ขณะที่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนนั้นกลับดีกว่าเสียอีก ท่าทางไม่เกรงใจใคร เหมือนว่าก้าวเดินไปที่ใดก็คล้ายดั่งกำลังเดินเล่นในสวนหลังบ้านของตนเองอย่างนั้น เหมือนว่าเดินไปถึงไหนเขาก็มีท่าทีที่กร่างเช่นนี้
ทุกคนที่ได้เห็นล้วนแล้วแต่แปลกใจกับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาลักษณะเช่นนี้ เกรงว่าคงเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ยโสมากที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยพบเห็น
พนักงานภายในร้านนับว่ามีสายตาที่ร้ายกาจมาก พลันที่มองเห็นก็รู้ได้ทันทีว่า ลูกค้ากลุ่มนี้ต้องมีหลี่ชิเย่เป็นผู้นำอย่างแน่นอน
สิ่งนี้ได้สร้างความอึดอัดให้กับผู้เป็นพนักงานขายอยู่ไม่น้อย แม้ว่าผู้คนสามารถดูรู้ได้ทันทีว่าพวกของเสิ่นเสี่ยวซันมีชาติกำเนิดมาจากสำนักขนาดเล็ก แต่ชั่วดีอย่างไรพวกเขาก็คือผู้บำเพ็ญตน โดยเฉพาะสือโส่ว แม้ทักษะยุทธของเขาไม่นับว่าดีในหมู่มวลของผู้บำเพ็ญตน แต่ทว่า หากจะนับในกลุ่มของสำนักขนาดเล็กแล้ว ถือว่าเป็นบุคคลที่ใช้ได้อยู่
โดยปรกติแล้ว ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญตนที่มีชาติกำเนิดจากสำนักขนาดเล็กก็จะดูแคลนต่อมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ในสายตาของผู้บำเพ็ญตนมนุษย์ปุถุชนธรรมดาไม่ได้ต่างอะไรกับมดปลวกสักเท่าไร แต่เป็นไงล่ะพวกของสือโส่วสามคนนั่น พวกเขาเดินอยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่คล้ายดั่งผู้ติดตามอย่างนั้น ขณะที่หลี่ชิเย่ที่เดินกร่างนั่นจึงเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง
การรู้สึกอึดอัดของพนักงานขายในร้านก็ส่วนของการอึดอัด แต่ เขายังคงแสดงออกให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น เขาแนะนำต่อหลี่ชิเย่ว่า “ไม่ทราบว่าลูกค้าท่านนี้ต้องการอะไรรึ?”
“มามองหาว่าที่ตรงนี้ของพวกเจ้ามีของล้ำค่าอะไรที่เข้าตาข้าได้บ้าง” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวออกมาตามอารมณ์
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา แม้แต่พนักงานขายก็ตะลึง เกรงว่าคงเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ยโสที่สุด และพาลมากที่สุดเท่าที่เคยพบเห็นมาชั่วชีวิต มนุษย์ปุถุชนธรรมดาทั่วไปเมื่อมาเห็นสถานที่ลักษณะเช่นนี้แล้ว อย่าว่าแต่เดินเข้าไปในร้านเลย กระทั่งยืนอยู่หน้าร้านยังเข่าอ่อนได้
เอากับเขาสิสำหรับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ พลันเปิดปากก็เปี่ยมด้วยความอหังการ ถึงกับพูดออกมาว่า ที่ตรงนี้ของพวกเขามีของล้ำค่าอะไรที่เข้าตาเขาได้ เป็นที่ทราบกันดีว่า ร้านค้าแห่งนี้ของพวกเขามีตระกูลราชันฉีหลินอยู่เบื้องหลัง มีของล้ำค่าหายากเป็นจำนวนมากกระทั่งระดับหัวหน้าพรรคและกษัตริย์ผู้ครองแคว้นของสำนักและแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมากก็มาหาซื้อของล้ำค่าและแร่ศักดิ์สิทธิ์จากร้านของพวกเขา
แม้แต่กษัตริย์แห่งแคว้นยังไม่กล้าพูดจากโอหังว่าที่ตรงนี้ของพวกเขามีของล้ำค่าที่เข้าตาหรือไม่
เป็นไงหละกับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนที่อยู่ตรงหน้า พลันพูดออกมาก็ทำเอาแทบช็อก คำพูดที่โอหังเช่นนี้เป็นคำพูดโอหังและพาลที่สุดที่ผู้เป็นพนักงานขายเคยได้ยินมาชั่วชีวิต
พวกของเสิ่นเสี่ยวซันถึงกับกลัวด้วยความหวาดระแวงขณะที่หลี่ชิเย่พูดคำพูดที่โอหังและพาลออกมา โดยเฉพาะเสิ่นเสี่ยวซันนั้นถึงกับมีเหงื่อซึมออกมาจากฝ่ามือ เนื่องจากนางรู้ว่าในกระเป๋าคุณชายไม่มีศิลาขมุกขมัวเลยแม้แต่เม็ดเดียว
ลองคิดดู คนที่ไม่มีเงินแม้แต่นิดเดียวอย่างหลี่ชิเย่ ถึงกับกล่าววาจาสามหาวแล้วจะไม่ให้เสิ่นเสี่ยวซันต้องหวาดกลัวได้อย่างไร เกิดผู้อื่นรู้ว่าคุณชายไม่มีเงินแม้แต่นิดเดียว มิเป็นที่ขบขันกันรึ เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาคงต้องมุดเข้าไปอยู่ในรูก็แล้วกัน
แต่ว่า พนักงานขายในร้านนับว่าผ่านโลกมาแล้ว แขกประเภทไหนที่เขาไม่เคยพบมาก่อน ดังนั้น เขาเพียงยิ้มนิดหนึ่ง และพาหลี่ชิเย่ไปถึงตู้ๆ หนึ่ง แนะนะของล้ำค่าชิ้นหนึ่งว่า “ลูกค้าคิดว่าของล้ำค่าชิ้นนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
“เสื้อขนซวนหนี (ซวนหนีเป็นลูกมังกรตัวที่แปดในตำนาน) เป็นเสื้อเกราะคุ้มกายเดินทองระดับกษัตราสัจธรรม สวมเสื้อเกราะตัวนี้แล้วรับรองว่าลูกค้าจะมีความปลอดภัยยิ่งนัก ที่สำคัญก็คือ เสื้อเกราะตัวนี้มีสรรพคุณด้านการป้องกัน ต่อให้พลังลมปราณไม่แข็งแกร่งพอ กลิ่นอายขมุกขมัวอ่อนเกินไปก็ไม่เป็นปัญหา” พนักงานขายในร้านอธิบายอย่างละเอียดให้กับหลี่ชิเย่
พวกเสิ่นเสี่ยวซันที่ติดตามหลี่ชิเย่อยู่ด้านหลังเมื่อได้เห็นเสื้อเกราะตัวนี้พลันถูกดึงดูดเอาไว้ แม้แต่เฮ่อเฉินยังต้องอ้าปากค้าง ในสำนักต้นไม้เหล็กของพวกเขาก็มีอาวุธระดับกษัตราสัจธรรมอยู่ชิ้นหนึ่ง และอาวุธชิ้นนี้ก็คืออาวุธที่ทรงพลังมากที่สุดของสำนัก ขณะเดียวกันก็เป็นอาวุธระดับกษัตราสัจธรรมเพียงชิ้นเดียวของสำนักต้นไม้เหล็กพวกเขา
อาวุธชิ้นนี้อยู่ในมือของอาจารย์พวกเขา แน่นอน ในฐานะเจ้าสำนักต้นไม้เหล็ก ซ้ำยังเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนัก เถี่ยซู่องมีสิทธิ์ครอบครองอาวุธระดับกษัตราสัจธรรมนี้โดยแท้จริง
เสื้อเกราะลักษณะเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นเสิ่นเสี่ยวซัน และหรือสือโส่วกับเฮ่อเฉินล้วนแล้วแต่ชื่นชอบเมื่อได้เห็น ถ้าหากพวกเขาสามารถได้อาวุธระดับกษัตราสัจธรรมมาครอบครองสักชิ้นหนึ่งก็พึงพอใจเป็นที่สุดแล้ว ส่วนที่ว่าคุณภาพเป็นเช่นใดนั้น ไม่ได้มีความสำคัญแต่อย่างใดแล้ว
สำหรับหลี่ชิเย่แล้ว อาวุธระดับเช่นนี้เขาขี้คร้านจะมองดูสักครั้งด้วยซ้ำ กล่าวว่า “ช่างเถอะ มีของล้ำค่าที่เป็นระดับของล้ำค่าประจำร้านอะไรบ้างช่วยแนะนำให้หน่อย”
พลันที่หลี่ชิเย่กล่าวคำๆ นี้ออกไป แม้แต่พวกของเสิ่นเสี่ยวซันสามคนยังต้องอ้าปากค้างทันที พวกเขาต่างงงงันอยู่ตรงนั้น แม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีว่าหลี่ชิเย่นั้นอหังการมาก แต่ไม่นึกว่าจะอหังการถึงขั้นนี้
แม้แต่พนักงานขายที่คอยให้บริการก็ต้องยืนเซ่ออยู่ตรงนั้น เขาเองก็งงงันเหมือนกัน นี่คือผู้ที่อหังการ และยโสมากที่สุดเท่าที่เขาได้เคยพบเห็นมาชั่วชีวิต!
เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น อ้าปากก็จะเอาของล้ำค่าประจำร้านของพวกเขา มันช่างยโสเพียงใด และอหังการเช่นใด อย่าว่าแต่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเลย ต่อให้เป็นกษัตริย์แห่งแคว้น หรือหัวหน้าพรรค เมื่อมาถึงร้านของพวกเขาก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอดูของล้ำค่าประจำร้านของพวกเขา
เป็นที่ทราบกันดี ของล้ำค่าหลายๆ ชิ้นในร้านกระทั่งกษัตริย์แห่งแคว้น หรือหัวหน้าพรรคก็ไม่มีปัญญาซื้อ
เป็นไงล่ะเวลานี้ แค่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งแท้ๆ กลับเอ่ยปากต้องการดูของล้ำค่าประจำร้านของพวกเขา เขาไม่เคยพบเจอมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเช่นนี้มาก่อน เวลานี้ ตัวพนักงานขายไม่สามารถบรรยายจิตใจของตนในเวลานี้ด้วยตัวอักษรอีกแล้ว
ผู้บำเพ็ญตนและยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในร้านเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่แล้ว พวกเขาอดที่จะจ้องมองดูหลี่ชิเย่หลายครั้ง ต่างรู้สึกว่ามนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ชื่อหลี่ชิเย่คนนี้ยโสเหลือเกิน
“ทายาทเศรษฐีมาจากไหนกัน ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ” ผู้บำเพ็ญตนบางคนถึงกับส่ายหัวและกล่าวเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...