ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1721

ตอนที่ 1721 ใครเดินทางไปด้วยกัน
ผู้คนจำนวนมากต่างไม่เข้าใจถึงสาเหตุการมาของแดนอสูรปีอาน

ขณะที่ทุกคนกำลังอึดอัดกับเรื่องที่ว่าเพระอะไรแดนอสูรปีอานจึงได้ปรากฎอยู่ด้านล่างชะตาฟ้าในแดนมนุษย์กษัตราอยู่นั้น เสียง “ตูม” ดังสนั่นขึ้น ทันใดนั้นเสียงดังกล่าวได้ทำลายความเงียบของแดนมนุษย์กษัตราไป

ในเวลานี้เอง ที่สำนักโบราณสี่เหยียนปรากฏเรือลำขนาดยักษ์ลอยขึ้นมา เรือยักษ์ลำนี้ลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ ขนาดของมันสามารถบดบังท้องฟ้าได้ เมื่อเรือยักษ์ลำนี้ได้โผล่ออกมาเต็มลำเรือแล้วนั้น ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องอุทานด้วยความตกตะลึง ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องสะเทือนหวั่นไหว ความใหญ่โตของเรือลำนี้เสมือนหนึ่งเป็นผืนแผ่นดินที่บินได้ผืนหนึ่งอย่างนั้น!

เรือยักษ์ลำนี้อลังการมาก ลำเรือทั้งลำผ่านการปลุกเสกลงยันต์ และผ่านการขัดเกลามาก่อน อีกทั้งเรือยักษ์ลำนี้ถูกสร้างขึ้นโดยโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่หาได้ยากมาก เรียกว่าลำเรือทั้งลำคือฟ้าดินที่เคลื่อนที่ได้นั่นเอง

เรือยักษ์ลำนี้ได้ทิ้งกฎเกณฑ์แต่ละสายลงมาเหมือนดั่งน้ำตก ทำให้เรือทั้งลำมีการเพิ่มแนวป้องกันเป็นชั้นๆ เรียกได้ว่าเรือยักษ์ลำนี้ก็คือป้อมปราการที่มีความแข็งแกร่งจนไม่สามารถทำลายได้

นี่คือเรือแตรสังข์ หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้แย่งเอาเรือแตรสังข์มาแล้ว ได้ทำการปรับปรุงสร้างเพิ่มและทำการขัดเกลาจนกลายเป็นป้อมปราการเคลื่อนที่ที่ใหม่ทั้งลำ และเป็นหนึ่งในทรัพยากรที่หลี่ชิเย่ได้เตรียมเอาไว้สำหรับขึ้นไปยังแดนที่สิบ

เรียกได้ว่าป้อมปราการเคลื่อนที่นี้ต่อให้ขึ้นไปยังแดนที่สิบ ก็สามารถช่วยหลี่ชิเย่ในการต้านการโจมตีจากยอดฝีมือของแดนที่สิบได้ ต่อให้เป็นการลงมือจากเหล่าเทพและราชันก็ยังคงมีหวัง

เรือแตรสังข์ลำใหม่เอี่ยมไม่เพียงเป็นแค่ป้อมปราการเคลื่อนที่เท่านั้น ยังจะเป็นฐานทัพเคลื่อนที่ในแดนที่สิบสำหรับหลี่ชิเย่ในอนาคต และสำหรับพวกของหมิงเย่เสวี่ยได้ใช้

สภาพที่ใหม่เอี่ยมถอดด้ามของเรือแตรสังข์สร้างความสะเทือนหวั่นไหวให้กับผู้ที่พบเห็น แต่สิ่งที่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวยิ่งกว่าก็คือ บรรดาผู้ที่ยืนอยู่บนเรือแตรสังข์

บนเรือแตรสังข์ที่ใหม่ถอดด้ามลำนี้ บริเวณหัวเรือปรากฎมังกรเหลืองที่มีขนาดใหญ่สุดเปรียบเปรยขดตัวพันอยู่ตรงนั้น มันแผ่กลิ่นอายมังกรวูบวาบออกมา โดยกลิ่นอายมังกรของเขาดั่งคลื่นยักษ์ในทะเลที่ถาโถมซัดเข้ามากลืนกินทั้งเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน! ไม่ว่าใครก็ตามล้วนแล้วแต่ต้องสั่นเทาเมื่อได้เห็นมังกรสีเหลืองขนาดยักษ์ตัวนี้ เหมือนว่าเขาแค่ยื่นกรงเล็บทั้งห้าออกมาก็สามารถทำลายแดนมนุษย์กษัตราจนแหลกได้อย่างนั้น

ด้านท้ายของเรือรบขนาดยักษ์มีพยัคฆ์ดุร้ายหมอบอยู่ เป็นพยัคฆ์ที่มีขนาดใหญ่มาก ยามที่เขานอนหมอบอยู่ตรงนั้น ร่างกายที่ใหญ่โตของมันเสมือนดั่งเป็นเทือกเขาลูกหนึ่งที่ตั้งขวางอยู่ตรงนั้น เมื่อมันลืมตาทั้งสองขึ้น นัยน์ตาทั้งสองก็คล้ายดั่งเป็นดวงอาทิตย์อย่างนั้น ลำพังแค่ประกายตาของเขาก็เพียงพอที่จะหลอมละลายระดับจักรพรรดิเทพในระยะห่างไกลได้

ทุกคนต่างรู้สึกสั่นเทาทีหนึ่ง เมื่อได้เห็นลักษณะของมังกรเหลืองและพยัคฆ์ร้ายที่ยึดครองพื้นที่อยู่บนเรือลำยักษ์ ในโลกนี้เว้นแต่ราชันเซียนลงมือเท่านั้น มิฉะนั้นแล้ว ใครก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมังกรเหลืองและพยัคฆ์ดุร้ายที่อยู่ตรงหน้าได้อีกแล้ว

ทั้งมังกรเหลืองและพยัคฆ์ดุร้ายที่อยู่ตรงหน้าก็คือมังกรและพยัคฆ์สองตัวที่อยู่ภายใต้เขาสยบมังกร แน่นอน พวกเขาต่างก็มีชื่อของตัวเอง ขณะอยู่แดนที่สิบ มังกรตัวนี้มีชื่อว่าหวงหลง ขณะที่พยัคฆ์ร้ายมีชื่อเรียกในแดนที่สิบว่าป้าหู่!

ทั้งหวงหลงและป้าหู่พวกเขาทั้งสองคือศัตรูคู่อาฆาตในแดนสิบ เผ่าพันธุ์พวกเขาทั้งสองมีบุญคุณความแค้นต่อกันมาพันล้านปี ดังนั้น ทั้งหวงหลงและป้าหู่ก็คือศัตรูคู่อาฆาต

พวกเขาต่อสู้กันเป็นประจำทุกครั้งที่ได้เจอะเจอกัน อีกทั้งพวกเขาทั้งสองต่างมีกำลังความสามารถพอกัน เวลาเกิดต่อสู้กันจึงไม่สามารถชี้ผลแพ้ชนะได้เสมอๆ การต่อสู้แต่ละครั้งของพวกเขาสามารถกินเวลานานนับหลายร้อยปี กระทั่งเป็นพันปีขึ้นไป

ภายหลังมีอยู่ครั้งหนึ่ง ให้บังเอิญภายใต้เงื่อนไขต่างๆ หวงหลงและป้าหู่ศัตรูคู่อาฆาตคู่นี้ได้ร่วงหล่นลงมาจากแดนสิบด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งแต่เดิม การที่จะร่วงจากแดนสิบลงเก้าแดนนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ผู้ดำรงอยู่ในแดนสิบนั้น โดยพื้นฐานจะไม่สามารถร่วงหล่นจากชั้นสิบลงเก้าแดนได้ แต่ว่า ทั้งหวงหลงและป้าหู่ต่างประจวบเหมาะพานพบโอกาสที่ยากจะพบเจอเข้า ทั้งคู่หล่นลงมาและถูกสยบอยู่ใต้เขาสยบมังกร ไม่สามารถปรากฏตัวตลอดเวลาที่ผ่านมา

ผู้คนจำนวนมากถึงกับร่างสั่นเทิ้ม เมื่อมองเห็นหวงหลงและป้าหู่ที่ยึดครองพื้นที่อยู่บนเรือรบขนาดยักษ์นั่น ด้วยธาตุแท้ภายในเช่นนี้ ไม่ว่าใครเมื่อพบเห็นก็ไม่กล้าตอแยด้วยและต้องถอยห่างออกไปเก้าสิบลี้

บนเรือขนาดยักษ์ลำนี้นอกจากหวงหลง และป้าหู่แล้ว ยังมีราชันทักษิณ ผู้เฒ่าเซียน เทพมารวัวโลหิต บรรพบุรุษพันสน…เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ปราศจากผู้ต่อกรที่ยืนอยู่บนเรือขนาดยักษ์ พวกเขาไม่ได้เก็บงำพลังของตนแม้แต่น้อย ยามที่พวกเขาปล่อยกลิ่นอายออกมาทั้งหมด ทำให้สั่นเทาไปทั่วแดนมนุษย์กษัตรา กระทั่งเรียกได้ว่าสั่นเทาไปทั่วทั้งเก้าแดนก็ว่าได้

ผู้คนจำนวนมากเมื่อมองเห็นระดับปราศจากผู้ต่อกรแต่ละคนที่ยืนอยู่บนเรือขนาดยักษ์แล้วถึงกับมีอาการสั่นเทา หลายคนที่มองเห็นแต่ไกลก็ทยอยกันหลบฉากออกไปไม่กล้าเข้าไปใกล้

มองเห็นขบวนลักษณะเช่นนี้แล้วคงไม่ต้องกล่าวอะไรให้มากความ มันเพียงพอที่จะบ่งบอกถึงธาตุแท้ภายในของคนโหดอันดับหนึ่งได้แล้ว ทอดสายตามองออกไปในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน คงมีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้นที่มีธาตุแท้ภายในเช่นนี้

“นี่ต้องการทำการใหญ่รึ?” ระดับอมตะรุ่นดึกดำบรรพ์เมื่อมองเห็นขบวนทัพเช่นนี้แล้วถึงกับขนลุกซู่ในใจ กล่าวด้วยความตระหนกว่า “นับแต่อดีตกาลเป็นต้นมา การที่ราชันเซียนจะพาใครสักคนสองคนขึ้นไปยังเต็มไปด้วยอุปสรรคนานัปการ เวลานี้ ใต้เท้าอีกาทมิฬถึงกับพาขบวนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ขึ้นไปยังแดนที่สิบ ไม่เสียทีที่เป็นมือมืดที่อยู่เบื้องหลังตลอดกาลนะเนี่ย แม้แต่เรื่องที่ราชันเซียนทำไม่ได้เขาก็ทำได้ มิน่าเล่าเขาจึงสามารถบงการเก้าแดนมายุคแล้วยุคเล่า”

“เวลานี้ ผู้คนจำนวนมากทยอยกันก้มลงกราบกับพื้น ผู้ที่ก้มกราบมีอยู่ไม่น้อยที่เป็นระดับจักรพรรดิเทพ และผู้ปราศจากผู้ต่อกร พวกเขาหล่านี้ล้วนแล้วแต่เดินทางมาส่งทั้งสิ้น ประกอบด้วยระดับบรรพบุรุษของเผ่าโลหิต มีเหล่าบรรพบุรุษของวิหารเทพสงคราม และมียอดฝีมือของเขาไผ่ประหลาด…

เทพมารวัวโลหิต ผู้เฒ่าเซียน ราชันทักษิณ…พวกเขาล้วนแล้วแต่กำลังจะจากไป ดังนั้น รุ่นเยาว์ของพวกเขาต่างทยอยกันมาส่ง นอกเหนือจากนี้ เนื่องจากเหมยซู่เหยา หม่ากู จื่อชุ่ยหนิง…พวกนางก็จะจากไปเช่นกัน ดังนั้นนิกายฉางเหอ หอวิถีฟ้า เมืองสมุทรสยบฟ้าต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีระดับบรรพบุรุษมาส่ง

เรียกได้ว่าขบวนที่มาส่งนั้นยิ่งใหญ่มาก ล้วนแล้วแต่เป็นสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุค ดังนั้น ยามที่เรือขนาดยักษ์นี้ปรากฏขึ้นมา ต่อให้ยอดฝีมือของเก้าแดนที่มาถึงแดนมนุษย์กษัตรายังต้องทยอยกันอ่อนข้อให้ ไม่กล้าไปตอแยกับขบวนเช่นนี้

ท่ามกลางขบวนที่มาส่งนั้น บางคนไม่อยากจากกัน บางคนจนด้วยเกล้า บางคนร้องไห้…

แม้แต่บิดามารดาของเฉินเป่าเจียวก็มาส่งนางด้วย ทั้งสองร้องไห้จนตาบวมแดง แต่ว่า ในฐานะของบิดามารดาพวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะก้าวก่ายลูกสาวของตน ยิ่งไปกว่านั้น ในอนาคตลูกสาวของพวกเขามีอนาคตที่กว้างไกลมากกว่านี้ พวกเขาในฐานะบิดามารดาก็ไม่มีสิทธิ์ไปขัดขวางนาง

ในขบวนที่จากไป เฉกเช่นพวกของเทพมารวัวโลหิต ผู้เฒ่าเซียน บรรพบุรุษพันสนกลับดีเสียอีก พวกเขาต่างเป็นบุคคลที่อยู่ในระดับอาวุโส พวกเขาล้วนแล้วแต่มองทุกอย่างจนทะลุปรุโปร่งแล้ว พวกเขามีชีวิตอยู่มาจนนับไม่ถ้วน ไม่มีอะไรมากมายในเก้าแดนที่พวกเขาจะต้องไปอาลัยอาวรณ์อีกแล้ว อีกทั้งพวกเขาแล้วแต่ถือเป็นไม้ใกล้ฝั่งแล้ว ในวาระสุดท้ายของเวลาที่เหลืออยู่เสี่ยงกับมันเต็มที่สักครั้ง

ดังนั้น การจากไปของพวกเทพมารวัวโลหิตจึงตัดเรื่องโศกเศร้าไปได้มากทีเดียว ตรงกันข้ามพวกเขากลับมีอารมณ์ความรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่ได้เสี่ยงเต็มที่

ขณะที่พวกสาวๆ อย่างเหมยซู่เหยา หลี่ซวงเหยียนย่อมอดที่จะมีอาการโศกเศร้า จะอย่างไรเสียการไปจากเก้าแดนในครั้งนี้อาจจะไม่ได้กลับมาอีกตลอดกาล การจากไปครั้งนี้พวกนางจะไม่ได้พบผู้อาวุโส ญาติ และบิดามารดาของตนอีก ดังนั้น ในบรรดาพวกนางจึงมีอยู่ไม่น้อยที่ตาแดง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม พวกนางยังคงยึดมั่นในการตัดสินใจที่จะไปยังแดนที่สิบ อย่างไรเสียมันก็คือความปรารถนาอย่างหนึ่ง

ในบรรดาพวกนาง คนที่สงบและเอ้อระเหยที่สุดคงเป็นหม่ากูแล้ว กล่าวสำหรับหม่ากูขอเพียงมีหลี่ชิเย่อยู่ด้วย จะอยู่ที่ใดก็ไม่มีปัญหา ไม่ว่าฟ้าดินจะกว้างไกลเพียงใด นางก็เฉยเมยยิ่งนัก กล่าวสำหรับหม่ากูแล้ว ขอเพียงที่ใดมีหลี่ชิเย่อยู่ ที่นั่นก็จะมีฟ้าดิน มีทุกสิ่งทุกอย่าง

ดังนั้น หม่ากูจึงไม่รู้สึกโศกเศร้า และไม่รู้สึกตื่นเต้นดีใจ มีความผ่อนคลาย และเอ้อระเหยยิ่งนัก ท่าทีที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นดั่งเทพธิดาที่ปรากฏกายออกมาหนึ่งไม่มีสองในหล้า

เรือรบขนาดยักษ์จอดอยู่ใต้ชะตาฟ้า เวลานี้พวกของเทพมารวัวโลหิต ผู้เฒ่าเซียน ราชันทักษิณก็กำลังรออยู่ รอให้หลี่ชิเย่ทำการระเบิดความแตกต่างของมิติกาลเวลาเพื่อเปิดทางไปยังแดนที่สิบ

เสียง “แว้งค์” ดังขึ้น ในเวลานี้ที่สำนักโบราณสี่เหยียนปรากฏทางสายหนึ่งลอยขึ้นมา เส้นทางสายนี้มุ่งตรงไปยังชะตาฟ้า เมื่อทางสายนี้ปูลาดออกไป ปรากฏเสียงมังกรคำรามไม่ขาดสาย เสียงหงส์ร้องเสียงยาวดังก้องฟ้าดิน

บนทางสายดังกล่าวมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่ละองค์ที่เทศนาธรรม บนทางสายดังกล่าวมีน้ำพุเซียนพวยพุ่งขึ้นมา มีดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์บานเบ่ง บนทางสายดังกล่าวมีกลิ่นอายที่ขมุกขมัวตลบอบอวล เปี่ยมล้นด้วยพลังยุคดึกดำบรรพ์ก่อนที่โลกจะมีการแยกฟ้าดินออกเป็นสองส่วน

ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่ได้ก้าวเดินออกมาจากสำนักโบราณสี่เหยียน สิบสามลัคนาลอยอยู่บนท้องฟ้า ขณะที่เขาเหยียบลงบนทางสายนั้น “ตูม” เสียงดังสนั่นหวั่นไหว สี่ยอดกายเซียนปรากฎขึ้นมา เปลวเพลิงไม่มีสิ้นสุดพุ่งขึ้นไปยังเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ภายใต้เปลวเพลิงที่ปราศจากผู้ต่อกรของหลี่ชิเย่ได้กวาดเอาสุริยันจันทราและดวงดาวลงมาโดยพลัน

ในขณะนี้ บนตัวของหลี่ชิเย่ได้ปะทุอานุภาพราชันเซียนปราศจากผู้ต่อกรออกมา พริบตาเดียวกันนี้เอง อานุภาพราชันเซียนของหลี่ชิเย่ไม่เพียงตลบอบอวลไปทั่วแดนมนุษย์กษัตราเท่านั้น ทั้งเก้าแดนต่างสืบทอดพลังของเขา นาทีนี้ ไม่มีที่ใดที่หลี่ชิเย่จะไม่ปรากฎตัว ไม่ว่าใครก็อดที่จะกราบไหว้ร่างเงาที่สูงใหญ่ของเขากับพื้น

“ฝ่าบาท” ในเวลานี้ ในเก้าแดน ในแดนมนุษย์กษัตรา สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนต่างหมอบลงกับพื้นภายใต้อานุภาพราชันเซียนที่ปราศจากผู้ต่อกร ความเคารพเลื่อมใสศรัทาบังเกิดขึ้นเอง แม้แต่ผู้ที่ไม่ต้องการจะคุกเข่า แต่ภายใต้ความหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณภายในใจ พวกเขาก็ไม่สามารถยืนอยู่ได้อย่างมั่นคง เข่าอ่อนทั้งสองข้าง ยังคง “ปัง” ต้องคุกเข่าลงกับพื้น

หลี่ชิเย่ก้าวเดินอยู่บนทางสายนั้นอย่างช้าๆ เวลานี้ต่อให้เขายังไม่ได้สืบทอดชะตาฟ้า แต่เขาได้อยู่ในฐานะราชันเซียนที่สูงส่งแล้ว ระหว่างชายตามอง หมื่นสัจธรรมฟ้าดินร้องด้วยความเศร้าโศกเสียใจ สรรพชีวิตนับล้านล้านหมอบกราบกับพื้น ภายใต้พลังปราศจากผู้ต่อกรของเขา ไม่ได้อยู่ที่บุคคลผู้นั้นจะยอมศิโรราบหรือไม่

ในขณะนี้ หลี่ชิเย่จูงมือปู้เหลียนเซียง ก้าวเดินอยู่บนทางสายนี้อย่างเชื่องข้า พวกเขาเดินได้ช้ามาก เหมือนว่าการเดินในครั้งนี้ก็จะกลายเป็นนิรันดร์

เวลานี้ ปู้เหลียนเซียงช่างสวยงามอะไรอย่างนั้น รูปโฉมของนางทำให้สุริยันจันทราและดวงดาวล้วนแล้วแต่ต้องสลดและอับแสง ขณะหลี่ชิเย่จูงมือนางก้าวเดินบนทางสายนี้ ต่อให้นางไม่ใช่ราชินีราชันเซียน แต่เหนือกว่าราชินีราชันเซียนเสียอีก

นาทีนี้ องค์หญิงและเทพธิดาจำนวนไม่น้อยของเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินถึงกับรู้สึกอิจฉาเมื่อได้เห็นภาพนี้ ในขณะนี้ทั่วโลกก็คงมีเพียงปู้เหลียนเซียงเท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้รับเกียรติยศพิเศษเช่นนี้

กล่าวสำหรับบรรดาธิดาศักดิ์สิทธิ์และเทพธิดาแล้ว ยังจะมีสิ่งใดน่าภาคภูมิใจมากไปกว่าการได้เป็นราชินีราชันเซียนอีก สิ่งนี้คือเกียรติยศพิเศษที่สูงสุด

ขณะที่หลี่ชิเย่ และปู้เหลียนเซียงก้าวเดินอยู่บนทางสายนี้ นิ้วทั้งสิบเกาะกุมกันแน่น แม้ว่าการจากลากำลังจะมาถึง ปู้เหลียนเซียงยังคงมีท่าทีสงบเยือกเย็นอะไรอย่างนั้น มีความงดงามสุภาพเรียบร้อยล้ำเลิศเป็นหนึ่งไม่มีสองอะไรอย่างนั้น!

ปู้เหลียนเซียงไม่ได้แสดงอารมณ์ของตนออกมาทางใบหน้า เวลานี้นางมีเพียงความงดงามสุภาพเรียบร้อยล้ำเลิศเป็นหนึ่งไม่มีสอง แม้นางจะรู้ว่าจากกันวันนี้จะไม่มีวันพบกันอีก แต่นางยังคงให้การสนับสนุนผู้ชายของนางเหมือนเช่นที่ผ่านมา

กล่าวสำหรับปู้เหลียนเซียงแล้ว นางจะไม่ทำให้ตนเองนั้นกลายเป็นเครื่องพันธนาการบนเส้นทางของผู้ชายของตน ต่อให้รู้ว่าการขึ้นไปยังแดนที่สิบแล้ว พวกเขาจะไม่มีวันได้พบกันอีกตลอดไป แต่ว่า นางยังคงสนับสนุนให้ผู้ชายของตนบุกขึ้นไปยังแดนที่สิบ!

แม้ว่านางไม่ใช่ราชินีราชันเซียน และเหนือกว่าราชินีราชันเซียน นางมีท่วงทีความงดงามของราชินีราชันเซียน มีความสุภาพเยือกเย็นของราชินีราชันเซียน และมีความฉลาดเฉียบแหลมและมีสายตายาวไกลของราชินีราชันเซียน ดังนั้น ในทัศนะของหลี่ชิเย่นางจึงมีฐานะที่แตกต่าง

เวลานี้ หลี่ชิเย่จูงมือปู้เหลียนเซียงก้าวเดินบนทางสายนี้เพียงลำพัง ได้รับเกียรติยศพิเศษเพียงคนเดียว พร้อมด้วยท่วงท่าที่งดงามของราชินีราชันเซียน สำหรับเรื่องดังกล่าว บรรดาเหล่าผู้หญิงทั้งหลายต่างไม่มีความเห็น และพวกของเหมยซู่เหยาก็จะไม่มาอิจฉาเพราะเรื่องนี้

ในสายตาของพวกนางมองว่า ปู้เหลียนเซียงมีสิทธิ์ได้รับเกียรติยศพิเศษเช่นนี้ ถ้าหากในจำนวนพวกนางทั้งหมดใครเหมาะสมจะเป็นราชินีราชันเซียนล่ะก็ หนึ่งในนั้นจะต้องเป็นปู้เหลียนเซียง

พวกหลี่ซวงเหยียนต่างรู้ดีว่า ปู้เหลียนเซียงเสียสละมากกว่าพวกนางเสียอีก อีกทั้งการที่ปู้เหลียนเซียงรั้งอยู่ที่เก้าแดนนั้น ไม่เพียงเพราะนางไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกหนึ่งชาติ ขณะเดียวกันนางยังต้องการให้สายเลือดได้สืบทอดต่อไป

ในอนาคต ต่อให้โลกแตกสลายไป แต่ปู้เหลียนเซียงยังคงทิ้งความหวังเอาไว้ ยังคงได้สืบทอดต่อไป นางเฝ้ามองดูเก้าแดนอยู่ นางเฝ้ามองดูสายเลือดของหลี่ชิเย่อยู่!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล