ทั้งมารเทพวัวโลหิต และผู้เฒ่าเซียนล้วนแล้วแต่ติดตามหลี่ชิเย่จากไปทั้งสิ้น มารเทพวัวโลหิตไม่ได้ไปเพียงลำพังคนเดียว ยังมีสี่สาวนภาบรรพบุรุษโลหิตที่ร่วมเดินทางไปด้วย พวกนางก็จะติดตามหลี่ชิเย่ไปยังแดนที่สิบเช่นกัน
เหตุผลที่สี่สาวนภาบรรพบุรุษโลหิตติดตามไปยังแดนสิบนั้นมีเหตุผล เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงต้นกำเนิดเผ่าโลหิตของพวกเขา เกี่ยวพันถึงว่าปฐมบรรพบุรุษของเผ่าโลหิตพวกเขาคือผู้ใดกันแน่
จากวันเวลาที่เคลื่อนผ่านไปเรื่อยๆ แขกผู้มีเกียรติที่มายังสำนักโบราณสี่เหยียนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เรียกได้ว่าบนท้องฟ้าของสำนักโบราณสี่เหยียน ปรากฏเป็นภาพประหลาดเป็นระยะ เสมือนว่ายอดฝีมือจากเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินต่างเดินทางมาเฝ้าที่สำนักโบราณสี่เหยียนไม่ขาดสาย
สภาพที่เห็นในวันนี้เป็นที่อิจฉาของบรรดายอดฝีมือ และแคว้นเจ้าลัทธิเป็นจำนวนมาก นับแต่อดีตกาลเป็นต้นมามีเพียงระดับราชันเซียนเท่านั้นที่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ มาวันนี้คนโหดอันดับหนึ่งยังไม่ทันได้เป็นราชันเซียนก็ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้เสียแล้ว แน่นอนที่สุด ในสายตาทุกคนของแดนมนุษย์กษัตราต่างมองว่าคนโหดอันดับหนึ่งไม่ได้แตกต่างอะไรจากราชันเซียนสักเท่าไรแล้ว
ระหว่างนี้ฮูหยินจื่อเยียนมาแล้ว หยวนไฉ่เหอก็มาแล้ว หยวนไฉ่เหอได้นำเอาสมุนไพรวิเศษหญ้าทิพย์มาด้วยเป็นจำนวนมาก แน่นอนที่สุด หลี่ชิเย่ก็ได้มอบสมุนไพรวิเศษและหญ้าทิพย์ให้กับนางกลับไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน กระทั่งได้ถ่ายทอดวิชาด้านสมุนไพรที่ตนได้ศึกษามาทั้งชีวิตให้กับหยวนไฉ่เหอ เนื่องจากในอนาคตเก้าแดนจะต้องมีศึกสงครามที่ยากเข็ญยิ่งนัก พวกเขาต้องการราชันโอสถเช่นหยวนไฉ่เหอ แน่นอน เวลานี้หยวนไฉ่เหอยังไม่ใช่ราชันโอสถ แต่คงอีกไม่นานแล้วหละ
หลังจากที่พวกของเทพมารวัวโลหิต และผู้เฒ่าเซียนได้มาถึงแล้ว หลี่ชิเย่ได้จัดให้มีการประชุมขึ้น ผู้ที่เข้าร่วมประชุมได้แก่พวกเทพมารวัวโลหิต ผู้เฒ่าเซียน ราชันทักษิณเป็นต้น
“การขึ้นไปข้างบนในครั้งนี้จำเป็นต้องอาศัยพวกเจ้าให้การช่วยเหลือ ข้ากับพวกเจ้าจะก้าวไปบนเส้นทางที่แตกต่างกัน” หลังจากนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลี่ชิเย่ได้กล่าวต่อพวกของเทพมารวัวโลหิต
“หมายความว่าใต้เท้าจะเดินทางโดยลำพังรึ?” เทพมารวัวโลหิตกล่าวด้วยความผิดคาด
หลี่ชิเย่พยักหน้า และกล่าวว่า “ถูกต้อง ข้ามีศัตรูอยู่ข้างบนมากมายเหลือเกิน ถ้าหาพวกเจ้าเดินทางไปกับข้าต้องตกอยู่กับการต่อสู้ที่ยากลำบากแน่นอน ต้องถูกล้อมปราบด้วยกำลังจำนวนมาก ดังนั้น พวกเราแยกกันเดิน ข้าไปโดยลำพังเพื่อล่อกำลังคนออกไป ส่วนพวกเจ้าก้าวไปอีกเส้นทางหนึ่ง”
ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “เมื่อถึงเวลานั้น พวกผู้เยาว์ยังคงต้องอาศัยพวกเจ้าคอยดูแล เส้นทางสายนี้ไม่ได้ราบเรียบเลย แต่ข้าเชื่อในศักยภาพของพวกเจ้า”
“ราชันเซียนเคยขึ้นไปที่แดนที่สิบ แต่จะได้รับการสยบของฟ้าดิน” ผู้เฒ่าเซียนกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “พวกเราไม่ได้สืบทอดชะตาฟ้ากันมา เกรงว่าพลังที่สยบลงมาจะมีความรุนแรงยิ่งกว่า”
หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “เป็นเช่นนั้นแน่นอน จะอย่างไรเสีย ใช่ว่าใครก็สามารถขึ้นไปยังแดนที่สิบได้ แต่ว่า ในเรื่องนี้พวกเจ้าวางใจกันได้ ข้าจะเปิดทางให้เอง ภายใต้พลังของข้าการสยบของฟ้าดินไม่นับเป็นอะไรได้ ข้าจะเปิดทางราบเรียบให้พวกเจ้าเอง ที่พวกเจ้าต้องกังวลจริงๆ คือ ก่อนจะไปถึงแดนสิบจะต้องรับการล่าสังหารของราชันและเหล่าเทพของเก้าแดน นี่แหละคือสิ่งกีดขวางที่สำคัญที่สุดของการก้าวไปข้างหน้าของพวกเจ้า”
คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้ภายในใจของผู้เฒ่าเซียนและเทพมารวัวโลหิตถึงกับตื่นเต้นขึ้นมา เขาหัวเราะและกล่าวว่า “ก็ดี ให้พวกเรารับการชี้แนะจากบรรดาผู้ปราศจากผู้ต่อกรอย่างเหล่าเทพและราชันของแดนที่สิบก็แล้วกัน อย่างไรเสีย อนาคตก็ต้องเดินไปถึงจุดนี้สักวัน”
เมื่อเปรียบกับผู้เฒ่าเซียน และเทพมารวัวโลหิตแล้ว ราชันทักษิณดูจะหนุ่มแน่นกว่า พลังลมปราณคึกคักมีชีวิตชีวามากกว่า ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ เขามีพรสวรรค์ที่สุดยอดปราศจากผู้เทียบเทียม ซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งที่ผู้เฒ่าเซียนและเทพมารวัวโลหิตไม่สามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว
“พวกเจ้าจะเป็นฝ่ายสนับสนุน ไม่ใช่เป็นกองหน้า” หลี่ชิเย่กล่าวต่อผู้เฒ่าเซียนและเทพมารวัวโลหิตว่า “จะมีผู้ที่ทำหน้าที่เป็นกองหน้าให้เอง จะอย่างไรเสียที่พวกเจ้าต้องเผชิญจะเป็นประเภทชั้นราชันเซียน หากพวกเจ้าบุกเข้าไปเป็นกองหน้าโอกาสสูญเสียก็จะมีมากเหลือเกิน”
ผู้ที่หลี่ชิเย่มอบหมายให้เป็นกองหน้าก็คือหวงหลง และป้าหู่แห่งเขาสยบมังกร มีเพียงผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะเช่นนี้เท่านั้นจึงสามารถเผชิญหน้ากับเหล่าเทพและราชันได้อย่างแท้จริง มีเพียงที่ดำรงอยู่ในสถานะเช่นนี้เท่านั้นจึงสามารถต้านกับพลังสังหารของชะตาฟ้าซึ่งหน้าได้อย่างแท้จริง!
พวกของผู้เฒ่าเซียนและเทพมารวัวโลหิตต่างไม่มีความเห็นกับคำพูดเช่นนี้ และไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมา จะอย่างไรเสียพวกเขารู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับผู้ดำรงอยู่ในระดับราชันเซียน การเผชิญกับพลังชะตาฟ้าในลักษณะเช่นนี้พวกเขาไม่มีสิทธิ์ทำยโส ทำได้เพียงต้านรับอย่างเจียมตัว
“แต่ว่า ต่อให้พวกเจ้าเป็นเพียงฝ่ายสนับสนุน พวกเจ้ายังคงมีภาระและหน้าที่ที่หนักอึ้งแบกอยู่บนบ่า ความปลอดภัยของคนอื่นๆ ล้วนแล้วแต่ตกอยู่บนบ่าของพวกเจ้า” หลี่ชิเย่กล่าวต่อพวกผู้เฒ่าเซียนและเทพมารวัวโลหิต
“ใต้เท้าวางใจ พวกเราจะพยายามอย่างเต็มกำลัง ไม่ทำให้ใต้เท้าต้องผิดหวัง” พวกเทพมารวัวโลหิตและผู้เฒ่าเซียนต่างกล่าวด้วยท่าทีที่หนักแน่นจริงจัง
“อืมม ข้าเชื่อว่าพวกเจ้ามีความสามารถเช่นนี้” หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “ตำราอาวุธสวรรค์ที่อยู่ในมือของผู้เฒ่าเซียนเรียกได้ว่ามีอานุภาพสุดจะจินตนาการ เจ้าฝึกมานานเช่นนี้นับว่าอาวุธและตำรารวมผสานเป็นหนึ่งเดียวแล้วหละ และรู้อย่างลึกซึ้ง เมื่อมีสิ่งนี้อยู่ในมือ อาศัยความสามารถของเจ้าสามารถต่อสู้กับเหล่าราชันและเทพเทวาได้ ขอเพียงไม่เจอะเจอกับประเภทที่แข็งแกร่งมาก เจ้าคงจะไม่พ่ายแพ้จนน่าเกลียดนัก”
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” ผู้เฒ่าเซียนก็พยักหน้าและกล่าวหนักแน่นจริงจัง ตำราอาวุธสวรรค์ก็คือสิ่งที่หลี่ชิเย่เคยเอ่ยปากขอยืมจากวิหารเทพสงครามของพวกเขาในครั้งครานั้น
“อาวุธที่อยู่ในมือของวัวโลหิตเมื่อเปรียบเทียบกับวิหารเทพสงครามแล้วบางทีอาจด้อยกว่านิดหนึ่ง แต่ก็ต่างกันไม่มากนัก” หลี่ชิเย่กล่าวต่อเทพมารวัวโลหิตว่า “อาวุธนี้อยู่กับเจ้าเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ข้าเชื่อว่าเมื่อมันสำแดงอานุภาพภายใต้มือของเจ้าแล้วคงยากที่จะเชื่อ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...