สือโส่วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ฝืนเข้าไปแสดงความคารวะ กล่าวด้วยท่าทีเคารพนอบน้อมว่า “ไม่ทราบว่าเหลียงจวิ้นหวัง (ตำแหน่งรองจากหวังหรืออ๋อง) เสด็จมาไม่ทันได้ต้อนรับ โปรดประทานอภัย โปรดประทานอภัย”
“ตาเฒ่าสือ ที่นี่ไม่ใช่แคว้นซีถัว เจ้ากับข้าต่างกับอยู่ข้างนอก ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้” ชายหนุ่มท่าทีหยิ่งยโส กล่าวเย้ยหยันออกมา
ที่แท้ชายหนุ่มนี้มีชื่อว่าเหลียงยี่หาน เป็นจวิ้นหวังของแคว้นซีถัว เขาเป็นคนสนิทขององค์รัชทายาทแคว้นซีถัว มีฐานะที่สูงส่งในแคว้นซีถัว
ขณะที่สำนักต้นไม้เหล็กเป็นเพียงสำนักขนาดเล็กเท่านั้นเอง แค่จวิ้นหวังคนหนึ่งของแคว้นซีถัวก็สามารถกดดันสำนักต้นไม้เหล็กพวกเขาจนหายใจไม่ออกอยู่แล้ว
สือโส่วเองไม่กล้าพูดอะไรมากกับการเยาะเย้ยถากถางของเหลียงยี่หาน ลำพังแค่เหลียงยี่หานตรงหน้าก็คือระดับราชาสัจธรรม ทักษะยุทธสูงกว่าเขาอยู่ไม่น้อย และมีเพียงยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักต้นไม้เหล็ก หรือก็คือเจ้าสำนักเถี่ยซู่องที่สามารถเทียบกับเขาได้
ขณะที่ยอดฝีมือเช่นเหลียงยี่หานในแคว้นซีถัวมีอยู่จำนวนไม่น้อย ดังนั้น หากแคว้นซีถัวต้องการทำลายล้างสำนักต้นไม้เหล็กเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก
“ได้ยินมาว่าระยะนี้เจ้าสำนักพวกเจ้าธุระยุ่งเหยิงจนไม่มีสิ้นสุด เดินสายเชื่อมสัมพันธ์ไปทั่ว” เหลียงยี่หานทำหน้าเย็นชา กล่าวน่าครั่นคร้ามออกมา
สื่อโส่วถึงกับเย็นวาบในใจเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ เข้าใจได้ว่าฝ่ายตรงข้ามมาด้วยเรื่องนี้ ดูท่าแคว้นซีถัวคงเฝ้าจับตาไปทั่วแคว้น ขอเพียงมีความเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อยก็ยากจะรอดพ้นสายตาของพวกเขาไปได้
“จวิ้นหวังกล่าวหนักไปแล้ว” สือโส่วรีบเร่งกล่าวตอบว่า “ศิษย์พี่เพียงไปพบกับสหายเก่าเท่านั้น ศิษย์พี่มีอายุมากแล้ว ดังนั้น เขาจึงไปพบกับสหายต่างๆ ด้วยเขาเกรงว่าอาจจะมีชีวิตได้ไม่นานนัก จะไม่ทันได้ร่ำลากัน”
เถี่ยซู่องเชื่อมสัมพันธ์กับคนที่อยู่เบื้องบน หวังอาศัยสิ่งนี้เชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลราชันฉีหลิน ซึ่งเป็นสิ่งที่แคว้นซีถัวไม่ต้องการเห็นมากที่สุด ภายใต้เขตอิทธิพลของตนไหนเลยจะปล่อยให้ผู้อื่นมายึดครองได้อย่างใด! ดังนั้น แคว้นซีถัวจึงมีทีท่าจะทำการสยบสำนักต้นไม้เหล็กเอาไว้ เพียงแต่แคว้นซีถัวยังไม่มั่นใจว่าสำนักต้นไม้เหล็กในเวลานี้ได้เชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลราชันฉีหลินได้แล้วหรือไม่อย่างไร ดังนั้น แคว้นซีถัวจึงไม่กล้าลงมือโดยง่ายดาย
ด้วยเหตุนี้เอง พวกของเหลียงยี่หานจึงได้มาปรากฏตัวขึ้นที่เมืองฉีหลิน จุดประสงค์ของพวกเขาก็เพื่อต้องการสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง
กล่าวสำหรับเถี่ยซู่อง และหรือสำนักต้นไม้เหล็กแล้ว พวกเขากระหายให้มีโอกาสทะลุทะลวงฝ่าออกไป มิฉะนั้นแล้ว สำนักต้นไม้เหล็กของพวกเขามีโอกาสถูกแคว้นซีถัวทำลายล้างได้ทุกเวลา อีกทั้งการทำลายล้างสำนักต้นไม้เหล็กอาจเป็นไปอย่างเงียบเชียบ กระทั่งไม่มีใครกล่าวขวัญถึง ด้วยเหตุนี้เอง เถี่ยซู่องจึงรีบเร่งที่จะเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลราชันฉีหลินให้ได้!
“อย่างนั้นรึ?” แววตาของเหลียงยี่หานส่งประกายเยือกเย็นออกมา กล่าวน่าเกรงขามว่า “เขามีอายุมากแล้วจริงๆ และคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแล้วจริงๆ กลับไปเตือนเขาว่า ให้ตระเตรียมงานศพให้ดี เดี๋ยวลูกหลานจะไม่มีโอกาสแสดงความกตัญญูได้เต็มที่!” ครั้นกล่าวมาถึงตรงนี้ แววตาเผยปณิธานการฆ่าให้เห็น
สีหน้าของสือโส่วแปรเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของเหลียงยี่หาน เสิ่นเสี่ยวซันและเฮ่อเฉินก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเช่นกัน นี่เป็นการข่มขู่ซึ่งหน้าที่โจ่งแจ้ง กระทั่งเรียกได้ว่ามันคือความจริงแล้ว เพียงรอให้สบโอกาส เกรงว่าแคว้นซีถัวจะต้องลงมือสังหารเถี่ยซู่องเป็นแน่แท้!
“เหอะ เหอะ เหอะ จวิ้นหวังพูดเล่น พูดเล่นแล้ว” สือโส่วรีบข้ามหัวข้อสนทนานี้ไป ไม่ต้องการพูดถึงมันอีก กวักมือต่อเสิ่นเสี่ยวซันและเฮ่อเฉิน และกล่าวว่า “พวกเจ้าสองคนรีบมาคารวะต่อจวิ้นหวัง”
เสิ่นเสี่ยวซันและเฮ่อเฉินแม้จะไม่เต็มใจอย่างยิ่งแต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เข้าไปแสดงความคารวะ
เหลียงยี่หานไม่มองหน้าเฮ่อเฉินเลยสักนิด จ้องมองแต่เสิ่นเสี่ยวซัน และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ตาเฒ่าสือ สำนักต้นไม้เหล็กพวกเจ้าไม่รู้จักกาลเทศะเอาเสียเลย หรือว่าเรื่องเช่นนี้ก็ต้องรอให้องค์รัชทายาทออกปากอย่างนั้นรึ? แม่นางเสิ่นพวกเจ้าสมควรส่งตัวไปยังองค์รัชทายาทนานแล้ว! เอาเถอะ งั้นข้าจะออกปากแทนองค์รัชทายาทก็แล้วกัน…”
“…บังเอิญองค์รัชทายาทก็ประทับอยู่ที่เมืองฉีหลินเหมือนกัน ท่านเสด็จออกมาข้างนอกข้างกายปราศจากผู้ที่คอยปรนนิบัติ ให้แม่นางเสิ่นไปปรนนิบัติองค์รัชทายาทก็แล้วกัน ช่วยล้างเท้าและอุ่นเตียงให้กับองค์รัชทายาท หากองค์รัชทายาทโปรดปราน ประทานให้เจ้าได้ปรนนิบัติสักคืนหนึ่ง!” เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้แล้ว เหลียงยี่หานหัวเราะชั่วร้ายออกมา
เมื่อเหลียงยี่หานกล่าวคำนี้ออกมา ทำให้สีหน้าของพวกสือโส่วทั้งสามคนเปลี่ยนไปทันที โดยเฉพาะเสิ่นเสี่ยวซันพลันมีสีหน้าที่แดงก่ำ โกรธเคืองยิ่งนัก
“ฟิวว” ในเวลานี้เอง ปรากฏขวดหยกใบหนึ่งถูกขว้างเข้ามา พุ่งตรงไปยังใบหน้าของเหลียงยี่หาน แต่ว่าเหลียงยี่หานสะบัดแขนเสื้อนิดหนึ่ง “ปัง” ปัดเอาขวดหยกนี้เบี่ยงออกไปกระทบกับพื้นจนแตกละเอียด
“ขวดหยกราคาห้าสิบล้าน!” เฮ่อเฉินถึงกับร้องเสียงแหลมออกมาด้วยความตระหนกจนหน้าถอดสี เมื่อเห็นขวดหยกที่แตกละเอียดบนพื้น พวกเขาหันมองไปยังที่มา ปรากฏว่าคนที่ขว้างขวดหยกใบนี้ก็คือหลี่ชิเย่นั่นเอง
เวลานี้ พวกของสือโส่วต่างยืนเซ่อดั่งไก่ตาแตก ไม่สามารถเรียกสติกลับมา พลันทำให้ขวดหยกราคาห้าสิบล้านแตกละเอียด คราวนี้เป็นการก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมาแล้ว
“บังอาจ เจ้าเป็นใคร!” เมื่อเหลียงยี่หานเห็นว่าหลี่ชิเย่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น พลันมีแววตาที่น่าเกรงขามและเผยปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวออกมา หากไม่เป็นเพราะอยู่ที่เมืองฉีหลิน เขาจะไม่พูดคำๆ นี้ออกมา แค่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง จัดการสังหารเสียก็สิ้นเรื่อง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...