ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1715

ตอนที่ 1715 กำหนดกฎเกณฑ์
หลายวันต่อมาหลังจากนี้ ทั่วทั้งเก้าแดนถึงกับสั่นเทา เนื่องจากผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะสยบเหล่าชั้นฟ้าแต่ละคนได้ปรากฏตัวออกมา

ด้านนอกประตูมิติมีผู้บำเพ็ญตนและยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนที่รวมตัวกันอยู่ ณ ตรงนี้ จากนั้นได้ยินเสียงดัง “ตูม” เท้าขนาดยักษ์พลันทะลุผ่านอากาศ ก้าวข้ามจากแดนที่อยู่ห่างไกลและมาถึงด้านหน้าประตูมิติโดยพลัน

ร่างเงาที่สูงตระหง่านร่างหนึ่งปรากฏอยู่ตรงนั้น เป็นร่างที่มีความสูงใหญ่ยิ่งนัก ปกคลุมด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นหน้าของเขาได้ชัดเจน แต่ว่ายามที่กลิ่นอายบนตัวของเขาแผ่กระจายออกมา ทำให้ผู้บำเพ็ญตนและยอดฝีมือที่อยู่บริเวณประตูมิติยืนไม่ติด ทยอยกันก้มกราบลงกับพื้น

ร่างที่สูงตระหง่านนี้มาถึงแล้วไม่ได้หยุดนิ่ง พลันที่ประตูมิติเปิดออกก็หายวับเข้าไปภายในประตูทันที

อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้บำเพ็ญตน และยอดฝีมือที่คุกเข่าก้มกราบกับพื้นยังไม่ทันได้ลุกขึ้นยืน ได้ยินเสียงดัง ”แว้งค์” ด้านหน้าประตูมิติปรากฏประตูบานหนึ่งขึ้นมา มีผู้ที่ผ่านประตูมิติมาจากโลกอีกโลกหนึ่งมาถึงหน้าประตูมิติ เป็นบุรุษที่หันหลังให้กับทุกคน บนตัวของเขาปรากฎประกายเซียนวูบวาบ ท่ามกลางประกายเซียนทำให้ตัวเขาแลดูตัวเบาและลอยล่อง เหมือนว่าเขานั้นเป็นเซียนที่มาจากวิมานเซียนอย่างนั้น

ทุกคนยังไม่ทันได้มองเห็นหน้าตาของบุรุษผู้นี้ พลันได้หายเข้าไปภายในประตูมิติเสียแล้ว ทุกคนต่างรู้สึกตระหนก บุรุษที่เสมือนดั่งเซียนที่ล่องลอยมีประวัติความเป็นมาเช่นใดกันแน่นะ

แต่ว่า ขณะที่ทุกคนยังจับต้นชนปลายไม่ถูกนั้น ปรากฏเสียงดัง “ตูม” อีกครั้ง เห็นเพียงมังกรทองตัวหนึ่งที่โลดแล่นอยู่บนท้องฟ้า มันร้องคำรามออกมาทีหนึ่ง กลิ่นอายมังกรพลุ่งพล่าน กดดันจนทุกคนที่อยู่บริเวณประตูมิติรู้สึกสะท้านภายในใจ

มังกรทองตัวนี้ลากรถศักดิ์สิทธิ์คันหนึ่ง บดขยี้ท้องฟ้าจนแหลกละเอียดท่ามกลางเสียงดังตูมตาม และมาถึงด้านหน้าประตูมิติโดยพลัน

รถศักดิ์สิทธิ์คันนี้ดำมืดไปหมด มันถูกปกคลุมด้วยไอหมอกสีดำ เหมือนว่าแสงสว่างใดๆ บนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่ไม่สามารถส่องเข้าไปได้ จึงไม่สามารถมองเห็นได้ว่าผู้ที่นั่งอยู่ภายในรถศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ใด

ทุกคนยังไม่ทันได้สติกลับมา รถศักดิ์สิทธิ์คันดังกล่าวได้แล่นหายเข้าไปภายในประตูมิติ ท่ามกลางเสียงดังตูมตามเสียแล้ว

ภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่วัน ผู้ดำรงอยู่ในฐานะดึกดำบรรพ์แต่ละคนของเก้าแดนทยอยกันปรากฎตัวออกมา พวกเขาก้าวข้ามช่องว่างมาถึงด้านหน้าของประตูมิติ แล้วทยอยเข้าไปด้านในประตูมิติ

ขณะที่ผู้ดำรงอยู่ในฐานะดึกดำบรรพ์แต่ละคนปรากฏตัวออกมานั้น ทำให้สะเทือนหวั่นไหวไปทั่วแดนมนุษย์กษัตรา ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือเช่นใด ระดับปราชญ์ก็ดี ระดับจักรพรรดิเทพก็ช่าง ขณะที่บรรดาผู้ดำรงอยู่ในฐานะดึกดำบรรพ์แต่ละคนมาถึงพวกเขาล้วนแล้วแต่บังเกิดความหวาดกลัวขึ้นภายในใจ บรรดาผู้ดำรงอยู่ในฐานะดึกดำบรรพ์แต่คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งเหลือเกิน อีกทั้งบรรดาผู้ดำรงอยู่ในฐานะดึกดำบรรพ์เหล่านี้ ผู้คนจำนวนมากต่างไม่รู้ถึงประวัติความเป็นมาของพวกเขา

ขณะที่ผู้ดำรงอยู่ในฐานะดึกดำบรรพ์แต่ละคนปรากฏตัวออกมานั้น ได้สร้างความตระหนกกับผู้ที่แก่จนสมควรจะตายของสายสำนักราชันเซียนบางส่วน เมื่อพวกเขามองเห็นบรรดาผู้ที่เคยหมางเมินต่อเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินเหล่านี้ ที่เวลานี้เหมือนกำลังมุ่งหน้าไปยังประตูมิติแล้ว ผู้ที่แก่จนสมควรจะตายได้แล้วที่สามารถจดจำบรรดาผู้ดำรงอยู่ในฐานะดึกดำบรรพ์ได้ต่างรู้สึกหวาดกลัว ถึงกับเกิดสั่นเทิ้มขึ้นภายในใจ

“นี่จะประกาศศึกยุทธการพิฆาตเซียนครั้งที่สองขึ้นอย่างนั้นรึ? บรรดาปรัชญาเมธีที่ไม่ปรากฎตัวทยอยกันปรากฎตัวออกมาแล้ว ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน กำลังเช่นนี้มีเพียงอเวจีในครั้งนั้นที่สามารถเป็นศัตรูกับพวกเขาได้” มีผู้ที่แก่จนสมควรจะตายได้แล้วถึงกับหนาวสะท้านขึ้น และพึมพำออกมาว่า “มีเพียงอีกาทมิฬที่ดำรงอยู่ในฐานะเป็นผู้บงการตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันจึงสามารถเชิญคนเหล่านี้มาได้ เป็นไปไม่ได้ที่คนอื่นจะสามารถเชิญพวกเขาออกมาได้ทั้งหมด”

บรรดาผู้ดำรงอยู่ในฐานะดึกดำบรรพ์แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ปลีกตัวออกจากสังคมไม่ปรากฎตัวอยู่แล้ว ในกลุ่มของพวกเขามีอยู่ไม่น้อยที่เป็นระดับต้านรับกับราชันเซียนได้ พวกเขาแต่ละคนล้วนแล้วแต่ถูกหลี่ชิเย่เชิญมา เป็นเพราะหลี่ชิเย่ต้องการพวกเขามาร่วมมือสร้างกฎเกณฑ์ที่ใช้กับโลกด้านหลังประตูมิติ พวกเขาจะร่วมกันสร้างโลกของประตูมิติแห่งนี้ให้เป็นโลกที่แข็งแกร่งจนไม่สามารถตีแตกได้

กล่าวสำหรับเก้าแดนแล้ว วิธีการเช่นนี้ไม่มีใครสามารถทำได้ ต่อให้เป็นราชันเซียนก็ยากที่จะทำได้ แต่กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้วเขากลับสามารถทำได้ เนื่องจากเขาได้ควบคุมกฎเกณฑ์ของประตูมิติเอาไว้ เขายังได้ครอบครองดวงตรามิติโบราณซึ่งเป็นพื้นฐานแก่นแท้ในการกำหนดโลกของประตูมิติ

ในขณะเดียวกัน หลี่ชิเย่ได้เชิญปรัชญาเมธีรุ่นดึกดำบรรพ์แต่ละคนมาด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ดำรงอยู่ในสถานะแข็งแกร่งที่สุดของเก้าแดน พวกเขาล้วนแล้วแต่ เป็นผู้ที่หลบออกจากโลกภายนอกไม่ปรากฏตัว ซึ่งคงมีเพียงหลี่ชิเย่เท่านั้นที่สามารถเชิญพวกเขาออกมาได้ โดยที่คนอื่นไม่สามารถเชิญได้เลย

ดังนั้น หลี่ชิเย่อาศัยดวงตรามิติโบราณ ทั้งยังเชิญบรรดาผู้ดำรงอยู่ในฐานะดึกดำบรรพ์แต่ละคนมาด้วย พวกเขาทั้งหมดได้ร่วมมือกันจัดตั้งกฎเกณฑ์ภายในต้นจักรวาล สามารถกำหนดเป็นกฎเกณฑ์ของโลกแห่งนี้ ในอนาคตไม่ว่าใครก็ตามเมื่อมาที่โลกแห่งประตูมิติแล้วก็ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เช่นนี้

การที่หลี่ชิเย่ได้ทำการกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับโลกของประตูมิติภายในต้นจักรวาล ไม่เพียงเป็นการป้องการผู้บำเพ็ญตนของหมื่นเผ่าพันธุ์ทำการพัฒนาทรัพยากรของโลกแห่งประตูมิติที่มากเกินไปแล้ว ยังเป็นการป้องกันผู้บำเพ็ญตนและยอดฝีมือหมื่นเผ่าพันธุ์ของเก้าแดนแย่งชิงทรัพยากรมากเกินไปแล้วเข่นฆ่ากันเอง

ขณะเดียวกัน หลี่ชิเย่ได้ทำการกำหนดกฎเกณฑ์ และสลักตราประทับเอาไว้ เพื่อต้องการหลีกเลี่ยงอเวจี จะไม่อนุญาตให้อเวจีได้เข้ามาอย่างเด็ดขาด เว้นเสียแต่มีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของโลกนี้ มิฉะนั้นล่ะก็ หากอเวจีปรากฏตัวจะต้องถูกกฎเกณฑ์ของโลกนี้สยบและขับไล่

เหมือนดั่งที่หลี่ชิเย่ได้พูดเอาไว้อย่างนั้น สิ่งนี้คือมรดกชิ้นสุดท้ายที่เขาเหลือไว้ให้กับเก้าแดน ถ้าหากวันหนึ่งอเวจีมาจริงๆ และหมื่นเผ่าพันธุ์ของเก้าแดนสู้อเวจีไม่ได้จริงๆล่ะก็ อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีโลกของประตูมิติแห่งนี้สามารถกลายเป็นพื้นที่บริสุทธิ์ผืนสุดท้ายของหมื่นเผ่าพันธุ์ในเก้าแดน

แน่นอนที่สุด หากอเวจีกลับมาจริงๆ ท้ายที่สุดแล้วหากต้องการต้านอเวจียังคงต้องอาศัยเก้าแดนเอง จะอาศัยแค่โลกแห่งประตูมิติโลกหนึ่ง หรืออาศัยเพียงกฎเกณฑ์ของโลกแห่งประตูมิติอย่างเดียวคงไม่เพียงพออยู่แล้ว

แต่ว่า สิ่งที่หลี่ชิเย่สามารถทำได้คงมีเพียงเท่านี้แล้ว สิ่งที่ควรทำก็ได้ทำแล้ว กระทั่งเรียกได้ว่าเรื่องของตัวเองแท้ๆ ยังไม่เคยอาศัยหน้าตัวเองเพื่อขอให้บรรดาผู้ดำรงอยู่ในฐานะดึกดำบรรพ์แต่ละคนมาช่วยเหลือตน แต่เพื่อเก้าแดนแล้วหลี่ชิเย่ถึงกับยอมบากหน้าขอให้บรรดาปรัชญาเมธีที่ปลีกตัวออกจากโลกภายนอกเพื่อมาร่วมมือกับตนเอง กำหนดกฎเกณฑ์สำหรับโลกของประตูมิติ

วันเวลาต่อจากนี้ หลี่ชิเย่ได้ร่วมมือกับผู้คนเหล่านั้น อาศัยดวงตรามิติโบราณกุญแจดอกนี้ทำการควบคุมพลังของประตูมิติ ในที่สุดได้กำหนดกฎเกณฑ์สำหรับโลกแห่งประตูมิติขึ้นมา

หลังจากที่โลกแห่งประตูมิติได้มีการกำหนดกฎเกณฑ์เสร็จสิ้นแล้ว หลี่ชิเย่ได้ประกาศเปิดโลกแห่งประตูมิติ ภายในระยะเวลาอันสั้น สายสำนักราชันเซียนจำนวนไม่น้อยในเก้าแดนและตระกูลขุนนางที่ดึกดำบรรพ์มากต่างทยอยกันประกาศเข้าร่วมโลกแห่งประตูมิติ ในขณะเดียวกัน บรรดาสายสำนักราชันเซียนและตระกูลขุนนางที่ดึกดำบรรพ์มากล้วนแล้วแต่ลงนามในข้อตกลง จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของประตูมิติ อีกทั้งบรรดาสายสำนักราชันเซียนและตระกูลขุนนางที่ดึกดำบรรพ์มากต่างลงสัตยาบันเลือดต่อกฎเกณฑ์ของประตูมิติ

มีสายสำนักราชันเซียนที่เข้าร่วมประตูมิติจำนวนไม่น้อย สายสำนักราชันเซียนชุดแรกที่ประกาศเข้าร่วมและลงสัตยาบันเลือดประกอบด้วย เขาไผ่ประหลาด พรรคปกฟ้า สำนักโบราณสี่เหยียน แคว้นโอสถ ตระกูลเจี่ยนหลง หมื่นอัฐิอาสนกษัตรา พันคราฟคงคา แคว้นเซียนโบราณเขาโง่เขลา พิสุทธิ์นิรันดร์สี่สาย…ต่างๆ เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งเคยเป็นสายสำนักราชันเซียนที่ปราศจากผู้ต่อกรมาก่อน

สำนักที่ดึกดำบรรพ์ประกอบด้วยหอวิถีฟ้า วิหารเทพสงคราม ตระกูลขุนนางโบราณปู้จ้าน ตระกูลกู่…เป็นต้น ตระกูลขุนนางโบราณที่มีความดึกดำบรรพ์ยิ่งบางแห่งกระทั่งผู้คนจำนวนมากไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่ว่า บรรดาตระกูลขุนนางโบราณเหล่านี้มีกำลังที่กล้าแข็งมาก

บรรดาสายสำนักราชันเซียน ตระกูลขุนนางโบราณที่เข้าร่วมในโลกของประตูมิติต่างทยอยกันลงสัตยาบันเลือดภายใต้กฎเกณฑ์ของโลกแห่งประตูมิติ เพื่อรับรองว่าจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของประตูมิติ

อย่างไรก็ตาม บรรดาสายสำนักราชันเซียน และตระกูลขุนนางโบราณที่ประกาศเข้าร่วมในโลกแห่งประตูมิติแล้วนั้น สายสำนักราชันเซียน และตระกูลขุนนางโบราณบางแห่งได้ทำการตั้งสำนักสาขาขนาดใหญ่ขึ้นในโลกแห่งประตูมิติ แต่ก็มีสายสำนักราชันเซียน และตระกูลขุนนางโบราณที่บรรพบุรุษของพวกเขาอาศัยอภินิหารจัดการย้ายพื้นที่บรรพชนของพวกเขามาตั้งที่โลกแห่งประตูมิติโดยตรง เริ่มลงหลักปักฐานที่โลกแห่งประตูมิติในทันที

หลังจากที่สายสำนักราชันเซียนชุดแรกทยอยกันเข้าไปตั้งสำนักในโลกแห่งประตูมิติแล้ว จึงได้มีการเปิดให้เข้ามายังโลกแห่งประตูมิติอย่างเป็นทางการ โดยอนุญาตให้ผู้บำเพ็ญตนใดๆ ของเก้าแดน และสำนักใดๆ เข้าไปในโลกแห่งประตูมิติ โดยต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ประตูมิติที่ได้บัญญัติเอาไว้ อนุญาตให้ทุกๆ สำนักสามารถตั้งรกรากที่โลกแห่งประตูมิติได้ตามความปรารถนา

“นี่คือดินแดนเซียนรึ?” เมื่อผู้บำเพ็ญตน และยอดฝีมือจำนวนมากกรูกันเข้ามายังโลกนี้ พลันต้องตะลึงกับโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลตรงหน้า

“หินวิเศษเหมืองแร่เซียนนะเนี่ย…” หลังจากที่ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากได้สติกลับมาถึงกับตื่นเต้นดีใจ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดต่างวิ่งกรูกันเข้าไปยังโลกแห่งนี้ พวกเขาแทบอยากจะขุดลึกลงใต้พื้นดินจนทั่วให้รู้แล้วรู้รอดไป

“นี่คือสายแร่วิเศษหวินจื่อ พวกเราร่วมมือกันยกเอาเส้นชีพจรเหมืองแร่ทั้งสายกลับไป!” สำนักเจ้าลัทธิแห่งหนึ่งพบเหมืองแร่วิเศษแห่งหนึ่งเข้า ระดับบรรพบุรุษของสำนักเจ้าลัทธิดังกล่าวมีความทะเยอทะยานสูงมาก ได้ร่วมมือกับระดับจักรพรรดิเทพหลายคน หวังยกเอาเส้นชีพจรสายแร่ทั้งสายกลับไปไว้ยังสำนักของตน

“กฎเกณฑ์ของโลกใบนี้มีกฎข้อห้ามไม่ให้ขุดแร่ หรือสมุนไพรเซียนเกินกว่าที่กำหนดนะ” ผู้เยาว์ถึงกับกล่าวเตือนผู้อาวุโสของสำนักตน

“กฎเกณฑ์อะไร พวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ไม่มีเจ้าของ ถ้าหากพลาดไปก็จะไม่มีโอกาสอีก ต้องถูกคนอื่นๆ ขุดเอาไปแน่ พวกเราไม่ควรพลาดโอกาสดีๆ นี้ไป ลงมือ” ระดับบรรพบุรุษผู้นี้ไม่ยอมฟังคำเตือน ได้ร่วมมือกับระดับจักรพรรดิเทพหลายคน จะลงมือขุดเอาเส้นชีพจรสายแร่นี้ไป

“ตูม…” ในขณะที่สำนักเจ้าลัทธิแห่งนี้ลงมือ บนท้องฟ้าของโลกแห่งประตูมิติปรากฏฟ้าแลบฟ้าผ่าได้มารวมตัวกัน ทันใดนั้นได้ส่งพลังลงทัณฑ์ลงมา สายฟ้าที่น่ากลัวยิ่งพลันผ่าลงมา

“อ๊ากก…” เสียงร้องที่น่าเวทนาดังขึ้นไม่ขาดสาย ภายในระยะเวลาอันสั้น ศิษย์ทั้งหมดของสำนักเจ้าลัทธิแห่งนี้ถูกฟ้าผ่าจนเสียชีวิต แม้แต่ระดับจักรพรรดิเทพหลายคนที่มีความแข็งแกร่งยิ่งก็ไม่อาจต้านกับสายฟ้าที่ผ่าลงมาจากการรวมตัวกันของพลังจากโลกแห่งนี้ ภายใต้สายฟ้าที่ผ่าลงมาระดับจักรพรรดิเทพก็ต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไป

หลังจากที่โลกนี้ได้เกิดวิบากกรรมฟ้าผ่าขึ้น จัดการกับสำนักเจ้าลัทธิที่ฝ่าฝืนกฎจนกลายเป็นเถ้าธุลีในทันที ได้สร้างความตระหนกตกใจกับบรรดายอดฝีมือและผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่กรูกันเข้ามายังโลกแห่งประตูมิติ ภายหลังระดับจักรพรรดิเทพของสำนักเจ้าลัทธิแห่งนี้ได้กลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว

แรกที่เดียว ภายในใจของผู้บำเพ็ญตน และยอดฝีมือจำนวนมากต่างไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่เรียกว่าเป็นกฎเกณฑ์ของหลี่ชิเย่มากนัก พวกเขาเข้าใจว่าสิ่งนี้เป็นเพียงหลี่ชิเย่อาศัยอำนาจส่วนตัวมาสยบทุกคนเท่านั้น

แต่ว่าในเวลานี้ พวกเขาจึงได้ตระหนักว่านี่ไม่ใช่เป็นเพียงการสยบด้วยกระดาษเท่านั้น แต่เป็นการลงทัณฑ์ที่จริงแท้แน่นอน เมื่อไรที่ฝ่าฝืนกฎของโลกนี้แล้ว จะต้องถูกพลังของโลกนี้ลงโทษแน่นอน

จากนั้นหลายวันต่อมา ยังคงมีผู้ที่ยึดถือแนวความคิดว่าเผื่อฟลุ๊ค แอบทำในสิ่งที่ฝ่าฝืนกฎอย่างลับๆ แต่ว่า พวกเขานึกไม่ถึงว่าหลี่ชิเย่ได้สร้างกฎเกณฑ์ขึ้นที่ต้นกำเนิดของโลกนี้ การฝ่าฝืนกฎใดๆ ไม่ว่าจะแอบ หรือซ่อนเร้นอย่างไรก็ตาม ล้วนแล้วแต่ไม่พ้นถูกพลังของโลกนี้ลงโทษ ดังนั้น เมื่อวิบากกรรมไฟฟ้าก่อตัวขึ้น บรรดาผู้บำเพ็ญตนและยอดฝีมือผู้แหกกฎทั้งหลายล้วนแล้วแต่ถูกลงโทษทุกราย

ความจริงที่แข็งกร้าวนี้ได้กล่าวเตือนบรรดาผู้บำเพ็ญตน และยอดฝีมือทั้งหมดที่กรูกันเข้ามาในโลกนี้ว่า หากคิดจะพักอาศัยอยู่ในโลกแห่งนี้ หรือต้องการให้ได้มาซึ่งแร่วิเศษและสมุนไพรเซียนล่ะก็ จะต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของโลกแห่งนี้ มิฉะนั้นจะต้องถูกลงโทษจากพลังของโลกแห่งนี้ ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะมีความแข็งแกร่งปานใดก็ตาม ก็ยากที่จะต่อต้านกับพลังของโลกแห่งนี้

พลังการลงโทษนี้มาจากตัวประตูมิติเอง ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสมบัติสวรรค์นพเก้า พลังของมันยากที่จะต่อต้านได้ ต่อให้ระดับจักรพรรดิเทพที่แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมก็เช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล