ความจริงแล้วต่อให้มีผู้คนในโลกรู้จักถ้ำเซียนมารก็ไม่สามารถหาถ้ำเซียนมารได้พบ และไม่สามารถเข้าไปในถ้ำเซียนมารได้
เหตุผลนั้นง่ายมาก หลังจากที่หลี่ชิเย่ในฐานะอีกาทมิฬหลุดจากการควบคุมของถ้ำเซียนมารแล้ว เขาได้ร่วมมือกับราชันเซียนทำการเนรเทศตำแหน่งช่องว่างของถ้ำเซียนมาร ดังนั้น ต่อให้ค้นหาทางเข้าถ้ำเซียนมารได้แล้ว เมื่อเข้าไปภายในถ้ำแล้วก็จะพบว่าข้างในนั้นไม่มีทางที่เข้าไปได้อีกเลย
เนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งของถ้ำเซียนมารถูกหลี่ชิเย่ และราชันเซียนเนรเทศไปยังตำแหน่งช่องว่างในส่วนที่ลึกมากๆ ดังนั้น เว้นแต่บุคคลผู้นั้นสามารถได้รายละเอียดเกี่ยวกับตำแหน่งช่องว่างดังกล่าวจากหลี่ชิเย่ มิฉะนั้นล่ะก็จะไม่สามารถค้นพบเส้นทางเข้าสู่ถ้ำเซียนมารที่ถูกต้องได้เลย
ความจริงนับตั้งแต่หลี่ชิเย่ได้ทำการเนรเทศตำแหน่งที่ตั้งของถ้ำเซียนมารแล้วนั้น ปรากฎเหตุการณ์ที่บุคคลภายนอกสามารถเข้าไปยังถ้ำเซียนมารได้ก็มีแค่หนึ่งถึงสองครั้งเท่านั้นเอง
ผู้ที่เข้าไปเป็นครั้งแรกก็คืออเวจี ครั้งนั้น หลี่ชิเย่อาศัยเรื่องของแพะตัวผู้หลอกให้อเวจีเข้าไปยังถ้ำเซียนมาร และด้วยสาเหตุนี้เอง ไม่เพียงผู้ยิ่งใหญ่หลายคนของอเวจีที่บุกเข้าไปภายในถ้ำเซียนมารเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังได้นำมิติมหัศจรรย์ไปใช้ในถ้ำเซียนมารอีกด้วย หวังอาศัยสิ่งนี้มาทำการสยบถ้ำเซียนมารเอาไว้
ครั้งนั้น การที่อเวจีสามารถรู้ถึงตำแหน่งที่ตั้งของถ้ำเซียนมารก็เพราะอีกาทมิฬจงใจเปิดเผยความลับออกไปให้อเวจีเอง
น่าเสียดาย คราวนั้นอเวจีนอกจากจะขโมยไก่ไม่ได้ยังต้องเสียข้าวสารไปอีกกำมือ พวกเขานึกไม่ถึงว่าตัวเองกำลังเผชิญกับผู้ดำรงอยู่ในสถานะเช่นใด ผู้ยิ่งใหญ่หลายคนของอเวจีเตรียมการไม่ดีพอ แม้พวกเขาจะอาศัยมิติมหัศจรรย์ก็ตามที สุดท้ายแล้วก็ต้องล่าถอยด้วยความพ่ายแพ้ ไม่เพียงแต่ผู้ยิ่งใหญ่หลายคนได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้แต่มิติมหัศจรรย์ของพวกเขาก็ถูกสยบ
ผู้ที่เข้าไปเป็นคนที่สองก็คือราชันเซียนท่าคง ราชันเซียนท่าคงที่เข้าไปก็เพราะถูกกู้จุนเสี้ยมสอน โดยที่กู้จุนเป็นผู้เปิดเผยตำแหน่งที่ตั้งของถ้ำเซียนมารให้กับราชันเซียนท่าคงเอง
การเข้าไปยังถ้ำเซียนมารของราชันเซียนท่าคงได้สร้างความกดดันต่อพวกของราชามังกรดำ อีกทั้งสภาพของอีกาทมิฬในขณะนั้นไม่มั่นคงนัก ด้วยความโกรธจึงทำให้ราชามังกรดำเปิดศึกกับราชันเซียนท่าคงและนำกองทัพมังกรดำบุกถ้ำเซียนมารในที่สุด
เรียกได้ว่าการบุกเข้าถ้ำเซียนมารของราชามังกรดำในครั้งนั้น มีขุนพลที่ปราศจากผู้ต่อกรแต่ละคนติดตามไปด้วย และด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ราชามังกรดำสามารถชิงเอาร่างของอีกาทมิฬออกมาจากถ้ำเซียนมารได้ในที่สุด
แต่ทว่า พวกของราชามังกรดำก็ต้องแลกมาด้วยค่าตอบแทนที่สูงมาก หลังจากการศึกในครั้งนี้แล้วร่างในชาติที่สามของราชามังกรดำต้องเสียชีวิตลง อีกทั้งขุนพลปราศจากผู้ต่อกรแต่ละคนก็ต้องตายในสนามรบ กองทัพมังกรดำแทบจะสูญเสียไปหมดทั้งกองทัพ และด้วยสาเหตุนี้เอง ทำให้กองทัพมังกรดำของเมืองสมุทรสยบฟ้า จึงคงไว้เพียงชื่อไม่มีตัวตนที่แท้จริงอีกต่อไป
ความจริงแล้วมันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยกับการชิงเอากายเนื้อของหลี่ชิเย่ออกมา จำเป็นต้องแลกมาด้วยค่าตอบแทนที่สูงมาก และด้วยเหตุนี้ ทำให้ราชามังกรดำฉีกชะตาฟ้าของราชันเซียนท่าคงจนขาดกระจุย
ไม่เพียงเพราะราชันเซียนท่าคงเข้าไปในถ้ำเซียนมารเท่านั้น ขณะเดียวกันยังเป็นเพราะราชามังกรดำได้อาศัยการบูชาสวรรค์ด้วยชะตาฟ้าของราชันเซียนท่าคง จึงสามารถแย่งชิงเอากายเนื้อที่สมบูรณ์ของหลี่ชิเย่กลับคืนมาได้
อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถแย่งเอากายเนื้อของหลี่ชิเย่กลับมาได้โดยสมบูรณ์ล่ะก็ วิญญาณและชะตาแท้ของหลี่ชิเย่ก็จะถูกกักขังเอาไว้ในร่างกายของอีกาทมิฬ ไม่สามารถออกมาได้ตลอดไป
ความจริงแล้ว ในครั้งนั้นเจี่ยนเหวินซินได้ทุ่มเทกำลังกายใจค้นพบวิธีอีกวิธีหนึ่ง โดยที่วิธีนี้ไม่จำเป็นต้องบูชาด้วยชะตาฟ้าก็สามารถชิงเอากายเนื้อที่สมบูรณ์ของหลี่ชิเย่กลับคืนมาได้
ครั้งนั้น ราชันเซียนหญิงหงเทียนเห็นด้วยและคิดว่าวิธีนี้สามารถทำได้ หากนางบุกเข้าถ้ำเซียนมารด้วยตนเอง ต้องแย่งชิงเอากายเนื้อที่สมบูรณ์ของหลี่ชิเย่กลับมาได้ เสียดายได้รับการปฏิเสธจากหลี่ชิเย่
ภายในใจของหลี่ชิเย่รู้สึกต่างๆ นานามากมาย เรื่องราวในอดีตได้ผุดขึ้นมากลางใจขณะยืนอยู่หน้าถ้ำเซียนมาร เขาไม่รู้ว่าควรจะเปรียบเปรยถึงความรู้สึกในเวลานี้ได้อย่างไร
ครั้งนั้นตัวเขาที่ยังวัยเยาว์ได้หลงเข้าไปสถานที่แห่งนี้ ซึ่งได้เปลี่ยนชีวิตของเขาไปชั่วชีวิต และเปลี่ยนแปลงเก้าแดน เปลี่ยนประวัติศาสตร์ของสายน้ำแห่งกาลเวลา
ในที่สุด หลี่ชิเย่ยิ้มเจื่อนๆ ส่ายหน้าและก้าวเท้าเข้าไปภายในถ้ำเซียนมาร เมื่อก้าวเดินเข้าไปได้ไม่ไกลนักก็กลายเป็นทางตันไม่สามารถไปได้อีกต่อไป ด้านหน้าถูกปิดตายเอาไว้
ซึ่งสิ่งนี้เป็นผลจากการที่พิกัดตำแหน่งเนรเทศไปนั่นเอง ทำให้ถ้ำเซียนมารที่อยู่ตรงหน้าแท้ๆ กลับไม่สามารถเข้าไปได้ตลอดหากไม่มีพิกัดตำแหน่งที่ถูกต้องแน่นอน ต่อให้ทำลายสถานที่แห่งนี้จนแหลกลาญอย่างไรก็ตาม ถ้ำเซียนมารยังคงอยู่ที่ตรงนี้ เพียงแต่หากไม่มีพิกัดตำแหน่งก็อย่าหวังจะเข้าไปได้เลย
เสียง “แว้งค์…” ดังขึ้น ปรากฏเป็นเหมือนแท่นวงกลมขึ้นบนมิติของท้องฟ้า ภายในแท่นวงกลมมีพิกัดตำแหน่งแต่ละแห่งปรากฎขึ้นมามากมายนับไม่ถ้วนเหมือนดั่งน้ำในมหาสมุทร ซึ่งการจะค้นหาพิกัดตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งที่ถูกเนรเทศไปจากจำนวนที่มีอยู่มากมายของเก้าแดนใช่เป็นเรื่องง่ายดาย มันคือการงมเข็มในมหาสมุทรชัดๆ
หลี่ชิเย่ได้ทำการล็อกพิกัดตำแหน่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเหมือนถูกสะกิดให้มีการเปิดใช้งานขึ้น ปรากฏเสียงดัง “แว้งค์” หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้หายไป และถูกส่งตัวไปยังอีกมิติหนึ่งทันที
ความจริงแล้ว ถ้ำเซียนมารไม่ใช่ถ้ำ แต่มีลักษณะเป็นผืนแผ่นดินที่เป็นเอกเทศของตัวเอง ที่ตรงนี้มีพื้นที่ที่กว้างขวางมาก มีสุริยันจันทราและดวงดาว มีพื้นแผ่นดินเป็นจำนวนมาก
ในความเป็นจริง หลี่ชิเย่มีความคุ้นเคยต่อถ้ำเซียนมารมากที่สุด เนื่องจากในอดีตเขาใช่จะบินกลับไปยังถ้ำเซียนมารเพียงครั้งเดียว ภายใต้สภาพการณ์ที่อีกาทมิฬไม่สามารถบังคับตัวเองนั้น ทุกๆ ช่วงระยะเวลาหนึ่งเขาจะต้องบินกลับมา! เรียกได้ว่าเขาคุ้นเคยกับทุกๆ สถานที่ตารางนิ้วของถ้ำเซียนมารเลยทีเดียว
เปลือกหอยทากขนาดยักษ์ที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็คือกาสรฟ้า ซึ่งเป็นเทพผู้พิทักษ์ของสำนักโบราณสี่เหยียน เคยมีสถานะเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ต่อกร เขากับเทพแห่งอาณาจักรของหอวิถีฟ้าถูกผู้คนยกย่องให้เป็นสองเทพแห่งแดนมนุษย์กษัตรา เป็นผู้ที่สามารถได้รับการยกย่องให้ดำรงอยู่ในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของแดนมนุษย์กษัตราได้อย่างแท้จริง
ความจริงแล้ว กาสรฟ้าได้หายสาบสูญไปก่อนที่ราชามังกรดำจะสู้รบครั้งยิ่งใหญ่กับราชันเซียนท่าคงเสียอีก ย่อมบ่งบอกได้ว่าหลังจากที่ตัวเขาอยู่ในสภาพที่ไม่มั่นคงแล้ว พวกของราชามังกรดำก็ได้วางแผนโจมตีถ้ำเซียนมาร
ส่วนเรื่องราวกรณีของราชันเซียนท่าคงเป็นเพียงชนวนเหตุเรื่องหนึ่งเท่านั้น ในที่สุด จากการที่ราชันเซียนท่าคงก้าวพลาดก้าวหนึ่ง ส่งผลให้ต้องเสียชีวิตไปในที่สุด
ครั้งนั้น ขณะราชามังกรดำโจมตีถ้ำเซียนมารนั้น ไม่เพียงนำกองทัพมังกรดำไปด้วย ยังมีอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของอีกาทมิฬอีกด้วย เฉกเช่นผู้ปราศจากผู้ต่อกรเช่นกาสรฟ้าเป็นต้น!
สุดท้าย หลี่ชิเย่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ และเก็บเปลือกหอยทากของกาสรฟ้าขึ้น รู้สึกทอดถอนใจด้วยความสลดภายในใจ
หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้เก็บเปลือกหอยทากของกาสรฟ้าเรียบร้อยแล้ว จึงเดินทางต่อไปข้างหน้า สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาด้านหน้าล้วนแล้วแต่เป็นซากปรักหักพังทั้งสิ้น บางแห่งแม้แต่ท้องฟ้าที่ว่างเปล่ายังถูกทำให้กลับกลายเป็นดั้งเดิม กลายเป็นสภาพของขมุกขมัวที่ดูน่ากลัวยิ่งนัก
ความจริงแล้วนับว่าไม่ใช่เรื่องแปลกแม้แต่น้อยกับสงครามที่โหดร้ายทารุณเช่นนี้ ครั้งนั้นไม่เพียงราชามังกรดำพร้อมด้วยอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาที่ปราศจากผู้ต่อกรแต่ละคนของเขา ได้นำกองทัพมังกรดำบุกเข้าไปในถ้ำเซียนมารเท่านั้น ยังมีอเวจีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย สามฝ่ายสู้รบกันอย่างดุเดือดย่อมประเมินได้ว่ามีความโหดร้ายทารุณเช่นใดได้แล้ว
สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้เข้าไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำเซียนมาร ที่ตรงนั้นมียอดเขาที่สูงตระหง่านยิ่งแต่ละลูกตั้งอยู่ แต่ว่า เวลานี้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์แต่ละลูกได้แตกร้าวปรากฎเป็นร่องขนาดลึกและใหญ่ เหมือนว่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์แต่ละลูกพร้อมที่จะถล่มพังลงมาได้ทุกเมื่ออย่างนั้น
ด้านหลังของภูเขาศักดิ์สิทธิ์มีบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ตัวหนึ่ง แต่ว่า เวลานี้บัลลังก์ดังกล่าวได้แตกเสียหายเหลือไว้เพียงครึ่งตัวเท่านั้น แม้ว่ามันจะแตกหักเสียหายเหลือเพียงครึ่งตัว แต่จิตเทพที่แผ่กระจายออกมาจากตัวมันสามารถรู้ว่ามันเป็นสุดยอดของวิเศษชิ้นหนึ่งในครั้งครานั้น
แต่ว่า สายตาของหลี่ชิเย่ไม่ได้หยุดอยู่ที่บัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้น สายตาของเขาพลันไปหยุดอยู่ที่แปลงปลูกดอกไม้ที่ยกสูงเหนือพื้นดินด้านหน้าของบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้น
แปลงดอกไม้นี้ไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่โต แต่เรียบง่ายโบราณมาก มันก่อด้วยหยกเซียนเทียนเวิน และอาศัยดินจากทะเลสาบม่วงในการปลูก แปลงปลูกดอกไม้ลักษณะเช่นนี้หากอยู่ในโลกมนุษย์ต้องเป็นสุดยอดเปลงปลูกสมุนไพรเซียนอย่างแน่นอน
แต่ว่า ในเวลานี้แปลงปลูกดอกไม้ดังกล่าวกลับว่างเปล่าไม่มีต้นไม้ใบหญ้า กระทั่งใบที่แห้งเหี่ยวสักใบก็ยังไม่มี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...