เมืองฉีหลินถูกสร้างขึ้น ณ บริเวณป่าที่เปลี่ยวและกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาแห่งหนึ่ง อาณาบริเวณของเมืองฉีหลินครอบคลุมพื้นที่ราวหนึ่งหมื่นลี้ มองเห็นกำแพงเมืองฉีหลินที่สูงเทียมฟ้า ก่อสร้างขึ้นมาด้วยโลหะวิเศษส่งประกายเยือกเย็นระยิบระยับ ด้วยกำแพงเมืองที่มีความแข็งแรงเช่นนี้ สามารถต้านการรุกล้ำเข้ามาของสัตว์บกและสัตว์ปีกดุร้ายที่อยู่นอกเมือง
เมื่อเปรียบเทียบระหว่างป่าเปลี่ยวนอกเมืองกับภายในเมืองแล้ว จะเห็นได้ว่าภายในเมืองมีความคึกครื้นที่ไม่ธรรมดา เป็นโลกที่กว้างใหญ่มาก ภายในเมืองไม่เพียงมีภูเขาที่ทอดยาวขึ้นลงขณะเดียวกันภายในเมืองยังปรากฎตึกรามบ้านช่องที่เรียงกันเป็นตับอย่างหนาแน่น ขณะเดียวกัน ถนนหนทางแต่ละสายที่สร้างขึ้นโดยปูด้วยหินเชื่อมต่อไปยังภูเขาและหุบเขา ยังมีสะพานยาวที่ทอดข้ามระหว่างภูเขาลูกหนึ่งกับหุบเขาไปยังภูเขาอีกลูกหนึ่ง
ภายในเมืองฉีหลินสามารถมองเห็นตึกปลูกสร้างขึ้นโดยอิงกับภูเขา และยังมีวิหารขนาดใหญ่ที่สร้างอยู่บนยอดเขา ยิ่งกว่านั้น ยังมีหอโบราณที่แขวนอยู่บนท้องฟ้า…ซึ่งนับเป็นสิ่งประดับให้กับเมืองฉีหลิน ทำให้ภาพรวมของเมืองฉีหลินแลดูมีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งและใหญ่โตอลังการ
บนถนนหนทาง บนสะพานที่ทอดยาวเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา แลดูคึกคักยิ่งนัก หลายคนที่เพิ่งได้เคยมาที่เมืองฉีหลินเป็นครั้งแรก ก็จะตะลึงหวั่นไหวกับความเจริญรุ่งเรืองอลังการ และเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ติดตรึงใจยิ่งนัก
“เมืองฉีหลิน” หลี่ชิเย่มองดูเมืองฉีหลินแล้วถึงกับปลงอนิจจัง เรื่องบางเรื่อง บุคคลบางคน เวลานี้ล้วนแล้วแต่ผุดขึ้นมากลางใจ
ชิงโจวมีสถานะเป็นแหล่งพักอาศัยที่ใหญ่เป็นอันดับสองของร้อยชาติพันธุ์ ผืนแผ่นดินผืนนี้เคยทิ้งร่องรอยที่เป็นรอยเท้าของอีกาทมิฬเอาไว้ ขณะเดียวกัน เมืองฉีหลินก็มีรอยเท้าของเขาทิ้งเอาไว้เช่นกัน
เมื่อเสิ่นเสี่ยวซันมองเห็นท่าทางของหลี่ชิเย่แล้วถึงกับเอ่ยถามขึ้นมาว่า “คุณชายเคยมาที่เมืองฉีหลินรึ?”
เวลานี้เสิ่นเสี่ยวซันเคยชินการการเรียกเช่นนี้กับหลี่ชิเย่แล้ว หากเป็นอดีตให้นางเรียกคนที่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งคงเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ แต่ว่า เวลานี้นางรู้สึกว่าไม่เห็นจะไม่เหมาะสมตรงไหน
แน่นอน เฮ่อเฉินย่อมมีความเห็นต่างกับการที่ศิษย์พี่สาวเรียกขานเช่นนี้ แต่เมื่อศิษย์พี่ยืนยันจะทำเช่นนี้ เฮ่อเฉินเองก็จนด้วยเกล้า ทำได้แค่รู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งต่อหลี่ชิเย่เท่านั้น
“เคยมาหลายครั้ง” หลี่ชิเย่กล่าวเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกของเสิ่นเสี่ยวซันย่อมไม่รู้ว่าเขาเคยสร้างวีรกรรมที่ลือลั่นสะเทือนฟ้าดินบนผืนแผ่นดินผืนนี้มา
“เช่อะ จะคุยโตโอ้อวดก็ไม่คิดให้รอบคอบเสียก่อน” เฮ่อเฉินส่งเสียงแสดงความรู้สึกดูแคลนออกมา และกล่าวว่า “ระยะทางจากแคว้นซีถัวมายังเมืองฉีหลินห่างไกลยิ่งนัก อย่าว่าแต่เจ้าที่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเลย ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญตนธรรมดาคนหนึ่งทั้งชาติก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเดินทางจากแคว้นซีถัวไปถึงเมืองฉีหลินได้! ขอร้อง คราวหน้าหากคิดจะโอ้อวดล่ะก็ ทางที่ดีควรให้มันรอบคอบสักหน่อย อย่าให้เขาจับได้ง่ายๆ”
คำพูดของเฮ่อเฉินใช่จะไม่มีเหตุผล การเดินทางจากสำนักต้นไม้เหล็กมาที่เมืองฉีหลิน ถ้าหากลำพังอาศัยสือโส่วที่เป็นอาจารย์อาของพวกเขาพาเหาะเหินไปก็ต้องใช้เวลาที่ยาวนานมาก ดังนั้น พวกเขาจึงต้องอาศัยทางผ่านจากสำนักเจ้าลัทธิ โดยใช้เงินแลกกับการอาศัยประตูมิติส่งพวกเขาไปยังบริเวณใกล้เคียงของเมืองฉีหลิน มิฉะนั้นล่ะก็ พวกเขาต้องใช้เวลานานมากๆ จึงจะไปถึงเมืองฉีหลินได้
“ศิษย์น้อง พูดแบบนี้ก็ไม่ถูก” เสิ่นเสี่ยวซันกลับเชื่อในคำพูดของหลี่ชิเย่โดยไม่สงสัย นางกล่าวปกป้องหลี่ชิเย่ว่า “ท่านมีความรู้ไร้ผู้เทียบเทียม สามารถได้รับการยอมรับให้ความสำคัญทุกที่ ด้วยความสามารถของท่าน การจะขอประตูมิติเพื่อไปยังเมืองฉีหลิน เกรงว่าคงมีสำนักเจ้าลัทธิที่ยินยอม”
“ฮึ คำพูดแบบนี้ใครจะเชื่อ แค่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งคิดจะได้รับการยอมรับให้ความสำคัญจากสำนักเจ้าลัทธิ ไหนเลยจะง่ายดายปานนั้น” เฮ่อเฉินถึงกับส่งเสียงแสดงความไม่พอใจออกมา และรู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก กับการที่ศิษย์พี่เหมือนต้องมนต์สะกดให้ความเคารพและคล้อยตามหลี่ชิเย่ถึงเพียงนี้ และเขาก็รู้สึกว่ามันไม่น่าเป็นไปได้
เนื่องจากเฮ่อเฉินไม่ได้อยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ และสัมผัสกับหลี่ชิเย่น้อยมากเขาจึงไม่สามารถเข้าใจในตัวของหลี่ชิเย่ได้ ดังนั้น เขาจึงมองว่าทั้งอาจารย์และศิษย์พี่ต่างให้เความเคารพต่อหลี่ชิเย่ถึงเพียงนี้คล้ายดั่งต้องมนค์สะกดอย่างนั้น นับเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ
เพียงแต่อาจารย์มีคำสั่งเอาไว้ก่อนหน้า ต่อให้เฮ่อเฉินไม่สบอารมณ์อย่างไรก็ไม่กล้าทำอะไรกับหลี่ชิเย่ อย่างมากแค่อาศัยคำพูดที่เชือดเฉือนเท่านั้น
แน่นอนที่สุด หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมยกับคำพูดของเฮ่อเฉิน ขี้คร้านจะไปสนใจ
“พวกเราเข้าไปในเมืองหาที่พักเอาไว้ก่อน รอให้ศิษย์พี่มาสมทบกับพวกเรา” สือโส่วในฐานะอาจารย์อา แม้ว่าจะพูดน้อยแต่ผู้เยาว์ยังคงเคารพเขามาก ดังนั้น หลังจากที่เขาพูดคำๆ นี้ออกมาแล้ว เฮ่อเฉินก็ไม่อยากทะเลาะกับศิษย์พี่อีกต่อไป ติดตามสือโส่วเข้าไปในเมือง
สือโส่วพาพวกของหลี่ชิเย่เข้าไปในเมืองฉีหลิน พลันที่ก้าวเท้าเข้าไปยังเมืองฉีหลินก็สามารถรับรู้ถึงความคึกคักของเมืองฉีหลินได้ทันที โลกของมนุษย์ปุถุชนที่กว้างใหญ่มากโชยเข้ามาปะทะใบหน้า ภาพความเจริญรุ่งเรืองของเมืองฉีหลินสามารถดึงดูดยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากได้ลึกซึ้งอย่างแท้จริง โดยเฉพาะบรรดาผู้บำเพ็ญตนที่มาจากสำนักขนาดเล็กคงเที่ยวเพลินจนลืมกลับบ้านเลยทีเดียว
ความจริงแล้วนับแต่อดีตเป็นต้นมา มีผู้คนจำนวนเท่าไรที่จิตบำเพ็ญเพียรต้องสั่นคลอนอัน เนื่องจากเมืองมนุษย์ปุถุชนขนาดใหญ่เช่นนี้ จนลืมและละเลยการบำเพ็ญเพียร ดิ้นทุรนทุรายอยู่ท่ามกลางโลกีย์มนุษย์โดยที่ทักษะด้านบำเพ็ญเพียรไม่ขยับแม้แต่น้อย
ถึงแม้เสิ่นเสี่ยวซัน และเฮ่อเฉินสองศิษย์พี่ศิษย์น้องจะไม่ได้มาที่เมืองฉีหลินเป็นครั้งแรก แต่ว่าความเจริญรุ่งเรืองและความน่าเกรงขามของเมืองฉีหลินยังคงเต็มไปด้วยความน่าสนใจ พวกเขาถึงกับต้องมองดูมากเป็นพิเศษ เสิ่นเสี่ยวซันที่เป็นผู้หญิงยังมีความสำรวมอยู่บ้าง ขณะที่เฮ่อเฉินไม่มีความสำรวมเลย ต่อให้ตัวเขาที่มีความหยิ่งยโสในตัวอยู่บ้าง เวลานี้ก็เสมือนดั่งเป็นบ้านนอกเข้ากรุงเป็นครั้งแรกอย่างนั้น ถึงกับมองซ้ายแลขวา ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความน่าสนใจ
สือโส่วที่อยู่ในฐานะผู้อาวุโสดีกว่าเสิ่นเสี่ยวซันและเฮ่อเฉินมากทีเดียว อย่างไรเสียเขาเคยมาที่เมืองฉีหลินมากครั้งกว่าผู้เยาว์ทั้งสองมาก ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยอายุของเขาจึงทำอะไรดูมีความเป็นผู้ใหญ่และหนักแน่นกว่า แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม เมื่อพบเจอเรื่องของของวิเศษประหลาดเขาก็อดที่จะเข้าไปมองดูบ้างไม่ได้
ขณะที่หลี่ชิเย่ที่พวกเขามองว่าเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเมื่อเปรียบกับพวกของสือโส่วสามคนแล้ว กลับดูสงบนิ่งกว่ากันมาก การก้าวเดินบนถนนหนทางของเมืองฉีหลินของหลี่ชิเย่นั้น ดุจดั่งเดินเล่นในสวนหลังบ้านของตน มีความเป็นอิสระและตามอารมณ์ กล่าวสำหรับเขาแล้ว เมืองฉีหลินไม่มีอะไรแปลกใหม่ เมืองโบราณที่ใหญ่กว่าเมืองฉีหลินมากกว่าและสะเทือนหวั่นไหวมากกว่าเขาก็เห็นมามากแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...