แม้ว่าเซิ่นเหล่าลิ่วจะไม่รู้ถึงประวัติความเป็นมาของหลี่ชิเย่ แต่เขาเข้าใจว่านี่คือยักษ์ใหญ่ เป็นยักษ์ใหญ่ที่สามารถบดบังท้องฟ้าได้ คนอื่นชั่วชีวิตก็ไม่สามารถพบเจอกับผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นนี้ได้ เรียกได้ว่าการได้พบเจอกับผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นนี้ เป็นวาสนาที่หาไม่ได้ในชั่วชีวิต สามารถได้รับการประทานมาคำๆ เดียวเช่นนี้ ก็คือโชควาสนาที่สั่งสมกันมาสามชาติแล้ว
ดังนั้น ตัวเซิ่นเหล่าลิ่วเองก็รู้จักประมาณตน และรู้จักกาลเทศะ หลังจากได้ยินคำๆ นี้จากหลี่ชิเย่แล้ว จึงจากไปอย่างลิงโลดและไม่กล้ามารบกวนหลี่ชิเย่อีกเลย
สือโสว่มองเห็นภาพนี้แล้วต้องนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ทันใดนั้น เขารู้สึกว่าเซิ่นเหล่าลิ่วมีฝีมือสูงกว่าพวกเขามากเลยทีเดียว ในเวลานี้เขาจึงเข้าใจว่าหลี่ชิเย่น่ากลัวยิ่งกว่าที่เขาคิดเสียอีก อีกทั้งเซิ่นเหล่าลิ่วสามารถมองออกได้ทันที และแทรกตัวเข้าไปอยู่ในใจของหลี่ชิเย่ ทำให้เขาสามารถเกาะขาของหลี่ชิเย่เอาไว้
แม้ว่าศิษย์พี่ของเขาจะชื่นชมคนมีฝีมือ แต่โลกทัศน์ของเขาก็มีจำกัด ศิษย์พี่ของเขาแค่สามารถมองออกว่าหลี่ชิเย่มีวิชาความรู้ที่ปราศจากผู้เทียบเทียมเท่านั้น แต่หลังจากที่ติดตามหลี่ชิเย่ในหลายวันที่ผ่านมาแล้ว สือโส่วจึงได้เข้าใจว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้มีเพียงแค่นี้
แม้ว่าขณะนี้หลี่ชิเย่จะอยู่ด้วยกันกับพวกเขา แต่สือโส่วรู้ตัวดีว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้มองสำนักต้นไม้เหล็กอยู่ในสายตาเลย เพียงแต่หลี่ชิเย่เห็นแก่ความนอบน้อมของศิษย์พี่เท่านั้นเอง ซึ่งแตกต่างจากเซิ่นเหล่าลิ่วที่ได้รับการประทานชื่นชมมาคำหนึ่ง
ครั้นนึกถึงตรงนี้แล้ว สือโส่วถึงกับนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ทอดถอนภายในใจเบาๆ โลกทัศน์มักจะเป็นตัวตัดสินโชคชะตาเสมอๆ ถ้าหากพวกเขาย่อมลดทิฐิแต่แรก ไม่แน่นักอาจสามารถเกาะหลี่ชิเย่เอาไว้ แต่มาบัดนี้ ไม่แน่ว่าหลี่ชิเย่จะมองเห็นความสำคัญของพวกเขาอีก
สำหรับเฮ่อเฉินเวลานี้ไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว ก่อนหน้านั้นเขายังมีความทะนงตน อยู่หลายส่วน ยังมีความรู้สึกว่าตัวเองโดดเด่นเหนือกว่า อย่างน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้ามนุษย์ปุถุชนธรรมดา เวลานี้กระทั่งระดับเซิ่นเหล่าลิ่วยังโขกศีรษะให้กับหลี่ชิเย่ พวกเขายังจะมีความรู้สึกเหนือกว่าได้อย่างไร?
สำหรับเสิ่นเสี่ยวซัน นัยน์ตาที่สดใสของนางจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ ท่ามกลางนัยน์ตาของนางผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ายอดเยี่ยมกว่าใครๆ นางรู้สึกภูมิใจไปด้วย
“เอาหละ ไปกันเถอะ ไปดูซิว่าสามารถหาของดีๆ ได้บ้างหรือไม่” หลี่ชิเย่ยิ้มไปตามอารมณ์ พาพวกของเสิ่นเสี่ยวซันไปจากที่ตรงนี้
เมืองประจิมคือตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองฉีหลิน ที่ถูกต้องบอกว่าเมืองประจิมเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่โตมโหฬาร โดยที่สิ่งปลูกสร้างขนาดมหึมานี้กินพื้นที่เป็นร้อยลี้ ท่ามกลางสิ่งปลูกสร้างที่มีขนาดมหึมานี้ประกอบด้วยร้านค้าที่ต่อเนื่องกันไปไม่ขาดนับจำนวนไม่ถ้วน
ณ ที่ตรงนี้ ท่ามกลางพื้นที่ที่กว้างขวางเป็นร้อยลี้ของเมืองประจิม มีร้านค้าตั้งเรียงรายกันอย่างหนาแน่น เป็นแหล่งรวบรวมสินค้าจากทั่วทุกที่ กระทั่งมีคำพูดคำหนึ่งในชิงโจวที่กล่าวเอาไว้ว่า ไม่มีสินค้าใดๆ ที่ซื้อหาไม่ได้ภายในเมืองประจิม อยู่ที่ว่าจะมีศิลาขมุกขมัวอย่างเพียงพอหรือไม่!
เมืองประจิมที่เป็นศูนย์รวมสินค้าจากทั่วทุกพื้นที่ เริ่มตั้งแต่แผงขายสินค้าที่มีราคาถูกที่สุด จนกระทั่งถึงราคาที่สะเทือนฟ้าอย่างสุดยอดเคล็ดวิชาลับ ก็สามารถหาซื้อได้จากเมืองประจิม ขอเพียงในกระเป๋ามีศิลาขมุกขมัวเพียงพอ คิดอยากจะซื้ออะไรก็สามารถหาซื้อได้
เมืองประจิมมีขนาดกว้างขวางใหญ่โตยิ่งนัก และที่ตรงนี้ก็มีของล้ำค่าจำนวนนับไม่ถ้วนวางจำหน่าย และสถานที่เช่นนี้เรียกได้ว่าเงินทองที่หมุนเวียนมากจนน่าตกใจ เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนต้องอิจฉาตาร้อน
แต่ว่า ในเมืองประจิมไม่มีใครกล้าก่อเรื่อง ยิ่งไม่มีใครกล้าบังคับซื้อขาย เนื่องจากเบื้องหลังของเมืองประจิมก็คือจักรวรรดิราชันฉีหลินนั่นเอง!
ใครกล้าก่อเรื่องขึ้นที่เมืองประจิม เท่ากับเป็นการทำลายการค้าของตระกูลราชันฉีหลิน เท่ากับเป็นการทุบหม้อข้าวเหล็กของตระกูลราชันฉีหลิน ผลที่เกิดขึ้นย่อมสุดจะคาดคิด
เมื่อหลี่ชิเย่พาพวกเสิ่นเสี่ยวซันมาถึงเมืองประจิมนั้น ทั้งเฮ่อเฉินและเสิ่นเสี่ยวซันต่างถูกภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำให้สะเทือนหวั่นไหว พวกเขาคล้ายดั่งคนบ้านนอกเข้ากรุงที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกอย่างนั้น
แม้ว่าทั้งเฮ่อเฉินและเสิ่นเสี่ยวซันไม่ได้มาที่เมืองฉีหลินเป็นครั้งแรก แต่ว่าพวกเขาเพิ่งเคยมาเมืองประจิมเป็นครั้งแรก ดังนั้น ท่าทีและสภาพจิตขณะมาถึงเมืองประจิมนั้น ย่อมสามารถประเมินได้อยู่แล้ว
เมื่อเดินเข้าไปภายในเมืองประจิม ผู้คนจำนวนเท่าไรที่มีประสบการณ์กว้างไกลก็ต้องรู้สึกละลานตาไปกับของที่สวยงามมากมายจนตาลาย สำหรับผู้บำเพ็ญตนที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกยิ่งต้องอ้าปากค้าง ยากจะได้สติกลับมาจากปริมาณสินค้าจำนวนมหาศาลเหล่านี้
ผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่มีชาติกำเนิดจากสำนักขนาดเล็กเมื่อได้เห็นเมืองประจิมแล้ว จึงเข้าใจอย่างแท้จริงว่า สำนักของตนนั้นช่างยากจนอะไรอย่างนั้น จึงเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าสำนักของตนช่างขาดแคลนเรื่องของทรัพยากรเหลือเกิน
พูดได้อย่างเต็มปากว่า สินค้าที่มีอยู่ในร้านค้าร้านใดร้านหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเมืองประจิม มีจำนวนมากกว่าธาตุแท้ภายในของสำนักขนาดเล็กมากมายนัก กระทั่งร้านค้าบางแห่งถึงกับมีสิ่งของของจอมราชันเป็นสินค้าวิเศษประจำร้าน
ลองคิดดู แคว้นเจ้าลัทธิบางแคว้นยังไม่สามารถมีสิ่งของของจอมราชันไว้ในครอบครอง เวลานี้ ภายในเมืองประจิมกลับมีร้านค้าที่มีสิ่งของของราชันเป็นของวิเศษประจำร้าน ซึ่งเมื่อมองจากมุมมองอีกมุมหนึ่ง ย่อมมองออกได้ว่า ธาตุแท้ภายในของตระกูลราชันฉีหลินมากมายขนาดไหน
จะอย่างไรเสีย ตระกูลราชันฉีหลินคือหนึ่งสำนักสามเซียนหวังอีกทั้งยังมีเซียนหวังสององค์ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ด้วยธาตุแท้ภายในเช่นนี้ เป็นสิ่งที่บรรดาแคว้นเจ้าลัทธิไม่สามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว
.การเดินอยู่ท่ามกลางเมืองประจิม ได้เห็นของล้ำค่า แร่ศักดิ์สิทธิ์ที่สวยงามจำนวนมากมายเช่นนี้ ทำให้เฮ่อเฉินและเสิ่นเสี่ยวซันแทบไม่อยากละสายตากลับมา ต่อให้ทั้งเฮ่อเฉิน และเสิ่นเสี่ยวซันต้องการจะแกล้งแสดงออกให้เห็นว่าเป็นผู้ที่มาเดินซื้อสินค้าในเมืองประจิมเป็นประจำก็ตาม แต่ว่า ภายใต้อารมณ์ที่ถูกทำให้ต้องสะเทือนหวั่นไหวนี้คิดจะแสร้างทำก็ทำไม่ได้
“พวกเรามาทำอะไรที่นี่หละ? ซื้อหาของวิเศษรึ?” เสิ่นเสี่ยวซันเอ่ยถามหลี่ชิเย่เสียงแผ่วเบา เวลานี้นางพูดขึ้นมาโดยปราศจากความมั่นใจ
เสิ่นเสี่ยวซันถือว่ามีฐานะที่ไม่เลวนักในสำนักต้นไม้เหล็ก นางคือศิษย์เอกของสำนักต้นไม้เหล็ก นางสามารถได้รับทรัพยากรมากกว่าศิษย์คนอื่นๆ ในสำนักมากมายนัก หลายปีที่ผ่านมา เสิ่นเสี่ยวซันเองก็มีเงินเก็บเป็นของตนเองอยู่บ้าง สำหรับสำนักขนาดเล็กแล้วนางนับเป็นเศรษฐีณีคนหนึ่งได้เหมือนกัน
แน่นอนที่สุด ก็มีผู้บำเพ็ญตนที่ฐานะไม่สู้จะดีนักเข้ามายังร้านรับจำนำแห่งนี้ บรรดาผู้บำเพ็ญตนประเภทนี้ส่วนใหญ่จะนำเอาสิ่งที่อันเป็นสิ่งหวงแหนของตน หรือเป็นของล้ำค่าของบรรพบุรุษมาจำนำ
สินค้าที่มีอยู่ภายในร้านรับจำนำตระกูลฉีใช่ว่าทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นประเภทราคาสูงลิบลิ่ว ภายในร้านตระกูลฉีก็มีสินค้าทั่วไปเหมือนกัน เพียงแต่ผู้บำเพ็ญตนทั่วไป โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญตนที่มีชาติกำเนิดมาจากสำนักขนาดเล็ก เมื่อพวกเขามองเห็นร้านตระกูลฉีที่โอ่อ่าอลังการเช่นนี้แล้วก็ไม่กล้าเดินเข้าไป กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว สินค้าที่อยู่ภายในร้านหาใช่เป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถซื้อหาได้
เมื่อหลี่ชิเย่พาพวกของเสิ่นเสี่ยวซันเดินเข้ามายังร้านตระกูลฉีนั้น ได้ดึงดูดสายตาผู้คนจำนวนไม่น้อยที่จ้องมองมาทันที จะอย่างไรเสีย ไม่ว่าใครก็ดูรู้ว่าหลี่ชิเย่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่มีทักษะอ่อนด้อยจนสามารถมองข้ามไปได้เท่านั้นเอง ขณะที่พวกของเสิ่นเสี่ยวซัน ลูกค้าที่อยู่ภายในร้านสามารถมองออกว่าพวกเขาต้องมีชาติกำเนิดจากสำนักขนาดเล็ก
ลองนึกภาพดู อาศัยหลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง พาผู้บำเพ็ญตนสามคนที่มีชาติกำเนิดเป็นสำนักขนาดเล็กเดินเข้ามายังร้านตระกูลฉีที่เป็นสถานที่โอ่อ่าอลังการเช่นนี้ ย่อมสามารถสะดุดตาผู้คนอยู่แล้ว จะอย่างไรเสีย สถานที่แห่งนี้หาใช่สถานที่ที่พวกเขาสามารถมาจับจ่ายได้
ลูกค้าที่อยู่ภายในร้านแห่งนี้ มีจำนวนไม่น้อยที่เป็นระดับหัวหน้าพรรค และมีบางส่วนที่เป็นกษัตริย์แห่งแคว้น พวกเขาล้วนแล้วแต่ได้รับการปฏิบัติและต้อนรับด้วยมาตรฐานที่สูงส่ง!
ปรกติแล้ว พวกของสือโส่วคิดจะพบเห็นระดับหัวหน้าพรรค หรือกษัตริย์แห่งแคว้นนับว่ายากมาก เวลานี้ ถูกจ้องมองด้วยความสนใจจากยอดฝีมือของสำนักเจ้าลัทธิจำนวนมาก ทำให้พวกของสือโส่วบังเกิดความไม่มั่นใจ ทยอยกันก้มหน้าให้ต่ำลง
ในเวลานี้ พวกของสือโส่วก็คล้ายดั่งสาวเจ้าที่เพิ่งจะได้เคยนั่งเกี้ยวเป็นครั้งแรก พวกเขาเดินตามหลังหลี่ชิเย่ด้วยความอึดอัดยิ่งนัก มือทั้งสองข้างไม่รู้ว่าควรจะนำไปซุกไว้ตรงไหนดี
เทียบกันระหว่างหลี่ชิเย่ กับพวกของสือโส่วสามคนแล้ว ท่าทีของหลี่ชิเย่ดูเป็นอิสระยิ่งนัก ไม่รู้สึกวางตัวไม่ถูกแม้แต่น้อย เขาเหมือนเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านอย่างนั้น เดินเข้าไปในร้านตระกูลฉีอย่างเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ว่า บรรดแขกที่อยู่ภายในร้านหลังจากมองดูพวกของหลี่ชิเย่แล้ว ก็ขี้คร้านจะให้ความสนใจอีก ต่างทยอยกันยุ่งอยู่กับเรื่องของตน จะอย่างไรเสียกล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว คณะของหลี่ชิเย่เป็นเพียงคณะบุคคลที่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึงเท่านั้นเอง
ไม่ว่าในกระเป๋าของพวกหลี่ชิเย่จะมีเงินหรือไม่ และไม่สนใจว่าพวกเขาจะมีชาติกำเนิดเป็นสำนักขนาดเล็ก พนักงานขายในร้านยังคงให้การต้อนรับพวกของหลี่ชิเย่อย่างอบอุ่น
จะอย่างไรเสียพวกเขาเปิดประตูก็เพื่อทำการค้า กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ขอเพียงได้กำไรก็พอแล้ว
สำหรับพวกของเสิ่นเสี่ยวซันได้แต่เดินตามอยู่ข้างหลังของหลี่ชิเย่แต่โดยดี ไม่กล้าเดิมสุ่มสี่สุ่มห้า กระทั่งจะพูดจะจายังต้องระมัดระวังยิ่งนัก พวกเขาเพิ่งได้เคยมาสถานที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...