ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1712

สรุปบท ตอนที่ 1712 ความหมายที่ลึกซึ้งของประตูมิติ: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1712 ความหมายที่ลึกซึ้งของประตูมิติ – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

บท ตอนที่ 1712 ความหมายที่ลึกซึ้งของประตูมิติ ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 1712 ความหมายที่ลึกซึ้งของประตูมิติ
เมื่อหลี่ชิเย่เปิดประตูมิติแล้วได้หันหลังกลับมา มองดูทุกคนด้วยท่าทีเฉยเมย และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “กฎเกณฑ์ข้าเป็นผู้กำหนด ก่อนที่กฎเกณฑ์จะกำหนดแล้วเสร็จห้ามผู้ใดกระทำการบุ่มบ่าม มิฉะนั้นล่ะก็ ฆ่าไม่มีละเว้น!”

เวลานี้ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่มีใครกล้าบ่นสักคำ ณ ที่นี้เวลานี้มียอดฝีมือทั้งหมดของเก้าแดน และสายสำนักราชันเซียนของเก้าแดนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ตรงนี้ แต่ว่า ในเวลานี้ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่กล้าบ่นออกมาสักคำเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่

ต่อให้มีผู้ที่รู้สึกไม่พอใจ ต่อให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการได้ประตูมิติซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าของสมบัติสวรรค์นพเก้านี้มาก แต่นาทีนี้พวกเขาก็ไม่กล้าแสดงตนออกมา ต่อให้ในใจรู้สึกไม่พอใจก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนเอาไว้ ต่อให้มีความต้องการประตูมิติมากเพียงใด ก็ไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่าม

หลี่ชิเย่ไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร เมื่อประตูมิติอยู่ในความควบคุมของเขาทุกอย่างก็ต้องขึ้นอยู่กับเขา ไม่ว่าใครก็ล้ำข้อกำหนดของเขาไม่ได้

เสียง “แว้งค์” ดังขึ้น เวลานี้หลี่ชิเย่ได้ก้าวเท้าเข้าไปยังประตูมิติ หม่ากู ปู้เหลียนเซียง เทพมารวัวโลหิต ราชันทักษิณ…ต่างติดตามอยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่ก้าวข้ามประตูมิติไป

หลังจากที่พวกของหลี่ชิเย่ก้าวเข้าไปยังประตูมิติแล้ว ได้ยินเสียงดัง “จี๊ด” ประตูมิติได้ปิดลงอีกครั้ง ประตูมิติยังคงถูกล้อมรอบด้วยความขมุกขมัว บนบานประตูยังคงเป็นอักขระยันต์ดึกดำบรรพ์ที่ลอยล่อง หลังจากประตูบานนี้ปิดลง หากไม่มีดวงตรามิติโบราณไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเปิดมันได้อีก

หลังจากที่พวกของหลี่ชิเย่ก้าวข้ามประตูมิติเข้าไปแล้ว โลกใหม่เอี่ยมโลกหนึ่งได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าของพวกเขา ยามเมื่อพวกเขามองเห็นโลกที่ใหม่เอี่ยมตรงหน้าแล้ว ต่างอดที่จะสูดลมหายใจเอาอากาศจากโลกใหม่นี้เข้าไปลึกๆ ทีหนึ่งไม่ได้

มันเป็นภาพของภูเขาและแม่น้ำที่งดงามยิ่งนักปรากฏอยู่ตรงหน้า แม่น้ำขนาดใหญ่ดั่งมังกรที่ขดตัวยึดครองผืนแผ่นดินนี้เอาไว้ เป็นผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลสุดเปรียบเปรย บนพื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้มีเทือกเขาที่ขึ้นลงสลับกันไป ชีพจรภูเขาที่ทอดข้ามไปมา ทั่วทั้งแผ่นดินคล้ายดั่งเป็นดินแดนสุขสันต์ที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง

ณ ที่ตรงนี้ตลบอบอวลไปด้วยพลังแก่นฟ้าดิน ท่ามกลางพลังแก่นฟ้าดินที่ตลบอบอวลแฝงไว้ซึ่งกลิ่นอายที่ขมุกขมัว ท่ามกลางกลิ่นอายขมุกขมัวมีพลังของโลกในยุคดึกดำบรรพ์ก่อนที่มีการแยกฟ้าดินออกเป็นสองส่วน เป็นพลังแรกเริ่มของฟ้าดิน และเป็นพลังต้นกำเนิดของโลก เมื่อมีพลังเช่นนี้อยู่ในครอบครอง จะส่งผลให้บุคคลผู้นั้นมีสุดยอดอภินิหารอยู่ในครอบครอง!

ขณะยืนอยู่บนผืนแผ่นดินนี้ เมื่อมองไประยะห่างไกล ก็จะมองเห็นดวงดาวแต่ละดวงที่เหมือนแขวนอยู่บนท้องฟ้า เสมือนว่าดวงดาวแต่ละดวงอยู่ห่างจากโลกใบนี้แค่เอื้อมเท่านั้น ดุจดั่งปีนขึ้นไปตามอารมณ์ก็สามารถขึ้นไปยังดวงดาวอีกดวงได้อย่างนั้น

ท่ามกลางท้องฟ้าบนผืนแผ่นดินกว้างใหญ่แห่งนี้ถูกล้อมรอบด้วยทางช้างเผือกแต่ละสาย เสมือนหยกที่เป็นสายๆ ทำการตกแต่งโลกนี้จนสวยงามอะไรอย่างนั้น และกว้างขวางขนาดนั้น

หลี่ชิเย่ยืนอยู่บนผืนแผ่นดินผืนนี้แล้วยิ้มกล่าวต่อพวกของราชันทักษิณว่า “รู้สึกมีอะไรที่แตกต่างหรือไม่?”

“พลังแก่นฟ้าดินที่เต็มเปี่ยมเกรงว่าพื้นที่บรรพชนของสายสำนักราชันเซียนหลายแห่งในเก้าแดนไม่สามารถเทียบเทียมได้ อีกทั้งพลังแก่นฟ้าดินนี้ยังมีพลังของโลกในยุคดึกดำบรรพ์ก่อนที่มีการแยกฟ้าดินออกเป็นสองส่วน เหมือนจะแตกต่างจากพลังฟ้าดิน และพลังสัจธรรมของพวกเรา” เทพมารวัวโลหิตสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ทีหนึ่งและกล่าวด้วยความตระหนก

“คำพูดนี้ทั้งถูกและไม่ถูก” หลี่ชิเย่ส่ายฟน้าปลพกล่าวว่า “ถูกต้อง พลังแก่นฟ้าดินของที่นี่เข้มข้นมากเหลือเกิน เนื่อจากมันเป็นโลกที่ใหม่เอี่ยมซึ่งเกิดจากการวิวัฒนาการของประตูมิติ เป็นโลกที่ไม่เคยมีใครได้เหยียบย่ำเข้ามาก่อน มันจึงมีพลังแก่นฟ้าดินที่บริสุทธิ์สดชื่นที่สุด มันมีชีพจรใต้ดินที่ไม่เคยมีใครบุกเบิกมาก่อน มันมีผืนแผ่นดินกว้างใหญ่ที้ยังไม่เคยถูกบุกเบิกมาก่อน ดังนั้น พลังแก่นฟ้าดินที่ตรงนี้จึงมีความดั้งเดิม พลังแก่นฟ้าดินของที่นี่มีอย่างไม่ขาดสาย เหมือนว่าใช้ไม่มีวันหมดอย่างนั้น”

“ประตูมิติวิวัฒนาการกลายเป็นโลกๆ หนึ่ง! นี่คือสมบัติสวรรค์นะเนี่ย” ราชันทักษิณกล่าวด้วยความตระหนก

ในความคิดของผู้คนจำนวนมากคิดว่าสมบัติสวรรค์นพเก้าก็คือของวิเศษเก้าชิ้น แต่จะมีสักกี่คนสามารถจินตนาการได้ว่าประตูมิติไม่ใช้ของวิเศษ มันกลับสามารถวิวัฒนาการจนกลายเป็นโลกๆ หนึ่ง เป็นโลกที่ใหม่เอี่ยมโลกหนึ่ง เป็นโลกที่ไม่มีใครสามารถนำติดตัวไปได้ ดังนั้น ในความหมายอีกแง่หนึ่งก็คือ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถได้ประตูมิติไป

“ของวิเศษทุกชิ้นล้วนแล้วแต่มีความหมายที่ลึกซึ้งเป็นของตนเอง เป็นสิ่งที่ผู้คนบนโลกไม่สามารถไปบงการมันได้ สมบัติสวรรค์ก็คือสมบัติสวรรค์ มันจะเปลี่ยนแปลงเป็นอะไร เปลี่ยนแปลงอย่างไร มีเพียงตัวมันเองเท่านั้นที่รู้” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวและส่ายหน้า

ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่ได้กลับเข้าสู่หัวข้อก่อนหน้า เขาหัวเราะและกล่าวว่า “ท่อนหลังที่วัวโลหิตพูดมานั้นไม่ถูกต้อง จริงอยู่ที่โลกนี้มีพลังของโลกในยุคดึกดำบรรพ์ก่อนที่มีการแยกฟ้าดินออกเป็นสองส่วน และพลังในลักษณะเช่นนี้เหมือนว่าจะแตกต่างจะพลังของโลกเราอยู่บ้าง ความจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ หากจะพูดให้ถูกต้อง พลังของพวกเราก็ประกอบด้วยพลังของโลกในยุคดึกดำบรรพ์ก่อนที่มีการแยกฟ้าดินออกเป็นสองส่วนเช่นเดียวกัน”

“ถูกต้อง” หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “แม้ว่าการฝึกวิชาในแดนที่สิบจะแตกต่างจากพวกเรา แต่ความจริงแล้วมันใกล้เคียงกันมาก แดนที่สิบยังคงมีพลังแก่นฟ้าดินที่ตลบอบอวล เพียงแต่เมื่ออยู่แดนที่สิบแล้วมีการทำให้ดีขึ้นกว่าจากที่ดีอยู่แล้ว และทำการกลั่นฟลังแก่นฟ้าดินให้กลายเป็นพลังที่ขมุกขมัวเท่านั้นเอง การใช้พลังจากโลกในยุคดึกดำบรรพ์ก่อนที่มีการแยกฟ้าดินออกเป็นสองส่วนดูจะยิ่งบริสุทธิ์มากขึ้น มีช่องว่างที่จะสำแดงได้มากขึ้น”

“เช่นนั้นแล้ว ราชันเซียนไปที่แดนสิบมิต้องถูกจำกัดด้วยต่างๆ นานารึ?” บรรพบุรุษพันสนกล่าวด้วยความตระหนก

“นั่นมันก็แค่ชั่วคราว” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “แม้ว่าพลังจากเก้าแดนของพวกเรากับพลังของแดนสิบจะแตกต่างกันบ้าง แต่ว่า หมื่นสัจธรรมของฟ้าดินสุดท้ายแล้วก็ผลที่ออกมาก็เหมือนกัน ที่สำคัญจะอย่างไรเสียราชันเซียนย่อมเป็นราชันเซียน อย่าลืมสิ ราชันเซียนสามารถมีชะตาฟ้าในครอบครอง ซึ่งเป็นพลังดั้งเดิมที่สุดของฟ้าดิน สิ่งนี้เป็นพลังต้นกำเนิดของยุคสมัยยุคหนึ่ง พลังลักษณะเช่นนี้สามารถกล่าวได้ว่าไม่ได้แตกต่างอะไรกับพลังของโลกในยุคดึกดำบรรพ์ก่อนที่มีการแยกฟ้าดินออกเป็นสองส่วนสักเท่าไร…”

“…ที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือ ราชันเซียนสืบทอดชะตาฟ้าแล้ว ลองนึกภาพดูว่า พลังลักษณะเช่นนี้มีความน่ากลัวเพียงใด เมื่อขึ้นไปบนแดนที่สิบแล้ว การที่ราชันเซียนคิดจะกลั่นพลังแก่นฟ้าดินของตนมันเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก อีกทั้งภายใต้พลังของชะตาฟ้า หากราชันเซียนคิดจะดูดกลืนพลังแก่นฟ้าดินในแดนที่สิบล่ะก็ ใช่จะเป็นสิ่งที่ยอดฝีมือทั่วไปในแดนสิบสามารถเทียบเคียงได้ ราชันเซียนย่อมเป็นราชันเซียน ต่อให้ก้าวสู่แดนที่สิบกล่าวสำหรับตัวของราชันเซียนเองแล้ว มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง แต่ว่า สำหรับยอดฝีมือจำนวนมากของแดนสิบแล้ว ราชันเซียนคือผู้ดำรงอยู่ในระดับที่ไม่สามารถเอื้อมถึงได้…”

“…ผู้ที่ราชันเซียนของเก้าแดนพวกเราต้องเทียบเคียงคือเหล่าเทพและราชันของแดนสิบ เมื่อขึ้นไปยังแดนสิบแล้ว ใช่ว่านายหมูนายหมาทั่วไปก็มีคุณสมบัติเป็นศัตรูกับราชันเซียนของพวกเราได้ ต้องการต่อต้านราชันเซียนของพวกเรายังคงต้องอาศัยเหล่าเทพและราชันของแดนที่สิบ อย่าลืมสิ ราชันเซียนในเก้าแดนของพวกเราในยุคสมัยหนึ่งมีราชันเซียนเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น และชะตาฟ้าก็มีเพียงหนึ่งในแต่ละยุคสมัยเท่านั้น! ธาตุแท้ภายในของพวกเราจะดูแคลนกันไม่ได้ ต่อให้เหนือเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินก็ตาม!”

พวกของราชันทักษิณต่างรู้สึกเลือกในกายที่เดือดพล่าน เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แล้ว เวลานี้พวกเขาแทบอยากจะบุกขึ้นไปแดนที่สิบเสียเดี๋ยวนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไป เพื่อได้เห็นโลกที่กว้างใหญ่และสวยงามนั่น

“โลกของแดนที่สิบเป็นโลกลักษณะเช่นใดกันนะ?” แม้แต่ผู้เฒ่าเซียนยังอดที่จะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้

“หากดูจากพลังแก่นฟ้าดิน โลกที่เห็นอยู่ตรงหน้ามีส่วนกล้าย ท่ามกลางพลังแก่นฟ้าดินนี้ตลบอบอวลด้วยพลังของความขมุกขมัว และท่ามกลางความขมุกขมัวแฝงไว้ด้วยพลังของโลกในยุคดึกดำบรรพ์ก่อนที่มีการแยกฟ้าดินออกเป็นสองส่วน นี่แหละคือแดนที่สิบ บอกได้แต่เพียงพลังของพวกเขามีความบริสุทธิ์ยิ่งกว่า และพื้นที่ของพวกเขากว้างใหญ่ไพศาลยิ่งกว่า” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล