“ถูกต้อง เรื่องเช่นนี้หาใช่เป็นเรื่องใหม่อะไรบนนั้นแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ความจริงแล้วประเพณีลักษณะเช่นนี้มีมานานมากแล้วตั้งแต่อดีต กล่าวสำหรับแดนที่สิบแล้ว ราชันเซียนจากเก้าแดนที่ขึ้นไปคือเหยื่ออันโอชะมากที่สุดในโลก”
“ราชันเซียนจากเก้าแดนพวกเราที่ขึ้นไปแล้วมิต้องทุกข์ยากลำบากไร้ขอบเขตเลยสิ” ปู้เหลียนเซียงถึงกับเอ่ยขึ้นมาด้วยความกังวล แม้แต่ราชันเซียนขึ้นไปยังต้องถูกล่าสังหาร มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเสียนี่กระไร ราชันเซียนนั้นคือผู้ดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ต่อกรของเก้าแดน
“ไม่มีอะไรต้องทุกข์ยากลำบากหรอกนะ คนที่เก่งย่อมมีที่เหนือกว่า” หลี่ชิเย่กล่าวน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ใช่ว่าจะมีแต่พวกเขาเท่านั้นที่สามารถล่าสังหารพวกเราได้ฝ่ายเดียว พวกเราก็ล่าสังหารพวกเขาได้เช่นกัน ศึกล่าราชันในครั้งนั้นก็เกิดจากบรรดาราชันเซียนของเก้าแดนที่ขึ้นไปแดนสิบเป็นผู้ก่อขึ้นมา ทำศึกล่าสังหารต่อบรรดาเหล่าเซียนและราชันที่สะเทือนอดีตลือลั่นปัจจุบันขึ้นมา…”
“…ศึกล่าสังหารราชันในครั้งนั้นฆ่าฟันจนแดนสิบต้องสั่นเทา แม้แต่เผ่าเทพที่คิดว่าตัวเองนั้นยอดเยี่ยมมากยังต้องตัวสั่นงันงกท่ามกลางศึกล่าสังหารราชันครั้งนั้นเช่นกัน!” ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว เผยให้เห็นถึงประกายจากดวงตาทั้งสอง เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น ทันใดนั้นเหมือนดั่งได้มองเห็นสงครามที่สุดแสนทารุณโหดร้ายในครั้งนั้นอีกครั้งหนึ่ง
“ศึกล่าสังหารราชัน!” แค่ได้ยินชื่อ ปู้เหลี่ยนเซียงก็สามารถจินตนาการได้ว่า สงครามในครั้งนั้นโหดร้ายทารุณเพียงใดแล้ว นางอดที่จะถามไม่ได้ว่า “สงครามครั้งนั้นจบลงอย่างไรรึ?”
“ศึกล่าสังหารราชันครั้งนั้นน่ะหรือ” หลี่ชิเย่ถึงกับยิ้มนิดหนึ่ง และหวนระลึกถึงความหลัง สุดท้ายได้กล่าวว่า “ต่างฝ่ายต่างมีการบาดเจ็บล้มตาย ฝั่งเรามีราชันเซียนที่เสียชีวิตจากการสู้รบ ฝั่งศัตรูก็มีราชันและเซียนหวางตายจากการสู้รบเช่นกัน สุดท้ายบรรดาเหล่าเทพและราชันถูกบังคับให้เซ็นสัญญาสงบศึก”
ปู้เหลียนเซียงถึงกับรับฟังเรื่องนี้จนเคลิบเคลิ้มหลงใหล บรรดาเหล่าเทพและราชันของแดนสิบนั้นแข็งแกร่งเพียงใด ในที่สุดยังคงถูกบีบให้ต้องลงนามในสัญญาเรียบง่ายที่ต้องปฏิบัติต่อกัน นับเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับบรรดาราชันเซียนจากเก้าแดนที่ได้ขึ้นไปบนนั้น
“ผู้ที่ดำเนินการศึกล่าสังหารราชันเซียนครั้งนั้นคือเจ้า!” ปู้เหลียนเซียงที่มองดูท่าทีของชายคนรักแล้วเข้าใจได้ในทันที เนื่องจากตัวเขาในฐานะอีกาทมิฬใช่ว่าจะอยู่แต่ในเก้าแดนตลอดเวลา บางครั้งในหลายๆ ยุคสมัยเขาก็ได้หายสาบสูญไป ด้วยเพราะเหตุนี้ ราชันเซียนของเก้าแดนบางส่วนจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับอาจารย์ที่ปรึกษาราชันเซียนผู้นี้
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “ครั้งนั้นเป็นข้าที่บากหน้าออกไป และมีความสัมพันธ์กับเหล่าราชันเซียนหลายคน อยู่เบื้องหลังคอยประสานและจัดการ การเริ่มต้นทุกอย่างย่อมยากนิดหนึ่ง หากไม่เป็นเพราะราชันเซียนฉวี่เจินที่ให้การสนับสนุนข้าเป็นคนแรก เกรงว่าสงครามครั้งนั้นคงจะยืดเยื้อไปนานกว่านี้”
แม้ว่าจะพูดถึงเรื่องนี้เหมือนสบายๆ ไม่หนักหนาอะไร แต่ปู้เหลียนเซียงรู้ว่าศึกล่าสังหารราชันในครั้งนี้คงไม่ง่ายนัก ฐานะของราชันเซียนนั้นล้วนแล้วแต่ปราศจากผู้ต่อกร การที่พวกเขาขึ้นไปยังแดนสิบแล้วยังคงมีชีวิตอยู่ คิดจะให้พวกเขามาร่วมมือกันใช่จะเป็นเรื่องง่ายดาย เกรงว่าในโลกนี้คงมีเพียงอีกาทมิฬผู้เดียวเท่านั้น ที่สามารถทำให้ราชันเซียนแต่ละคนที่ดำรงอยู่ในฐานะเช่นนี้มานั่งลงและพูดคุยกันเรื่องร่วมเป็นพันธมิตรกันอย่างสงบจิตสงบใจได้
“หากไม่เป็นเพราะเจ้าทุ่มเทเต็มที่ในการจัดตั้ง การที่จะให้เหล่าราชันเซียนร่วมเป็นพันธมิตรกันใช่เป็นเรื่องง่ายดาย” ปู้เหลียนเซียนกล่าวพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ
“เรื่องนี้ถือเป็นการรบเพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ จะอย่างไรเสียนอกจากเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้วยังมีเผ่ามนุษย์ศิลา เผ่าวิญญาณเทพ เผ่าโลหิตต่างๆ หากต้องการมีฐานะ เสมอภาคกับเผ่าเทพ เผ่าสวรรค์ จำเป็นต้องอาศัยคนรุ่นก่อนอย่างพวกเราใช้ความพยายาม จำเป็นต้องให้คนรุ่นก่อนอย่างพวกเราไปบุกเบิก…”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่ถึงกับทอดถอนใจและพูดว่า “…ผู้ที่สามารถเป็นราชันเซียนได้ล้วนแล้วแต่มีวิสัยทัศน์ของพวกเขาเอง และมีจิตใจที่แตกต่างจากบุคคลทั่วไป ครั้งนั้น แม้ว่าข้าจะเลิกจากกันกับราชันเซียนหมิงเหรินที่เก้าแดนด้วยความรู้สึกที่ไม่ดี แต่กับศึกล่าสังหารราชันเซียนในแดนสิบนั้น เขาเลือกที่จะยืนอยู่ข้างกายข้าโดยไม่ได้พูดอะไรให้มากความ ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความเจริญรุ่งเรืองและความเสื่อมของเผ่าพันธุ์ ไม่เกี่ยวกับบุญคุณความแค้นส่วนตัว”
“ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด ไม่ว่าจะอยู่ที่แห่งใด เจ้าล้วนแล้วแต่กระทำเพื่อความสุขของมนุษย์ ไม่ว่าจะอยู่เก้าแดนหรือแดนที่สิบ เจ้าก็ต่อสู้เพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ตลอดมา แต่ว่า ชนรุ่นหลังเผ่าพันธุ์มนุษย์จะมีสักกี่คนที่รู้ถึงการเสียสละของเจ้ากันเล่า” ปู้เหลียนเซียงถึงกับทอดถอนใจออกมา และใช้มือสัมผัสใบหน้าของชายคนรักด้วยความแผ่วเบา รู้สึกถึงความเจ็บปวดใจที่มีต่อชายคนรัก
ตลอดเวลที่ผ่านมา นางรู้ว่าเขาทำเพื่อเก้าแดน เสียสละเพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างลับๆ เนื่องเพราะเพื่อเก้าแดน เพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้วเขาได้ทำอะไรไปมากมาย แต่ว่า จะมีมนุษย์สักกี่คนที่รับรู้ถึงผลงานของเขา รับรู้ถึงการเสียสละของเขาหละ? ตรงกันข้าม ผู้คนในโลกหล้าส่วนใหญ่จะด่าว่าเขาเป็นมือมืดที่มองไม่เห็น เป็นคนฆ่าสัตว์ของเก้าแดน
“ใครใช้ให้เลือดที่ไหลรินบนตัวข้าเป็นสายเลือดของมนุษย์กันหละ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวอย่างสง่าผ่าเผยว่า “ในเมื่อข้ากำเนิดเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ จึงอาศัยกำลังเท่าที่มีทำอะไรเพื่อมนุษย์บ้างก็แค่นั้นเอง”
แน่นอนที่สุด กล่าวสำหรับตัวของหลี่ชิเย่เองแล้ว เก้าแดนจะจดจำได้หรือไม่ว่านี่คือผลงานของเขา จะเข้าใจในสิ่งที่เขาได้ทำลงไปหรือไม่ ในใจของเขาไม่สนใจเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว เขาไม่สนใจว่าผู้คนในโลกจะมองตัวเขาอย่างใด
“เจ้ามีศัตรูมากมายในแดนที่สิบนะเนี่ย เกรงว่าพวกเขาคงไม่ยอมพลาดโอกาสดีๆ กับการไปครั้งนี้ของเจ้า พวกเขาจะไม่ปล่อยเจ้าอย่างเด็ดขาด พวกเขาจะต้องล่าสังหารเจ้าในวินาทีแรกเลย” ปู้เหลียนเซียงถึงกับเอ่ยขึ้นมาด้วยความกังวล
“แน่นอน” หลี่ชิเย่ไม่รู้สึกกังวลแม้แต่น้อย ยิ้มกล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “ราชันและเซียนหวางอื่นๆ อาจจะพูดยาก แต่ว่า ตาเฒ่าเฉี่ยนต้องเป็นคนแรกที่ก้าวออกมาตามล่าข้า เขาจะไม่ยอมเลิกราอย่างเด็ดขาด กล่าวสำหรับเขาแล้ว หากไม่สังหารและป่นกระดูกข้าล่ะก็ยากที่จะหายแค้น”
“เจ้าไปทำอะไรให้เขาต้องเกลียดเจ้าถึงเพียงนี้?” แม้ว่าปู้เหลียนเซียงจะไม่รู้ว่าผู้เฒ่าเฉี่ยนคือใครกันแน่ แต่ถึงกับเกลียดอีกาทมิฬเข้ากระดูกดำถึงเพียงนี้คงต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
“ไม่มีอะไรมาก แค่ลักพาตัวลูกสาวของเขาลงมาที่เก้าแดนเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา และกล่าวว่า “ครั้งนั้น เขาเคยประกาศว่าไม่ว่าใครก็คุ้มครองข้าไม่ได้ จะต้องจับข้าป่นกระดูกและโปรยเถ้าของข้าให้ได้ ราชันเซียนองค์ไหนต้องการคุ้มครองข้าก็คือต้องการเป็นศัตรูกับเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...