ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1709

ตอนที่ 1709 ชุมนุมยอดฝีมือ
ช่วงนี้สำนักโบราณสี่เหยียนเรียกได้ว่าเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติ เทพมารวัวโลหิตมาแล้ว ผู้เฒ่าเซียนแห่งวิหารเทพสงครามก็มาถึงแล้ว บรรดายอดฝีมือของเผ่าโลหิตและระดับบรรพบุรุษของวิหารเทพสงครามต่างทยอยกันมาส่ง เนื่องจากหลังจากกันในครั้งนี้แล้วพวกเขาจะไม่ได้พบกับบรรพบุรุษของตนอีกต่อไป

ทั้งมารเทพวัวโลหิต และผู้เฒ่าเซียนล้วนแล้วแต่ติดตามหลี่ชิเย่จากไปทั้งสิ้น มารเทพวัวโลหิตไม่ได้ไปเพียงลำพังคนเดียว ยังมีสี่สาวนภาบรรพบุรุษโลหิตที่ร่วมเดินทางไปด้วย พวกนางก็จะติดตามหลี่ชิเย่ไปยังแดนที่สิบเช่นกัน

เหตุผลที่สี่สาวนภาบรรพบุรุษโลหิตติดตามไปยังแดนสิบนั้นมีเหตุผล เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงต้นกำเนิดเผ่าโลหิตของพวกเขา เกี่ยวพันถึงว่าปฐมบรรพบุรุษของเผ่าโลหิตพวกเขาคือผู้ใดกันแน่

จากวันเวลาที่เคลื่อนผ่านไปเรื่อยๆ แขกผู้มีเกียรติที่มายังสำนักโบราณสี่เหยียนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เรียกได้ว่าบนท้องฟ้าของสำนักโบราณสี่เหยียน ปรากฏเป็นภาพประหลาดเป็นระยะ เสมือนว่ายอดฝีมือจากเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินต่างเดินทางมาเฝ้าที่สำนักโบราณสี่เหยียนไม่ขาดสาย

สภาพที่เห็นในวันนี้เป็นที่อิจฉาของบรรดายอดฝีมือ และแคว้นเจ้าลัทธิเป็นจำนวนมาก นับแต่อดีตกาลเป็นต้นมามีเพียงระดับราชันเซียนเท่านั้นที่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ มาวันนี้คนโหดอันดับหนึ่งยังไม่ทันได้เป็นราชันเซียนก็ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้เสียแล้ว แน่นอนที่สุด ในสายตาทุกคนของแดนมนุษย์กษัตราต่างมองว่าคนโหดอันดับหนึ่งไม่ได้แตกต่างอะไรจากราชันเซียนสักเท่าไรแล้ว

ระหว่างนี้ฮูหยินจื่อเยียนมาแล้ว หยวนไฉ่เหอก็มาแล้ว หยวนไฉ่เหอได้นำเอาสมุนไพรวิเศษหญ้าทิพย์มาด้วยเป็นจำนวนมาก แน่นอนที่สุด หลี่ชิเย่ก็ได้มอบสมุนไพรวิเศษและหญ้าทิพย์ให้กับนางกลับไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน กระทั่งได้ถ่ายทอดวิชาด้านสมุนไพรที่ตนได้ศึกษามาทั้งชีวิตให้กับหยวนไฉ่เหอ เนื่องจากในอนาคตเก้าแดนจะต้องมีศึกสงครามที่ยากเข็ญยิ่งนัก พวกเขาต้องการราชันโอสถเช่นหยวนไฉ่เหอ แน่นอน เวลานี้หยวนไฉ่เหอยังไม่ใช่ราชันโอสถ แต่คงอีกไม่นานแล้วหละ

หลังจากที่พวกของเทพมารวัวโลหิต และผู้เฒ่าเซียนได้มาถึงแล้ว หลี่ชิเย่ได้จัดให้มีการประชุมขึ้น ผู้ที่เข้าร่วมประชุมได้แก่พวกเทพมารวัวโลหิต ผู้เฒ่าเซียน ราชันทักษิณเป็นต้น

“การขึ้นไปข้างบนในครั้งนี้จำเป็นต้องอาศัยพวกเจ้าให้การช่วยเหลือ ข้ากับพวกเจ้าจะก้าวไปบนเส้นทางที่แตกต่างกัน” หลังจากนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลี่ชิเย่ได้กล่าวต่อพวกของเทพมารวัวโลหิต

“หมายความว่าใต้เท้าจะเดินทางโดยลำพังรึ?” เทพมารวัวโลหิตกล่าวด้วยความผิดคาด

หลี่ชิเย่พยักหน้า และกล่าวว่า “ถูกต้อง ข้ามีศัตรูอยู่ข้างบนมากมายเหลือเกิน ถ้าหาพวกเจ้าเดินทางไปกับข้าต้องตกอยู่กับการต่อสู้ที่ยากลำบากแน่นอน ต้องถูกล้อมปราบด้วยกำลังจำนวนมาก ดังนั้น พวกเราแยกกันเดิน ข้าไปโดยลำพังเพื่อล่อกำลังคนออกไป ส่วนพวกเจ้าก้าวไปอีกเส้นทางหนึ่ง”

ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “เมื่อถึงเวลานั้น พวกผู้เยาว์ยังคงต้องอาศัยพวกเจ้าคอยดูแล เส้นทางสายนี้ไม่ได้ราบเรียบเลย แต่ข้าเชื่อในศักยภาพของพวกเจ้า”

“ราชันเซียนเคยขึ้นไปที่แดนที่สิบ แต่จะได้รับการสยบของฟ้าดิน” ผู้เฒ่าเซียนกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “พวกเราไม่ได้สืบทอดชะตาฟ้ากันมา เกรงว่าพลังที่สยบลงมาจะมีความรุนแรงยิ่งกว่า”

หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “เป็นเช่นนั้นแน่นอน จะอย่างไรเสีย ใช่ว่าใครก็สามารถขึ้นไปยังแดนที่สิบได้ แต่ว่า ในเรื่องนี้พวกเจ้าวางใจกันได้ ข้าจะเปิดทางให้เอง ภายใต้พลังของข้าการสยบของฟ้าดินไม่นับเป็นอะไรได้ ข้าจะเปิดทางราบเรียบให้พวกเจ้าเอง ที่พวกเจ้าต้องกังวลจริงๆ คือ ก่อนจะไปถึงแดนสิบจะต้องรับการล่าสังหารของราชันและเหล่าเทพของเก้าแดน นี่แหละคือสิ่งกีดขวางที่สำคัญที่สุดของการก้าวไปข้างหน้าของพวกเจ้า”

คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้ภายในใจของผู้เฒ่าเซียนและเทพมารวัวโลหิตถึงกับตื่นเต้นขึ้นมา เขาหัวเราะและกล่าวว่า “ก็ดี ให้พวกเรารับการชี้แนะจากบรรดาผู้ปราศจากผู้ต่อกรอย่างเหล่าเทพและราชันของแดนที่สิบก็แล้วกัน อย่างไรเสีย อนาคตก็ต้องเดินไปถึงจุดนี้สักวัน”

เมื่อเปรียบกับผู้เฒ่าเซียน และเทพมารวัวโลหิตแล้ว ราชันทักษิณดูจะหนุ่มแน่นกว่า พลังลมปราณคึกคักมีชีวิตชีวามากกว่า ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ เขามีพรสวรรค์ที่สุดยอดปราศจากผู้เทียบเทียม ซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งที่ผู้เฒ่าเซียนและเทพมารวัวโลหิตไม่สามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว

“พวกเจ้าจะเป็นฝ่ายสนับสนุน ไม่ใช่เป็นกองหน้า” หลี่ชิเย่กล่าวต่อผู้เฒ่าเซียนและเทพมารวัวโลหิตว่า “จะมีผู้ที่ทำหน้าที่เป็นกองหน้าให้เอง จะอย่างไรเสียที่พวกเจ้าต้องเผชิญจะเป็นประเภทชั้นราชันเซียน หากพวกเจ้าบุกเข้าไปเป็นกองหน้าโอกาสสูญเสียก็จะมีมากเหลือเกิน”

ผู้ที่หลี่ชิเย่มอบหมายให้เป็นกองหน้าก็คือหวงหลง และป้าหู่แห่งเขาสยบมังกร มีเพียงผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะเช่นนี้เท่านั้นจึงสามารถเผชิญหน้ากับเหล่าเทพและราชันได้อย่างแท้จริง มีเพียงที่ดำรงอยู่ในสถานะเช่นนี้เท่านั้นจึงสามารถต้านกับพลังสังหารของชะตาฟ้าซึ่งหน้าได้อย่างแท้จริง!

พวกของผู้เฒ่าเซียนและเทพมารวัวโลหิตต่างไม่มีความเห็นกับคำพูดเช่นนี้ และไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมา จะอย่างไรเสียพวกเขารู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับผู้ดำรงอยู่ในระดับราชันเซียน การเผชิญกับพลังชะตาฟ้าในลักษณะเช่นนี้พวกเขาไม่มีสิทธิ์ทำยโส ทำได้เพียงต้านรับอย่างเจียมตัว

“แต่ว่า ต่อให้พวกเจ้าเป็นเพียงฝ่ายสนับสนุน พวกเจ้ายังคงมีภาระและหน้าที่ที่หนักอึ้งแบกอยู่บนบ่า ความปลอดภัยของคนอื่นๆ ล้วนแล้วแต่ตกอยู่บนบ่าของพวกเจ้า” หลี่ชิเย่กล่าวต่อพวกผู้เฒ่าเซียนและเทพมารวัวโลหิต

“ใต้เท้าวางใจ พวกเราจะพยายามอย่างเต็มกำลัง ไม่ทำให้ใต้เท้าต้องผิดหวัง” พวกเทพมารวัวโลหิตและผู้เฒ่าเซียนต่างกล่าวด้วยท่าทีที่หนักแน่นจริงจัง

“อืมม ข้าเชื่อว่าพวกเจ้ามีความสามารถเช่นนี้” หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “ตำราอาวุธสวรรค์ที่อยู่ในมือของผู้เฒ่าเซียนเรียกได้ว่ามีอานุภาพสุดจะจินตนาการ เจ้าฝึกมานานเช่นนี้นับว่าอาวุธและตำรารวมผสานเป็นหนึ่งเดียวแล้วหละ และรู้อย่างลึกซึ้ง เมื่อมีสิ่งนี้อยู่ในมือ อาศัยความสามารถของเจ้าสามารถต่อสู้กับเหล่าราชันและเทพเทวาได้ ขอเพียงไม่เจอะเจอกับประเภทที่แข็งแกร่งมาก เจ้าคงจะไม่พ่ายแพ้จนน่าเกลียดนัก”

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” ผู้เฒ่าเซียนก็พยักหน้าและกล่าวหนักแน่นจริงจัง ตำราอาวุธสวรรค์ก็คือสิ่งที่หลี่ชิเย่เคยเอ่ยปากขอยืมจากวิหารเทพสงครามของพวกเขาในครั้งครานั้น

“อาวุธที่อยู่ในมือของวัวโลหิตเมื่อเปรียบเทียบกับวิหารเทพสงครามแล้วบางทีอาจด้อยกว่านิดหนึ่ง แต่ก็ต่างกันไม่มากนัก” หลี่ชิเย่กล่าวต่อเทพมารวัวโลหิตว่า “อาวุธนี้อยู่กับเจ้าเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ข้าเชื่อว่าเมื่อมันสำแดงอานุภาพภายใต้มือของเจ้าแล้วคงยากที่จะเชื่อ”

“เปรียบเทียบกับบรรพบุรุษโลหิตแล้วเรียกว่าเปรียบกันไม่ได้เลย” เทพมารวัวโลหิตไม่กล้าเย่อหยิ่ง กล่าวด้วยความถ่อมตน

“โลกนี้มีบรรพบุรุษโลหิตเพียงคนเดียวเท่านั้น เขาเป็นผู้ที่สามารถต่อสู้กับเหล่าเทพและราชันได้ เจ้าไม่เท่าเขาเป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมย

ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ได้จ้องมองทุกคนและกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “นอกเหนือจากนี้แล้ว ข้ายังมีเรื่องหนึ่งต้องการให้พวกเจ้าช่วยข้าอีกแรงหนึ่ง”

“ไม่ทราบว่าปรมาจารย์ท่านต้องการให้พวกเราช่วยเหลืออย่างไร? ท่านปรมาจารย์สั่งการมาได้เลย” ราชันทักษิณยิ้มกล่าว

หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “เรื่องนี้ว่าไปแล้วก็ง่ายมาก แต่เวลาทำสิไม่ง่ายเลย ข้าต้องการให้พวกเจ้าร่วมมือกันสังหารข้าให้ตาย จะต้องฆ่าข้าให้ตาย!”

“ฆ่าท่านให้ตาย…” พวกราชันทักษิณต่างงงงันเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ในเวลานี้ต่างมองหน้ากันเลิกลั่ก ทุกคนต่างเข้าใจว่าตัวเองฟังผิด

“เอิกก…” แม้แต่เทพมารวัวโลหิตที่ผ่านอุปสรรคมานับไม่ถ้วนยังถึงกับมีท่าทางประหลาดและกล่าวว่า “ใต้เท้าแน่ใจหรือว่าต้องการให้พวกเราลงมือสังหารท่าน?”

“ถูกต้อง ฆ่าข้าให้ตาย” หลี่ชิเย่พยักหน้าและยิ้มกล่าว

“ต่อให้พวกเราคิดจะสังหารท่านปรมาจารย์ก็คงยาก” ราชันทักษิณส่ายหน้าและยิ้มเจื่อนๆ ว่า “ยังไม่ต้องพูดถึงปรมาจารย์ท่านที่มีถึงสิบสามลัคนาซึ่งฆ่าไม่ตายอยู่แล้ว ถ้าหากท่านสำแดงสี่ยอดกายเซียนขึ้นมา เกรงว่าคงมีแต่พวกเราที่มีสิทธิ์ถูกบดขยี้”

“ดังนั้น ข้าจึงได้คิดค้นวิธีการทำให้ตายโดยไม่ทำให้ฐานเต๋าเสียหาย และไม่เจ็บปวดทรมาน วิธีการเช่นนี้เหมาะแก่การที่จะใช้สังหารข้า” หลี่ชิเย่ยิ้มแต้กล่าวขึ้น

ในเวลานี้ พวกของราชันทักษิณตามมองหน้ากันและกัน นับแต่อดีตกาลเป็นต้นมาก็คงมีแต่หลี่ชิเย่เท่านั้นที่จะไปคิดค้นหาวิธีที่จะสังหารตัวเอง หากเรื่องนี้แพร่ออกไป คงยากที่จะทำให้คนเชื่อได้

ช่วงเวลาต่อมา หลี่ชิเย่ตกอยู่ท่ามกลางงานเยอะมาก พวกเขาจะต้องเตรียมความพร้อมกับการไปยังแดนที่สิบ หลี่ชิเย่ไม่เพียงแต่สร้างเรือขนาดยักษ์ที่จะขึ้นไปยังแดนที่สิบเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ให้บรรดายอดฝีมือเช่นเทพมารวัวโลหิต ผู้เฒ่าเซียน บรรพบุรุษพันสนได้แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน สร้างความเข้าใจและรู้ใจกันและกัน มีเพียงเช่นนี้จึงจะทำให้พวกเขามีโอกาสรอดตายมากขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับการล่าสังหารของบรรดาราชันและเหล่าเทพได้

แน่นอน ในขณะเดียวกัน หลี่ชิเย่ได้เริ่มต้นสังหารตนเอง เขาได้คงเหลือโอกาสสุดท้ายเอาไว้ สิ่งนี้กล่าวสำหรับเขาแล้วไม่เพียงต้องเดินทางไปยังแดนที่สิบเท่านั้น ขั้นตอนนี้ยังจะทำการตุ๋นบรรดาเหล่าเทพและราชันให้เปื่อยอีกด้วย

เนื่องจากหลี่ชิเย่มีความเข้าใจเป็นอย่างยิ่ง ขอเพียงเขาก่อเรื่องใหญ่โตขึ้นมา บรรดาเหล่าเทพและราชขันของแดนที่สิบจะต้องรู้ว่าอีกาทมิฬตัวนี้จะกลับมาอีกแล้ว อีกทั้งมาคราวนี้ไม่ได้มาโดยลำพังตนเอง

ในแดนที่สิบนั้น ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่แค้นเคืองต้องการป่นและโปรยกระดูกของเขาให้รู้แล้วรู้รอดไป ดังนั้น เมื่อบรรดาเหล่าเทพและราชันรู้ว่าเขาจะไปที่แดนสิบก็จะไม่ยอมละทิ้งโอกาสที่นานวันมีสักครั้งเช่นนี้อย่างแน่นอน พวกเขาจะต้องล่าสังหารอีกาทมิฬอย่างบ้าคลั่ง และหากไม่ได้สังหารอีกาทมิฬจะไม่ยอมเลิกราอย่างเด็ดขาด

แม้จะกล่าวว่าบรรดาเหล่าเทพและราชันแดนสิบจะต้องตามล่าสังหารตน แต่กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้วมันก็เป็นโอกาสที่หมื่นปีจะได้พบสักครั้งเช่นกัน การที่จะรวมเอาบรรดาเหล่าเทพและราชันมากมายให้ได้ในคราวเดียวกันนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก ในเมื่อมีราชัน และเซียนหวางจำนวนมากมารวมตัวกันเช่นนี้ หากไม่ทำการตุ๋นพวกเขาให้เปื่อย ไม่จัดการรีดพวกเขาให้แห้ง นับว่าผิดต่อการที่เหล่าราชันและเซียนหวางมากมายอุตส่าห์เดินทางไกลหมื่นลี้และมารวมตัวกันเพื่อการนี้

ดังนั้น หลี่ชิเย่จึงคิดจะให้บรรดาเหล่าเทพและราชันจ่ายค่าตอบแทน ต้องการอาศัยเลือดสดๆ ของพวกเขามาชำระล้าง ขณะเดียวกันยังต้องการแสดงอำนาจบารมีผ่านเหล่าเทพและราชัน อาศัยปากของเหล่าเทพและราชันมาบอกกล่าวกับบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ในแดนสิบให้รู้ว่าข้าอีกาทมิฬได้กลับมาแล้ว

เขาต้องการให้ผู้ยิ่งใหญ่ของแดนสิบได้เข้าใจ การกลับมาของอีกาทมิฬในครั้งนี้จะต้องกวาดแดนสิบจนราบเรียบ เทพขวางสังหารเทพ มารขวางเข่นฆ่ามาร เข้าต้องการให้บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ของแดนสิบเข้าใจถึงความตั้งใจของเขา ทำให้บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดรู้ว่าใครกล้าขวางจะไม่มีจุดจบที่ดีอย่างแน่นอน

หลี่ชิเย่เองก็เข้าใจดีว่า ชาตินี้บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ของแดนสิบจะไม่ยอมประนีประนอมง่ายๆ อยู่แล้ว โดยเฉพาะเฉกเช่นตาเฒ่าเฉี่ยนนั้น หากไม่ตายไม่เลิกราอย่างเด็ดขาด

แน่นอน สิ่งเหล่านี้กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้วล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่อย่างไรก็ได้ ชาตินี้เขาจะต้องกลับมาอย่างราชัน เขาจะต้องกวาดล้างแดนสิบให้สิ้น ในแดนสิบนี้ใครกล้าขวางทางของเขา เขาจะต้องให้แดนสิบเลือดไหลนองเป็นธารแน่นอน ไม่มีใครสามารถกั้นขวางการก้าวเดินของเขาได้ ไม่มีใครสามารถขวางแผนการนานนับพันล้านปีของเขาได้ สรุปคือ ชาตินี้เขาต้องทำให้สำเร็จ!

ต่อให้เป็นตาเฒ่าเฉี่ยน หลี่ชิเย่ก็จะไม่ออมมือให้ ขอเพียงตาเฒ่าเฉี่ยนกล้ามาขวางทางเขา เขาก็จะทำลายล้างตระกูลเฉี่ยนเสีย เขาจะไม่ใจอ่อนเนื่องจากเฉี่ยนซู่หวินอย่างเด็ดขาด

กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ชาตินี้เขามีเพียงโอกาสเดียวเท่านั้น หากไม่สำเร็จก็ต้องพลีชีพไป ดังนั้น เขาจะไม่ยอมให้ผู้ใดก็ตามมาขวางทางของเขาอย่างเด็ดขาด จะไม่ยอมให้เรื่องราวในอนาคตเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด

กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ศักราชนี้จะต้องไม่สูญสลายไปเป็นนิรันดร์ เขาจะไม่ก้าวเดินบนเส้นทางเดิมๆ ของคนรุ่นก่อน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล