ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1702

ตอนที่ 1702 บางเรื่องเกี่ยวกับแดนที่สิบ
“ล่าสังหาร…” ปู้เหลียนเซียงถึงกับตกใจเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ กล่าวด้วยความตระหนกว่า “ผู้แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าต่างๆ แต่ละเผ่าที่อยู่บนนั้นจะล่าสังหารราชันเซียนจากเก้าแดนที่ขึ้นไปบนนั้น?”

“ถูกต้อง เรื่องเช่นนี้หาใช่เป็นเรื่องใหม่อะไรบนนั้นแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ความจริงแล้วประเพณีลักษณะเช่นนี้มีมานานมากแล้วตั้งแต่อดีต กล่าวสำหรับแดนที่สิบแล้ว ราชันเซียนจากเก้าแดนที่ขึ้นไปคือเหยื่ออันโอชะมากที่สุดในโลก”

“ราชันเซียนจากเก้าแดนพวกเราที่ขึ้นไปแล้วมิต้องทุกข์ยากลำบากไร้ขอบเขตเลยสิ” ปู้เหลียนเซียงถึงกับเอ่ยขึ้นมาด้วยความกังวล แม้แต่ราชันเซียนขึ้นไปยังต้องถูกล่าสังหาร มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเสียนี่กระไร ราชันเซียนนั้นคือผู้ดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ต่อกรของเก้าแดน

“ไม่มีอะไรต้องทุกข์ยากลำบากหรอกนะ คนที่เก่งย่อมมีที่เหนือกว่า” หลี่ชิเย่กล่าวน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ใช่ว่าจะมีแต่พวกเขาเท่านั้นที่สามารถล่าสังหารพวกเราได้ฝ่ายเดียว พวกเราก็ล่าสังหารพวกเขาได้เช่นกัน ศึกล่าราชันในครั้งนั้นก็เกิดจากบรรดาราชันเซียนของเก้าแดนที่ขึ้นไปแดนสิบเป็นผู้ก่อขึ้นมา ทำศึกล่าสังหารต่อบรรดาเหล่าเซียนและราชันที่สะเทือนอดีตลือลั่นปัจจุบันขึ้นมา…”

“…ศึกล่าสังหารราชันในครั้งนั้นฆ่าฟันจนแดนสิบต้องสั่นเทา แม้แต่เผ่าเทพที่คิดว่าตัวเองนั้นยอดเยี่ยมมากยังต้องตัวสั่นงันงกท่ามกลางศึกล่าสังหารราชันครั้งนั้นเช่นกัน!” ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว เผยให้เห็นถึงประกายจากดวงตาทั้งสอง เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น ทันใดนั้นเหมือนดั่งได้มองเห็นสงครามที่สุดแสนทารุณโหดร้ายในครั้งนั้นอีกครั้งหนึ่ง

“ศึกล่าสังหารราชัน!” แค่ได้ยินชื่อ ปู้เหลี่ยนเซียงก็สามารถจินตนาการได้ว่า สงครามในครั้งนั้นโหดร้ายทารุณเพียงใดแล้ว นางอดที่จะถามไม่ได้ว่า “สงครามครั้งนั้นจบลงอย่างไรรึ?”

“ศึกล่าสังหารราชันครั้งนั้นน่ะหรือ” หลี่ชิเย่ถึงกับยิ้มนิดหนึ่ง และหวนระลึกถึงความหลัง สุดท้ายได้กล่าวว่า “ต่างฝ่ายต่างมีการบาดเจ็บล้มตาย ฝั่งเรามีราชันเซียนที่เสียชีวิตจากการสู้รบ ฝั่งศัตรูก็มีราชันและเซียนหวางตายจากการสู้รบเช่นกัน สุดท้ายบรรดาเหล่าเทพและราชันถูกบังคับให้เซ็นสัญญาสงบศึก”

ปู้เหลียนเซียงถึงกับรับฟังเรื่องนี้จนเคลิบเคลิ้มหลงใหล บรรดาเหล่าเทพและราชันของแดนสิบนั้นแข็งแกร่งเพียงใด ในที่สุดยังคงถูกบีบให้ต้องลงนามในสัญญาเรียบง่ายที่ต้องปฏิบัติต่อกัน นับเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับบรรดาราชันเซียนจากเก้าแดนที่ได้ขึ้นไปบนนั้น

“ผู้ที่ดำเนินการศึกล่าสังหารราชันเซียนครั้งนั้นคือเจ้า!” ปู้เหลียนเซียงที่มองดูท่าทีของชายคนรักแล้วเข้าใจได้ในทันที เนื่องจากตัวเขาในฐานะอีกาทมิฬใช่ว่าจะอยู่แต่ในเก้าแดนตลอดเวลา บางครั้งในหลายๆ ยุคสมัยเขาก็ได้หายสาบสูญไป ด้วยเพราะเหตุนี้ ราชันเซียนของเก้าแดนบางส่วนจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับอาจารย์ที่ปรึกษาราชันเซียนผู้นี้

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “ครั้งนั้นเป็นข้าที่บากหน้าออกไป และมีความสัมพันธ์กับเหล่าราชันเซียนหลายคน อยู่เบื้องหลังคอยประสานและจัดการ การเริ่มต้นทุกอย่างย่อมยากนิดหนึ่ง หากไม่เป็นเพราะราชันเซียนฉวี่เจินที่ให้การสนับสนุนข้าเป็นคนแรก เกรงว่าสงครามครั้งนั้นคงจะยืดเยื้อไปนานกว่านี้”

แม้ว่าจะพูดถึงเรื่องนี้เหมือนสบายๆ ไม่หนักหนาอะไร แต่ปู้เหลียนเซียงรู้ว่าศึกล่าสังหารราชันในครั้งนี้คงไม่ง่ายนัก ฐานะของราชันเซียนนั้นล้วนแล้วแต่ปราศจากผู้ต่อกร การที่พวกเขาขึ้นไปยังแดนสิบแล้วยังคงมีชีวิตอยู่ คิดจะให้พวกเขามาร่วมมือกันใช่จะเป็นเรื่องง่ายดาย เกรงว่าในโลกนี้คงมีเพียงอีกาทมิฬผู้เดียวเท่านั้น ที่สามารถทำให้ราชันเซียนแต่ละคนที่ดำรงอยู่ในฐานะเช่นนี้มานั่งลงและพูดคุยกันเรื่องร่วมเป็นพันธมิตรกันอย่างสงบจิตสงบใจได้

“หากไม่เป็นเพราะเจ้าทุ่มเทเต็มที่ในการจัดตั้ง การที่จะให้เหล่าราชันเซียนร่วมเป็นพันธมิตรกันใช่เป็นเรื่องง่ายดาย” ปู้เหลียนเซียนกล่าวพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ

“เรื่องนี้ถือเป็นการรบเพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ จะอย่างไรเสียนอกจากเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้วยังมีเผ่ามนุษย์ศิลา เผ่าวิญญาณเทพ เผ่าโลหิตต่างๆ หากต้องการมีฐานะ เสมอภาคกับเผ่าเทพ เผ่าสวรรค์ จำเป็นต้องอาศัยคนรุ่นก่อนอย่างพวกเราใช้ความพยายาม จำเป็นต้องให้คนรุ่นก่อนอย่างพวกเราไปบุกเบิก…”

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่ถึงกับทอดถอนใจและพูดว่า “…ผู้ที่สามารถเป็นราชันเซียนได้ล้วนแล้วแต่มีวิสัยทัศน์ของพวกเขาเอง และมีจิตใจที่แตกต่างจากบุคคลทั่วไป ครั้งนั้น แม้ว่าข้าจะเลิกจากกันกับราชันเซียนหมิงเหรินที่เก้าแดนด้วยความรู้สึกที่ไม่ดี แต่กับศึกล่าสังหารราชันเซียนในแดนสิบนั้น เขาเลือกที่จะยืนอยู่ข้างกายข้าโดยไม่ได้พูดอะไรให้มากความ ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความเจริญรุ่งเรืองและความเสื่อมของเผ่าพันธุ์ ไม่เกี่ยวกับบุญคุณความแค้นส่วนตัว”

“ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด ไม่ว่าจะอยู่ที่แห่งใด เจ้าล้วนแล้วแต่กระทำเพื่อความสุขของมนุษย์ ไม่ว่าจะอยู่เก้าแดนหรือแดนที่สิบ เจ้าก็ต่อสู้เพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ตลอดมา แต่ว่า ชนรุ่นหลังเผ่าพันธุ์มนุษย์จะมีสักกี่คนที่รู้ถึงการเสียสละของเจ้ากันเล่า” ปู้เหลียนเซียงถึงกับทอดถอนใจออกมา และใช้มือสัมผัสใบหน้าของชายคนรักด้วยความแผ่วเบา รู้สึกถึงความเจ็บปวดใจที่มีต่อชายคนรัก

ตลอดเวลที่ผ่านมา นางรู้ว่าเขาทำเพื่อเก้าแดน เสียสละเพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างลับๆ เนื่องเพราะเพื่อเก้าแดน เพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้วเขาได้ทำอะไรไปมากมาย แต่ว่า จะมีมนุษย์สักกี่คนที่รับรู้ถึงผลงานของเขา รับรู้ถึงการเสียสละของเขาหละ? ตรงกันข้าม ผู้คนในโลกหล้าส่วนใหญ่จะด่าว่าเขาเป็นมือมืดที่มองไม่เห็น เป็นคนฆ่าสัตว์ของเก้าแดน

“ใครใช้ให้เลือดที่ไหลรินบนตัวข้าเป็นสายเลือดของมนุษย์กันหละ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวอย่างสง่าผ่าเผยว่า “ในเมื่อข้ากำเนิดเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ จึงอาศัยกำลังเท่าที่มีทำอะไรเพื่อมนุษย์บ้างก็แค่นั้นเอง”

แน่นอนที่สุด กล่าวสำหรับตัวของหลี่ชิเย่เองแล้ว เก้าแดนจะจดจำได้หรือไม่ว่านี่คือผลงานของเขา จะเข้าใจในสิ่งที่เขาได้ทำลงไปหรือไม่ ในใจของเขาไม่สนใจเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว เขาไม่สนใจว่าผู้คนในโลกจะมองตัวเขาอย่างใด

“เจ้ามีศัตรูมากมายในแดนที่สิบนะเนี่ย เกรงว่าพวกเขาคงไม่ยอมพลาดโอกาสดีๆ กับการไปครั้งนี้ของเจ้า พวกเขาจะไม่ปล่อยเจ้าอย่างเด็ดขาด พวกเขาจะต้องล่าสังหารเจ้าในวินาทีแรกเลย” ปู้เหลียนเซียงถึงกับเอ่ยขึ้นมาด้วยความกังวล

“แน่นอน” หลี่ชิเย่ไม่รู้สึกกังวลแม้แต่น้อย ยิ้มกล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “ราชันและเซียนหวางอื่นๆ อาจจะพูดยาก แต่ว่า ตาเฒ่าเฉี่ยนต้องเป็นคนแรกที่ก้าวออกมาตามล่าข้า เขาจะไม่ยอมเลิกราอย่างเด็ดขาด กล่าวสำหรับเขาแล้ว หากไม่สังหารและป่นกระดูกข้าล่ะก็ยากที่จะหายแค้น”

“เจ้าไปทำอะไรให้เขาต้องเกลียดเจ้าถึงเพียงนี้?” แม้ว่าปู้เหลียนเซียงจะไม่รู้ว่าผู้เฒ่าเฉี่ยนคือใครกันแน่ แต่ถึงกับเกลียดอีกาทมิฬเข้ากระดูกดำถึงเพียงนี้คงต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

“ไม่มีอะไรมาก แค่ลักพาตัวลูกสาวของเขาลงมาที่เก้าแดนเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา และกล่าวว่า “ครั้งนั้น เขาเคยประกาศว่าไม่ว่าใครก็คุ้มครองข้าไม่ได้ จะต้องจับข้าป่นกระดูกและโปรยเถ้าของข้าให้ได้ ราชันเซียนองค์ไหนต้องการคุ้มครองข้าก็คือต้องการเป็นศัตรูกับเขา

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความเปิดเผย เขารู้สึกสะใจเป็นยิ่งนัก เมื่อมองเห็นตาเฒ่าเฉี่ยนที่โกรธจนกระทืบเท้า

ปู้เหลียนเซียงถึงกับอ้าปากค้าง ทีแรกนางยังเข้าใจว่าเป็นเรื่องของวิเศษ หรือความแค้นระหว่างเผ่าพันธุ์ทำให้ผู้เฒ่าเฉี่ยนถึงกับแค้นเขาได้เพียงนี้ ไม่นึกเลยว่ากลับเป็นเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง

“เจ้าจะหยุดบ้างไม่ได้หรือไง?” ปู้เหลียนเซียงถึงกับร้องกล่าวออกมาว่า “ไปถึงแดนสิบยังไปล่อลวงลูกสาวของเขา ลวงเอาสาวน้อยที่ไม่รู้ประสามาถึงเก้าแดน ให้คนเขาต้องจากบ้านเกิดเมืองนอน เจ้าทำได้ลงคอเชียวรึ?”

“ไม่ นางเป็นเด็กผู้หญิงที่พิเศษมากคนหนึ่ง” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ตระกูลเฉี่ยนแห่งทวีปซู่โจวนับว่าน่ากลัวมากพออยู่แล้ว นางอยู่ในตระกูลเฉี่ยนไม่ได้ ยิ่งไม่สามารถรั้งอยู่ข้างกายของตาเฒ่าเฉี่ยน นางเป็นเด็กผู้หญิงที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง”

ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ เรื่องราวในอดีตไม่อาจหวนรำลึกถึง แต่ว่า บางครั้งเขาก็อดที่จะนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาบ้าง

“แต่จะอย่างไรเสียเขาก็เป็นลูกสาวของคนอื่นอยู่ดี” ปู้เหลียนเซียงเอ่ยขึ้นเบาๆ

“ถูกต้อง” หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “แต่ว่า นางยินดีติดตามข้าลงมาที่เก้าแดน ถ้าหากนางไม่ยินยอมข้าก็จะไม่ฝืนบังคับนาง ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ นางเองก็ไม่ต้องการรั้งอยู่ข้างกายบิดาของนาง นี่แหละคือสิ่งที่ตาเฒ่าเฉี่ยนโกรธเคืองยิ่งนัก คิดว่าเป็นข้าที่เสี้ยมลูกสาวของเขา อาศัยวิชามารทำให้ลูกสาวของเขาลุ่มหลง ดังนั้น จึงสาบานว่าขอเพียงข้าปรากฎตัวในสิบสามทวีป เขาจะต้องจัดการป่นกระดูกโปรยเถ้ากระดูกของข้าแน่นอน!”

เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวถึงตรงนี้ถึงกับหัวเราะขึ้นมา เมื่อนึกถึงภาพตาเฒ่าเฉี่ยนที่กัดฟันกรอดแล้วรู้สึกสะใจยิ่งนัก เขาไม่ได้เป็นศัตรูกับตาเฒ่าเฉี่ยนเป็นครั้งแรก และใช่จะสะใจเป็นครั้งแรก เขาทำให้ตาเฒ่าเฉี่ยนต้องจนด้วยเกล้าอย่างสิ้นเชิง!

“เขาแข็งแกร่งมากรึ?”

หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ “แข็งแกร่งมาก เป็นหนึ่งในราชันลำดับต้นๆ ของแดนสิบ ผู้ที่สามารถเป็นศัตรูกับเขานั้นมีอยู่ไม่มาก เขาเคยเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์โดยรวมของแดนสิบมาหลายครั้ง ยอดเยี่ยมมาก”

ปู้เหลียนเซียงถึงกับนิ่งเงียบเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ นางถึงกับเป็นห่วงชายคนรักของตน จะอย่างไรเสียแดนที่สิบยิ่งโหดร้ายทารุณกว่าเก้าแดนเสียอีก แม้แต่ราชันเซียนยังต้องร่วงหล่นลงมาเมื่อไปอยู่ที่ตรงนั้น

“วางใจเถอะ ใช่ว่าข้าเพิ่งจะขึ้นไปเป็นครั้งแรก ไม่ตายง่ายๆ หรอกนะ” หลี่ชิเย่ใช้มือขยี้ผมของนางเบาๆ หัวเราะและพูดปลอบนางไปว่า “เหล่าเทพและราชันเท่านั้นเอง ขอเพียงพวกเขากล้าขวางทางของข้า จะช้าหรือเร็ว สักวันข้าก็จะจัดการพวกเขาจนราบเป็นหน้ากลอง” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้แล้ว ดวงตาคู่นั้นพลันดูน่าเกรงขามเผยให้เห็นถึงปณิธานการฆ่าออกมา

ปู้เหลียนเซียงได้แต่โอบคอของชายคนรักเอาไว้แน่น นางไม่สามารถช่วยอะไรกับเรื่องเช่นนี้ได้ ต่อให้นางติดตามเขาขึ้นไปบนแดนที่สิบก็ช่วยอะไรไม่ได้ ไม่แน่นักอาจกลายเป็นตัวถ่วงของเขาไป

“ข้าจะไปถ้ำเซียนมารสักครั้งหนึ่ง!” หลี่ชิเย่กอดปู้เหลียนเซียงเอาไว้ หลังจากผ่านไปนานเขาจึงได้เอ่ยขึ้นมา

“ไปถ้ำเซียนมาร!” ปู้เหลียนเซียงถึงกับร้องเสียงหลงออกมาด้วยความตกใจ กล่าวว่า “เจ้า เจ้าจะไปที่ถ้ำเซียนมาร?”

คนอื่นอาจไม่รู้ว้าถ้ำเซียนมารหมายถึงสิ่งใด แต่ ปู้เหลียนเซียงรู้ นางรู้ว่าที่นี่คือต้นกำเนิดของอีกาทมิฬ และนางยังรู้ว่า แม้แต่ราชันเซียนไปยังสถานที่แห่งนี้ก็อาจไม่มีชีวิตรอดกลับมา

“ถูกต้อง ข้าจะไปถ้ำเซียนมารสักครั้งหนึ่ง ไปพรุ่งนี้เลย” หลี่ชิเย่พูดขึ้นมาช้าๆ “ถึงเวลาข้าต้องจากไปแล้ว สมควรไปดูสักหน่อย และสมควรสะสางให้จบได้แล้ว เมื่อสะสางเรื่องนี้จบสิ้นนับว่าไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะได้ไม่เหลียวหลังกลับมาอีก ตรงขึ้นเหนือเก้าแดนอย่างห้าวหาญ สู้รบจนถึงที่สุด”

“แต่ แต่ว่า นี่มันถ้ำเซียนมารเลยนะ เป็นศัตรูตัวฉกรรจ์ของเจ้าเลย” ปู้เหลียนเซียงถึงกล่าวด้วยความกังวลว่า “ไม่อย่างนั้นพวกเราจะรวบรวมยอดฝีมือทั้งหมดติดตามเจ้าไปด้วย”

“ไม่ ไม่จำเป็น” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ กล่าวว่า “เวลานี้ไม่เหมือนดั่งเช่นอดีตแล้ว ถ้ำเซียนมารก็ไม่ใช่ถ้ำเซียนมารในอดีตแล้ว จะอย่างไรเสียในที่สุดเขาก็ต้องแลกด้วยค่าตอบแทนจากการเลือกในครั้งครานั้น”

เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยถึงตรงนี้ ได้ใช้มือรวบเส้นผมให้กับนางเบาๆ ยิ้มกล่าวว่า “อีกอย่าง เวลานี้ข้าสำเร็จกายเซียนขั้นสมบูรณ์ จะมีกี่คนในหล้าที่จะเป็นคู่ต่อสู้กับสี่ยอดกายเซียนของข้าได้กันเล่า? ต่อให้ถ้ำเซียนมารยังคงแข็งแกร่งเช่นเดิม ข้าก็ต้องกลับมาได้อย่างปลอดภัย นี่เป็นเรื่องบุญคุณความแค้นส่วนตัวระหว่างข้ากับถ้ำเซียนมาร และถึงเวลาที่ข้ากับมันจะต้องชี้ขาดกันได้แล้ว”

แม้ปู้เหลียนเซียงจะมีความกังวล แต่เมื่อเห็นเขาตัดสินใจเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ได้แต่พยักหน้าเงียบๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล