นาทีนี้ทุกคนต่างบังเกิดมโนภาพขึ้นมา ต่างเข้าใจว่าผู้ลงมือคือราชันเซียนองค์หนึ่ง
เวลานี้ ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของผู้คนคือผู้เฒ่าคนหนึ่ง ผู้เฒ่าที่มีลักษณะท่าทางเย็นชา โครงหน้าของเขาเหมือนผ่านการเจียระไนจากกาลเวลาอันยาวนาน จนเส้ฟนโครงร่างบนใบหน้ากลายเป็นสิ่งใดที่จะขัดเกลาได้อีกต่อไป ยังคงมีมุมและขอบที่ชัดเจน เหมือนว่าต่อให้กาลเวลาอันยาวนานผ่านไปก็ไม่สามารถลบมุมเหล่านั้นของเขาได้อีกแล้ว
ม้าศึกที่ผู้เฒ่าขี่อยู่นั้นเป็นม้าทองสัมฤทธิ์ ลักษณะของม้าศึกนับเป็นม้าที่ดีมากตัวหนึ่ง แม้ว่ามันจะเป็นเพียงม้าทองแดงแต่เปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวา ทุกๆ เส้นโค้งบนตัวล้วนแล้วแต่เน้นให้เห็นถึงกล้ามเนื้อที่กำยำแข็งแรงของมัน
ผู้เฒ่าปราศจากอำนาจที่สะเทือนฟ้า และไม่มีพลังลมปราณที่ดั่งคลื่นยักษ์ ขณะที่เขาขี่อยู่บนหลังม้าที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าโดยมีทวนวางขวางกับตัว เพียงเท่านี้เขาก็เสมือนหนึ่งกลายเป็นนิรันดร์ ขอเพียงตัวเขาที่ประทับม้ายืนอยู่ตรงนั้น ไม่ว่าผู้ดำรงอยู่ในฐานะใดอย่าหวังได้ก้าวข้ามหรือล้มเขาไปได้ เหมือนว่าเขาคือแนวป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของฟ้าดินอย่างนั้น
มองดูผู้เฒ่าลักษณะเช่นนี้แล้ว ไม่มีใครรู้ถึงประวัติความเป็นมาของเขา ต่อให้ระดับจักรพรรดิเทพที่มีประสบการณ์มากที่สุดก็ดูเขาไม่ออก ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขาคือใคร
“เจ้าเด็กน้อย ทักษะไม่เลว” ผู้เฒ่าที่วางทวนขวางลำตัวนั่งอยู่บนหลังม้าที่ยืนอยู่บนท้องฟ้า จ้องมองหลงอ้าวเทียน แล้วกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เสียดาย ผู้ที่สามารถสู้กับข้าได้ในพรรคเซียนเหินมีเพียงอสุราเท่านั้น นอกนั้นไม่ได้เรื่อง!”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของผู้เฒ่าทำให้ผู้คนทั่วหล้าต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้ ไม่มีใครรู้ว่าอสุราคือใคร แต่ว่าการที่ผู้เฒ่าพูดออกมาเช่นนี้ถือว่าน่ากลัวยิ่งนักแล้ว
ทอดสายตาไปในใต้หล้า จะมีสักกี่คนที่กล้าพูดว่าพรรคเซียนเหินที่เหลือไม่ได้เรื่อง!
แม้แต่หลงอ้าวเทียนก็ต้องมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป คนอื่นอาจไม่รู้จัก “อสุรา” แต่เขารู้จัก บรรพบุรุษรุ่นดึกดำบรรพ์อสุรา เคยเป็นหนึ่งในบรรพบุรุษรุ่นดึกดำบรรพ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของพรรคเซียนเหิน เคยมีบรรพบุรุษอาวุโสของพรรคเซียนเหินเคยกล่าวไว้ว่า ในประวัติศาสตร์พรรคเซียนเหิน นอกจากราชันเซียนแล้ว ความแข็งแกร่งของบรรพบุรุษรุ่นดึกดำบรรพ์อสุราหากไม่สามารถจัดให้อยู่ในอันดับหนึ่งก็ต้องอยู่ในอันดับสองอย่างแน่นอน!
เนื่องเพราะมีบรรพบุรุษรุ่นดึกดำบรรพ์อสุราที่แข็งแกร่งนี่เอง เป็นผู้คุ้มครองให้กับราชันเซียนเหรินเสียนบรรพบุรุษของพวกเขา ช่วยขจัดความเห็นต่างของทุกคน สุดท้าย ราชันเซียนเหรินเสียนบรรพบุรุษของพวกเขาจึงมีโอกาสผงาดขึ้นมาในยุทธภพ และกลายเป็นราชันเซียนในที่สุด
น่าเสียดาย ท้ายที่สุดแล้วต่อให้บรรพบุรุษรุ่นดึกดำบรรพ์อสุราที่แข็งแกร่งจนปราศจากผู้ต่อกรก็ไม่สามารถทนต่อภัยพิบัติของกาลเวลาไปได้ และสิ้นอายุขัยในที่สุด จากโลกนี้ไปเนื่องจากพลังลมปราณแห้งเหือดและเสื่อมโทรม!
เวลานี้ ผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้ากลับบอกว่า พรรคเซียนเหินของพวกเขามีเพียงบรรพบุรุษรุ่นดึกดำบรรพ์อสุราเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับเขาได้ ย่อมสามารถประเมินได้ว่าผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้ามีความแข็งแกร่งเพียงใด
“ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร?” หลงอ้าวเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ควบคุมพลังลมปราณให้เป็นปรกติ กล่าวด้วยลักษณะท่าทางที่หนักแน่นจริงจัง
“เทพแท้จริงสยบโลกา” ผู้เฒ่ากล่าวท่าทีเฉยเมย เป็นคำกล่าวที่เรียบเฉยมาก ไม่ค่อยมีความรู้สึกอะไร กล่าวสำหรับเขาแล้วนี่เป็นเรื่องที่ปรกติธรรมดามาก
เทพแท้จริงสยบโลกา! บรรดายอดฝีมือจำนวนมากเมื่อได้ยินชื่อนี้แล้วต่างมองหน้ากันและกัน เนื่องจากไม่มีใครเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แม้แต่ระดับจักรพรรดิเทพรุ่นอาวุโสก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
แต่ว่า เมื่อชื่อนี้ถูกเอ่ยขึ้นมา มีผู้ที่อยู่ในร่องน้ำลึกของสายสำนักราชันเซียนลืมตาขึ้น มีตาแก่ที่ดึกดำบรรพ์ยิ่งถูกทำให้ตกใจจนลุกขึ้นมานั่งโดยพลัน รู้สึกตื่นตระหนกยิ่งนัก พึมพำออกมาว่า “ไม่นึกเลยว่าเทพแท้จริงสยบโลกายังคงมีชีวิตอยู่ นี่คือเทพแท้จริงที่ร่วมการศึกพิฆาตเซียนแล้วยังคงมีชีวิตอยู่! เป็นความมหัศจรรย์ที่ดึกดำบรรพ์นะเนี่ย โลกหล้านี้ผู้ที่สามารถเรียกหาเขาได้มีเพียงผู้เดียวเท่านั้น!
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้แล้ว ประเภทแก่ง่ายตายยากที่ดึกดำบรรพ์ยิ่งถึงกับสั่นเทิ้ม รีบนอนลงไปในโลงโบราณตามเดิม ไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป
“เทพแท้จริงสยบโลกา!” แม้แต่หลงอ้าวเทียนที่มีชาติกำเนิดมาจากพรรคเซียนเหิน เมื่อได้ยินชื่อนี้แล้วก็ต้องตกใจจนก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวและมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาก
คนอื่นอาจไม่เคยได้ยิน “เทพแท้จริงสยบโลกา” แต่ในฐานะของผู้สืบทอดพรรคเซียนเหินเขาเคยได้ยินชื่อนี้ เป็นชื่อที่เปี่ยมด้วยสีสันมหัศจรรย์
สยบโลกา! นับแต่โบราณกาลเป็นต้นมาจะมีสักกี่คนที่กล้าตั้งฉายาว่าสยบโลกา และมีกี่คนที่กล้าเรียกว่าเป็นเทพแท้จริง! มีไม่กี่คนกล้าตั้งฉายาว่าสยบโลกา และมีไม่กี่คนกล้าเรียกว่าเทพแท้จริง แต่ เวลานี้ฉายานี้กลับปรากฏอยู่บนตัวของคนๆ หนึ่ง เทพแท้จริงสยบโลกา!
บุคคลที่ดำรงอยู่ในฐานะมีสายเลือดที่สูงส่งยิ่ง ขุนพลเฒ่าผู้หนึ่งที่เคยผ่านสมรภูมิพิฆาตเซียนมา ขุนพลที่ห้าวหาญที่ยังคงรอดชีวิตมาได้ภายใต้ศึกพิฆาตเซียนที่โหดร้ายทารุณสุดเปรียบเปรย ย่อมประเมินได้ว่าผู้ดำรงอยู่ในสถานะเช่นนี้ช่างน่ากลัวเพียงใดแล้ว!
“ชีวิตของพวกเจ้าไม่ใช่ข้าเป็นผู้เก็บเกี่ยว วันนี้ข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าต้องลำบากใจ” เทพแท้จริงสยบโลกามองดูหลงอ้าวเทียนทีหนึ่ง จากนั้นมองดูผู้ที่หลบซ่อนตัวอยู่บนท้องฟ้าและไม่ปรากฎตัวออกมา กล่าวเรียบเฉยว่า “หากชาตินี้พรรคเซียนเหินพวกเจ้ายังคงมีโอรสราชันอะไรที่คิดว่าตัวเองยอดเยี่ยมล่ะก็ รีบๆ ลงมือได้เลย ชาตินี้ กองทัพมังกรเขียวของข้าได้รับคำบัญชาจากใต้เท้าจะปราบพรรคเซียนเหินพวกเจ้าให้ราบแน่นอน!”
เป็นคำพูดที่ราบเรียบแต่หนักแน่นจริงจัง ไม่ว่าใครก็ตามเมื่อได้ยินแล้วก็ต้องรู้สึกขนลุกขนพอง ในโลกจะมีสักกี่คนที่กล้าทำลายพรรคเซียนเหินจนราบคาบ แต่ว่า ผู้เฒ่าผู้นี้กลับพูดออกมาแล้ว
“อ๊ากก…” เวลานี้ปิดฉากลงด้วยเสียงร้องที่น่าเวทนา กองทัพนี้ได้ทำการกวาดล้างสมรภูมิรบแห่งนี้จนราบเรียบภายในระยะเวลาอันสั้น กองทัพเรือนแสนของพรรคเซียนเหินถูกทำลายสิ้นหมดทั้งกองทัพภายในเวลาอันสั้น ไม่มีรอดชีวิตแม้แต่รายเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...