ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1754

สรุปบท ตอนที่ 1754 แผนการของเถี่ยซู่อง: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1754 แผนการของเถี่ยซู่อง – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

บท ตอนที่ 1754 แผนการของเถี่ยซู่อง ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 1754 แผนการของเถี่ยซู่อง
ความขมุกขมัวตลบอบอวล ชะตาแท้แวบปรากฏออกมา หลี่ชิเย่ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่อย่างรวดเร็ว ดูดกลืนกลิ่นอายขมุกขมัว รับเอาพลังของโลกดึกดำบรรพ์ที่ฟ้าดินยังไม่ได้แยกออกเป็นสองส่วน จากการที่หมุนเคลื่อนของเคล็ดวิชา กลิ่นอายขมุกขมัวเสมือนดั่งสายน้ำไหลที่ค่อยๆ ไหลมารวมตัวกัน

ระดับแรกของแดนที่สิบมีชื่อเรียกว่าระดับธุลีสัจธรรม ความหมายของระดับนี้ก็คือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในระดับนี้เปรียบประดุจผงธุลีบนโลกหล้าที่มีขนาดเล็กมากไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึงอย่างนั้น

ระดับธุลีสัจธรรมถือเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในโลกของผู้บำเพ็ญตน ในระดับธุลีสัจธรรมเพียงต้องการกลิ่นอายขมุกขมัวเพียงหนึ่งพันลิตรก็สามารถทะลุผ่านคอขวดของระดับนี้ขึ้นสู่ระดับที่สองระดับตะนอยสัจธรรม

ท่ามกลางสิบสามทวีปนั้น ระดับธุลีสัจธรรมเป็นระดับที่สามารถฝึกได้ง่ายมาก ผู้ที่มีสติปัญญาแย่หน่อยฝึกราวหนึ่งถึงสองปีก็สามารถก้าวข้ามระดับธุลีสัจธรรมไปได้ หากเป็นศิษย์ที่มีชาติกำเนิดมาจากสำนักเจ้าลัทธิ และฝึกเคล็ดวิชาที่ไม่เลวนัก กระทั่งหนึ่งถึงสองเดือนก็สามารถทะลุระดับธุลีสัจธรรมไปได้

สำหรับบรรดาดาวรุ่งนั้น การฝึกในระดับธุลีสัจธรรมเป็นเรื่องที่ใช้เวลาฝึกเพียงสามถึงห้าวันเท่านั้นเอง

ต่อให้เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาในโลกโลกีย์ ซึ่งไม่มีโอกาสได้ฝึกเคล็ดวิชาของแคว้นเจ้าลัทธิ พวกเขาเพียงไปหาซื้อหนึ่งในสามเคล็ดวิชาที่เป็นตำราวางขายอยู่ทั่วไปในตลาด แล้วมุ่งมั่นฝึกเข้าไปแปดหรือสิบปี ต่อให้ไม่มีใครมาคอยชี้แนะก็ตาม ก็สามารถก้าวไปถึงระดับธุลีสัจธรรมได้เช่นกัน

ด้วยสาเหตุนี้เอง ผู้บำเพ็ญตนระดับธุลีสัจธรรมในสิบสามทวีปจึงมีจำนวนมากดั่งดอกเห็ดนับกันไม่หวั่นไม่ไหว กระทั่งมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่อยู่ในระดับนี้ก็มีเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนเช่นกัน!

โต่ว (หน่วยนับในจีนยุคโบราณ โดยหนึ่งโต่วจะเทียบเท่าสิบลิตรในปัจจุบัน) คือหน่วยนับที่เป็นตัวชี้วัดว่ามีกลิ่นอายขมุกขมัวอยู่ปริมาณเท่าไร หนึ่งพันลิตรสำหรับผู้บำเพ็ญตนแล้วนับว่าเป็นจำนวนที่น้อยมาก

หลี่ชิเย่ขับเคลื่อน “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” ดูดกลืนกลิ่นอายขมุกขมัว ภายในระยะเวลาอันสั้นเพียงไม่กี่วัน เขาก็ได้ดูดกลืนความขมุกขมัวเข้าไปได้ห้าร้อยกว่าลิตร หากใช้เวลาอีกราวแปดถึงสิบวันเขาก็จะสามารถดูดกลืนกลิ่นอายขมุกขมัวได้ถึงหนึ่งพันลิตรได้ทุกเมื่อ พร้อมที่จะทะลุผ่านระดับธุลีสัจธรรมได้ทุกเวลา

“เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” ในฐานะหนึ่งในสามเคล็ดวิชาที่มีการฝึกกันแพร่หลายมากที่สุดในสิบสามทวีป แต่ว่า “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” ที่อยู่ในสถานะเหมาะแก่การฝึกสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์มากที่สุดกลับมีความก้าวหน้าในการฝึกที่เชื่องช้ามาก กระทั่งอาจกล่าวได้ว่า เคล็ดวิชาทั้งสามเป็นเคล็ดวิชาที่เชื่องช้าที่สุดในสิบสามทวีป

แต่ทว่า “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” ที่มีความเชื่องช้าในการฝึกนี้กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ไม่ได้ส่งผลกระทบแต่อย่างใด เนื่องจาก “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” คิดค้นสร้างขึ้นโดยมือของเขาเอง ในโลกนี้ยังจะมีใครที่เชี่ยวชาญและรู้ถึงความหมายที่ลึกซึ้งของ “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” มากกว่าเขาอีกรึ?

ที่สำคัญที่สุดก็คือ หลี่ชิเย่มีสิบสามลัคนาอยู่ในครอบครอง แม้ว่าสิบสามลัคนาในขณะนี้จะสลดและอับแสง แต่ว่าสิบสามลัคนายังคงอยู่ ซึ่งส่งผลให้หลี่ชิเย่สามารถหลุดพ้นจากข้อจำกัดทุกอย่าง ทำให้เขาไม่ถูกสิ่งใดสยบเอาไว้

ความจริงแล้วขอเพียงหลี่ชิเย่ต้องการ เขากระทั่งสามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกเป็นทวีคูณ กระทั่งสามารถสำแดง “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” จนอยู่ในลักษณะสูงสุดยอด ซึ่งท่ามกลางลักษณะเช่นนี้เพียงพอที่จะทำให้หลี่ชิเย่สามารถดูดกลืนกลิ่นอายขมุกขมัวได้ถึงหนึ่งพันลิตรภายในวันเดียว ทำให้เขาก้าวทะลุผ่านระดับธุลีสัจธรรมได้ภายในวันเดียว!

เพียงแต่หลี่ชิเย่ไม่เร่งรีบที่จะปรับขึ้นระดับในเวลานี้ ดังนั้น เขาจึงปล่อยให้ “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” ค่อยๆ ดูดกลืนกลิ่นอายขมุกขมัวอย่างไม่ช้าและไม่เร็ว กระทั่งเรียกว่าตลอดขั้นตอนในการดูดกลืนนั้นกระทำกันชนิดที่เรียกได้ว่าพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียด ทำการแยกเอาเฉพาะส่วนที่เป็นกลิ่นอายขมุกขมัวออกมาเท่านั้น สุดท้ายเลือกเอาส่วนที่เป็นกลิ่นอายขมุกขมัวที่บริสุทธิ์ที่สุดเอาไว้ เรียกได้ว่าตลอดขั้นตอนการฝึกหลี่ชิเย่ต้องการดีแล้วดีขึ้นไปอีก ด้วยเงื่อนไขที่โหดมาก

สองวันที่หลี่ชิเย่พักอยู่ที่สำนักต้นไม้เหล็กนี้ไม่มีใครมารบกวนเขา ขณะที่เสิ่นเสี่ยวซันก็ปรนนิบัติเขาอย่างดี สองวันมานี้เรียกได้ว่าหลี่ชิเย่แค่อ้าปากเมื่ออาหารมา และกางแขนออกไปเมื่อเสื้อผ้าถูกนำมา

หนึ่งเดียวที่รู้สึกไม่สบายใจก็คือเฮ่อเฉิน เวลานี้อาจารย์ให้ศิษย์พี่สาวไปเป็นคนรับใช้คอยปรนนิบัติหลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรภายในใจของเฮ่อเฉินก็รับไม่ได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเขาก็มองดูหลี่ชิเย่อย่างไม่สบอารมณ์

เพียงแต่ด้วยคำสั่งของเถี่ยซู่อง เฮ่อเฉินก็ไม่กล้าไปหาเรื่องหลี่ชิเย่

ครั้นล่วงเลยเข้าวันที่สาม เถี่ยซู่องที่ออกไปข้างนอกได้กลับเข้ามาสำนัก พลันที่เขากลับเข้ามาก็เข้าหาหลี่ชิเย่เพื่อหารือ ขณะที่เสิ่นเสี่ยวซันเห็นว่าอาจารย์ของนางมีเรื่องจะปรึกษาหารือกับหลี่ชิเย่ นางไม่พูดสักคำล่าถอยออกไปอย่างเงียบๆ

ท่าทีของเสิ่นเสี่ยวซันที่คล้อยตามทำให้เถี่ยซู่องรู้สึกเหนือความคาดคิดยิ่ง มีรึที่เขาในฐานะอาจารย์จะไม่รู้ว่าศิษย์ของเขามีอุปนิสัยเช่นใด? เวลานี้ เสิ่นเสี่ยวซันเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน กลายเป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่และคล้อยตาม

“ไม่เสียทีที่ท่านเป็นผู้ที่แตกต่างจากบุคคลทั่วไป ศิษย์คนนี้ของข้าเป็นผู้ที่หยิ่งยโส ขาดการขัดเกลา ไม่นึกเลยว่าเพียงแค่สองวันเท่านั้น นางก็ปฏิบัติตนต่อท่านด้วยท่าทีที่เคารพและคล้อยตาม เสน่ห์ของท่านไม่มีใครขวางได้” แม้แต่เถี่ยซู่องยังคงต้องกล่าวชื่นชมออกมาด้วยความเลื่อมใสยิ่ง

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มตามอารมณ์นิดหนึ่งและไม่ได้ใส่ใจสำหรับคำพูดเช่นนี้ของเถี่ยซู่อง เขาสามารถบ่มฟักกระทั่งราชันเซียน นับประสาอะไรกับผู้หญิงเช่นเสิ่นเสี่ยวซัน

เถี่ยซู่องถูมือไปมากล่าวต่อหลี่ชิเย่ว่า “ท่าน ข้าได้ปรึกษาหารือกับสหายเบื้องบนนั้นแล้ว อีกทั้งตระกูลราชันฉีหลินจะจัดให้มีการทดสอบขึ้นอีกครั้งหนึ่งในเร็ววันนี้ ไม่ทราบว่าท่านสามารถเดินทางได้เมื่อใด”

“สามารถเดินทางได้ทุกเมื่อ” หลี่ชิเย่กล่าวออกไปตามอารมณ์ เขาเองเตรียมตัวพร้อมที่จะไปดูที่ตระกูลราชันฉีหลินสักครั้ง แน่นอนสิ่งที่ดึงดูดความสนใจหลี่ชิเย่หาใช่ความเป็นสำนักเซียนหวางของตระกูลราชันฉีหลิน แต่เป็นสิ่งที่อยู่ในมือของตระกูลราชันฉีหลินชิ้นนั้น ซึ่งดึงดูดความสนใจของหลี่ชิเย่เป็นอย่างยิ่ง

“งั้นดี ข้าจะไปจัดการให้ท่านเดี๋ยวนี้” เถี่ยซู่องถึงกับคึกคักขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดที่มั่นใจของหลี่ชิเย่ จึงรีบเร่งกล่าวตอบ

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมยกับท่าทีตื่นตระหนกของสำนักต้นไม้เหล็ก และส่ายหน้าเบาๆ เท่านั้นเอง

“เรื่องนี้” เถี่ยซู่องทำท่าลังเลนิดหนึ่ง เมื่อเห็นว่าปลอดคน มีเพียงพวกเขาเพียงสองคนเท่านั้น เขาถึงกับหัวเราะแห้งๆ และอดทนต่อเพลิงแห่งการสอดรู้สอดเห็นที่โหมลุกไหม้ไม่ได้ ถูมือไปมา และยิ้มแห้งๆ ว่า “แหะ แหะ แหะ ท่าน เรื่องระหว่างราชันสวรรค์จ้านหวางกับน้องเมียของเขา มัน มันเป็นเรื่องอย่างไรกันรึ?”

เรื่องนี้จะไปโทษเถี่ยซู่องที่ถูกเพลิงแห่งการสอดรู้สอดเห็นที่โหมลุกไหม้ก็ไม่ถูก จอมราชัน เซียนหวาง ตลอดจนราชันเซียนของเก้าแดนคือหัวข้อสนทนาของทุกคนโดยตลอดอยู่แล้ว และเป็นประเด็นที่ทุกคนให้ความสนใจ กระทั่งเรียกได้ว่าทุกๆ ความเคลื่อนไหวของจอมราชัน เซียนหวาง ตลอดจนราชันเซียนของเก้าแดนล้วนแล้วแต่ สัมพันธ์กับความรุ่งเรืองหรือตกต่ำของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์ และร้อยชาติพันธุ์ ดังนั้น ใครบ้างหละที่จะไม่สนใจ

สำหรับหัวข้อสนทนาเรื่องน้องเมียยิ่งไม่มีเสื่อมคลายตลอดกาลอยู่แล้ว เมื่อเอ่ยถึงหัวข้อสนทนาเรื่องน้องเมียแล้ว ไม่รู้ว่าได้ทำให้บุรุษจำนวนเท่าไรที่ต้องมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในสมองอย่างไม่ขาดสาย ดังนั้น หากจอมราชันจ้านหวางมีอะไรกับน้องเมียล่ะก็ ย่อมต้องทำให้เพลิงแห่งการสอดรู้สอดเห็นโหมลุกไหม้ขึ้นในหมู่ผู้บำเพ็ญตนนับล้านล้านของสิบสามทวีปได้อย่างแน่นอน

“ไม่ได้เป็นอย่างความคิดที่สอดรู้สอดเห็นของเจ้าขนาดนั้น” หลี่ชิเย่ส่ายหน้า ยิ้มและกล่าวว่า “เพียงแต่ครั้งนั้นราชันเซียนหวานซื่อได้ล่อลวงน้องเมียของราชันสวรรค์จ้านหวางเท่านั้นเอง ราชันสวรรค์จ้านหวางโกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟ และลั่นวาจาว่าจะตามสังหารราชันเซียนหวานซื่อกระทั่งไม่มีที่ยืนในสิบสามทวีป”

“ราชันเซียนหวานซื่อล่อลวงน้องเมียของราชันสวรรค์จ้านหวาง” เถี่ยซู่องถึงกับร้องเสียงดังออกมาเมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้ เมื่อรับรู้ได้ว่าตัวเองเสียมารยาท จึงรีบกดโทนเสียงให้ต่ำลง

กล่าวสำหรับเถี่ยซู่องแล้ว ข่าวลือที่ไม่เป็นทางการและน้อยคนที่รับรู้ ย่อมร้อนแรงและน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าเรื่องที่ราชันสวรรค์จ้านหวางมีข่าวเรื่องชู้สาวกับน้องเมียเสียอีก

“ต้องทำตื่นเต้นขนาดนี้เลยรึ?” หลี่ชิเย่ยิ้มพลางส่ายหน้า และยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “เรื่องราวที่เป็นความจริงของราชันเซียนหวานซื่อมีการร่ำลือกันในสิบสามทวีปมานานแล้ว เพียงแต่เวลาผ่านมานานมากเกินไป ผู้คนจำนวนมากได้ลืมเลือนกันไปแล้ว และน้อยคนที่ไปเอ่ยถึงเท่านั้นเอง”

“เหอะ เหอะ เหอะ เป็นข้าที่หูตาแคบเสียแล้ว” เถี่ยซู่องยังคงมีเพลิงแห่งการสอดรู้สอดเห็นที่โหมลุกไหม้อยู่ พูดเสียงแผ่วเบาว่า “ราชันเซียนหวานซื่อทำเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาจริงรึ?”

แม้ว่าเถี่ยซู่องจะมีความรู้ประสบการณ์แค่หางอึ่ง เรื่องราวจำนวนมากเพียงได้ยินเขาเล่าต่อๆ กันมา แม้ว่าจะเป็นดังนี้ก็ตาม เขาก็เคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับราชันเซียนหวานซื่อมาบ้าง

ราชันเซียนหวานซื่อคือราชันเซียนองค์แรกของเผ่ามนุษย์ศิลา และนับเป็นราชันเซียนที่มาแดนสิบในลำดับต้นๆ เล่าลือกันว่า หลังจากที่ราชันเซียนหวานซื่อมาถึงแดนสิบแล้วได้ชอบเกาะแกะผู้หญิงไปทั่ว มีทายาทในแดนสิบจำนวนไม่น้อยทีเดียว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล