ระหว่างเดินเรื่อยเปื่อยในเก้าแดน หลี่ชิเย่เคยเข้าไปยังดินแดนอันตราย เพียงเพื่อต้องการดูแสงอรุโณทัย และยามอาทิตย์อัสดง ระหว่างเดินเรื่อยเปื่อยในเก้าแดน หลี่ชิเย่เคยเข้าไปยังสุสาน เพียงเพื่อต้องการเห็นดอกไม้ที่เบ่งบานและร่วงโรยรา ระหว่างเดินเรื่อยเปื่อยในเก้าแดน หลี่ชิเย่เคยเข้าไปยังความมืดมิด เพียงเพื่อต้องการเห็นใบไม้ที่ปลิดปลิว…
หลี่ชิเย่ก้าวเดินไปทีละก้าวๆ ท่องไปยังสถานที่หลายแห่ง ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่เขาเคยมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องมาแล้วทั้งสิ้น ที่ตรงนี้เขาเคยร่วมฝ่าความทุกข์ยากกับสหาย ที่ตรงนี้เขาเคยร่วมเป็นร่วมตายกับผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ตรงนี้เขาเคยร่วมร้อยบทกวีและเทศนาธรรม…
ท่ามกลางเก้าแดน หลี่ชิเย่เดินเรื่อยเปื่อยที่ทะเลทรายอันกว้างใหญ่ เพียงเพื่อต้องช้อนเอาน้ำที่ใสสะอาดในแอ่งน้ำที่อุดมด้วยหญ้าเขียวขจีท่ามกลางทะเลทรายขึ้นมา หลังจากดื่มกินแล้ว มองดูคลื่นน้ำที่กระเพื่อมแผ่เป็นวงกว้างออกไป คืนนั้นเหมือนว่ากองไฟนั้นยังคงลุกโชน คืนนั้นหญิงสาวที่ปิดบังใบหน้ายังคงร่ายรำอยู่ตรงนั้น ท่วงท่าลีลาของนางช่างอ่อนช้อยงดงาม…
ท่ามกลางเก้าแดน หลี่ชิเย่เดินเรื่อยเปื่อยอยู่บนทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล นอนอยู่บนเนินเขา หนุนอยู่กับต้นหญ้าเขียวขจีที่อ่อนนุ่ม ทอดสายตามองไปยังเมฆแต่ละก้อนที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าที่อยู่ห่างไกลออกไป เหมือนหนึ่งเป็นอาชาพันธุ์ดีแต่ละตัวที่กำลังวิ่งห้อ บนหลังม้านั้นอิสตรีที่ไม่ด้อยไปกว่าบุรุษกำลังหัวเราะร่าอย่างมีความสุข เสียงหัวเราะของนางเสมือนดั่งเสียงกระพรวนสีเงินที่ลอยล่องไปทั่วทุ่งหญ้า…
ท่ามกลางเก้าแดน หลี่ชิเย่เดินเรื่อยเปื่อยอยู่กลางสายฝนท่ามกลางความมืด ปล่อยให้เสื้อผ้าเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน ที่ตรงนี้เป็นพื้นที่อันตรายแห่งหนึ่ง ได้ยินเสียงของโครงกระดูกดังจี๊ดจี๊ดขึ้นมา มีปีศาจราตรีที่กำลังคืบคลานและแอบซุ่มอยู่ ท่ามกลางคืนฝนตกนี้ ราวกับว่าหลี่ชิเย่ได้เห็นเด็กผู้หญิงตัวน้อยกำลังก้าวไปข้างหน้าช้าๆ ไร้จุดหมาย นางช่างดื้อรั้นอะไรอย่างนั้น นางช่างไม่มีความหวาดกลัว แม้ว่าหางตายังปรากฎร่องรอยของน้ำตาอยู่ นางยังคงยืนหยัดก้าวไปข้างหน้า บนท้องฟ้าท่ามกลางคืนที่ฝนตก เสมือนหนึ่งมีอีกาตัวหนึ่งบินวนอยู่บนก้อนเมฆสีดำ มองดูเด็กผู้หญิงที่ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไรจุดหมายจากมุมสูงในระยะห่างไกล…
ก้าวเดินไปข้างหน้าผ่านสถานที่แห่งแล้วแห่งเล่า สถานที่แต่ละแห่งช่างคุ้นเคยเสียเหลือเกิน ขณะเดียวกันก็ช่างแปลกตา หลายๆ ที่แม้ว่าทิวทัศน์ยังคงเดิม แต่ ทั้งคนและสิ่งของล้วนแปรเปลี่ยนไป ยิ่งสถานที่บางแห่งด้วยแล้วดูจะวิบัติกลับตาลปัตรไปหมด ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ สูญสลายไปท่ามกลางกาลเวลา…
สถานที่ลักษณะเช่นนี้แห่งแล้วแห่งเล่า มีอีกาเพียงตัวเดียวนั่นแหละที่เคยมา เคยมีเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข เคยมีความทุกข์ยากลำบาก เคยมีคนแต่ละคนที่ยากจะลืมเลือนไปได้…
หลี่ชิเย่เข้าไปยังแดนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ยืนอยู่บนยอดเขา มองไปยังเมืองที่โดดเดี่ยวจากระยะห่างไกล มองดูภูเขาลูกใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน เขาตกอยู่ท่ามกลางความนิ่งเงียบเป็นเวลานานมาก ขณะมองดูทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า
“ลาก่อน” สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้พึมพำออกมาเบาๆ และเสียงนี้มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่ได้ยิน หลังจบคำ หลี่ชิเย่หันหลังจากไปทันที
นาทีนี้ ภายในเมืองที่โดดเดี่ยวมีคนผู้หนึ่งพลันลืมตาขึ้นในทันที นางมองดูเงาหลังของหลี่ชิเย่ที่ห่างไกลออกไป ถึงกับสั่นไหวภายในใจทีหนึ่ง ถึงกับกุมมือสองข้างเอาไว้
กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว พบกันมิสู้ไม่พบ เมื่อพบกันแล้วพันคำหมื่นวจีไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี เมื่อต้องเผชิญกับการกล่าวคำอำลา พวกเขาต่างยากที่จะเก็บซ่อนท่วงท่าความเป็นหนุ่มสาวเอาไว้ได้
หลี่ชิเย่ไปที่แดนสมุนไพรแร่ธาตุโดยไม่ได้รบกวนผู้ใด ใต้ต้นไผ่ยักษ์ต้นนั้น เขาถึงกับหนุนนอนอยู่กับต้นไผ่ยักษ์ เหมือนว่าได้หลับสนิทไปแล้วอย่างนั้น
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เขาใช้มือตบต้นไผ่ยักษ์และเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “ลาก่อน สหายของข้า ขอให้เจ้าคงอยู่ไม่สิ้นสลายตลอดไป ขอให้มีชีวิตอยู่เป็นนิรันดร์” สุดท้าย เขาหันหลังจากไป
เสียงต้นไผ่ยักษ์ดังซ่าซ่า เหมือนหนึ่งว่ากำลังโบกมืออำลาต่อหลี่ชิเย่อย่างนั้น พันคำหมื่นวจีล้วนแล้วแต่ปรากฎอยู่ท่ามกลางเสียงดังซ่าซ่านี้ และมีเพียงมันกับหลี่ชิเย่เท่านั้นที่เข้าใจ
หลี่ชิเย่ก้าวขึ้นไปเนินเขาสูง ที่ตรงนั้นมีศิลาจารึกโบราณตั้งอยู่ ด้านล่างของเนินเขาสูงนี้เคยมีเมืองที่เจริญรุ่งเรืองแห่งหนึ่ง เวลานี้เหลือไว้เพียงซากปรักหักพังเท่านั้น
นั่งอยู่ด้านหน้าหลุมฝังศพ มองดูเมืองที่เสื่อมโทรมตรงหน้า หลี่ชิเย่นิ่งเงียบเป็นเวลานาน เขาโกยดินขึ้นมา ปล่อยให้ดินโปรยปรายลอดออกมาระหว่างนิ้วมือของเขา และนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา
“ครั้งหนึ่ง เจ้ากับข้าเคยร่วมสร้างเมืองขนาดใหญ่ที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นที่ตรงนี้ เคยเป็นที่ตั้งของสำนักต่างๆ มากมาย เคยได้รับความเคารพนับถือของผู้คน เวลานี้คงเหลือไว้เพียงซากปรักหักพังเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาเบาๆ
สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้โกยดินขึ้นมาและโปรยลงจากที่สูง ให้มันปลิวกระจายไปยังท้องฟ้าเบื้องบนของเมืองร้างแห่งนี้ ให้มันปลิวกระจายไปไกลๆ
หลี่ชิเย่ย่างก้าวเข้าไปยังสมรภูมิรบโบราณ ที่ตรงนี้ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายศพ มองเห็นโครงกระดูกเกลื่อนอยู่ทุกที่ หลี่ชิเย่ได้ทำการกราบไหว้ด้วยธูปเทียน สุดท้ายได้เปิดเหล้าเก่าไหหนึ่งและนั่งดื่มมันเต็มที่อยู่ตรงสมรภูมิรบโบราณแห่งนั้น นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาเป็นเวลานาน
“จากลากันชั่วนิรันดร์แล้ว เหล่าพี่น้องของข้า เหล่าสหายร่วมรบของข้า บางทีอาจมีสักวันที่ข้าจะอยู่ร่วมสังสรรค์กับทุกคน” สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้นำเหล้าเก่าไหนั้นสาดพรมไปทั่วสมรภูมิรบโบราณ ให้กลิ่นเหล้าหอมฟุ้งตลบอบอวลท่ามกลางสมรภูมิรบโบราณนั่น
หลี่ชิเย่เดินไปหยุดพักกันไป เวลาเหนื่อยก็จะหนุนหัวอยู่กับภูเขาเขียวขจี มองดูเมฆที่ลอยมารวมกันและแยกจากกัน ล้าแล้วก็เดินเข้าไปในเมืองโบราณ เข้าไปดื่มเหล้าไป๋จิ่วราคาถูกๆ ที่ร้านเหล้า มองดูลูกหลานของคนรุ่นก่อนที่กำลังทำมาค้าขาย มองดูความเป็นอยู่ของพวกเขา เบื่อแล้วก็เข้าไปยังหุบเขาลึกที่เงียบสงบ มองดูบุปผาศักดิ์สิทธิ์ต้นไม้ประหลาดที่ขึ้นเจริญเติบโตเงียบๆ อยู่ตรงนั้น…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...