เหมือนว่านาทีนี้ กลิ่นอายที่ทำให้แห้งและเน่าเปื่อยทั้งหมดภายในคันฉ่องโบราณหลังจากที่กลับกลายเป็นวังวนแล้ว ได้ถูกบีบอัดให้เข้าไปอยู่ภายในประกายที่มีขนาดเล็กนั่น และพุ่งออกมาอย่างรุนแรง
ลองนึกภาพดู กลิ่นอายที่ทำให้แห้งและเน่าเปื่อยดั่งน้ำในทะเลพลันถูกอัดและพุ่งเข้าไปภายในประกายทำให้แห้งและเน่าเปื่อย ทำให้อานุภาพของประกายดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นกี่เท่าตัวในทันที!
แม้จะกล่าวว่าประกายทำให้แห้งและเน่าเปื่อยมีขนาดเล็กดั่งใยไหม แต่ว่า เมื่อกลิ่นอายที่ทำให้แห้งและเน่าเปื่อยทั้งหมดถูกบีบอัดและพุ่งเข้าไปยังท่ามกลางประกาย ทำให้ประกายที่เล็กดั่งใยไหมกลายเป็นสัญญาณไฟฟ้าขนาดเล็กสายหนึ่ง ซึ่งสัญญาณไฟฟ้านี้มีพลังพุ่งชนที่ทรงพลังยิ่งนัก
ถ้าหากสัญญาณไฟฟ้าลักษณะเช่นนี้ถูกยิงไปยังเก้าแดนล่ะก็ พลังพุ่งชนของมันสามารถพุ่งโจมตีเก้าแดนจนทะลุ ลองนึกภาพดูว่า ประกายแห้งและเน่าเปื่อยที่มีสัญญาณไฟฟ้าในลักษณะเช่นนี้มันน่ากลัวเพียงใด
ในขณะที่ประกายทำให้แห้งและเน่าเปื่อยไม่สามารถฆ่าหลี่ชิเย่ให้ตายได้ จังหวะนั้น จอมราชันทั้งสิบสองก็ถึงขั้นเรียกได้ว่าจะต้องเสียค่าตอบแทนสูงเท่าไรก็ยอม ทำการขับเคลื่อนพลังของชะตาฟ้าจนถึงขีดสูงสุด สำแดงสัจธรรมจนถึงระดับสูงสุด ทุ่มเทพลังที่มีอยู่ทั้งหมดบีบอัดเข้าไปยังประกายนั่น กลายเป็นประกายที่ทำให้แห้งและเน่าเปื่อยที่มีสัญญาณไฟฟ้าที่น่ากลัวขึ้นมา
เมื่อประกายทำให้แห้งและเน่าเปื่อยที่มีสัญญาณไฟฟ้าพุ่งชนถูกยิงเข้าไปบนร่างกายของหลี่ชิเย่ บาดแผลบนตัวของหลี่ชิเย่พลันเปล่งเป็นประกายออกมา ทำให้ร่างกายของหลี่ชิเย่มีการขยายพื้นที่ที่เปล่งประกายแวววับเพิ่มคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น
แต่ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรื่องดี ก่อนหน้านั้นประกายทำให้แห้งและเน่าเปื่อยสร้างความเสียหายด้วยจุดเล็กๆ จุดหนึ่ง เวลานี้ประกายทำให้แห้งและเน่าเปื่อยที่มีสัญญาณไฟฟ้าเป็นการสร้างความเสียหายเป็นพื้นที่ ซึ่งเท่ากับเพิ่มพลังการทำลายขึ้นไปหลายสิบเท่า
ดังนั้น จึงได้ยินเสียงดัง “จี๊ด” ในพริบตา ต่อให้หลี่ชิเย่ได้รับการสนับสนุนด้วยเรือสามลำ ต่อให้หลี่ชิเย่มีพลังลมปราณที่ไม่มีสิ้นสุดคอยสนับสนุน ต่อให้หลี่ชิเย่ มีพลังสัจธรรมที่ไม่ขาดสายคอยให้การสนับสนุน แต่ ในพริบตาเดียวนี้ ร่างกายของหลี่ชิเย่พลันแห้งตายในทันที เวลานี้เห็นเพียงเศษเนื้อที่แห้งและหลุดลอกปลิวลงบนพื้นจำนวนนับไม่ถ้วน
การแห้งตายในลักษณะเช่นนี้น่ากลัวยิ่งกว่าความตาย เป็นที่ทราบว่า เมื่อก้าวถึงระดับราชันเซียนแล้ว ต่อให้ต้องตายศพของพวกเขายังคงหลงเหลือจิตวิญญาณหรือมีการสั่งสมกลิ่นอายศพขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณหรือกลิ่นอายศพล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มีพลัง
อย่างไรก็ตาม ภายใต้สัญญาณไฟฟ้าที่ทำให้แห้งและเน่าเปื่อยพุ่งชนเข้าไป ลักษณะการแห้งตายคือจะไม่เหลือไว้ซึ่งจิตวิญญาณ หรือพลังทั้งหมดแม้แต่น้อย ถูกทำให้พลังทั้งหมดแห้งและเน่าเปื่อยจนสิ้น แม้แต่พลังสัจธรรมกระทั่งพลังจากโลกยุคดึกดำบรรพ์ขณะที่ฟ้าดินยังไม่แยกออกเป็นสองส่วนก็ไม่เว้น
เรียกได้ว่า ภายใต้ประกายทำให้แห้งและเน่าเปื่อยที่มีสัญญาณไฟฟ้าพุ่งชนเข้าไปได้ทำให้ร่างกายของหลี่ชิเย่กลายเป็นเศษจริงๆ การตายชนิดถึงแก่นโดยสิ้นเชิงน่ากลัวยิ่งกว่าความหมาของคำว่าตายที้สืบทอดกันมาร้อยเท่าพันเท่า
“หนึ่งจิตเป็นนิรันดร์ สัจธรรมข้ายาวนาน!”จังหวะที่ร่างกายกำลังจะถึงแก่ความตายโดยสิ้นเชิงนั้น หลี่ชิเย่คำรามเสียงยาวออกมา สัจธรรมถูกปูลาดออกไป พริบตาเดียวกันนั้น หลี่ชิเย่ได้ก้าวข้ามไป ทะลุผ่านอนาคต คงอยู่เป็นนิรันดร์ในปัจจุบัน
ชั่วพริบตาเดียวกันนี้ ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ไม่ว่ากาลเวลาจะเคลื่อนผ่านไปเช่นใด เขาก็จะคงอยู่บนโลกตลอดกาล เขาทอดข้ามทุกอย่างอยู่ตรงนั้น ไม่มีสิ่งใดสามารถสั่นคลอนเขาได้ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเขา
ทันใดนั้นเอง หลี่ชิเย่ได้สำแดงสัจธรรมชิเย่ขึ้นมา ซึ่งเป็นสุดยอดสัจธรรมที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง เขาสามารถวิวัฒนาการหมื่นยุค วิวัฒนาการตรีสหัสโลกธาตุ วิวัฒนาการเซียนแท้จริง วิวัฒนาการสวรรค์…เมื่อถึงท้ายที่สุด ทุกอย่างก็จะสูญสลาย มีเพียงตัวเขาที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นนิรันดร์
ดังนั้น พริบตาเดียวกันนี้ ร่างกายของหลี่ชิเย่ได้เข้าสู่ลักษณะของการไม่ตายไม่สลาย เข้าสู่สภาพที่ไม่แปรเปลี่ยนเป็นนิรันดร์ แม้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของร่างกายจะแห้งตาย แต่เมื่อเขาสามารถรักษาให้คงความเป็นสภาพเช่นนี้ ก็จะทำให้สภาพของการแห้งและเน่าเปื่อยที่มีสัญญาณไฟฟ้าพุ่งชนไม่สามารถขยายพื้นที่ต่อไปได้อัก ทำให้หลี่ชิเย่กลายเป็นนิรันดร์!
ภายใต้สภาพของสัจธรรมชิเย่ ซึ่งมีสามชีพจรหลักให้การสนับสนุน แล้วยังได้รับการรองรับจากข้านี่แหละคือสวรรค์ทึ่แท้จริง ทำให้หลี่ชิเย่กลับกลายเป็นนิรันดร์ ขณะที่ลักษณะของแห้งและเน่าเปื่อยที่มีสัญญาณไฟฟ้าพุ่งชนไม่สามารถพุ่งชนเช่นนี้ได้เป็นนิรันดร์ ดังนั้น เมื่อเวลาผ่านไปท้ายที่สุดแล้วผู้ที่ต้องพ่ายแพ้ยังคงเป็นจอมราชันทั้งสิบสองนั่น
ถ้าหากโลกนี้มีใครได้เห็นภาพเช่นนี้ต้องถูกทำให้สะเทือนหวั่นไหวอย่างแน่นอน ภายใต้พลังของสิบสองจอมราชัน ชะตาฟ้าสี่สิบสาย ยังจะมีใครในโลกสามารถต่อกรได้ ด้วยพลังลักษณะเช่นนี้สามารถสังหารทุกสิ่งในโลกได้อยู่แล้ว
แต่ว่า ภายใต้พลังที่ปราศจากผู้เทียบเทียมเช่นนี้ หลี่ชิเย่กลับสามารถยืนหยัดต้านเอาไว้ได้ เป็นเรื่องที่สุดจะจินตนาการได้โดยแท้จริง
เก้าแดนที่มีชะตาฟ้าเพียงหนึ่งเดียว เมื่อขึ้นสู่แดนที่สิบ พลังของชะตาฟ้าสายนี้สามารถเทียบได้กับพลังชะตาฟ้าของแดนที่สิบราวสองถึงหกสาย
แน่นอน ราชันเซียนที่สามารถเทียบเคียงพลังได้ถึงหกสายมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ต่อให้แค่สามารถเทียบเคียงชะตาฟ้าได้ราวสี่ถึงห้าสายก็มีอยู่น้อยมาก ราชันเซียนที่เพิ่งจะขึ้นสู่แดนที่สิบใหม่ๆ มักจะมีพลังชะตาฟ้าเทียบเคียงชะตาฟ้าของแดนสิบได้เพียงสองถึงสามสายเท่านั้นเอง
สิ่งนี้ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่า ที่หลี่ชิเย่เผชิญอยู่คือสภาพที่ปราศจากผู้ต่อกรเช่นใด เกรงว่าคงเป็นประวัตินับตั้งแต่ราชันเซียนของเก้าแดนขึ้นสู่แดนที่สิบแล้วพบกับขบวนลอบสังหารครั้งใหญ่ที่สุด!
ราชันซื่อตี้ที่ยืนดูอยู่บนท้องฟ้าตลอดพลันมีแววตาที่เจิดจรัสขึ้น ทันใดนั้น ราชันซื่อตี้ได้ปรากฎตัวขึ้นที่ด้านหลังของคันฉ่องโบราณทันที
บรรดาจอมราชันทั้งสิบสององค์ที่อยู่ในเหตุการณ์ ใครบ้างที่ไม่เคยผ่านเหตุการณ์มามากมาย? นับแต่เกิด บำเพ็ญเพียร ออกศึกไปทั่วหล้า ได้รับการแต่งตั้งเป็นเทพ เป็นราชัน ใครบ้างที่ไม่ได้ผ่านการสู้รบมาอย่างดุเดือดครั้งแล้วครั้งเล่ามาก่อน
แต่การศึกในครั้งนี้ตั้งแต่ต้นจนจบได้สร้างความกดดันให้กับพวกเขาเป็นอันมาก เนื่องจากพวกเขาใช่จะเผชิญกับราชันเซียนเท่านั้น ที่พวกเขาเผชิญคือตำนานที่ก้าวข้ามยุคแล้วยุคเล่า คือมือมืดที่อยู่เบื้องหลังที่บงการเก้าแดน ทั้งเป็นมือมืดที่เคยขับเคลื่อนร้อยเผ่ามาสั่นคลอนต่อเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์ของพวกเขา!
แม้แต่ผู้ดำรงอยู่ในสถานะอย่างราชันซื่อตี้ ยัเคยเป็นศัตรูกับเขามายุคแล้วยุคเล่า และแต่ละยุคที่ผ่านไป ราชันซื่อตี้ก็ไม่สามารถสังหารเขาได้
ในที้สุด มาวันนี้ ภายใต้การร่วมมือระหว่างราชันซื่อตี้และสิบสองจอมราชัน ได้ทำให้ตำนานนี้ปิดฉากลง ในที่สุดพวกเขาก็สังหารผู้มีชื่อว่าอีกาทมิฬได้สำเร็จ พวกเขาสามารถกำจัดหนามยอกอกของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์พวกเขาได้ในที่สุด!
มองดูเถ้าธุลีที่ปลิวกระจัดกระจาย ทั้งสิบสองจอมราชันรู้สึกโล่งอกเหมือนยกสิ่งของลงจากบ่า ศึกครั้งนี้สามารถกำจัดเขาได้ถือว่าไม่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง!
เรียกได้ว่า นาทีนี้พวกเขารู้สึกได้ว่าไม่เคยผ่อนคลายเช่นนี้มาก่อน ความรู้สึกที่ผ่อนคลายดูจะมีความสุขมากกว่าครั้งแรกที่ได้กลายเป็นจอมราชัน ครั้งแรกที่ได้สืบทอดชะตาฟ้าเสียอีก เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้ด้วยตัวอักษร
ในขณะที่สิบสองจอมราชันต่างหายใจด้วยความโล่งอกอยู่นั้น ราชันซื่อตี้ยังคงมีท่าทีเย็นชายังคงอาศัยสายตาที่สำรวจเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ทำการตรวจตราไปทั่วฟ้าดิน และไม่ยอมปล่อยผ่านข้อปลีกย่อยใดๆ
ราชันซื่อตี้แตกต่างจากจอมราชันคนอื่นๆ ราชันซื่อตี้เป็นศัตรูกับอีกาทมิฬมาชาติแล้วชาติเล่า คนอื่นอาจยังไม่เข้าใจอีกาทมิฬ แต่เขาเข้าใจ! ในสายตาของราชันซื่อตี้มองว่า อีกาทมิฬเปรียบประดุจแมลงสาบที่ฆ่าไม่ตาย จากการโจมตีด้วยวิธีที่เหลือเชื่อครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกๆ ครั้งหลังจากนั้นเขาจะกลับกลายเป็นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ก่อนที่ราชันซื่อตี้จะถือกำเนิดเกิดมา อีกาทมิฬก็มาที่แดนสิบแล้ว ในยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์มากเขาเคยล้มเหลวมาครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งเคยถูกจอมราชันของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่าไล่ฆ่าจนหนีหัวซุกหัวซุน กระทั่งเคยถูกทั้งสามเผ่าไล่ฆ่าจนต้องหนีกลับไปยังเก้าแดนมาแล้ว!
แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ทุกครั้งหลังจากประสบความล้มเหลวแล้ว อีกาทมิฬก็จะหวนกลับมาอีกครั้ง และทุกครั้งที่เขากลับมาก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม ที่เป็นเช่นนี้ไม่เพียงเพราะเขาสามารถบ่มฟักราชันเซียนและเซียนหวางเพิ่มมากขึ้นๆ ยุทธวิธีการรบของตัวเขาเองก็สูงส่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้เกิดศึกล่าสังหารราชันขึ้น เรียกได้ว่าศึกในครั้งนั้นสั่นคลอนต่อฐานะที่สูงส่งของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์ในแดนที่สิบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...