ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1713

ตอนที่ 1713 ภารกิจหนักหน่วง
แม้แต่หม่ากูก็อดที่จะเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “นอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้แล้ว แดนที่สิบยังมีสิ่งใดแตกต่างจากเก้าแดนของพวกเราบ้างหละ?”

“ถ้าจะพูดกันถึงสิ่งที่แตกต่างกันมากที่สุดใช่มั้ย” หลี่ชิเย่หัวเราะและชี้ไปที่บนท้องฟ้าว่า “จะให้พูดอย่างไรดีหละ ที่แตกต่างกันมากที่สุดก็คือพวกเขาอยู่ใกล้กับสวรรค์โจรมากกว่าพวกเราอีก กล่าวสำหรับพวกเราแล้ว สวรรค์โจรห่างจากพวกเราเหมือนโลกอีกโลกหนึ่ง พวกเจ้าว่าอย่างนั้นหรือไม่ ขณะที่กล่าวสำหรับแดนที่สิบแล้ว ไม่แน่นักสวรรค์โจรก็อยู่บนหัวของพวกเขาเลย”

ครั้นหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้วหัวเราะและกล่าวว่า “เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องดี และเรื่องไม่ดี”

“ทำไมถึงว่าเป็นเรื่องไม่ดี?” ผู้เฒ่าเซียนที่มีชาติกำเนิดจากวิหารเทพสงครามกล่าวว่า “ได้มีบันทึกกล่าวเอาไว้ว่า เผ่าเทพ เผ่าสวรรค์ของแดนที่สิบนั้น พวกเขาคือลูกรักของสวรรค์” จะอย่างไรเสียผู้เฒ่าเซียนก็คือบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของวิหารเทพสงคราม เขาล่วงรู้คำเล่าลือที่ผู้อื่นไม่สามารถรู้ได้

“คำพูดนี้ถูกต้อง” หลี่ชิเย่พยักหน้าและยิ้มกล่าวว่า “เป็นความจริงที่พวกเขาคือลูกรักของสวรรค์ อย่างน้อยที่สุดพวกเขามองตัวเองเป็นอย่างนั้น พวกเขาคิดว่าตัวเองนั้นไม่ธรรมดามาโดยตลอด เนื่องจากพวกเขามองว่าสายเลือดที่ไหลรินอยู่ในกายสูงส่งยิ่งนัก เป็นความจริงที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ เผ่ามนุษย์ศิลา เผ่าวิญญาณเทพเมื่อเทียบกับพวกเขาในแดนที่สิบแล้ว ด้อยกว่าพวกเขาอยู่มาก…”

“…แต่ว่า อาศัยการบุกเบิกจากราชันเซียนแต่ละรุ่นของพวกเรา อาศัยความพยายามที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของปรัชญาเมธีพวกเรา ต่อให้เป็นที่ที่อยู่ใกล้สวรรค์มากที่สุดก็มีอาณาจักรของพวกเราเองได้ และมีที่ที่ให้พวกเราได้ยืน แต่ว่า ถึงจะเป็นลูกรักของสวรรค์แล้วไง ต่อให้อยู่แดนที่สิบ ขอเพียงพวกเรามีความพยายามก็สามารถจัดการเหยียบพวกที่เรียกตัวเองว่าเป็นลูกรักสวรรค์ให้แนบกับพื้น ใช้เท้าเหยียบใบหน้าที่งดงามของพวกเขา ให้พวกเขาได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของมดปลวกอย่างพวกเรา!” ครั้นหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้วได้ยิ้มอย่างตามอารมณ์ออกมา

คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ได้ทำให้ดาวรุ่งอย่างราชันทักษิณถึงกับเลือดในกายเดือดพล่าน เขาเองรู้ว่าหลี่ชิเย่ในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาราชันเซียนจะต้องเคยเหยียบดาวรุ่งของแดนที่สิบเอาไว้ใต้ฝ่าเท้าแน่นอน ขณะที่เขาเองก็มีปณิธานต้องการสร้างอาณาจักรขึ้นที่แดนที่สิบ คงมีสักวันที่เขาจะต้องเอาชนะดาวรุ่งของแดนที่สิบให้ได้เ!

“แล้วการอยู่ใกล้กับสวรรค์มีข้อเสียอย่างไรเล่า?” หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เทพมารวัวโลหิตอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้

“เจ้าคิดว่าสวรรค์มีตาจะเป็นอย่างไร?” หลี่ชิเย่ชี้ไปบนท้องฟ้าและยิ้มกล่าว

คำพูดเช่นนี้เของหลี่ชิเย่ทำให้พวกของราชันทักษิณถึงกับงงงัน โดยปรกติแล้วพวกเขาจะไม่พูดคำคำว่าสวรรค์มีตาออกมา มนุษย์ปุถุชนจำนวนมากเวลาไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือถูกคนเขารังแกก็จะพูดคำๆ นี้ออกมา โดยฝากความหวังกับสวรรค์ว่าจะมีความยุติธรรมให้

“สวรรค์มีตาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับความยุติธรรมบนโลก” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและยิ้มกล่าวว่า “ถ้าหากเจ้าอยู่ใกล้กับสวรรค์มันไม่ใช่เรื่องดีตรงที่หากเจ้ามีความแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไรก็จะใกล้กับสวรรค์มากขึ้นทุกที ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมากเรื่องหนึ่ง เมื่อเจ้าก้าวล้ำจนใกล้เคียงกับพลังที่อยู่เหนือหมื่นแดนเมื่อไหร่ ก็จะมีอันตรายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออันตรายมากจนถึงระดับหนึ่งแล้วก็จะมีการลงทัณฑ์จากสวรรค์ลงมา ซึ่งพลังเช่นนี้หาใช่เจ้าจะสามารถแบกรับเอาไว้ได้”

“ราชันเซียน หรือบรรดาเหล่าเทพและราชันในแดนที่สิบ เมื่อมีความแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งแล้วก็จะนำมาซึ่งภัยถูกสวรรค์ลงทัณฑ์!” ราชันทักษิณเข้าใจได้ในทันที และกล่าวขึ้นมาด้วยความตระหนก

“ถูกต้อง” หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “ถ้าหากเจ้าไปต้านกับพลังเช่นนี้ เจ้าอาจจะต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไป เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะมีความแข็งแกร่งเพียงใดก็ตามล้วนแล้วแต่เสียแรงเปล่า ฝึกวิชามาชั่วชีวิตท้ายที่สุดก็เป็นแค่ตะกร้าตักน้ำที่ได้แต่ความว่างเปล่า”

“เช่นนั้นแล้วราชันเซียนเหล่าเทพและราชันทำอย่างไร?” เมื่อผู้เฒ่าเซียนได้ยินคำเช่นนี้จะเอ่ยถามขึ้นด้วยความตระหนก

“หลบซ่อนตัว หลีกเลี่ยงจากพลังเช่นนี้ ไม่ให้สวรรค์โจรพบว่าเจ้ามีพลังที่แข็งแกร่ง” หลี่ชิเย่หัวเราะ จากนั้นกล่าวกับราชันทักษิณว่า “ในอนาคต หรืออาจมีสักวันที่เจ้าจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้ เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าก็ต้องหลีกเลี่ยงจากพลังเช่นนี้ และเจ้าจะต้องหายไปจากโลก นี่คือทางเลือกอย่างหนึ่ง”

“นอกจากหลบซ่อนตัวแล้วไม่มีทางเลือกทางอื่นอีกรึ?” ราชันทักษิณอดที่จะเอ่ยถาม อย่างไรเสียเขาคือผู้ที่จะสำเร็จเป็นเซียนหวาง ดังนั้นเรื่องราวที่เกี่ยวกับด้านนี้เขาอยากจะถามให้ชัดเจน

“มี” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “สู้จนถึงที่สุด เส้นทางเส้นนี้มีผู้เลือกมากมาย และมีผู้คนมากมายที่เคยก้าวเดิน เพียงแต่สุดท้ายกลายเป็นโครงกระดูก ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใด ไม่ว่าจะยอดเยี่ยมเช่นใด สุดท้ายก็มีแต่ตายสถานเดียว อย่างน้อยที่สุดจนถึงปัจจุบันยังไม่มีใครทำได้สำเร็จ”

คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้ราชันทักษิณต้องนิ่งเงียบขึ้นมา เรื่องราวเกี่ยวกับการต่อสู้จนถึงที่สุดนั้น ราชันทักษิณเคยได้ยินมาบ้าง ใต้เท้าอีกาทมิฬที่อยู่ตรงหน้าคือผู้ที่เลือกที่จะต่อสู้จนถึงที่สุด

ทั้งเทพมารวัวโลหิต และผู้เฒ่าเซียนต่างนิ่งเงียบเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ความโหดร้ายทารุณของแดนที่สิบเกินกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้มากทีเดียว ต่อให้บุคคลผู้นั้นเป็นถึงราชันเซียน ต่อให้บุคคลผู้นั้นมีความแข็งแกร่งเช่นเหล่าเทพและราชันของแดนที่สิบก็ตาม จะต้องเลือกที่จะหายไปจากสังคม ช่างเป็นเรื่องที่โหดร้ายเหลือเกิน

ขนาดแข็งแกร่งจนถึงระดับนี้แล้วยังไม่มีทางเลือก แล้วประเภทอ่อนแอมิยิ่งกว่ามดปลวกอีก

“เอาล่ะ ไม่พูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับแดนที่สิบอีก มีเรื่องราวมากมายรอให้พวกเจ้าขึ้นไปแล้วก็จะเข้าใจลึกซึ้งยิ่งกว่า ณ ที่ตรงนั้นศัตรูที่พวกเจ้าต้องเผชิญไม่เพียงแค่เผ่าเทพ เผ่าสวรรค์ กระทั่งเหล่าราชันและบรรดาเทพเท่านั้น” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและยิ้มกล่าวว่า “พวกเราไปข้างหน้ากันเถอะ นั่นแหละจึงเป็นสิ่งที่พวกเราต้องแก้ไขในเวลานี้”

หลี่ชิเย่ก้าวเดินไปข้างหน้า พวกของราชันทักษิณเมื่อได้สติคืนมาจึงรับก้าวตามไปให้ทัน

ขณะที่พวกของราชันทักษิณติดตามหลี่ชิเย่ก้าวเดินไปข้างหน้า พบว่าฟ้าดินของโลกนี้ช่างกว้างขวางเหลือเกิน ที่ตรงนี้ไม่เพียงเปี่ยมด้วยพลังแก่นฟ้าดิน เหมาะแก่การฝึกวิชายิ่งนัก ขณะเดียวกันสถานที่ทุกแห่งล้วนแล้วแต่เป็นขุมทรัพย์ทั้งสิ้น มีแร่ธาตุวิเศษโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฎให้ได้เห็นบนพื้นดิน บางแห่งถึงกับสามารถก้มเก็บหินวิเศษได้เลย

เกรงว่าในความคิดบรรดาผู้บำเพ็ญตนของเก้าแดนก็ต้องมองว่าสถานที่แห่งนี้คือสุดยอดแดนเซียนดินแดนแห่งความผาสุก ถ้าหากมีการเปิดโลกนี้ออกไป เกรงว่ายอดฝีมือและผู้บำเพ็ญตนของเก้าแดนล้วนแล้วแต่กรูกันเข้ามา เกรงว่าจะมีผู้บำเพ็ญตน และยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนมาขุดเจาะโลกแห่งนี้อย่างบ้าคลั่ง

“โลกลักษณะเช่นนี้ หากเปิดเมื่อไหร่ เกรงว่าต้องถูกผู้บำเพ็ญตนของเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินมาขุดกันอย่างบ้าคลั่งแน่นอน” เทพมารวัวโลหิตที่มากประสบการณ์เมื่อมองเห็นโลกลักษณะเช่นนี้แล้วถึงกับพูดทอดถอนใจออกมา

“ดังนั้น ข้าจึงได้เข้ามา ที่นี่เป็นโลกที่ใหม่เอี่ยมโลกหนึ่ง จำเป็นต้องมีการกำหนดกฎเกณฑ์กันใหม่ ภายใต้กฎเกณฑ์นี้หากผู้ใดไม่ปฏิบัติตามใช่จะแค่ถูกขับไล่เท่านั้น กระทั่งอาจถูกสังหาร!” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเฉยเมย

“แล้วนี่จะกำหนดกฎเกณฑ์อย่างไรกันล่ะ?” ผู้เฒ่าเซียนมองดูโลกที่อยู่ตรงหน้าที่กว้างขวางใหญ่โตและงดงาม เกรงว่าผู้คนจำนวนมากเห็นแล้วต้องใจเต้นตูมตาม บรรดาสายสำนักราชันเซียนจำนวนมากเมื่อได้โลกที่อยู่ตรงหน้านี้แล้ว เกรงว่าล้วนแล้วแต่ต้องการยึดครองเอามาเป็นของตนเองทั้งสิ้น

ถ้าหากพวกเขาไม่ได้ติดตามไปยังแดนที่สิบล่ะก็ เมื่อเผชิญกับโลกเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็มีแนวคิดที่จะได้โลกเช่นนี้เหมือนกัน

“ในเมื่อมันเป็นโลกใหม่เอี่ยม งั้นก็อาศัยพลังของโลกใบนี้มากำหนดกฎเกณฑ์ขึ้นมา” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะเสนอโลกใบใหม่เอี่ยมให้กับหมื่นเผ่าพันธุ์ของเก้าแดนเท่านั้น ขณะเดียวกันยังเป็นที่สำรองสำหรับเก้าแดน เกิดอเวจีปรากฎขึ้นเมื่อไร สถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นพื้นที่บริสุทธิ์สุดท้ายของเก้าแดน สถานที่แห่งนี้จึงต้องมีการกำหนดจัดทำกฎเกณฑ์ขึ้นมาใหม่ ไม่เพียงจำกัดหมื่นเผ่าพันธุ์ของเก้าแดนเท่านั้น ขณะเดียวกันก็จำกัดอเวจี หลบเลี่ยงอเวจี!”

“จะทำให้ถึงจุดนี้เกรงว่าคงยาก จะอย่างไรเสียสิ่งนี้จำเป็นต้องสืบทอดต่อไปยุคแล้วยุคเล่า” ผู้เฒ่าเซียนกล่าว

“เป็นความจริงที่ยากอยู่” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “เพียงแต่บทเริ่มต้นของประตูมิติอยู่ในมือของข้า อย่างไรเสียนี่คือสมบัติสวรรค์ ภายใต้พลังต้นกำเนิดของสมบัติสวรรค์ข้าสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ได้ ภายใต้กฎเกณฑ์ที่ข้ากำหนดขึ้นมา ไม่ว่าผู้ดำรงอยู่ในสถานะเช่นใดก็ต้องปฏิบัติตาม เหมือนดั่งเช่นที่ราบสูงฝังพุทธะอย่างนั้น ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม เมื่อไปถึงที่ราบสูงฝังพุทธะแล้วก็ต้องถูกบงการโดยพลังของที่ราบสูงฝังพุทธะ…”

“…ถ้าหากอยู่ในวัดชรานัตถิตา ต่อให้เป็นราชันเซียนก็ไม่สามารถทำลายกฎเกณฑ์ของกาสารพัดนึกได้ นี่แหละคือเหตุผลที่ว่ากันว่าท้าวสักกะเป็นผู้ควบคุมกาสารพัดนึก เนื่องจากเขาเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ของที่ราบสูงฝังพุทธะ กำหนดกฎเกณฑ์ของวัดชรานัตถิตา ภายใต้กฎเกณฑ์เช่นนี้ ภายใต้พลังของสมบัติสวรรค์ ต่อให้เป็นราชันเซียนก็ทำลายไม่ได้ ทำได้แค่หลีกเลี่ยงมัน ถ้าหากใครก็สามารถทำลายพลังของสมบัติสวรรค์ได้ สมบัติสวรรค์ก็ไม่คงเป็นสมบัติสวรรค์อีกต่อไปแล้ว นี่คือพลังต้นกำเนิดฟ้าดินที่แท้จริง นี่คือพลังที่แรกเริ่มกำเนิดฟ้าดินที่แท้จริง”

“ดังนั้น ครั้งนั้นราชันเซียนเฮ่าไห่ได้แต่อาศัยท่วงท่าที่ปราศจากผู้ต่อกรไปจากที่ราบสูงฝังพุทธะ แต่ว่า สุดท้ายแล้วเขาไม่หวนกลับไปที่ที่ราบสูงฝังพุทธะอีกเลย” ราชันทักษิณเข้าใจความหมายของหลี่ชิเย่ถึงกับกล่าวขึ้นมา

“ถูกต้อง แม้แต่ราชันเซียนเฮ่าไห่ที่แข็งแกร่งก็ไม่สามารถทำลายกฎเกณฑ์เช่นนี้ไปได้ เขาทำได้แค่จากไป เขาได้แต่หลีกเลี่ยง เนื่องจากเขาแพ้เดิมพันในครั้งนั้น” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเฉยเมย

“แรกเริ่มกำเนิดฟ้าดิน กับฟ้าดินแรกเริ่มก่อกำเนิด แตกต่างกันอย่างไร?” ยังคงเป็นผู้หญิงที่มีความละเอียด ปู้เหลียนเซียงจับคำพูดที่ลึกซึ้งและเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“มันคือสองแนวคิด เป็นยุคที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง หรือจะพูดให้ตรงประเด็น เป็นศักราชที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ที่พูดกันอยู่เสมอๆ ว่าแรกเริ่มกำเนิดฟ้าดินนั้น ความจริงแล้ว มักจะหมายถึงการเริ่มต้นศักราชๆ หนึ่งที่ใหม่เอี่ยม แต่ว่าแรกเริ่มกำเนิดฟ้าดินที่แท้จริงมันห่างไกลจากมากยิ่งกว่าเสียอีก ในยุคนั้นยังไม่มีคำว่าศักราช กระทั่งเวลานั้นยังไม่มีแนวความคิดเกี่ยวกับกาลเวลา ช่องว่างต่างๆ…”

“…ในลักษณะเช่นนี้แหละที่ได้ก่อกำเนิดสมบัติสวรรค์นพเก้า ตำราสวรรค์นพเก้าอะไรเหล่านี้! ภายหลังจึงมีศักราช มียุคของพวกเราในปัจจุบัน ความจริงแล้ว เฉกเช่นตำราสวรรค์นพเก้าสิ่งนี้ความหมายที่ลึกซึ้งของมันจะแตกต่างกันในทุกศักราช สิ่งนี้เกี่ยวพันถึงต้นกำเนิดพลังของแต่ละศักราช ดังนั้น ต้นกำเนิดพลังแต่ละศักราชที่แตกต่างกัน การฝึกที่ต่างกัน ความหมายที่ลึกซึ้งของตำราสวรรค์นพเก้าก็จะแตกต่างกัน บางทีศักราชก่อนหน้าพวกเราไม่มีคำกล่าวเกี่ยวกับสิบสองกายเซียนเช่นนี้”

เมื่อพวกของราชันทักษิณได้ฟังคำของหลี่ชิเย่แล้ว พวกเขาจึงได้เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างยุคสมัยและศักราชที่แท้จริง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล