“ฆ่า…” หลงอ้าวเทียนไม่พูดมากอีกต่อไป ร้องเสียงดังออกมา เขาต้องการอาศัยการกระทำที่แท้จริงมาสร้างผลกระทบต่อหลี่ชิเย่ เขาต้องการให้ผู้คนทั่วหล้ารู้ว่า การเป็นศัตรูกับเขาจะมีจุดจบเช่นใด ไม่เพียงตัวตายเท่านั้น แม้แต่คนข้างกายก็ต้องถูกสังหารทั้งหมด
“ฆ่า…” กองทัพเรือนแสนของพรรคเซียนเหินคำรามเสียงก้องบุกโจมตีลงมา เสมือนหนึ่งน้ำหลากที่รุนแรงยิ่ง อาศัยท่วงท่าการทำลายล้างสูงเข้าโจมตีต่อเมืองหมิงจู
“ตึง ตึง ตึง…” เสียงสัญญาณเตือนภัยดังก้องไปทั่วทั้งเมืองหมิงจูทั้งถี่และเร็ว ทำให้ทั่วทั้งเมืองหมิงจูตกอยู่ท่ามกลางสภาวะที่น่ากลัวและสับสนวุ่นวาย
“ฆ่า…” เวลานี้ ศิษย์ของเมืองหมิงจูก็ร้องคำรามเสียงดังออกมา พวกเขาไม่มีทางเลือก ไม่สู้ยิบตาจนตัวตาย ไม่ก็ล่าถอยด้วยความหวาดกลัวแล้วถูกสังหาร ไม่ว่าจะทางไหนก็ตายเหมือนกัน พวกเขาได้แต่ร้องคำรามเสียงดังและบุกไปยังแนวหน้า สู้ตายแลกกับศัตรู
“ตูม ตูม ตูม…” เสียงพื้นดินสั่นสะเทือนไม่ขาด เกิดการสั่นไหวโคลงเคลงไปทั่วทั้งเมืองหมิงจู เวลานี้นาทีนี้ เมืองหมิงจูเสมือนดั่งเป็นเรือน้อยที่อยู่ท่ามกลางคลื่นยักษ์ที่ถาโถมพร้อมจะพลิกคว่ำจมลงทุกเมื่อ พร้อมจะถูกกลืนหายไปท่ามกลางเกลียวคลื่นที่รุนแรง
เดิมทีเมืองหมิงจูขณะเผชิญกับการบุกโจมตีของกองทัพอาชาชุดแรกก็รับจะไม่ไหวอยู่แล้ว ถูกบีบให้ต้องถอยร่นไปเรื่อยๆ เวลานี้ส่งกองทัพเรือนแสนมาอีกระลอก ศิษย์ของเมืองหมิงจูยิ่งไม่สามารถต้านทานได้อยู่แล้ว ในเวลานี้ เสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้นสลับ เลือดสดๆ ไหลนองย้อมพื้นดินจนกลายเป็นสีแดง ภายใต้การบุกโจมตีอย่างรุนแรงของกองทัพเรือนแสน แนวป้องกันของเมืองหมิงจูพลันพังทลายลง ต้องถอยร่นไปเรื่อยๆ พวกเขาเริ่มถอยเข้าไปตั้งรับอยู่ในบริเวณที่เป็นจวนหลัก
“หลี่ชิเย่ เจ้าเบิกตาให้กว้างและมองดูเมืองหมิงจูถูกทำลาย เจ้าสมควรรู้สึกตัวได้ว่าจะต้องถูกฆ่าล้างสำนักเมื่อเป็นศัตรูกับข้า” หลงอ้าวเทียนกล่าวน่าเกรงขามออกมา
คำพูดของหลงอ้าวเทียนทำให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต้องขนลุกขนพอง ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกเข่าอ่อนทั้งสองข้าง เวลานี้ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจได้ว่า การเป็นศัตรูกับหลงอ้าวเทียนแล้ว ไม่เพียงตัวเองต้องตาย อีกทั้งสำนักของตน ญาติของตน เพื่อนของตนก็ต้องถูกสังหารจนสิ้น นี่แหละคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของหลงอ้าวเทียนและพรรคเซียนเหิน
“พวกสวะเท่านั้นเอง พรรคเซียนเหิน” หลี่ชิเย่ส่ายหน้า กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ออกมาเหอะ มังกรเขียว ได้เวลาที่พวกเจ้าคำรามแล้ว พันล้านปีผ่านไป ได้เวลาที่พวกเจ้าเฝ้าปกป้องเก้าแดนแล้ว ให้สรรพชีวิตในเก้าแดนรับรู้ถึงเสียงคำรามและเพลิงแห่งความโกรธของพวกเจ้า!”
“ตูม…” ท้องฟ้าพังทลาย เวทีการต่อสู้ที่น่ากลัวพลันทำลายช่องว่าง ส่งกองทัพจากดินแดนไกลโพ้นมาถึงตรงหน้า เป็นกองทัพที่มีความสามารถก้าวข้ามช่องว่างได้ในพริบตา
กองทัพหนึ่งปรากฏอยู่บนเวทีการต่อสู้ นี้ถูกล้อมรอบด้วยกลิ่นอายที่ขมุกขมัว อบอวลไปด้วยกลิ่นอายที่ดึกดำบรรพ์และดูมีพลังอย่างน่าอัศจรรย์ เหมือนว่ากองทัพนี้ถูกผนึกเอาไว้นานนับพันล้านปีมาแล้ว
นักรบภายในกองทัพนี้ล้วนแล้วแต่สวมเสื้อเกราะลายเกล็ดสีเขียว บริเวณอกของชุดเกราะสลักมังกรเขียวที่แยกเขี้ยวยิงฟันตัวหนึ่ง เป็นมังกรที่มีพลังอหังการยิ่งนัก สามารถฉีกทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกหล้าได้ทั้งหมด
ทั้งกองทัพตลบอบอวลไปด้วยบรรยากาศที่บีบเค้นน่ากลัวยิ่ง ความบีบเค้นเช่นนี้สามารถฉีกทุกอย่างให้กระจุยได้ เหมือนว่ากองทัพนี้คือหอกที่คมกริบที่สุดในโลก สามารถแทงทะลุทุกสิ่งทุกอย่างในโลกหล้า สามารถฉีกทุกอย่างให้กระจุย ไม่ว่าจะเป็นกองทัพราชันเซียนหรือตัวราชันเซียนเอง มันก็สามารถฉีกทุกอย่างที่ขวางหน้าให้กระจุยได้
เมื่อเปรียบเทียบลักษณะท่าทางที่บีบเค้นของกองทัพนี้แล้ว กองทัพเรือนแสนของพรรคเซียนเหินดูอ่อนยิ่งนัก โดยเฉพาะทหารเก่าที่เป็นแกนหลักของกองทัพนี้ยิ่งมีคู่ดวงตาที่เย็นยะเยือก ไม่มีหวั่นเกรงแต่อย่างใด ต่อให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับราชันเซียน พวกเขาก็จะหยิบยกเอาทวนในมือขึ้นมาพุ่งตัวเข้าหา พวกเขาไม่เกรงกลัวต่อศัตรูใดๆ ในโลกหล้า พวกเขากล้าที่จะสู้รบกับทุกสิ่งทุกอย่างในโลกหล้า พวกเขาเป็นนักรบแต่กำเนิด พวกเขาคือทหารที่ผ่านการสู้รบมาอย่างโชกโชน
ธงรบของกองทัพนี้โบกสะบัดอยู่บนท้องฟ้า มันคือมังกรเขียวตัวหนึ่ง มังกรเขียวที่แยกเขี้ยวยิงฟัน มังกรเขียวลักษณะเช่นนี้เหมือนต้องการโผล่ออกมาจากธงรบเพื่อฉีกร่างศัตรูทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้า เป็นมังกรเขียวที่เปี่ยมด้วยพลัง
ขณะที่กองทัพนี้ปรากฏขึ้นมานั้น หวาดผวาไปทั้งเก้าแดน และสั่นเทาไปทุกสารทิศ ไม่ว่าจะเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นใด ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นเทพสงครามที่น่ากลัวเพียงใด เมื่อยืนอยู่ต่อหน้ากองทัพนี้แล้วก็สมควรรู้สึกหวาดกลัวจึงจะถูก!
“กรรร…” มีเพียงเสียงคำรามคำเดียว คล้ายดั่งเป็นเสียงคำรามของมังกรเขียวขนาดยักษ์ กองทัพนี้ได้พุ่งลงข้างล่างพร้อมกับพลังฆ่าที่ปราศจากผู้ต่อกร มุ่งตรงไปยังกองทัพเรือนแสนของพรรคเซียนเหิน
“อ๊ากก…” ทันใดนั้น เสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้นมาบนฟ้าดินแห่งนี้ เห็นหัวแต่ละหัวที่ลอยขึ้น เลือดที่พวยพุ่งขึ้นมา กองทัพนี้ดุจดั่งเป็นเครื่องจักรสงคราม เมื่อพวกเขาบุกเข้าไปยังสมรภูมิรบแล้วได้ทำการเก็บเกี่ยวหัวของศัตรูอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาลงมืออย่างไร้ความปราณี สังหารภายในหนึ่งกระบวนท่า เหมือนว่าพวกเขาเกิดมาเพื่อสงคราม พวกเขาถือท่าไม้ตายที่น่ากลัวที่สุดในสมรภูมิรบ พวกเขาพกพาจิตใจที่พร้อมตายเข้าสู่สมรภูมิรบ การเข่นฆ่าสังหารของพวกเขาไม่ว่าใครก็ต้องหวาดกลัว
“ไม่…” ในเวลานี้เอง กองทัพเรือนแสนของพรรคเซียนเหินร้องอย่างน่าเวทนาขึ้นมา แม้แต่ระดับจักรพรรดิเทพยังต้องร้องออกมาด้วยเสียงที่แหลมและเศร้ารันทดยิ่งนัก ยามที่หัวของพวกเขาถูกฟันจนขาด ดวงตาทั้งสองของพวกเขาเบิกโพลง ต่อให้พวกเขาสังกัดพรรคเซียนเหิน แต่ว่านี่คือกองทัพที่น่ากลัวที่สุดที่พวกเขาเคยพบเจอในชีวิต
เวลานี้ กองทัพนี้ดุจดั่งเป็นมังกรยักษ์ที่ร้องคำรามพร้อมกับพุ่งชนอุตลุดในสนามรบ ต่อให้เป็นกองทัพเรือนแสนของพรรคเซียนเหินเมื่ออยู่ต่อหน้ามันแล้วก็สู้ไม่ได้ ถูกพวกเขาฉกเอาชีวิตไปอย่างบ้าคลั่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...