ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1716

ตอนที่ 1716 ถ้อยวาจาก่อนจาก
หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้กำหนดกฎเกณฑ์ให้กับโลกแห่งประตูมิติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ช่วยให้เทพแห่งอาณาจักรได้ย้ายมาปลูกอยู่ตรงหน้าต้นจักรวาล แม้ว่าขั้นตอนนี้ไม่ง่ายนัก แต่ว่า กล่าวสำหรับเทพแห่งอาณาจักรแล้วทุกสิ่งที่ทุ่มเทไปล้วนแล้วแต่คุ้มค่า สิ่งนี้กล่าวสำหรับเขาแล้วคือการได้กลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนอีกครั้งในยามชราภาพแล้ว แม้ว่าอีกไม่กี่ปีเขาก็จะต้องเหี่ยวแห้งตายไปก็ตามที

สิ่งนี้กล่าวสำหรับเทพแห่งอาณาจักรนับว่าไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกแล้ว ในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของหอวิถีฟ้า สิ่งที่ควรประสบก็ได้ประสบพบพานมาแล้ว วันเวลาในอนาคตถือเป็นของเขาเอง เขาไม่จำเป็นต้องไปเฝ้าปกป้องคุ้มครองหอวิถีฟ้าอีกต่อไปแล้ว

หลังจากเตรียมการทุกอย่างเสร็จสรรพ ก็ได้เวลาที่หลี่ชิเย่ต้องไปจากเก้าแดนแล้ว แต่ว่า ก่อนจากหลี่ชิเย่ยังได้เรียกพบหนิวเฟิ่นเป็นกรณีพิเศษ

หลายปีที่ผ่านไปอาจกล่าวได้ว่า หนิวเฟิ่นดูจะอ่อนเยาว์มากขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าเขายังคงความเป็นตาเฒ่าที่แห้งเหี่ยวเช่นเดิม แต่ว่า ท่าทีในขณะนี้กับในอดีตให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ท่าทีของหนิวเฟิ่นในเวลานี้ดูกล้าหาญเด็ดเดี่ยว โดยเฉพาะเปลือกที่อยู่บนหลังของเขานั้น ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นป้อมปราการเคลื่อนที่ ประดุจหากหลบซ่อนตัวเข้าไปภายในเปลือกหอยนี้แล้วก็จะมีความมั่นคงแข็งแรงยิ่งนัก ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สามารถตีเปลือกหอยนี้ให้แตกได้

แม้ว่ารูปร่างของหนิวเฟิ่นจะไม่ได้สูงใหญ่ แต่ เวลานี้เขากลับให้ความรู้สึกถึงความเป็นผู้ทรงพลังอย่างนั้น ไม่ว่าเขาจะปรากฏตัวขึ้นที่ใดก็ตาม ก็จะให้ความรู้สึกที่สามารถสั่นคลอนฟ้าดิน ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาเขาก็สามารถแบกรับเอาไว้ได้อย่างนั้น

หนิวเฟิ่นในขณะนี้มีความแข็งแกร่งยิ่งนัก โดยเฉพาะเขาได้ฝีกวิชา “กาสรฟ้าสิบแปดสลาย”ฉบับสมบูรณ์แล้ว ท่าทีเหมือนมีแนวโน้มจะหวนกลับคืนสู่บรรพบุรุษได้อย่างนั้น ในฐานะที่เป็นกาสรฟ้าเขามีสายเลือดที่เทียบเคียงกับเทพแท้จริงได้ ซึ่งถ้าหากเขาสามารถฝึก “กาสรฟ้าสิบแปดสลาย” กระทั่งถึงขีดสูงสุด เขาจะมีโอกาสไล่ทันเทพกาสรฟ้า ปฐมบรรพบุรุษของเผ่ากาสรฟ้าได้ หรือก็คือผู้ที่เคยเป็นเทพผู้พิทักษ์ของสำนักโบราณสี่เหยียนนั่นเอง

“ข้ารู้สึกดีใจแทนเจ้า ที่สามารถประสบผลสำเร็จเช่นวันนี้” หลี่ชิเย่พูดขึ้นช้าๆ หลังจากได้เห็นหนิวเฟิ่นแล้ว

เมื่อหนิวเฟิ่นได้เห็นหลี่ชิเย่จึงรีบก้มกราบกับพื้น กล่าวว่า “ที่ข้าน้อยมีวันนี้ได้ ล้วนแล้วแต่คุณชายประทานให้ บุญคุณยิ่งใหญ่ของคุณชายข้าน้อยจะไม่มีวันลืมเลือนเลย”

“มันเป็นสิ่งที่เจ้าสมควรจะได้รับอยู่แล้ว” หลี่ชิเย่มองดูหนิวเฟิน และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้าไม่นับว่าติดค้างอะไรข้า เพียงแต่ ข้ายังมีเรื่องบางเรื่องในโลกนี้ที่ข้ายังวางไม่ลงเท่านั้นเอง”

เมื่อหนิวเฟิ่นได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แล้วถึงกับสั่นไหวในใจ เรื่องหลี่ชิเย่จะจากไปเขาก็ได้ยินมาบ้างเป็นเวลานานแล้ว พวกหนานหวายเหรินก็รู้ กล่าวสำหรับศิษย์ของสำนักโบราณสี่เหยียนแล้ว ภายในใจของพวกเขาช่างกระหายอยากจะให้ศิษย์พี่ใหญ่สามารถรั้งอยู่ต่อไป

แน่นอน พวกของหนานหวายเหรินก็รู้ดีว่า ศิษย์พี่ใหญ่นั้นคือมังกรที่อยู่บนฟ้า เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรั้งอยู่ในสำนักโบราณสี่เหยียนได้ตลอดไป พื้นที่ของเก้าแดนเล็กเกินไป ไม่สามารถรองรับผู้ยิ่งใหญ่เช่นศิษย์พี่ใหญ่ได้ พวกเขาต่างเข้าใจดีว่าสักวันหนึ่งศิษย์พี่ใหญ่ก็ต้องเหินฟ้าไปอยู่เหนือเก้าแดนอยู่แล้ว

หนิวเฟิ่นเองก็รู้ดี ดังนั้น ยามที่ต้องเผชิญกันมันจริงๆ เขาอดที่จะสั่นไหวภายในใจไม่ได้ จึงเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “คุณชายคิดจะไปจากแล้วรึ? ”

หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องปิดบังอยู่แล้ว “ถูกต้อง ถึงเวลาที่ข้าต้องจากไปแล้ว ดังนั้น ก่อนที่จะจากไปจึงอยากจะฝากเรื่องไว้นิดหนึ่ง”

“ขอเพียงคุณชายสั่งการมา ข้าน้อยจะบุกน้ำลุยไฟไม่เกี่ยงเลย” หนิวเฟิ่นรีบเร่งกล่าวตอบ

หลี่ชิเย่ยิ้มและส่ายหน้าเบาๆ กล่าวว่า “ไม่รุนแรงขนาดนั้นหรอกนะ เพียงแต่สำนักโบราณสี่เหยียนยังเยาว์นัก ธาตุแท้ภายในยังไม่แน่นพอ ดังนั้น ข้าจึงหวังว่าเจ้าจะรั้งอยู่ที่นี่ เจ้าสามารถร่วมกับถูปู้อวี่ดูแลสำนักโบราณสี่เหยียนให้ดี หวังว่าสำนักโบราณสี่เหยียนจะมีวันได้ผงาดขึ้นมา ดังนั้น พวกเขาจำเป็นต้องอาศัยผู้อาวุโสเช่นพวกเจ้ามาปกป้อง ต้องอาศัยพวกเจ้ามาชี้แนะ

เรื่องของเก้าแดนจบสิ้นแล้ว สิ่งที่หลี่ชิเย่สมควรทำให้กับเก้าแดนก็ทำไปจนหมดสิ้นแล้ว ดังนั้น เขาก็ได้ทิ้งบางอย่างเอาไว้ให้กับสำนักโบราณสี่เหยียน ซึ่งความจริงแล้วสำนักโบราณสี่เหยียนในเวลานี้ไม่ได้ขาดแคลนทรัพยากรแต่อย่างใด โดยเฉพาะภายหลังสำนักโบราณสี่เหยียนได้ย้ายสำนักเข้าไปอยู่ในโลกของประตูมิติแล้ว สำนักโบราณสี่เหยียนยิ่งไม่ขาดแคลนทรัพยากรใดๆ อีกเลย

เวลานี้ สิ่งที่สำนักโบราณสี่เหยียนขาดคือผู้นำรุ่นอาวุโส แม้ว่าพวกของหนานหวายเหรินจะทำได้ไม่เลวนัก และกลุ่มคนรุ่นใหม่ของสำนักโบราณสี่เหยียนก็มีพลังแฝงอยู่มากทีเดียว แต่ว่าพวกของหนานหวายเหรินยังอ่อนวัย จำเป็นต้องอาศัยพวกของหนิวเฟิ่น ถูปู้อวี่มาคอยประคับประคอง พวกเขามีประสบการณ์มากกว่า มีความหนักแน่นและวิธีการในการจัดการเรื่องราวได้ดีกว่า

สิ่งนี้ก็คือเหตุผลที่หลี่ชิเย่ต้องการให้หนิวเฟิ่นรั้งอยู่ หนิวเฟิ่นคือกาสรฟ้า ได้ฝึกวิชา “กาสรฟ้าสิบแปดสลาย” มีอนาคตไกลไร้ขอบเขต มีพลังแฝงที่ไม่จำกัด ในอนาคตสามารถกลายเป็นเทพกาสรฟ้าคนที่สองได้ และมีโอกาสเป็นเทพผู้พิทักษ์คนที่สองของสำนักโบราณสี่เหยียนได้

แม้ว่าสำนักโบราณสี่เหยียนยังคงมีพวกกู่เถี่ยโส่ว ซันกุ่ยเหยียพวกเขาอยู่ แต่ว่า จะอย่างไรเสียพวกเขาก็แก่แล้ว ขณะที่ในอนาคตหนิวเฟิ่นและถูปู้อวี่จะต้องมีชีวิตยืนยาวกว่าพวกของกู่เถี่ยโส่ว

“คุณชายต้องการให้ข้ารั้งอยู่ ข้าก็จะอยู่ที่สำนักโบราณสี่เหยียนตลอดชีวิต นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้ามีชีวิตเป็นคนของสำนักโบราณสี่เหยียน ตายก็ขอเป็นผีของสำนักโบราณสี่เหยียน” หนิวเฟิ่นก้มกราบกับพื้นและให้คำสาบานอย่างหนักแน่นจริงจัง

แม้ว่าหนิวเฟิ่นในเวลานี้จะอยู่ที่สำนักโบราณสี่เหยียน และมีฐานะที่ไม่ธรรมดาในสำนักโบราณสี่เหยียน แต่จะว่าไปแล้วเขายังคงไม่ใช่คนของสำนักโบราณสี่เหยียน ที่เข้ารั้งอยู่ในสำนักโบราณสี่เหยียนเป็นเพราะหลี่ชิเย่ แต่เวลานี้หลังจากที่หนิวเฟิ่นให้คำสาบานเช่นนี้แล้ว นับแต่นาทีนี้เป็นต้นไปเขาคือคนของสำนักโบราณสี่เหยียนอย่างแท้จริงแล้ว

“ดี” หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “เจ้าเสียสละให้กับสำนักโบราณสี่เหยียนชั่วชีวิต ข้าก็ไม่ทำให้เจ้าต้องเสียเปรียบ อนุญาตให้เจ้าถ่ายทอด “การสรฟ้าสิบแปดสลาย” ให้กับคนในเผ่าของตนได้ และสิ่งนี้คือสิ่งที่เจ้าสมควรจะได้”

“ขอบคุณคุณชาย ความกรุณาของคุณชายเผ่ากาสรฟ้าจะไม่ลืมเลือนตลอดไป จะจัดตั้งป้ายบูชาให้กับคุณชาย” เมื่อหนิวเฟิ่นได้ยินคำพูดเช่นนี้รู้สึกดีใจอย่างยิ่ง ก้มกราบลงกับพื้น

เรื่องนี้กล่าวสำหรับหนิวเฟิ่นแล้วช่างตื้นตันดีใจเหลือเกิน ถ้าหากนำเอา “กาสรฟ้าสิบแปดสลาย” ถ่ายทอดกลับไปยังเผ่าพันธุ์ของพวกเขาอีกครั้ง นับว่ามีผลอย่างยิ่งใหญ่ต่อเผ่าพันธุ์ของพวกเขา แม้ว่าเผ่าพันธุ์ของพวกเขาจะคงเหลืออยู่ไม่กี่คนแล้วก็ตาม แต่หากว่ากาสรฟ้าของพวกเขามี “กาสรฟ้าสิบแปดสลาย” ในครอบครองล่ะก็ ย่อมมีความหมายที่ไม่ธรรมดาแล้ว

หลี่ชิเย่นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาได้หยิบเอาเปลือกหอยของเทพกาสรฟ้ายื่นให้กับหนิวเฟิ่น และกล่าวว่า “นี่คือเปลือกที่เทพกาสรฟ้าทิ้งเอาไว้ เวลานี้ข้าขอมอบให้กับเจ้า เขาคือความภูมิใจของสำนักโบราณสี่เหยียน และเป็นความภาคภูมิใจของกาสรฟ้าพวกเจ้า เปลือกของเขามีค่าคู่ควรให้ชนรุ่นหลังได้ระลึกถึง”

มือทั้งสองของหนิวเฟิ่นสั่นระริกรับเอาเปลือกหอยมาด้วยความเคารพ เขารู้ว่าเปลือกหอยนี้บ่งบอกถึงสิ่งใด เขายกทูนขึ้นและแสดงคารวะด้วยความเคารพยิ่ง เหมือนดั่งที่หลี่ชิเย่ได้พูดเอาไว้ว่า เทพกาสรฟ้าคือความภาคภูมิใจของกาสรฟ้าพวกเขา

“ไปเถอะ อนาคตของสำนักโบราณสี่เหยียนอาศัยพวกเจ้าแล้วหละ” สุดท้าย หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ และกล่าวขึ้นช้าๆ

หนิวเฟิ่นอดที่จะจ้องมองดูหลี่ชิเย่ หลังจากผ่านไปชั่วครู่เขาจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “ไม่ทราบว่าอนาคตยังคงสามารถได้พบเห็นคุณชายอีกหรือไม่?”

แม้ว่าดูจากภายนอกแล้ว หนิวเฟิ่นดูจะแก่กว่าหลี่ชิเย่ และมีอายุที่มากกว่า แต่ในระหว่างที่หลี่ชิเย่ถ่ายทอดวิชาและไขข้อสงสัยสำหรับหนิวเฟิ่นแล้ว หลี่ชิเย่เสมือนเป็นอาจารย์ เป็นผู้อาวุโสของเขา ซึ่งในใจของเขาให้ความเครพนับถือยิ่งนัก

หลี่ชิเย่ถึงกับนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่งสำหรับคำพูดเช่นนี้ สุดท้ายเขาได้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เรื่องราวในอนาคตไม่มีใครสามารถระบุได้ ให้ถือเสียว่าเป็นการจากลาชั่วนิรันดร์ก็แล้วกัน”

เมื่อหนิวเฟิ่นได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วถึงกับสั่นไหวในใจนิดหนึ่ง เขาก้มกราบกับพื้นและโขกศีรษะให้หลี่ชิเย่สามครั้งด้วยความเคารพ และกล่าวว่า “ข้าน้อยขอให้คุณชายได้รับชัยชนะ ปราบศัตรูจนราบคาบ ไม่ว่าคุณชายจะอยู่แห่งหนตำบลใดก็ปราศจากผู้ต่อกร และดำรงคงอยู่ชั่วนิรันดร์”

หลี่ชิเย่พยักหน้าช้าๆ รับการคารวะเต็มรูปแบบจากหนิวเฟิ่น ท้ายสุด หนิวเฟิ่นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่งกัดฟันหันหลังเดินจากไป

หลังจากที่หนิวเฟิ่นจากไปแล้ว หลี่ชิเย่ได้เรียกหาไส้เดือนข้ามมิติ หรือก็คือเจ้าหนีชิวน้อยนั่นเอง เจ้าหนีชิวน้อยในเวลานี้เรียกได้ว่าเปลี่ยนแปลงไปมากทีเดียวเมื่อเทียบกับก่อนหน้า ร่างทั้งร่างของเขาในเวลานี้เป็นสีทองวาววับ มีกลิ่นอายมังกรที่แวบวับ เหมือนต้องการกลายเป็นมังกรแท้จริงอย่างนั้น

“คุณชายกำลังจากไปจากแล้ว” พลันที่หนีชิวน้อยก้าวเดินเข้ามาแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเรื่องอะไร จะอย่างไรเสียเขาคือผู้ที่เคยติดตามหลี่ชิเย่มาก่อน

หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ถูกต้อง ถึงเวลาที่ต้องไปแล้ว ข้าเคยรับปากเจ้าว่าจะพาเจ้าขึ้นไปยังเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ดังนั้น ก่อนจากไปจึงถามความเห็นของเจ้า เจ้ายังคงยึดถือความคิดในอดีต หรือจะมีแนวความคิดอื่นใด”

คำพูดของหลี่ชิเย่ทำเอาเจ้าหนีชิวน้อยถึงกับนิ่งเงียบ กล่าวสำหรับเจ้าหนีชิวน้อยเองนั้น เขามีชาติกำเนิดที่แปลกประหลาด มีความเป็นมาที่แตกต่างกับผู้อื่น อีกทั้งเขารู้เรื่องราวที่คนอื่นไม่รู้มากมาย

ในอดีตเขาเคยคิดติดตามหลี่ชิเย่ขึ้นไปยังแดนที่สิบด้วยกัน และหลี่ชิเย่เองก็รับปากจะพาเขาขึ้นไป ที่ตรงนั้นมีท้องฟ้าที่กว้างไกลยิ่งกว่า มีโลกที่กว้างใหญ่มากกว่า และที่ตรงนั้นมีความท้าทายมากยิ่งกว่า

แต่ว่า เมื่อหลี่ชิเย่กำลังจะออกเดินทางและถามเรื่องนี้กับเขาอีกครั้ง ตัวหนีชิวน้อยเองกับนิ่งเงียบและบังเกิดความลังเลขึ้นมา

“เจ้าไม่อาจตัดสินใจได้” หลี่ชิเย่ที่มองดูท่าทีของหนีชิวน้อยแล้วจึงเข้าใจ และกล่าวขึ้นช้าๆ

เจ้าหนีชิวน้อยก็นั่งลงตามอย่างหลี่ชิเย่ มีท่าทีที่ซุกซนอยู่บ้าง กล่าวว่า “เก้าแดนก็กว้างไกล และโลกนี้ก็งดงามอะไรอย่างนั้น บางทีแดนที่สิบกว้างไกลยิ่งกว่า และบางทีแดนที่สิบงดงามยิ่งกว่า แต่ว่า ที่ตรงนั้นอาจไม่มีในสิ่งที่เก้าแดนมีก็ได้”

“ถูกต้อง นี่เป็นโลกที่ทำให้ต้องระลึกถึง และเป็นโลกที่ทำให้ไม่อยากจากไป โลกที่กว้างใหญ่ไพศาลเช่นนี้ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เพียงพอ และก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่น่ารังเกียจ แต่ที่นี่ยังคงเป็นโลกที่ให้กำเนิดและเติบโตมา ย่อมต้องมีสิ่งที่สะกิดใจเจ้า ย่อมต้องมีสิ่งที่ทำให้เจ้าต้องอาลัยอาวรณ์อยู่” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ คำพูดนี้ทั้งพูดกับเจ้าหนีชิวน้อย แต่ก็เหมือนพูดให้ตัวเอง

เจ้าหนีชิวน้อยทำท่าเหมือนดิ้นรน สุดท้ายกัดฟันพูดออกไปว่า “คุณชาย ข้ายังคงอยู่ที่นี่ต่อไปดีกว่า นายผู้เฒ่ารั้งอยู่ที่นี่คนเดียวก็คงเหงา เจ้าหนูกลุ่มนั้นของสำนักโบราณสี่เหยียนข้ายังอัดพวกมันไม่หนำใจ หากไม่อัดพวกเขาต่ออีกสักหนึ่งหรือสองยุคคงไม่หายอยาก ข้าขอรั้งอยู่ที่เก้าแดน ช่วงเวลาปรกติก็จะอยู่เป็นเพื่อนให้กับนายผู้เฒ่า ว่างๆ ก็จะอัดพวกเด็กๆ ที่ดื้อด้านกลุ่มนี้ นับว่ายุ่งวุ่นวายอยู่”

นายผู้เฒ่าที่เจ้าหนีชิวน้อยพูดถึงก็คือเทพแท้จริงหมื่นลักษณ์ที่เสียชีวิตไปแล้ว ขณะที่บรรดาเด็กๆ ที่เขาพูดถึงย่อมหมายถึงพวกหนานหวายเหรินที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่พวกนั้น

ความจริงแล้ว พวกของหนานหวายเหรินในวันนี้นับว่าสามารถรับผิดชอบด้านใดด้านหนึ่งเพียงลำพังแล้ว แต่จากปากของเจ้าหนีชิวน้อยยังคงเป็นเด็กๆ กลุ่มหนึ่งเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล