดจะบุกโจมตีพรรคเซียนเหินเมื่อไหร่กันล่ะ? พี่น้องของกองทัพมังกรเขียวต่างพร้อมสรรพแล้ว ขอเพียงใต้เท้ามีบัญชา จะบุกตะลุยถึงรัง ปราบพรรคเซียนเหินให้ราบคาบ!”

“ไม่ ยังไม่รีบ” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ ยิ้มกล่าวว่า “ข้ากลับต้องการดูว่าพรรคเซียนเหิน จะมีท่าไม้ตายอะไร ได้ยินมาว่าลูกชายหลายคนของราชันเซียนเหรินเสียนได้มีชีวิตกลับออกมาจากคุกเซียนแล้ว ข้าอยากรู้นักว่าพวกเขาสามารถก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้สักแค่ไหนเชียว”

“ถ้าหากราชันเซียนเหรินเสียนยังอยู่ บางทีพวกเขาอาจจะก่อเรื่องขึ้นมาได้บ้าง” เทพแท้จริงสยบโลกากล่าวว่า “อาศัยโอรสราชันเพียงไม่กี่คนฤาจะทำอะไรขึ้นมาได้ในเงื้อมมือของใต้เท้า”

“โอรสราชันก็ดี ธิดาราชันก็ช่าง” หลี่ชิเย่แสดงท่าทีอย่างไรก็ได้ออกมา และกล่าวว่า “ข้าเพียงแต่แปลกใจว่าครั้งนั้นพวกเขาได้แอบซ่อนอะไรเอาไว้ พวกเขาได้ซ่อนสายเลือดในครานั้นที่ตรงไหน ข้าอยากรู้นักว่าครั้งนั้น พวกเขาได้เปลี่ยนสายเลือดของผู้ใดไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าอยากรู้นัก ครั้งนั้นข้าตามหาสายเลือดนี้มาตลอดแต่ไม่พบ แต่ว่า ข้าเชื่อว่าสายเลือดนี้จะต้องอยู่ที่พรรคเซียนเหินแน่นอน”

ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว เดิมใบหน้าที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้มของหลี่ชิเย่พลันเผยให้เห็นประกายที่น่ากลัวออกมา ประกายที่น่ากลัวเช่นนี้แม้แต่ราชันเซียนเห็นแล้วก็ควรจะหวาดกลัวเช่นกัน

เทพแท้จริงสยบโลกาที่ติดตามอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ตลอดมา ย่อมเข้าใจได้ว่าประกายน่ากลัวนี้บ่งบอกถึงสิ่งใดแล้ว!

“อาศัยพรรคเซียนเหินกล้าทำให้สายเลือดของอเวจีปรากฎอีกก็สมควรถูกล้างเผ่าพันธุ์!”เทพแท้จริงสยบโลกาก็เผยปณิธานการฆ่าออกมา เขาผ่านกาลเวลาที่มืดมิดที่สุดมาแล้ว แน่นอน ไม่อนุญาตให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด

“แน่นอน” หลี่ชิเย่หัวเราะ เขาไม่รีบร้อน กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “ครั้งนั้นเพียงแต่หาคนที่ถูกเปลี่ยนสายเลือดไปไม่พบเท่านั้นเอง มิฉะนั้นล่ะก็ พรรคเซียนเหินยังคิดจะคงอยู่บนโลกนี้อีกรึ”

ครั้งนั้น อาศัยกำลังบังคับเขาตรวจสอบพรรคเซียนเหิน โดยมีราชันเซียนเชียนหลี่เปิดทาง ราชามังกรดำตรึงสถานการณ์เอาไว้ ภายใต้การสยบของสองผู้ยิ่งใหญ่ ต่อให้พรรคเซียนเหินที่หนึ่งสำนักห้าราชันเซียนก็ไม่มีทางเลือก ต้องยอมให้อีกาทมิฬสำรวจตรวจสอบพื้นที่ทุกตารางนิ้วของพรรคเซียนเหิน!

น่าเสียดาย การอาศัยกำลังบังคับเข้าตรวจสอบไม่สามารถหาสายเลือดดังกล่าวพบ บรรดาบรรพบุรุษทั้งหมดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ฆ่าตัวตาย ส่วนลูกชายหลายคนของราชันเซียนเหรินเสียนได้หนีเข้าไปในตุกเซียน!

“ช่างเถอะ ไม่พูดถึงเรื่องพรรคเซียนเหินก็ได้ พวกเขาคือเนื้อที่อยู่บนเขียงแล้ว” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและยิ้มกล่าวว่า “ที่ให้พวกเจ้าปรากฏตัวออกมาในชาตินี้ เป็นเพราะเกียรติยศนี้สมควรมอบให้กับกองทัพมังกรเขียว และก็เป็นความเห็นแก่ตัวของข้า หลังจากที่ข้าไปจากแล้ว กองทัพมังกรเขียวยังคงเฝ้ามองเก้าแดนเอาไว้ได้ เพื่อป้องกันคนบางคนที่คิดจะเคลื่อนไหวก่อการร้ายในอนาคต”

“ใต้เท้ารับภาระหนักอึ้ง” เทพแท้จริงสยบโลกาคำนับและกล่าวว่า “หากเปลี่ยนเป็นตอนนั้น ข้าอยากติดตามใต้เท้าบุกขึ้นไปเก้าแดนมากกว่า พาเหล่าพี่น้องเปิดทางเลือดให้กับใต้เท้ามากกว่า”

“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าภักดี” หลี่ชิเย่พยักหน้า ทอดถอนใจเบาๆ ว่า “แต่ว่า ครั้งนั้นพวกเจ้าเจ็บตายกันอย่างแสนสาหัส ข้าไม่ต้องการให้เหตุการณ์ที่โหดร้ายเกิดขึ้นบนตัวกองทัพมังกรเขียวอีกครั้ง อย่างไรเสียพวกเจ้าได้เสียสละมามากพอแล้ว อนาคตบนเก้าชั้นฟ้าก็ต้องสู้กันอย่างดุเดือดเช่นกัน และโหดเหี้ยมทารุณยิ่งกว่า เรื่องที่โหดเหี้ยมทารุณเช่นนี้ไม่ควรเกิดกับกองทัพมังกรเขียวถึงสองครั้ง!”

“ใต้เท้ารักและถนอมเหล่าพี่น้อง” เทพแท้จริงสยบโลกากล่าวด้วยความจริงใจ

“ไม่ เป็นข้าที่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีสลดว่า “ข้าเป็นคนพาพวกเจ้าออกมาทีละคนๆ แต่ว่า มีพี่น้องจำนวนเท่าไรที่ต้องฝังร่างใต้ดิน เลือดนองสมรภูมิรบ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล