ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1741

สรุปบท ตอนที่ 1741 ชิงโจว: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1741 ชิงโจว – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

บท ตอนที่ 1741 ชิงโจว ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 1741 ชิงโจว
เสียง “แว้งค์” ดังขึ้น เวลานี้รอยประทับมรณะได้สว่างสุกใสขึ้นมาอีกครั้ง รอยประทับมรณะที่ดั่งดอกบัวได้ยกตัวหลี่ชิเย่ลอยขึ้น พริบตาเดียวก็หายตัวไปท่ามกลางพื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาล

รอยประทับมรณะพาหลี่ชิเย่ก้าวข้ามอาณาจักรที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา สุดท้าย เสียงดัง “ปัง” พุ่งทะลุท้องฟ้า เพียงพริบตาเดียว รอยประทับมรณะได้พาหลี่ชิเย่เข้าสู่แดนที่สิบแล้ว

“ตุบ” เมื่อรอยประทับมรณะหายไป หลี่ชิเย่จึงร่วงหล่นลงกลิ้งไปกับพื้น เขาหัวเราะและปัดเอาดินและฝุ่นที่ติดอยู่บนตัวออกไป

เวลานี้ หลี่ชิเย่มองออกไปข้างหน้า เห็นเพียงพื้นดินที่แห้งผากสุดลูกหูลูกตา เหมือนมองไม่เห็นท้องฟ้าอย่างนั้น

ที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือผืนแผ่นดินแห้งผากที่กว้างใหญ่ เหมือนว่าพื้นดินแห้งผากนี้จะกว้างไกลไม่มีขอบเขตสิ้นสุด ยาวต่อเนื่องเป็นสิบล้านลี้

ยืนอยู่ท่ามกลางพื้นดินที่แห้งผากเช่นนี้ ปรากฏคลื่นความร้อนที่ลอยเข้ามาปะทะใบหน้า เหมือนว่าใต้พื้นดินที่แห้งผากนี้จะมีภูเขาไฟที่ยังพร้อมปะทุออกมาได้อย่างนั้น บางทีพื้นดินแห้งผากนี้อาจเคยประสบอัคคีภัยที่สุดจินตนาการเผาผลาญมาก่อน

การมายืนอยู่บนพื้นที่แห้งผากเช่นนี้ ก้าวเดินไปบนเศษหินดินทรายทำให้รับรู้ถึงความร้อนที่ลวกฝ่าเท้า เหมือนหนึ่งก้าวเดินอยู่บนก้อนถ่านไฟ เป็นการทดสอบปณิธานผู้คนได้ดียิ่งอย่างหนึ่ง

“ผาไหม้ไฟชิงโจว นับเป็นสถานที่ที่ไม่เลวนัก ศูนย์รวมร้อยชาติพันธุ์” หลี่ชิเย่ยืนอยู่ท่ามกลางแผ่นดินที่แห้งผากนี้ สุดลมหายใจเอาอากาศที่มีกลิ่นอายไหม้เกรียมเข้าไป เลียริมฝีปากแผล็บ กล่าวยิ้มแต้ขึ้นมา

สิบสามทวีปแดนสิบ ชิงโจวก็คือหนึ่งในนั้น อีกทั้งชิงโจวนับได้ว่าเป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์รวมของร้อยชาติพันธุ์ ในชิงโจวนี้มีมนุษย์ปุถุชน ผู้บำเพ็ญตนของเผ่ามนุษย์ เผ่ามนุษย์ศิลา เผ่าวิญญาณเทพ…ต่างๆ เป็นต้น อาศัยรวมกันอยู่ที่นี่หนึ่งล้านล้านคน

ชิงโจวกว้างขวางไร้ขอบเขต กว้างใหญ่ไพศาล กระทั่งไม่มีใครบอกได้ชัดเจนว่า ชิงโจวมีพื้นที่กว้างไกลเพียงใดกันแน่ พูดได้อย่างเต็มปากว่าความกว้างใหญ่ของชิงโจวไม่ได้ด้อยไปกว่าแดนใดๆ ในเก้าแดนเลย

ในบรรดาสิบสามทวีปนั้น อาจกล่าวได้ว่าทวีปชิงโจวคือที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดแห่งหนึ่งของร้อยชาติพันธุ์ แม้ว่าในความคิดของร้อยชาติพันธุ์จะมองว่าชิงโจวจะด้อยกว่าเจียวเหิงโจวอยู่นิดหนึ่ง แต่ว่า ก่อนศึกล่าสังหารราชัน ทั้งชิงโจวและเจียวเหิงโจวคือสองในสิบสามทวีปที่ร้อยชาติพันธุ์สามารถมีสิทธิเท่าเทียมกับเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่าได้

เนื่องเพราะสาเหตุนี้เอง ทั้งเจียวเหิงโจวและชิงโจวจึงถูกชนรุ่นหลังจำนวนมากของร้อยชาติพันธุ์ยกย่องให้เป็นที่ที่เจริญรุ่งเรืองของร้อยชาติพันธุ์

ในบรรดาสิบสามทวีปนั้น เจียวเหิงโจวเป็นสถานที่แห่งแรกของร้อยชาติพันธุ์ได้รับสิทธิเสมอภาคกับเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่า ขณะที่ชิงโจวคือแห่งที่สองที่ร้อยชาติพันธุ์ได้รับสิทธิเสมอภาคกับเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์ทั้งสามเผ่า

ก่อนศึกล่าสังหารราชัน ประชาชนของร้อยชาติพันธุ์ล้วนแล้วแต่ต้องการอาศัยอยู่ในเจียวเหิงโจวและชิงโจว เนื่องจากทวีปทั้งสองแห่งคือที่ที่รู้สึกถึงความปลอดภัยได้มากที่สุด แน่นอนที่สุด การที่ร้อยชาติพันธุ์ได้รับความคุ้มครองเช่นนี้ได้ ล้วนแล้วแต่เป็นความพยายามของปรัชญาเมธีชนรุ่นก่อน เป็นเพราะพวกเขาที่ต่อสู้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จึงได้รับสถานะเช่นนี้มาได้

การที่ชิงโจวและเจียวเหิงโจวสามารถได้รับสิทธิเสมอภาคกับเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่าได้นั้น ต้องนับเป็นผลงานของราชันเซียนสององค์…ราชันเซียนเจียวเหิงกับราชันเซียนกู่ฉุน

ในบรรดาสิบสามทวีปนั้น เจียวเหิงโจวคือสถานที่แห่งแรกที่ร้อยชาติพันธุ์สามารถได้รับสิทธิเสมอภาคกับเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่า อีกทั้งท้ายที่สุดแล้วมันได้นำเอาชื่อของราชันเซียนเจียวเหิงมาตั้งเป็นชื่อ ซึ่งย่อมเพียงพอที่จะบ่งบอกได้ว่าราชันเซียนเจียวเหิงมีผลงานที่ยิ่งใหญ่เพียงใดแล้ว

ในอดีตทวีปเจียวเหิงโจวไม่ได้ชื่อเจียวเหิงโจว มันมีชื่อว่าไป๋โจว ต่อมาภายหลังราชันเซียนเจียวเหิงได้มาถึงแดนสิบ ราชันเซียนเจียวเหิงเอาชนะราชันทั้งเก้าได้ ด้วยผลงานที่ดุดัน เรียกได้ว่าอำนาจสยบทั่วทั้งแดนที่สิบ

กาลเวลาต่อจากนั้น ราชันเซียนเจียวเหิงเคยเกรียงไกรไปทั่วสิบสามทวีปในหลายยุคสมัยต่อมา ไม่ว่าจะผ่านไปที่ใดล้วนแล้วแต่ปราศจากผู้ต่อกร สุดท้ายราชันเซียนเจียวเหิงกระทั่งท้าดวลราชันเหยียนตี้ที่สืบทอดสิบสองชะตาฟ้า

แม้ว่าชนรุ่นหลังไม่สามารถล่วงรู้ถึงผลการต่อสู้ในครั้งนั้นได้ ไม่มีใครรู้ว่าราชันเซียนเจียวเหิงเป็นฝ่ายชนะ หรือราชันเหยียนตี้เป็นฝ่ายชนะ โดยเฉพาะต่อมาภายหลังราชันเหยียนตี้ตายด้วยสวรรค์ลงทัณฑ์ ทำให้ผลการต่อสู้ยิ่งไม่มีใครรู้อีกต่อไป

แม้ว่าจะไม่มีใครรู้ว่าผลการต่อสู้ใครเป็นผู้แพ้ผู้ชนะ แต่ว่า ภายหลัง ราชันเซียนเจียวเหิงได้เปลี่ยนชื่อไป๋โจวเป็นเจียวเหิงโจว อีกทั้งประชาชนของเจียวเหิงโจวไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่า

ราชันเหยีนนตี้ที่ยืนอยู่จุดสูงสุดไม่ได้คิดค้านการกระทำของราชันเซียนเจียวเหิง อีกทั้งจอมราชันของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่าก็ไม่มีใครก้าวออกมาคัดค้าน เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้เจียวเหิงโจวกลายเป็นสถานที่ที่ร้อยชาติพันธุ์ได้อาศัยอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข โดยร้อยชาติพันธุ์ของเจียวเหิงโจวได้ต้องอยู่ภายใต้การปกครองของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่าอีกต่อไป!

ด้วยเหตุนี้เอง ครั้งนั้นราชันเซียนเจียวเหิงเคยกล่าวเอาไว้ประโยคหนึ่งว่า “หนึ่งหัตถ์ราวีสามพันราชัน สองฝ่ามือกวาดสิ้นสิบสามทวีป!”

เนื่องเพราะคำพูดประโยคนี้ของราชันเซียนเจียวเหิงนี่เอง ดังก้องไปทั่วสิบสามทวีป ทำให้เผ่ามนุษย์ที่อ่อนแอดั่งมดปลวกได้มีวันที่ลืมตาอ้าปากได้!

ชิงโจวที่เปรียบกับเจียวเหิงโจว ชิงโจวได้กลายเป็นแห่งที่สองในบรรดาสิบสามทวีปที่ร้อยชาติพันธุ์สามารถมีสิทธิเสมอภาคกับเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่า ซึ่งระยะห่างเกิดขึ้นช้ากว่ากันไม่น้อยเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม การที่ชิงโจวสามารถกลายเป็นสถานที่ที่ประชาชนอาศัยอยู่กันอย่างมีความสุขเป็นแห่งที่สองได้นั้น ต้องยกให้เป็นผลงานยิ่งใหญ่ของราชันเซียนกู่ฉุน

ราชันเซียนกู่ฉุนคือราชันเซียนองค์แรกของเก้าแดน เขาคือผู้ได้รับการยกย่องเป็นราชันเซียนองค์แรกของเก้าแดน ระยะเวลาที่เขาขึ้นไปยังแดนสิบก่อนราชันเซียนเจียวเหิงเสียอีก

เพียงแต่หลังจากที่ราชันเซียนกู่ฉุนขึ้นไปยังแดนสิบแล้วไม่ได้เหมือนเช่นราชันเซียนเจียวเหิงที่ปราดเปรื่องน่าทึ่ง และไม่ได้เหมือนเช่นราชันเซียนเจียวเหิงที่หลังจากขึ้นไปยังแดนสิบแล้วได้ท้าดวลกับจอมราชันของสิบสามทวีปยุคแล้วยุคเล่า และเขาไม่เหมือนเช่นราชันเซียนเจียวเหิงที่เอาชนะจอมราชันของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่ามายุคแล้วยุคเล่า

แม้ว่าการมาถึงแดนสิบของราชันเซียนกู่ฉุนไม่ได้มีผลงานการสู้รบที่สะเทือนฟ้า แต่ว่า ขณะที่ราชันเซียนกู่ฉุนเพิ่งมาถึงแดนสิบนั้น เขาอยู่ในฐานะที่สูงส่งมาก

ช่วงที่ราชันเซียนกู่ฉุนเพิ่งก้าวขึ้นแดนสิบในเวลานั้น เขาเคยได้รับจอมราชันจำนวนไม่น้อยของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่าให้การยอมรับ กระทั่งราชันสวรรค์หุ้นหยวนที่เป็นผู้ครอบครองสิบสองชะตาฟ้าของสิบสามทวีปเป็นองค์ที่สอง ก็ให้ความชื่นชมต่อเขาเป็นอันมาก

เพียงแต่หลังจากราชันเซียนกู่ฉุนมาถึงแดนสิบแล้วทำตัวค่อมต่ำมาก โดยเฉพาะหลังจากที่จอมราชันหุ้นหยวนกระทำการเดินทางไกลปราบปรามครั้งสุดท้ายขึ้นเป็นครั้งที่สองแล้ว ราชันเซียนกู่ฉุนยิ่งยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวโลกภายนอกน้อยมาก มุ่งบำเพ็ญเพียรเพียงอย่างเดียว

ต่อให้สิบสามลัคนาและสี่ยอดกายเซียนยังคงอยู่ แต่พวกมันสลดและอับแสงไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสิบสามลัคนาหรือสี่ยอดกายเซียนก็ตาม พวกมันไม่ได้มีพลังเหลืออยู่อีกเลย

การที่ฐานเต๋าของหลี่ชิเย่ถูกทำลาย ทำให้เขาในเวลานี้ก็คือมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย

ความจริงแล้วการที่หลี่ชิเย่ต้องตกต่ำถึงเพียงนี้ก็ไม่แปลก ลองคิดดูภายใต้ราชันซื่อตี้และสิบสองจอมราชันชาตาฟ้าสี่สิบสาย ใครเล่าจะเอาชีวิตรอดได้? เรียกได้ว่า ภายใต้ท่าไม้ตายเช่นนี้ไม่มีผู้ใดสามารถรอดชีวิตมาได้

การที่หลี่ชิเย่สามารถฟื้นคืนชีพนับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้วหละ หากไม่เป็นเพราะหลี่ชิเย่มีสิบสามลัคนาไว้ในครอบครอง เกรงว่าผลจากการถูกทำร้ายคงติดตามรบกวนเขาไปทั้งชีวิต และทำให้เขาไม่สามารถฝึกวิชาได้อีก

สิบสามลัคนาได้สลัดสิ้นพันธนาการทุกสิ่ง มันรักษาสี่ยอดกายเซียนเอาไว้ ภายใต้สิบสามลัคนาและสี่ยอดกายเซียน ทำให้หลี่ชิเย่ฟื้นคืนชีพภายใต้รอยประทับมรณะสามารถขับเอาพิษจากการทำให้แห้งและเน่าเปื่อยให้สลายไป ทำให้พิษจากการทำให้แห้งและเน่าเปื่อยไม่สามารถรบกวนเขาชั่วชีวิต

ฐานเต๋าถูกทำลายส่งผลให้สิ่งที่หลี่ชิเย่ได้ฝึกมาก่อนหน้ามลายหายไปทั้งหมด แต่ในมุมมองของหลี่ชิเย่กลับมองว่าเป็นผลดี เขาไม่ย่อท้เอ และไม่หมดกำลังใจ มองโลกในแง่ดี

กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว การที่ฐานเต๋าถูกทำลาย สูญสิ้นสรรพวิชาไม่นับเป็นอะไร ทุกอย่างสามารถเริ่มต้นใหม่ได้กล่าวสำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องปรกติมาก และหาใช่เรื่องที่ยากเย็นแต่อย่าง

การถูกล้อมปราบโดยราชันซื่อตี้ และสิบสองจอมราชัน แม้ว่าหลี่ชิเย่จะสูญเสียฐานเต๋า สูญเสียวิชา แต่สำหรับหลี่ชิเย่แล้วมองว่า เขาได้บรรลุถึงเป้าหมายของยุทธวิธีที่ตั้งเอาไว้แล้ว

อย่างน้อยที่สุด ทำให้หลี่ชิเย่สามารถแย่งชิงชาตะฟ้าได้หกสาย จุดประกายกฎเกณฑ์สายที่สองให้สว่างสุกใสขึ้นได้

ที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาทำให้สิบสองจอมราชันได้รับความเสียหายอย่างหนัก ราชันซื่อตี้ต้องล่าถอยไปเพราะสวรรค์ลงทัณฑ์ ภายในระยะเวลาอันสั้น จอมราชันของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่าล้วนแล้วแต่ไม่กล้ามายุ่งกับเขา

ขณะเดียวกัน มีความเป็นไปได้ที่อเวจีได้ขึ้นมาแดนสิบแล้ว ซึ่งจะสร้างความกดดันให้กับราชันซื่อตี้เป็นอันมาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ควรกำจัดอีกาทมิฬที่เป็นศัตรูมายุคแล้วยุคเล่า หรือควรร่วมมือกันทำลายล้างอเวจีที่มาจากความมืด!

ไม่ว่าท้ายที่สุดพวกของราชันซื่อตี้จะเลือกอย่างไร พวกเขาก็ต้องมีเวลานั่งคุยหารือกัน ต้องมีเวลาในการตัดสินใจ

ช่วงเวลาจากนี้กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว มันคือช่วงเวลาที่เขาสบายใจและอิสระอย่างไม่ต้องสงสัย

เขามาถึงแดนที่สิบแล้ว ยุทธวิธีการรบก็บรรลุตามเป้าหมาย กล่าวได้ว่าก้าวแรกในแดนที่สิบของเขาได้ก้าวออกไปแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล